|
ดิฉันพอให้ข้อมูล "ลูกเรือ ล็อบบี้ยิสต์" ได้
JD ลูกเรือ นิยามนี้กว้างมากนะ เพราะแยกได้ตั้งแต่ ลูกเรือสายการบิน ลูกเรือเดินสมุทร ลูกเรือเรือโดยสาร และรถไฟเดินทาง(จะเห็นมากแถบยุโรป)
ลักษณะงาน : ดูแลเรื่องความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร ,ดูแลเรื่องความสะดวกสบายในระหว่างการเดินทาง ส่วนรายละเอียดลงลึกของลูกเรือนั้น ขึ้นอยู่กับลูกเรือกลุ่มประเภทใด เช่น ลูกเรือสายการบิน ลูกเรือเดินสมุทร เพราะลูกเรือเหล่านี้การอบรมเรื่องความปลอดภัยแตกต่างกัน แต่เรื่องบริการอาจไม่ต่างกันมากนัก แต่ถ้าเป็น Trian Crew คือลูกเรือรถไฟ ลักษณะงานจะแตกต่างกับงานสายการบิน เป็นต้นว่า ต้องทำรายงานเรื่องการซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ชำรุด, ต้องทราบเรื่องตารางการเดินทางของรถไฟจากสถานีนี้ไปยังเมืองอื่น ๆ , บางคนต้องรัดกระเป๋าโดยสารของผดส.ด้วยนะ เวลาผดส.เรียกให้ช่วย
สถานที่ : สายการบิน ,เรือโดยสาร,เรือสำราญ, รถไฟ
การศึกษา : ระดับประกาศนียบัตร ขึ้นไป โดยศึกษาได้ที โรงเรียนสอนการบินและการโรงแรม เป็นต้น หรือ ต่างประเทศจะมีแยกสอนต่างหาก รถไฟ เรือโดยสาร คือพวก Cruise Ship Hospitality Management
......................
JD ล็อบบี้ยิสต์
อาชีพนี้ดิฉันเคยสมัครเข้าไปในบริษัทล็อบบี้ยิสต์ค่ะ บริษัทแห่งหนึ่งที่อังกฤษ แต่ปรากฎว่าได้งานองค์กรอื่นใกล้บ้านไปแทน
คนที่เป็นล็อบบี้ยิสต์นั้น ตามที่ทุกคนเห็นในหนังนั้น เป็นล็อบบี้ยิสต์อิสระ ทำงานแบบเดี่ยว ส่วนมืออาชีพที่นักการเมืองทั่วโลกและพรรคการเมืองให้ความไว้วางใจ และกระทำโดยถูกต้องตามกฎหมายนั้น นิยมทำผ่านทางบริษัท ซึ่งปกติแล้วจะไม่มีบริษัทใดจดทะเบียนบ่งบอกว่า"ฉันเป็นล็อบบี้ยิสต์ หรือนักเจรจาต่อรอง" บริษัทเหล่านี้จะเข้ามาอยู่ในรูปของการจดทะเบียนแบบสำนักงานกฎหมายระหว่างประเทศ ,บริษัทประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ตัวบุคคล ,บริษัทที่ปรึกษาอิสระ(รวมเรืองการเมือง การค้า การต่างประเทศ และกฎหมาย) หรือแม้กระทั้งบริษัท NGO บางกลุ่มเป็นล็อบบี้ยิสต์ได้เช่นกัน
การทำ Lobbying นั้นมาจาก หลังหรือก่อนการประชุมใด ๆ จะเกิดขึ้น จะมีการพูดคุยหารือ ซึ่งสามาถกระทำได้ตั้งแต่ การนัดแนะ การต่อรอง การสัญญา เพื่อกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งมาจากต้นกำเนิดจากการประชุมสภาทั้งสภาสูงและสภาล่างในประเทศที่เป็นมหาอำนาจ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และกลุ่มประเทศยุโรป นิยมทำกันเพื่อเจรจาขอเสียงโหวต ขอคะแนน เพิ่มข้อมูล รวมถึงการแก้ต่างให้กัน
ลักษณะงาน : การโปรโมทตำแหน่งของลูกค้า เช่น ตำแหน่งในทางการเมือง และการเปลี่ยนทัศนคติ ภาพลักษณ์บุคคล หรือองค์กร เป็นงานพื้นฐานของนักล็อบบี้ยิสต์ แต่เมื่อการแข่งขันในงานการเมืองมีเพิ่มมากขึ้น นักล็อบบี้จึงกลายเป็นนักเจรจาชั้นยอดในการ เข้าถึงเป้าหมายของลูกค้า ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวมักจะได้มาด้วยการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว การช่วยเหลือ เครือข่าย และผลประโยชน์ร่วมกัน จะด้วยเงินทุนหรือตำแหน่งอันทรงเกียรติก็ได้
ซึ่งในปัจจุบันมันก้าวข้ามไปมากกว่านั้น คือกลายเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาระหว่างประเทศ เช่น การแก้ต่าง การค้าอาวุธ ก็ได้ เพราะทุกอาชีพที่พัวพันกับรัฐบาลสามารถเป็นนักล็อบบี้ยิสต์โดยไม่รู้ตัว ดังนี้
-นักแก้ต่าง คือนักกฎหมาย ทนายความ
-การค้าอาวุธ คือนักธุรกิจเอกชนที่สามารถติดต่อซื้อขายอาวุธจากต่างประเทศในราคาถูก แล้วมาขายให้กับรัฐในราคาที่ทำกำไร หรือแลกเปลี่ยนสินค้ากันตามตกลง อาจจะจ่ายเป็นเงิน หรือจ่ายเป็นโอกาสหรือสิทธิพิเศษที่ได้กลับมา คือ การอำนวยความสะดวกเรื่องภาษีก็เป็นได้
-นักประชาสัมพันธ์ ที่ประเทศไทยเรามีนักประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ตัวบุคคลที่มีชื่อเสียงมาก ท่านทำงานให้กับนักการเมืองท่านหนึ่ง ด้วยการดูแลเรื่องการวางตัว การให้สัมภาษณ์ การสร้างผลงานในทางสาธารณะ นักประชาสัมพันธ์ที่ดูแลตรงนี้ มักจะไม่ดูแลเรื่องงานการเมือง จะดูแลแค่เพียงภาพลักษณ์ภายนอกโดยรวมทั้งหมด เช่น การแต่งตัว การให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน การปรากฎตัว การกล่าวสุนทรพจน์ การสร้างพื้นที่ในการเป็นข่าว การออกงาน รวมไปถึงการรณรงค์หาเสียง ..เป็นต้น ภาษาเล่น ๆ เรียก "นักประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ตับุคคล"ว่า spin doctor
สถานที่ : พรรคการเมือง , บริษัทที่ปรึกษาอิสระ ,บริษัทประชาสัมพันธ์
การศึกษา : ต่ำสุดปริญญาตรี สูงสุดปริญญาเอก แต่ปัจจุบัน ป.โทอย่างต่ำในบางแห่ง สาขาที่จบ รัฐศาสตร์ ,นิติศาสตร์(กฎหมายระหว่างประเทศจะได้เปรียบ),นิเทศศาสตร์,บริหาร เป็นสาขาที่จะได้เปรียบในการพิจารณามากกว่า
ปล.อาชีพนี้ในเมืองไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับและแพร่หลาย เพราะต้องใช้เงินทุนค่อนข้างสูง และตัวนักการเมืองบ้านเรา จะนิยมใช้คอนเนคชั่นด้วยกันเองมากกว่า หาคนมาทำหน้าที่นี้
ลักษณะพิเศษ : - คนที่ทำอาชีพนี้ต้องตื่นตัว และกระตือรือร้นมาก ๆ ต้องคุยเก่ง มีชั้นเชิงวาทศิลป์อย่างมาก ชีวิตค่อนข้างวุ่นวายทีเดียว - ต้องมีคอนเนคชั่นรอบตัว - ต้องเข้าหามวลชนเป็น - การทำอาชีพนี้สามารถทำอิสระแบบเดี่ยวได้ ต้องเป็นคนที่ชม.บินสูง เขาก็จะเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าได้เร็ว ส่วนบริษัทนั้นต้องทำงานแบบ team work มีการแบ่งงานระหว่างกัน จะไม่มีการติดต่อโดยตรงกับลูกค้าหรือใกล้ชิดกับลูกค้าเท่าใด
.............
จากคุณ |
:
มาดามพันชั่ง
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ม.ค. 54 14:05:01
|
|
|
|
|