อรุณ สีบุญเรือง กับ ดร.ป๋วย และ ธรรมศาสตร์
|
 |
หากเอ่ยชื่อ "ป๋ารุณ สีบุญเรือง วัดไทย" ที่นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา คนไทยที่นั่นเป็นต้องร้อง "อ๋อ" อย่างรู้จักกันดี ไม่เพียงเพราะเป็นคนไทยรุ่นแรกๆที่ไปตั้งรกรากที่นั่น แต่ "ป๋ารุณ" ยังเป็นผู้กว้างขวางและขึ้นชื่อในเรื่องการช่วยเหลือสังคมไทย และคนไทยที่หวังไปขุดทองในดินแดนมะกัน!!
การทำงานช่วยเหลือพี่น้อง ไทยในต่างแดน ของ "ป๋ารุณ" ที่ภูมิใจจนกลายเป็นฉายาเรียกขานในหมู่คนไทยในแอลเอ ว่า "ป๋ารุณ วัดไทย" มาจากการเป็นผู้บุกเบิกสร้าง "วัดไทย" ในนครลอสแอนเจลิส เมื่อ 45 ปีก่อน ทำให้คนไทยมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และยังเป็นการเผยแผ่พุทธศาสนา ซึ่งวัดแห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยในลอสแอนเจลิสและชาวต่างชาติ ที่นับถือพุทธศาสนาอีกด้วย
ในวัย 97 ปี ของ "ป๋ารุณ" ณ วันนี้ ยังคงสร้างชื่อให้คนไทยไม่จบสิ้น ด้วยการได้รับคัดเลือกให้เป็นนักแสดงประกอบในภาพยนตร์ ฮอลลีวูดอันโด่งดัง ในเรื่อง "Hangover II" ภาพยนตร์ภาคต่อที่มี "บิลล์ คลินตัน" อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมแสดงด้วยเช่นกัน และในโอกาสที่กองถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังนี้มาถ่ายทำในประเทศไทย เมื่อช่วงเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา "ทีมข่าวหน้าสตรี" จึงมีโอกาสไปทำ ความรู้จัก "อรุณ สีบุญเรือง" บุรุษอาวุโสที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ แม้จะยืนหยัดอยู่ในโลกใบนี้มาจะครบศตวรรษแล้ว
ป๋ารุณมาร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างไรคะ
"ผม ไม่เคยเล่นหนังมาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรก ทางตัวแทนบริษัท Warner Brothers เขาอยากได้ ตัวประกอบแสดงเป็นพระสงฆ์ เขาเลยมาติดต่อที่วัดไทย ทางวัดไทยเลยเรียกผมให้มาคุยกับเขา ซึ่งเขาก็ได้สัมภาษณ์ แล้วถ่ายรูปผมไปให้ทางบริษัทดู บริษัทเห็นแล้วชอบใจ บอกว่าผมเหมาะสม เขาเลยมารับไปโรงถ่าย แล้วคุยกันนิดหน่อย เขาก็รับเลย แต่ก่อนเล่น เขาต้องเช็กร่างกายผมก่อนว่าแข็งแรงพอไหม พอตรวจแล้วหมอบอกว่า ผมแข็งแรงมาก ผมเลยได้มาเล่นเป็นพระอาพาธ ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอด เครื่องแต่งกายของพระไม่เหมือนพระไทย แต่ออกไปทางพระจีน ไม่มีบทพูดอะไร มีแต่ให้หัวเราะ ให้ยิ้ม ออกท่าทางยกมือยกไม้ ซึ่งถ่ายทำที่แอลเอประมาณ 2 อาทิตย์ เวลาเข้าฉากต้องนั่งอยู่บนรถเข็นเป็นชั่วโมงๆ ทรมานเหมือนกัน จากนั้นเขาบอกว่าจะมาถ่ายที่เมืองไทย ผมก็สนับสนุนบอกเขาว่า มาถ่ายที่เมืองไทยเถอะ มีที่ถ่ายดีๆเยอะ และมันเป็นของจริง ดีใจที่เขามาถ่ายทำที่เมืองไทย เพราะเป็นการเอาเงินมาทุ่มให้ คนไทยมีงานทำ มาถ่ายทำอยู่ 2-3 อาทิตย์ เขาต้องจ่ายหมด" ป๋ารุณเล่า อย่างสนุกสนาน ไม่มีติดขัด
กับทีมงานฮอลลีวูด
ป๋ารุณ ดูแข็งแรงมาก และยังมีความจำเป็นเลิศ มียาดีอะไรคะ
"ผม เป็นนัก กีฬาครับ ผมเป็นแชมป์เทนนิสประเทศ ไทย 10 ปี ตอนนั้น "ภราดร" ยังไม่เกิดเลย (หัวเราะ) และยังเป็นแชมป์ของแคลิฟอร์เนีย เมื่อตอนอายุ 70, 75, 80, 85 และ 90 ด้วย แต่ตอนหลังต้องผ่าหัวเข่าทั้ง 2 ข้าง เลยต้องหยุดเล่น"
ป๋ารุณย้อนเล่าชีวิตวัยเด็กให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ
"ผม เกิดแถวสีลม มีพี่น้อง 4 คน เป็นผู้ชายหมด ผมเป็นลูกคนโต ตอนนี้เหลือน้องคนที่ 3 กับผมเท่านั้น ตอนเด็กผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ รุ่นเดียวกับ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ "ดร.ป๋วย" เขาเลือกเรียนวิชาฝรั่งเศส ผมเลือกเรียนภาษาอังกฤษ ห้องเรียนเราติดกัน เลยเป็นเพื่อนกันมาตลอด พอจบ "ดร.ป๋วย" เขาเลือกไปเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผมก็ตามมาเข้าธรรมศาสตร์เช่นกัน เราเป็นธรรมศาสตร์รุ่นแรก ตอนนั้นเปิดรับประมาณ 6 พันกว่าคน เลขประจำตัวผม 3 พันกว่าเอง อาจารย์ที่สอนผมมีทั้งอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์, ดร.จี๊ด เศรษฐบุตร ตอนนั้นเราเรียนรวม ไม่มีการแบ่งคณะ จนกระทั่งธรรมศาสตร์ย้ายมาที่ท่าพระจันทร์ สมัยนั้นผมเกเร เอาตำราไปดู เรียนมั่งไม่เรียนมั่ง ชอบไปเล่นเทนนิส เลยเรียนไม่จบ ขาดไป 2 วิชา ผมเป็นธรรมศาสตร์รุ่นแรกที่ยังมีชีวิตอยู่ ตอนธรรมศาสตร์เขาฉลองครบรอบ 70 ปี เมื่อหลายปีก่อน เขายังเชิญผมมาร่วมงานด้วยเลย"
ชีวิตวัยเด็กกับเพื่อนอย่าง "ดร.ป๋วย" เป็นอย่างไรบ้างคะ
"ผม ชอบกีฬา ตอนเรียนที่อัสสัมฯ เวลาเบรกผมจะเล่นกีฬา "ดร.ป๋วย" แกจะนั่งอ่านหนังสือ แกไม่วิ่งเล่นอย่างผม ผมวิ่งเล่นเตะลูกบอล ลูกหิน "ดร.ป๋วย" แกเป็นคนจีเนียส กีฬาไม่ชอบ เรียนอย่างเดียว แล้วสอบได้ที่ 1 มาตลอด เรียนเก่งมาก ตอนจบธรรมศาสตร์ก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศส ตอนเรียนธรรมศาสตร์ บอกใครว่าเรียนรุ่นเดียวกับ "ดร.ป๋วย" ใครรู้จักหมด ผมกับเขาสนิทกันมาก มึ.. กู กันเลย ผมเรียกเขาว่า "ไอ้ป๋วย" เขาเรียกผมว่า "ไอ้รุณ" ตอนเขาอยู่แบงก์ชาติก็ช่วยเหลือผมมาก เขาเป็นคนดี ดีเกินไป ตอนที่เขาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ผมอยู่ที่อเมริกา พอมีงานธรรมศาสตร์ เขาก็จะเขียนจดหมายมา จดหมายฉบับสุดท้ายเขียนลายมือเขา ยังเอามาลงบทความในหนังสือธรรมศาสตร์เลย"
แล้วชีวิตที่เมืองไทยก่อนย้ายไปตั้งรกรากที่สหรัฐอเมริกา เป็นอย่างไรคะ
"ผม ทำมาหลายอย่าง เคยเป็นทั้งผู้จัดการลีลาศ สมัยก่อนสังคมไฮโซไทยชอบเต้นลีลาศกัน ทางภัตตาคารหยาดฟ้า ร้านดังสมัยก่อน เลยจัดลีลาศไว้ชั้นบน และเขาเห็นผมเป็นแชมป์ลีลาศ เลยได้มาเป็นผู้จัดการลีลาศ สมัยก่อนจะมีการจัดงานลีลาศที่สวนอัมพร ทุกวันเสาร์ ผมได้แชมป์เต้นรำบอลรูม ด้วยความเป็นแชมป์เลยได้มาเป็นกรรมการลีลาศประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ ผมยังเป็นแชมป์แบดมินตัน แต่เล่นแบดมินตันแล้วเหนื่อยจนใจจะขาด ผมเลยหันมาเล่นเทนนิส ซึ่งเป็นเองไม่มีใครสอน จนได้เป็นแชมป์เทนนิส ส่วนด้านธุรกิจ ผมเป็นคนแรกที่ทำอาบอบนวด ลงทุนร่วมกับเพื่อนๆเปิดอาบอบนวดที่แถวสะพานช้าง แต่ด้วยความที่ต้องอยู่เวร ตี 1 ตี 2 ผมไม่ไหว เพราะผมต้องซ้อมเทนนิส เลยขายหุ้น ส่วนงานประจำเป็นผู้จัดการขายรถยนต์ ให้บริษัทดีทแฮล์ม บริษัทนี้ใหญ่มาก ผมเริ่มจากเป็นเสมียน ทำงานจนได้เป็นผู้จัดการใหญ่แผนกขายรถยนต์ ทำมา 35 ปี ก็ลาออก เพราะไปอเมริกานี่แหละ"
ชีวิตที่เมืองไทยน่าสนุก แล้วทำไมถึงคิดไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาล่ะคะ
"ตอน ไปตั้งรกรากที่อเมริกา ผมอายุ 45 ปีแล้ว ตอนนั้นผมได้รับทุนไปดูงาน แล้วมาคิดว่าอยู่ที่เมืองไทยคงตาย เพราะผมชอบเที่ยว กินเหล้า เพลย์บอย ไปอยู่อเมริกา เพื่อนฝูงน้อย ไม่มีใครมาชวนเราไปเที่ยวไหน น่าจะได้ทำงานเก็บเงินดีกว่า จากวันนั้นถึงวันนี้ที่ผมอยู่อเมริกา 60 ปี แล้วครับ รุ่นผมที่ไปอยู่ๆกัน ตายกันหมด ไม่มีใครเหลือแล้ว"
ป๋ารุณไปสหรัฐฯได้อย่างไรล่ะคะ
"เพราะ ผมเป็นแชมป์เทนนิสนั่นแหละ แล้วก็ได้เล่นเทนนิสกับท่านทูตอเมริกัน ซึ่งชอบเล่นเทนนิสมาก ผมเล่นกับท่านมา 3-4 ปี ท่านชอบผมมาก เลยถามว่าอยากไปอเมริกาไหม ผมก็บอกว่า ไม่มีปัญญาหรอก ต่อจากนั้นไม่กี่เดือนมีจดหมายเชิญไปดูงานที่อเมริกา เพราะท่านทูตท่านนี้เป็นคนเชิญไปดูงานเกี่ยวกับเทนนิส ซึ่งผมจะไปดูงานที่ไหนก็ได้ ผมได้ไปดูทั้งทางเหนือ ทางใต้ สุดท้ายผมมาชอบที่ลอสแอนเจลิส เพราะอากาศไม่หนาวมาก เลย กลับมาเมืองไทย มาขอวีซ่าแล้วกลับไปอีก อยู่ยาวจนปัจจุบัน"
ชีวิตคนไทยในต่างแดนของป๋ารุณเป็นอย่างไรคะ
"ที แรกผมไปเปิดร้านขายอาหารชื่อเทพรส ทำอยู่ 3-4 ร้าน สมัยนั้นยังไม่มีร้านอาหารไทยมากเหมือนตอนนี้ ทำมา 20 ปี จึงเลิก เพราะทำไม่ไหว เหนื่อยเหลือเกิน สุดท้ายก็ขายหมด แล้วกลับมาเล่นเทนนิสอย่างเดียว"
แล้วชีวิตครอบครัวล่ะคะ
"ผม มีภรรยา 3 คน คนแรกเลิกกับผม เพราะผมไม่กลับบ้าน ผมเที่ยว ส่วนคนที่ 2 อยู่ด้วยกัน 15 ปี จนกระทั่งเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ผมมีลูก 2 คนจากภรรยาแรกๆ แล้วมาแต่งงานกับภรรยาคนที่ 3 เขาเป็นนางพยาบาล ตอนแต่งงานเขาอายุ 30 ปี ผมอายุ 70 ปี เราห่างกัน 40 ปี แต่เราอยู่อย่างมีความสุขมาก มีลูกด้วยกัน 3 คน ผมคิดว่าภรรยาคนนี้เขาได้ช่วยชีวิตผมแยะ ผมเจ็บป่วยเขาจะดูแลอย่างใกล้ชิด อย่างผ่าตัดหัวเข่าเดินไม่ได้ 2 อาทิตย์ เขาจะอุ้มผมไปห้องน้ำ ผมโชคดีมากที่ได้ภรรยาที่ดี"
ป๋ารุณ กับครอบครัว ...
ชีวิตที่ผ่านมา ป๋ารุณภูมิใจที่อะไรมากที่สุดคะ
"ผมภูมิใจที่ได้เป็นคนไทย เราเป็นคนไทย จะทำอะไรต้องนึกถึง อย่าทำอะไรให้เสียชื่อคนไทย"
แล้วหลักในการใช้ชีวิตที่ทำให้ป๋ารุณมีความสุขจนทุกวันนี้ล่ะคะ
"ผม ถือว่าคนเราอยู่ในโลกนี้ ถ้ามีโอกาสช่วยสังคม ช่วยบ้านเมืองได้ ให้ช่วยไปเท่าที่เราจะทำได้ ช่วยมากช่วยน้อยว่ากันไป อย่าทอดทิ้งกัน คนไทยเราต้องรักกัน อย่าเห็นแก่ตัว และผมถือคำสั่งสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง อันนี้สำคัญมาก ผมถือว่าคนเราพอมีพอกิน มีความสุขก็พอแล้ว อย่าเป็นหนี้สิน มีเหลือก็ช่วยสังคม ทำบุญทำทาน ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้"
ด้วยแนวคิดและการปฏิบัติตนของ "ป๋ารุณ" เช่นนี้ เลยทำให้ได้รับการยกย่องและเป็นที่เคารพของคนไทยในต่างแดนนั่นเอง!
ทีมข่าวหน้าสตรี
http://www.thairath.co.th/content/life/141655
จากคุณ |
:
หมาป่าดำ
|
เขียนเมื่อ |
:
วันครูแห่งชาติ 54 19:36:23
|
|
|
|