ท่านใดเก่งภาษาอังกฤษช่วยแปลบทความนี้ทีค่ะ
|
 |
พอดีเราต้องทำโบรชัวร์ แผ่นพับ เป็นภาษาอังกฤษ แต่เราไม่เก่งภาษาเอาเสียเลย รบกวนท่านผู้รู้ช่วยแปลเป็นอังกฤษให้หน่อยค่ะ จะเป็นพระคุณอย่างสูง ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
เป็นข้อมูลของประเทศฝรั่งเศสค่ะ ข้อมูลตรงไหนผิดพลาดแก้ให้ถูกได้เลยนะคะ 1.location(where is it?)and weather(what's the weather like?) location เป็นประเทศที่มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก เป็นแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จนถึงช่องแคบอังกฤษและทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก มีพื้นที่ 550,000 ตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก ทั้งยังมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่กินอาณาบริเวณกว้างขวางอีกด้วย ภูมิอากาศ ทางภาคเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือมีสภาพภูมิอากาศเขตอบอุ่น ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้มีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ภาคตะวันตกส่วนมากจะมีปริมาณน้ำฝนสูง ฤดูหนาวไม่มากและฤดูร้อนเย็นสบาย ภายในประเทศภูมิอากาศจะเปลี่ยนไปทางภาคพื้นทวีปยุโรป อากาศร้อน มีมรสุมในฤดูร้อน ฤดูหนาวหนาวกว่าเดิมและมีฝนตกน้อย ส่วนภูมิอากาศเทือกเขาแอลป์และแถบบริเวณเทือกเขาอื่น ๆ ส่วนมากมักจะมีภูมิอากาศแถบเทือกเขา ด้วยอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งกว่า 150 วันต่อปี และปกคลุมด้วยหิมะกว่า 6 เดือน
2.Capital city (what's the capital city? what's it like?) ปารีสเป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส บนใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์ ภายในกรุงปารีสมีประชากรประมาณ 2,167,994 คน ปัจจุบันกรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัย และด้วยอิทธิพลของการเมือง การศึกษา บันเทิง สื่อ แฟชั่น วิทยาศาสตร์และศิลปะ ทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
3.National stereotype(what are the people like?) วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีเสรีทางด้านความคิดและคำพูด ชอบที่จะเป็นผู้นำ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของชาวฝรั่งเศสที่แตกต่างจากชนชาติอื่นๆในทวีปยุโรป นิสัยคนฝรั่งเศสนั้นเป็นคนง่ายๆ ไม่เคร่งเครียดหรือวินัยจัด ไม่มากเรื่องหรือดูถูกคน ไม่ได้โกลาหลแบบไร้ระเบียบ และก็มีวัฒนธรรมที่งามซึ่งให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ และไม่ค่อยมีปัญหาก่อการร้ายเหมือนหลายๆประเทศ ไม่เหยียดสีผิวหรือเชื้อชาติจนเป็นปัญหา ค่าครองชีพก็ไม่สูงนักถ้าเทียบกับเมืองฝรั่งอื่นๆ ค่าเล่าเรียนถูกเหมือนได้เปล่า มีสวัสดิการดีที่ไม่แบ่งว่าเป็นคนฝรั่งเศสหรือคนต่างชาติ แต่ที่แปลกคือคนฝรั่งเศสจะไม่อยากคุยกับคนต่างชาติที่ไม่พูดภาษาฝรั่งเศส ดังนั้นถ้าคุณพูดภาษาฝรั่งเศสได้ เขาจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
4.Top tree holiday destination+reasons+activities (what are the top three places to visit? why are they interesting? what are some fun activities to do there?) ฝรั่งเศส นับเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุดในโลก และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในทุกๆ บรรยากาศ ไม่ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ, สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสถาปัตยกรรม, สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ฯลฯ สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในฝรั่งเศส เช่น หอไอเฟล, พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, พระราชวังแวร์ซายส์, พิพิธภัณฑ์ออร์เซ, ประตูชัยฝรั่งเศส ฯลฯ แนะนำให้ไปช่วงปีใหม่ คริสมาส จะดีมาก เพราะตามสถานที่ต่างๆจะประดับไฟสวยงาม แต่คนค่อนข้างเยอะสักหน่อย และควรไปวันธรรมดา จันทร์ถึงศุกร์ เพราะช่วงเสาร์ อาทิตย์ เขาถือเป็นวันหยุด ร้านสินค้าต่างๆจะปิดหมดไม่มีอะไรให้ซื้อ
5.cultural aspects 5.1meeting and greeting people วิธีการทักทายของชาวฝรั่งเศสก็เป็นอย่างหนึ่งที่ชาวเอเชียอาจรู้สึกไม่ชิน นอกจากการจับมือแล้ว การจูบกันด้วยแก้มทั้งสองข้างก็เป็นทักทายเช่นกัน หากเป็นเพื่อนสนิทจะจูบแก้มกันสามครั้งขึ้นไป แล้วแต่ธรรมเนียมของแคว้นนั้นๆ หากไม่สามารถจูบแก้มกันได้จริงๆ ชาวฝรั่งเศสก็มีสำนวนที่ใช้ลงท้ายจดหมาย อีเมล หรือใช้พูดก่อนวางโทรศัพท์ คือ " je tembrasse " อ่านว่า เชอ ตอม บราส แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า I kiss you. เท่านี้ก็เปรียบเสมือนได้จูบแก้มกันระหว่างเพื่อน คนสนิท หรือคนรักก็ได้ ประโยคนี้ใช้ได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยต้องคำนึงถึงระดับความสนิทสนมเป็นสำคัญ ทั้งนี้ชาวฝรั่งเศสมีระดับของภาษาที่ชัดเจนมาก การใช้ภาษาระหว่างผู้สนทนาที่ไม่รู้จักกันมาก่อนจึงเป็นเรื่องที่ควรระมัดระวัง เพื่อแสดงความสุภาพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน จริงๆแล้ว ภาษาฝรั่งเศสไม่ได้ยากอย่างที่คิด
5.2dining etiquette คนฝรั่งเศสกินอาหารแบบเรียงตามลำดับหรือคอร์ส จบไปทีละคอร์ส ไม่วางอาหารทุกอย่างบนโต๊ะแล้วนั่งล้อมวงกันกินเหมือนคนไทยและคนอเมริกัน โดยทั่วไปจะมี 3 คอร์สคือ entré, plate principal และ cheese course หรือ dessert ถ้าเสิร์ฟแบบเต็มยศก็เพิ่มอีกสามเป็น 6 คอร์สโดยเริ่มจาก aperitif หรือออร์เดิร์ฟ แล้วเป็น entré ซึ่งมักจะเป็นซุป ตามด้วยอาหารจานหลักที่เป็นเนื้อสัตว์ ต่อด้วยสลัดแล้วตามด้วยเนยแข็งสารพัดชนิด ปิดท้ายด้วยของหวานหรือผลไม้พร้อมกับกาแฟ ส่วนขนมปัง ไวน์ และน้ำแร่จะมีเสิร์ฟตลอดเวลาที่กินอาหาร คนฝรั่งเศสใช้มีดและส้อมในการกินอาหารเกือบทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งเฟร้นฟรายส์ โดยถือมีดด้วยมือขวา และมือซ้ายถือส้อม ไม่มีการเปลี่ยนมือไปมาเหมือนคนอเมริกัน มารยาทอีกอย่างที่ไม่เหมือนใครคือ การวางมือบนโต๊ะอาหาร ที่ผ่านมาเราถูกสอนว่าไม่ให้เอาศอกวางบนโต๊ะอาหาร และถ้าไม่ใช้มือก็ให้วางไว้บนหน้าตัก แต่ที่ฝรั่งเศส แม้จะไม่วางศอกบนโต๊ะ แต่ต้องวางมือไว้บนโต๊ะให้เห็นกันจะจะ ไม่วางไว้บนหน้าตัก! ที่สำคัญ อย่าเอ่ยปากขอหรือใส่เครื่องปรุงเพิ่มเติมลงในจานอาหาร ที่คนฝรั่งเศสทำให้กินโดยเด็ดขาด!! ยกเว้นเกลือและพริกไทย เพราะถือว่าเป็นการดูถูกเชฟว่าทำอาหารไม่อร่อยด้วยการขอเครื่องปรุงรส
5.3giving and receiving present. คนฝรั่งเศสไม่นิยมให้ของขวัญเปะปะ เขาถือเป็นเรื่องดูถูกกันทำนองให้สินบน ยกเว้นสนิทกันและให้ด้วยของที่มีความหมายจึงจะดี แต่มักจะให้ของขวัญกันใน เทศการหรือโอกาสพิเศษต่างๆ เช่นปีใหม่ คริสมาสต่างก็ออกไปเยี่ยมเยือน และส่งคำอวยพรสำหรับปีใหม่ไปให้กัน พร้อมกันนั้นก็มีของขวัญเล็กๆน้อยๆ ติดไม้ติดมือไปมอบให้กัน
5.4some othet dos and don't s(8-10 item) -พยายามเรียนรู้วัฒนธรรมของเขาให้มากๆ อย่าพยายามทำตัวให้แปลกแยกแตกต่างจากเขาโดยไม่จำเป็น -อย่าเอาเปรียบเจ้าของประเทศให้เขารู้หรือจับได้ เช่น การหนีภาษีโทรทัศน์ หรือการโกง CAF การโกงบัตรลดค่าโดยสารรถไฟ - แสดงความชื่นชมกับเจ้าของประเทศและวัฒนธรรมของเขาพอชูรส ไม่ต้องมากไปและไม่ต้องบอกว่าดีกว่าบ้านเราด้วย ให้เขารู้สึกว่าเราเป็นแขกที่ดี
จากคุณ |
:
เพลิดพริ้งพิลาไล
|
เขียนเมื่อ |
:
วันครูแห่งชาติ 54 20:13:54
|
|
|
|