|
เราไม่เก่ง grammar หรอก ไม่ชอบเรียน grammar แต่เราพยายามฟังหรืออ่านข้อความดูแล้วใช้ senses จากการที่ฟังกับอ่านมามากๆ เพื่อพยายามรับรู้ว่าข้อความที่ฟังหรืออ่านนั้นมันให้ความรู้สึกอย่างไร แล้วก็ทำความเข้าใจและตีความตามนั้น
If we run out of any goods, we will re-order. อันนี้คนพูดแค่บอกข้อเท็จจริงเฉยๆว่าถ้าสินค้าหมดเราก็จะสั่งใหม่ แต่คนพูดไม่ได้คิดว่ามันจะหมดหรือไม่หมดตอนที่พูด
Should we run out of any goods, we will re-order. อันนี้คนพูดคิดว่าสินค้ามันยังไม่น่าจะหมด แต่มันก็มีความเป็นไปได้ที่จะหมด แล้วถ้าหมดก็จะสั่งใหม่
อีกข้อ I don't think it advisable that Tom.........to the job since he has no experience. อันนี้ตอบ be assigned เพราะเป็นลักษณะเฉพาะตัวของ verbs บางตัวที่ใช้เป็น subjunctive ได้
วิธีเรียนรู้เวลาเรียนศัพท์ทุกคำควรเรียนจาก esl dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ (ดิกที่มันทำไว้ให้คนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ใช้) เพราะมันมีตัวอย่างใ้ห้ว่าจะเอาคำศัพท์ไปใช้สร้างประโยคยังไง คนไทยคนจีนเรียนศัพท์ภาษาอังกฤษรู้ความหมายแต่ไม่มีทางใช้เขียนประโยคได้ถูกต้องถ้าไม่เคยเห็นฝรั่งเจ้าของภาษาใช้งานมัน หรือไม่มี esl dictionaries มันไม่ง่ายเหมือนฝรั่งเรียนศัพท์ภาษาไทยภาษาจีนที่ไม่เคยเห็นคนไทยคนจีนใช้งานคำศัพท์แต่ฝรั่งพอรู้ความหมายก้อใช้งานคำศัพท์ได้ถูกต้องแล้ว...
verbs ที่ใช้เป็น subjunctives ได้ คือ....ที่เจอบ่อยๆ advise, ask, beg, decide, decree, desire, dictate, insist, intend, move, order, petition, propose, recommend, request, require, resolve, suggest, urge,vote...จริงๆแล้วยังมีมากกว่านี้ เคยเห็นตำราเล่มหนึ่งนักภาษาศาสตร์เขียนไว้เรื่อง subjunctives หนังสือมันมีความยาวเป็นพันๆหน้า เห็นแล้วบ้าไปเลยไม่อ่านมันหรอกใช้วิธีมั่วลูกเดียว...555+++...
หมายเหตุ คนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ถ้าไำม่เคยใช้ esl dictionaries เรียนคำศัพท์ให้ดีๆว่าแต่ละคำมีพฤติกรรมเฉพาะตัวอย่างไร ต่อให้เก่ง grammar มากๆ โดยเรียนจากตำรา grammar ล้วนๆก็ยังไม่มีทางที่จะเขียนภาษาอังกฤษให้เป็นธรรมชาติได้ ซึ่งกว่าจะจดจำจำนวน permutations ของพฤติกรรมเฉพาะตัวของคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้มากพอที่จะเขียนภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง มันกินเวลานานมากๆ เพราะ permutations มันมีหลายๆแสน (หรือเป็นล้านๆกรณีจะเป็นนักเขียนระดับเืทพ)ความเป็นไปได้ ดังนั้นหลักสูตร writing ที่เรียน 60 ชม เขียนภาษาอังกฤษเป็นธรรมชา่ติ ไม่มีอย่างแน่นอน...!!!
Thai Air became the 53rd carrier flying in and out of Incheon Airport ,................... the airport's connections to 118 cities and 35 countries around the world. a. increasing b. to increase c. increased d. increases อันนี้ก้ออีกนั่นแหละวิธีคิด เราคิดแบบคนไม่เก่ง grammar นั่นก็คือใช้ senses พิเศษรับรู้มันโดยการดูท่อนแรก คือ
Thai Air became the 53rd carrier flying in and out of Incheon Airport
^ อันนี้มันเป็น sentence นิหว่า?
แล้วถ้าอยู่ดีๆ sentence มันตามด้วย verb คือ
b. to increase, c. increased หรือ d. increases
ทั้ง 3 กรณี ใครจะมาเป็น subject ที่ทำกริยา to increase, increased หรือ increases ล่๋ะ? มันไม่มีใช่ไหมล่ะ? มัีนเลยดูผิดธรรมชาติ...แต่เอ่อ จริงๆแล้วถ้าเลือก b. to increase มันพอจะเอามาทำ verb ได้นะ แต่ infinite with to มันสื่อความหมาย purpose พอแปลรวมๆแล้วมันสื่อความหมายที่ไม่เ้ข้าท่า ข้อ b. to increase จึงก็ยังตกอันดับไปด้วย...
แต่กรณีตอบ a. increasing มันทำให้ส่วนที่ตามมาคือ the airport's connections to 118 cities and 35 countries around the world กลายเป็น clause ไป ซึ่ง "ไม่ผิดกติกา" ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องไปอ่านในหนังสือ grammar เอาว่ามันทำได้พลิกแพลงกี่อย่าง เราก้อไม่ค่อยจะรู้ ส่วนใหญ่เราจะใช้วิธีมั่วเอา เพราะเราไม่ชอบ grammar...555+++...
แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 54 13:06:24
แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 54 13:02:12
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ม.ค. 54 12:52:34
|
|
|
|
|