ความคิดเห็นที่ 1 ลองหาคำว่า Old Chinese , Middle Chinese & Mandarin Chinese ดูในเนทนะครับ ลองนั่งอ่านดูครับ จากคุณ : Paphmania เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 11:55:40

ความคิดเห็นที่ 2 Mandarin   หลายคนเชื่อมาจากคำว่า  满大人 man3 da4 ren2 แปลว่าใต้เท้าแมนจู แต่คำว่าจริง Mandarin  เริ่มมาจากภาษาัสันสกฤตว่า  mantrin  แล้วภาษาฮินดีออกเสียงว่า mantri (มนตรี)  แล้วโปรตุเกส ก็ออกเสียง mandarim  แล้วมาถึงอังกฤษ ก็ว่า Mandarin  ซึ่งแปลว่า minister หรือ counselor แล้วที่สำคัญ  ภาษาจีนกลางเกิดและวิวัฒนาการมาก่อนแมนจูจะได้ครองประเทศจีนซะอีก เคยมีคนบอกว่าเอาภาษาจีนกลางปัจจุบัน ย้อนเวลาไปคุยกับคนจีนปักกิ่งในยุคราชวงศ์ได้ซะด้วยซ้ำ จากคุณ : bmjas เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 14:33:31

ความคิดเห็นที่ 3 -ภาษาจีน แมนดาริน หรือ จีนกลาง หรือ普通话 pǔtōnghuà ใช้ภาษา ปักกิ่งเป็นต้นแบบ ครับ เหมือนภาษาไทยปัจจุบันที่ใช้สำเนียง กทม.เป็นมาตรฐาน -แต่ไม่มั่นใจนะครับ ว่าใช้ภาษาจีนปัจจุบัน ย้อนเวลาไปคุยกับคนจีนปักกิ่งในยุคราชวงศ์ได้ เพราะชื่อหลายชื่อสำเนียงปักกิ่งดั้งเดิมก็ต่างกับปัจจุบัน อย่างเช่น ถนน 大栅栏/dàzhàlán/ต้าจ้าหลัน สำเนียงเดิมก็ออกเสียงว่า ต้าฉือล้า -ยิ่งถ้าเจอภาษาถิ่น แถบจงหยวน คนจีนด้วยกันยังฟังไม่รู้เรื่องเลย เสียงมัน รัวๆ เหมือน หรือออกแนวไปทาง ภาษา ฑิเบต มองโกล ญี่ปุ่น ยังไงก็ไม่รู้ ฟังแล้วไม่ลื่นหูซักเท่าใด จากคุณ : หลี่ เสียนหลอ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 19:53:53

ความคิดเห็นที่ 4 ภาษาจีนในตระกูล Sino สายต่างๆเกือบทั้งหมดจะแตกออกมาจากภาษาที่เคยใช้กันในสมัยราชวงศ์โจวหน่ะครับ โดยแคว้นทางเหนืออย่าง จิ้น-ฉิน-ฉี-เยี่ยน ก็จะเป็นต้นแบบของภาษาจีนกลางที่ใช้กันแพร่หลายในสมัยราชวงศ์ฮั่น-ราชวงศ์เหนือใต้ ก่อนจะเริ่มพัฒนาเป็นภาษาจีนกลางยุคกลางในสมัยถัง-ซ่ง และสืบทอดต่อมาเรื่อยๆ ส่วนภาษาจีนสำเนียงทางใต้นั้น จะพัฒนามาจากภาษาพูดของกลุ่มคนทางใต้ผสมๆกับกลุ่มภาษาที่มาจากภาคเหนือ และเนื่องจากทางใต้นั้นมีลักษณะที่แยกจากทางเหนือต่อเนื่องมานาน ทำให้คนจีนทางใต้รักษารูปคำหรือคำเก่าๆจากภาษาจีนทางเหนือเอาไว้ และใช้ผสมๆกับภาษาของชนเผ่าต่างๆทางใต้ร่วมกันมา สรุปก็คือ ภาษาจีนกลางสำเนียงปักกิ่งนั้น พัฒนามาจากภาษาจีนที่พูดกันแพร่หลายในแคว้นทางเหนือยุคราชวงศ์โจวครับ ผ่านการวิวัฒนาการและเจือปนด้วยอิทธิพลของภาษาอื่นๆที่ชนกลุ่มต่างๆซึ่งอพยพเข้ามาในจีนได้นำเข้ามาด้วย ส่วนที่ "แมนจู สั่งให้นักปราชญ์รวบรวมจากภาษาที่หลากหลาย สร้างเปนภาษากลางให้พูดกัน เป็นดังนั้นใช่ไหม ถ้าจริงเกิดขึ้นเมื่อรัชกาลใดของแมนจู แล้วผู้ใดคือคนจัดทำ" อันนั้นน่าจะหมายถึงพจนานุกรมฉบับคังซีมากกว่าครับ ซึ่งเป็นพจนานุกรมเล่มหนึ่งที่มีความยาวและจำนวนตัวอักษรมากติดอันดับโลก ถูกรวบรวมขึ้นในสมัยของจักรพรรดิ์คังซี โดยเหล่าปราชญ์ราชบัณฑิตมากมายครับ กล่าวถึงเนื้อหาและเรื่องราวต่างๆกว้างขวางมาก ถือเป็นการจัดทำหนังสือขนาดใหญ่ที่สุดในรอบหลายร้อยปีของจีนเลย พจนานุกรมเล่มนี้สมบูรณ์ในปี 1716 ครับ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 16:16:27 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 22:16:25

ความคิดเห็นที่ 5 พจนานุกรมฉบับจักรพรรดิค้งซี ยังมีพิมพ์ขายอยู่นะครับ มีทั้งรูปแบบที่ถ่ายจากต้นฉบับเดิมและที่เรียงพิมพ์ใหม่ น่าสนใจตรงที่การจัดทำไม่ใช่เป็นการเรียบเรียงขึ้นใหม่ในรัชสมัยนั้น แต่เป็นการรวบรวมตำราและพจนานุกรมต่าง ๆ ที่มีมาแต่โบราณหลายเล่มเข้าด้วยกัน แต่ข้อเสียก็คือกาลเวลาผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว พจนานุกรมดังกล่าวจึงมีแต่ภาษาโบราณ ไม่มีคำหรือความหมายของภาษาสมัยใหม่ นอกจากนี้มีที่ผิดอยู่มากเหมือนกัน ผมก็มีอยู่เล่มหนึ่ง เอาไว้ใข้หาตัวหนังสือประหลาด ๆ ที่หาพจนานุกรมทั่วไปไม่เจอครับ จากคุณ : สนทะเลน้อย เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 14:27:06

ความคิดเห็นที่ 6 <P>คือที่เขตจีนเหนือ มีภาษากลางที่พูดกันเรียกว่าเป่ยฟางฮั่ว บางท่านเขาว่าก็เป็นผู่ทงฮั่วเหมือนกัน แต่ก็ปนเปไปด้วยภาษาเผ่าต่างๆ ทำให้สับสน ซึ่งภาษาเหล่านี้ก็มีบางท่านกล่าวว่าเป็นภาษาจีนกลางมีมานานนับพันปี อันนี้ก็ขอยอมรับไม่ขอคัดค้านแต่ประการใด แต่ที่เคยอ่านพบมาว่า แมนจูสั่งให้นักปราชญ์จีนทำการรวบรวมแปลงโฉมภาษาเหล่านี้สร้างให้แมนจูใช้ปกครองคนทั้งแผ่นดิน&nbsp; ซึ่งในสมัยก่อนฮ่องเต้ที่นั่งบัลลังก์-ที่ครองแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าต่างด้าวหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นเจ้าของชีวิตทุกชีวิต ซึ่งภาษาที่รวบรวมสร้างใหม่เรียกกันว่าแมนดาริน และไม่นานนักเคยอ่านข้อเขียนในผู้จัดการเรื่องภาษาแมนดาริน ที่อาจารย์สุขสันต์ วิเวกเมธากร เขียนด้วยความขมขื่นปนสยองของชาวจีนยุคนั้น&nbsp; ที่โดนบังคับพูดแมนดาริน (ฮะ..เคยรู้แต่ว่าถ้าไม่โกนผม-ไว้เปีย ก็โดนกุดหัว แต่ก็มีแปลกอีก พอยุคแมนจูล้ม คนจีนไม่น้อยที่ยอมตาย ไม่ยอมตัดเปียทิ้ง ฮะ..) นั่นแหละที่ถาม ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับพจนานุกรมคังซีหรือไม่ ... เพราะรู้น้อยมาก ถ้าจริงเท่ากับว่าจิ๋นซีสร้างอักษรใหม่จากนานาของผู้แพ้ และแมนจูสร้างภาษาพูดเพื่อการปกครองของตน เท่ากับว่าครบเครื่อง ซึ่งทำเอาบางชาติพันธุ์ที่ยังเหลืออยู่ จำกำพืดตนเองไม่ได้เลย อย่างคนฮากกา ขอขอบคุณอีกครั้ง<IMG src="/cafe/toy/image/emsmile16.gif"></P> จากคุณ : คนดั่ง...มดงาน (คนดั่ง...มดงาน) เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 20:02:06

ความคิดเห็นที่ 7 แหมตกความบางตอน คือเกรงบรรดาซือแป๋มากไป จึงตกแต่งจนประโยคไม่ต่อเนื่อง .. คือไม่ว่าเจ้าครองแผ่นดิน ไม่ว่าจะต่างด้าวหรือชนเดียวกัน ในสมัยโบราณการศึกการปกครองถ้าพลาดถ้าแพ้อาจถึงละลายทั้งเผ่าพันธุ์ ดังนั้นกลยุทธต้องเข้มงวดแม้สุดโหดเหี้ยม จะถูกนำมาใช้อย่างไม่ลังเล ผมค่อนข้างเชื่ออาจารย์สุขสันต์-เล่าชวนหัวมาก และผมได้มองเทียบเคียงกับจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่ปรับปรุงอักษรจีนขึ้นใหม่ หลังจากปราบแคว้นต่างๆได้ราบคาบ และเฉกเช่นกันเมื่อแมนจูเข้ามาครองจีน เพราะในเวลานั้นการหล่อหลอมเผ่าพันธุ์จากนานาเผ่าก็นานมากแล้ว ย่อมมีภาษาที่ผสมต่างๆเข้ามามาก ทำให้ยากที่จะเข้าใจแจ่มแจ้งในทันใด มีเดาอย่างนี้ แมนจูก็ย่อมต้องปรับใหม่เพื่อการปกครองและเติมเต็มบางสิ่งที่จะรับใช้ตน และคงต้องบังคับกัน ผมยอมรับความเห็นที่ว่าภาษาปักกิ่งอาจพัฒนาต่อเนื่องมาจากภาษายุคราชวงศ์โจว แมนจูจะเรียบเรียงภาษาใหม่อย่างจิ๋นซีทำกับอักษร ก็ไม่น่าแปลก เพราะผมคิดว่าผมเข้าใจเรื่องการปกครองดี... อำนาจต้องรักษาไว้ให้นานที่สุด แม้จะใช้วิธีที่โหดร้ายที่สุด ดูอย่างอำนาจประชาธิปไตยสมัยใหม่ ยังสู้กันทุกรูปแบบเลย แล้วในสมัยโบราณเขาไม่คิดเรื่องสิทธิผู้แพ้(สิทธิมนุษยชน)อยู่แล้ว ผมจึงเชื่อที่มาของเรื่องภาษาแมนดารินจากท่านเล่าชวนหัว และจะเขียนไปขอร้องให้ท่านเขียนในหนังสือสักเล่ม ถ้าท่านไม่ว่างอาจจะขอสัมภาษณ์แทน ... สุขสันต์ตรุษจีนครับ จากคุณ : คนดั่ง...มดงาน (คนดั่ง...มดงาน) เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 09:27:35

ความคิดเห็นที่ 8 "แมนจูสั่งให้นักปราชญ์จีนทำการรวบรวมแปลงโฉมภาษา เหล่านี้สร้างให้แมนจูใช้ปกครองคนทั้งแผ่นดิน" ตรงนี้ผมว่า ถ้าจักรพรรดิ์และขุนนางแมนจูอยากจะใช้ภาษาและอักษรมากลืนจีนจริงๆ ก็ใช้ภาษาแมนจูเป็นภาษาในราชสำนักไปเลยท่าจะง่ายกว่าครับ ไม่จำเป็นต้องสร้างภาษาใหม่ให้ยุ่งยากแต่ประการใด จริงๆในยุคต้นราชวงศ์ชิงนี่ เชื้อพระวงศ์ ขุนนาง และจักรพรรดิ์ก็ยังใช้ภาษาและอักษรแมนจูกันแพร่หลายครับ ขุนนางที่อยากจะขึ้นตำแหน่งสูงๆหรือเข้าใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทก็มักจะเรียนภาษาแมนจูกันเป็นภาษาที่ 2 ภาษาแมนจูทั้งอักษรและภาษาพูดมาเสื่อมความนิยมในราวๆสมัยจักรพรรดิ์เฉียนหลงเป็นต้นไปหน่ะครับ จนแม้แต่ขุนนางกองธงบางคน เป็นเชื้อสายชาวแมนจูแท้ๆ แต่พูดภาษาแมนจูไม่ได้สักคำนอกจากชื่อตัวเองกับลำดับญาติมิตรก็ยังมีถมไป แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 14:50:46 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 14:40:25

ความคิดเห็นที่ 9 อักษรเสี่ยวฉินจ้วน ที่จิ๋นซีฮ่องเต้ประกาศใช้ไปทั่วแผ่นดินนั้นได้เสื่อมความนิยมไปแล้วหน่ะครับ มันเสื่อมความนิยมตั้งแต่ปลายราชวงศ์ฉิน เพราะเขียน-อ่านได้ยากมาก ชาวบ้านทั่วไปนิยมใช้่อักษรลี่ซูกันมากกว่าครับ แม้่แต่ทางการตอนหลัีงๆก็มีเอกสารที่เขียนด้วยอักษรลี่ซูควบคู่ไปกับอักษรเสี่ยวฉินจ้วน มาถึงราชวงศ์ฮั่นตะวันตกนั้น อักษรลี่ซูกลายเป็นอักษรที่นิยมมากที่สุดครับ อักษรโบราณอย่างต้าจ้วน และเวี่ยวฉินจ้วนนั้นเริ่มมีการใช้น้อยลงเรื่อยๆ ก่อนจะมาปรับปรุงเป็นอักษรข่ายซู ที่เป็นต้นแบบมาตรฐานของอักษรจีนยุคถัดๆมาตอนหลังในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 14:49:35

ความคิดเห็นที่ 10 ไวยกรณ์ของภาษาแมนจูนั้นไม่เหมือนกับไวยกรณ์ของภาษาจีนฮั่นเลยครับ มันแตกต่างกัีนมากทั้งระบบการสร้างประโยค และระบบการเขียน ถ้าหากเอาอักษรฮั่นมาเขียนเพื่อสร้างประโยคในภาษาแมนจู ก็จะทำให้อ่านข้อความนั้นได้ความหมายผิดเพี้ยนได้ไป แต่นักประวัติศาสตร์พบว่า เอกสารทางการในยุคต้นราชวงศ์ชิงและปลายราชวงศ์หมิง มีรูปแบบประโยคและการใช้คำที่คล้ายคลึงกัน ไม่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง นั่นแสดงว่ามันเป็นภาษาเดียวกัน จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 14:53:01

ความคิดเห็นที่ 11 ภาษาจีน แถบผิงเหยาในเหอหนาน ลั่วหยาง ยันซีอาน คล้ายภาษาจีนกลางมากครับ ภาษาลั่วหยาง ผมได้ยินคนพูดแล้วรู้สึกเหมือนพูดจีนกลางด้วยสำเนียงเหน่อๆเลย แซวเพื่อนที่ติดเสียงเหน่อว่า ถ้ามาเรียนจีนกลางเนี่ย จะได้ภา่ษาลั่วหยางไปด้วย ผมว่าภาษาจีนกลางนี่แหล่ะ ที่น่าจะใกล้กับภาษาชาวหัวเซี่ยดั้งเิดิมสุดแล้ว แต่ภาษาปักกิ่งมามีเสียงเออร์ เยอะ คิดว่าเพราะไปผสมกับสำเนียงพวกแมนจูมากไป มีแต่ภาษาทางใต้ ที่ออกแนวประหลาดไปเลย ตั้งแต่เีจียงหนาน หรือเฉิงตู ลงไป จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 18:30:01

ความคิดเห็นที่ 12 ความเห็นส่วนตัวครับ ภาษาแมนดารินน่าจะมาจากภาษาจีนสำเนียงมองโกล ส่วนแมนจูก็น่าจะออกเสียงคล้ายมองโกล เพราะน่าจะชนชาติที่ใกล้เคียงกัน ถ้าดูส่วนสอนเกี่ยวกับการออกเสียงในพจนานุกรมจักรพรรดิคังซี จะเห็นว่ามีการสอนวิธีออกเสียงแทนตัวสะกดคำตายด้วย (入聲) ซึ่งผิดกับวิธีออกเสียงของสมัยราชวงศ์ถังและส้งอย่างเห็นได้ชัด จักรพรรดิคังซีถ้าจำไม่เป็นน่าจะรัชกาลที่ ๓ ของราชวงศ์ คือเป็นตอนเริ่มราชวงศ์ใหม่ ๆ นะครับ ผมคิดว่าไม่น่าจะมีการบังคับให้คนทั่วไปพูด แต่เวลาสอบเข้ารับราชการคงสอบด้วยภาษาแมนดาริน จากคุณ : สนทะเลน้อย เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 54 16:38:43

ความคิดเห็นที่ 13 ภาษาจีนกลางทางเหนือนั้นจะมีจำนวนเสียงน้อยกว่าภาษาทางใต้อย่างแต้จิ๋วและฮกเกี้ยนครับ สันนิษฐานกันว่า สมัยโบราณภาษาจีนทางเหนือก็คงมีหลายๆเสียงไม่ต่างจากภาษาฮกเกี้ยนแล แต่มันค่อยๆหายไปเพราะอิทธิพลของอานารยชนทางเหนือที่เอาภาษาเข้ามาผสมกับภาษาฮั่นครับ เรียกว่า ภาษาทางเหนือก็พัฒนาไปทิศทางหนึ่ง ภาษาทางใต้่ก็พัฒนาไปอีกแบบหนึ่งครับ จนตอนนี้เลยกลายเป็นภาษาในตระกูลเดียวกัน แต่พูดกันไม่รู้เรื่องและมีเสียงไม่เท่ากันในที่สุด ภาษาแมนจูและมองโกลมีโครงสร้างคล้ายกันครับ มีคำยืมกันไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็ไม่มากขนาดคุยกันรู้เรื่อง และแตกต่างจากภาษาจีนมากทีเดียว 1. ไวยกรณ์ของภาษาจีนจะคล้ายๆภาษาไทยคือ ประธาน กริยา และกรรม แต่ของแมนจูจะเป็น ประธาน กรรม และกริยา 2. ระบบอักษรของแมนจูกับของฮั่นก็แตกต่างกันครับ 3. ภาษาแมนจูมีรูปอดีตชัดเจน แต่ภาษาฮั่นไม่มี แต่ภาษาแมนจูและภาษาจีนกลางนั้น ก็ถือว่ามีคำยืมกัีนไปยืมกันมาเยอะจริงๆครับ ภาษาจีนสำเนียงปักกิ่งก็คงได้ศัพท์หรืออิทธิพลจากภาษาแมนจูไม่น้อยเหมือนกัน นั่นทำให้ภาษาสำเนียงปักกิ่งแปลกไปจากภาษาจีนกลางสำเนียงจงหยวนที่พูดกันในเหอหนาน หรือสำเนียงทางส่านซี จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 18:15:27

ความคิดเห็นที่ 14 ความเห็นของพวกท่านคือความรู้ บางทีท่านคงต้องเหมือนซินซัง ที่ผู้ถามบางคนกว่าจะหมดความอยากรู้หรือข้อสงสัยก็ต้องทนรำคาญหลายยก ... คือผมกำลังตามรอยอดีตพวกฮากกาจากระบบภาษา - รากเหง้าภาษา - หรือจากการคาดเดาในข้อมูลต่างๆที่ผ่านพบไปเรื่อย คือเป็นคนมีความรู้เรื่องจีนนี่โดยผ่านข่าวสารมาตลอด(อ่านข่าว) ไม่เคยลงลึกในเรื่องใด รู้แต่ว่าแซ่อะไร เป็นคนเชื้อจีนเผ่าไหนเท่านั้น และเมื่อเห็นกลุ่มคนฮากกาบอกว่าไม่รู้ตัวเองมาจากไหน แต่ฮากกาไปติด"แค่"...วีรกรรมหรือตรงข้ามก็ได้ของหงชิ่วฉวน แต่ก็มีส่วนทำให้อายุราชวงศ์ชิงสั้นลงหน่อย แต่ก็แลกกับคนตายหลาย10ล้านคน ซึ่งผมก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะเห็นว่าเรื่องการเมืองก็คือการสงครามหลักของมนุษย์ ..ที่ทำให้แม้แต่ลูกต้องฆ่าพ่อ พ่อแม่ฆ่าลูก กับคนอื่นๆก็ฆ่ากันทั้งโครต-ทั้งเผ่าพันธุ์ เป็นต้น เพียงแต่หงชิ่วฉวนไม่มุ่งมั่นเหมือนเจ้าตาก-เล่าปัง-จูหยวนจาง ฯลฯ ที่มุ่งมั่นรวมแผ่นดินจนตัวตาย แต่หง.. พอตีเมืองใหญ่ก้เข้าหอ.. จากภาษาสู่อีกหนึ่งเผ่าพันธุ์แล้ว ก็เหมือนบ่นเหมือนว่า แต่เป็นอารมณ์ที่พัดผ่าน ไม่ยึดถือ อยากถามว่าท่าน.งักฮุย ภาษาจีนกลางคือเย่เฟย คำว่าเย่คือแซ่ใช่หรือไม่ ถ้าใช่จะเป็นเย่เดียวกับเย่เจี้ยนอิง ? ขอบคุณ จากคุณ : คนดั่งมดงาน (คนดั่ง...มดงาน) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 09:09:13

ความคิดเห็นที่ 15 เยี่ยะเฟย แซ่เยี่ยะ เขียนแทนด้วยคำว่า 岳 ส่วนท่านจอมพลเย่เจี้ยนอิง แซ่ของท่านเขียนด้วยอักษร 叶 ครับ เป็นคนละแซ่กันแน่นอน จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 16:38:53

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณท่าน digimontamer ที่ให้เกียรติตอบเป็นที่15 พยายามอ่านตามเวปภาษาไทยต่างๆไปเรื่อยๆย้อนหลัง ก็ไปเจอท่านอุ้ย กับท่านทั้งหลายที่ให้ความคิดเห็นตามเวป ก็เห็นใจที่เจอคำถามเดิมๆ ที่ทำให้ท่านเบื่อหน่ายมากพอแล้ว หลายท่านคงไต่ไ ปรักษาระดับลมบน แต่บางท่านก็คงถือว่าให้ความรู้เหมือนซินซังเจอศิษย์ใหม่ทุกเทอม 555 .. ไปอ่านเจอท่านอี้ ที่china2Learn  ไปเจอคุณ Paphmania ที่ตอบเมื่อ 27-9-52 และ 26-1-53 แล้วคำถามนี้ก็มาโผล่แต่ต้นปี 54 ก็เข้าใจความรู้สึกของหลายท่าน แต่ด้วยผมเป็นลูกจีนที่ห่างไกลภาษาและวัฒนธรรมจีนมาก จนเกือบหลุดเสียงกู่ ก็เลยเข้าใจยากหน่อย ประกอบกับผมกำลังฟันธงเรื่องฮั่นเผ่าฮากกาว่ามาจากไหน คือพอเข้าใจแล้วละ ถึงจะพลาดบ้าง ก็ไม่หลุดเป้าเท่าไหร่ ดังนั้นจึงวางน้ำหนักไว้ที่ภาษาแมนดาริน ซึ่งบางท่านก็เปรียบเปรยท่านเล่าชวนหัวแบบไยไพ ก็พอเข้าใจ แต่ผมหลงตัวเองว่า พอจะเข้าใจธาตุแท้ของการเมืองการปกครอง ผมจึงไม่ยังยอม...เขวไปไหน และบางท่านก็ตั้งนามแฝงได้กริ๊บเก๋"ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง"  ...สุดท้ายได้เทียบเคียงข้อเขียนคุณอี้-คุณ Paphmania ที่มาของภาษาแมนดารินถูกดัดแปลงหรือตบแต่งจากภาษาจีนกลางถิ่นเหนือที่มีหลากสำเนียงและมีคำศัพท์ของเผ่าต่างๆปนเปมาก ที่เรียกรวมๆกันว่า เป่ยฟางฮั่ว....อะไรนั่น ที่ต้องถูกปรับ(ไม่งั้นงงต่าย..)ให้เข้ากับสมัยของกาลเวลาและราชวงศ์ เขาว่าเริ่มปรับใช้มาตั้งแต่สมัยหยวน สู่หมิง มาถึงชิง ดังนั้นผมจึงไม่แปลกที่ภาษาจะหลอมกลมกลืนชาติพันธุ์ต่างๆ ให้เหลือเพียงหนึ่ง ที่แม้หน้าตาคนจะต่างกัน มีตัวอย่างชัดเจนให้ดู ก็ในไทยนี่ไงละ ... แต่ยังไงต้องติดตามถึงตัวบุคคลอีกสักพักหนึ่ง    ป.ล. ต่าย = ตายห่ ..  ขอบคุณอีกครั้ง จากคุณ : คนดั่ง...มดงาน (คนดั่ง...มดงาน) เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 11:37:39