ความคิดเห็นที่ 1 คำตอบคุณไม่มีใครตอบได้หรอก เพราะคนตอบไม่รู้ว่าคุณรู้อังกฤษระดับไหน อย่าไปยึดติดกับคำว่าเรียนหลักสูตร toefl, toeic หรือ ielts หรือชื่อข้อสอบใดๆว่าจะต้องไปเรียนเพื่อสอบข้อสอบอะไรต่อมิอะไร ข้อสอบพวกนี้ไม่มีสถาบ้ันไทยหรือติวเตอร์คนไทยที่ไหนที่ติวข้อสอบเก่งเท่่าก้ับผู้เชี่ยวชาญฝรั่งคนที่ออกข้อสอบเอง ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งพวกนี้เขียนหนังสือและสร้างสื่อดีๆแนะนำวิฺธีทำข้อสอบพวกนี้ และหนังสือหรือสื่อดังกล่าวมันผลิตในต่างแดนแล้วใช้ภาษาอังกฤษหมด คุณเรียนภาษาอังกฤษไม่ใช่มุ่งเรียนเพื่อสอบตั้งแต่แรก แต่เรียนทักษะทั่วไปเช่น ฟัง พูด อ่าน เขียนที่ไหนกับใครก้อได้ เพื่อให้คุณรู้อังกฤษมากพอที่จะเลิกใช้สื่อภาษาไทยในการเรียนภาษาอังกฤษได้กับครูฝรั่งที่ไม่พูดไทยเลยหรือเรียนด้วยตัวเอง และเลิกใช้ dictionaries อังกฤษ-ไทย แต่ใช้เฉพาะ dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ ในการเรียนภาษาอังกฤษ สรุปแล้วพูดๆไปมัน ironical นั่นก้้อคือ ถ้าคุณอ่อนอังกฤษขนาดต้องเรียนภาษาอังกฤษจากสื่อภาษาไทย หลักสูตรเตรียมสอบที่คนไทยสอนก้อไม่น่าจะช่วยคนอ่อนๆขนาดนั้นได้มากนัก แต่ในทางกลับกันถ้าคุณเก่งอังกฤษขนาดเรียนอังกฤษจากสื่อภาษาอังกฤษล้วนๆได้ เผลอๆคุณเรียนด้วยตัวเองก็ยังได้...ตรรกะมันวนกลับไปกลับมาเหมือนๆเอาด้ายผูกหางแมวให้แมวมันเอื้อมไม่ถึง แล้วแมวมันก้อหมุนตัวมันคอยตะปบเส้นด้ายน่ะ... เมื่อคุณพร้อมในระดับใช้แต่สื่อภาษาอังกฤษล้วนๆ แล้วจึ่งไปซื้อหนังสือเตรียมสอบจากต่างประเทศที่ผู้่เชี่ยวชาญฝรั่งพวกนั้นผลิต เอามาฝึกทำข้อสอบ สรุปแล้วเวลาเตรียมสอบ อย่าเรียนเพื่อเตรียมสอบ แต่เรียนเพื่อเข้่าใจ (ฟังและอ่านรู้เรื่อง) และเพื่อใช้งาน (พูดกับเขียนได้) แล้วข้อสอบอะไรยากๆคุณก็ทำได้หมดนั่นหละ.... เรียนแบบนี้สอบข้อสอบอะไรยากกว่า toefl ก้อยังสอบได้... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 17:56:52

ความคิดเห็นที่ 2 ประเด็นก็คือ เรียนงเพื่อความเข้าใจ เป้าหมายมันไม่ชัดเจนเท่าเพื่อสอบ มันเหมือนการเรียนเพื่อเข้าใจตามที่ว่า เป็นเรื่องที่ต้องตั้งใจทำด้วยใจแบบ...บอกว่าอะไรดี ขยัน ตั้งใจ แต่เป้าหมาย มันไม่ชัดเจนเท่ากับเพื่ออะไรสักอย่าง การที่คนเราจะเรียนอะไรเพื่อเข้าใจ มันต้องเกิดจากความชอบ และชอบอย่างบ้างคลั่งเสียด้วย ไม่งั้นคงไม่ตั้งใจทำ ถ้าไม่ชอบให้เรียนเพื่อเป้าหมายว่า เพื่อความเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อสอบ ไม่ใช้เพื่องาน ไม่ใช่เพื่อ... มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนเรียนเลย ไม่ใช่แค่เรียนกับภาษา มันก็เหมือนกับการเรียนทุกๆเรื่องนั่นแหละ จะเพื่อเข้าใจหรือใช้งาน ถ้าไมมีเป้าหมายที่มากกว่าความชอบความสนใจ เรื่องไหนๆมันก็ต้อง...ยากทั้งนั้น และมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อยากแต่ต้องใช้ ก็ต้องหาทางเรียน ปัจจัยต่างๆในบางสถานการณ์มันทำอะไรไม่ได้ ไม่งั้นจะมีเทคนิคการสอนใหม่ๆเกิดขึ้นมาตลอดหรือ เพราะมันเกิดจากการที่แต่ละคนต้องการเรียนในแบบที่ต่างกัน เพื่อเป้าหมายที่ต่างกันนั่นเอง จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 21:46:10

ความคิดเห็นที่ 3 ออ... จขกท. คะ เราไม่รู้จริงๆ ยังไม่เคยเรียนเลย ยังไม่มีวี่แววว่าจะต้องสอบเสียด้วย จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 21:46:58

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าต้องเรียน ผมเลือก อ. ดวงใจ อย่างน้อยก็สอน sentence patten, type of sentence เอาไปใช้ในอนาคตได้ ลองค้นที่สอนแนว ๆ นี้เพื่อเจอที่เดินทางสะดวกกว่า แล้วก็ซื้อหนังสือ toefl ของ ETS โดยตรง หรือ Barron หรืออะไรยี่ห้ออื่นที่เป็นภาษาอังกฤษมาทำเอง  เรื่องฟังภาษาอังกฤษก็เปิดเอาจากเว็บต่าง ๆ (ในนี้ก็มีที่แนะนำกันเยอะ)  พูด ถ้ายังคิดว่าต้องหาที่เรียนก็เรียนแบบกลุ่มเช่นอิงลิงกัว คอร์สเดียวพอเบ็ดเสร็จไม่น่าเกิน 8500.- เอาแค่ให้กล้าพูด (แต่ถ้าได้อยู่แล้วไม่ต้องเสียเงินไปเรียน) เขียนลองค้นชื่อลมแรงใบไม้ไหว เห็นมีหลักสูตรเขียน Toefl ราคาก็ไม่แพงก็น่าสนใจดี เพิ่มเติม อ่านก็อ่านเองมาก ๆ อ่านแบบแนวข้อสอบก็หนังสือโดยคนไทยก็ได้เช่น ทีเด็ดพิชิต Reading ของ Post Grad Team หรือ ทักษะการอ่านโทเฟิล ของ TGRE แนะนำแบบนี้เพราะเป็น format สอบ มีเฉลยให้ด้วย toefl writing topic + ตัวอย่างการเขียน (ดูด้านล่างที่ให้ download writing 185 topics) http://ie-kittiwat.blogspot.com/2009/01/toeflwriting185.html  ตัวอย่างกับ topic เป็นของปี 2002 ก็ถือว่าเอามาเป็นแนวทาง เป็นไฟลล์ *.pdf เพราะการเขียนสอบก็แนว ๆ นี้แหละครับ ก่อนลองฝึกเขียนก็อ่านท้าย ๆ หน้าของเอกสารที่ download มาก่อน มีการอธิบาย format ของ TWE จะได้พอทราบว่าเขียน เขียนย่อหน้า อะไร อย่างไร แก้ไขมาเพิ่มข้อความ - ถ้าที่ มธ. หรือจุฬา ฯ สอน writing/speaking ไปด้วยก็เลือกที่ใดที่หนึ่ง แต่ตอนเรียน writing ถามอาจารย์คนสอนไปด้วยว่า 1. basic sentence pattern มีอะไร 2. type of sentence มีอะไร เอาให้รู้เรื่องแล้วก็เอาไปใช้ประโยชน์ต่อไป แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 54 16:17:06 จากคุณ : elenote เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 12:49:21