คำว่า "ละสังขาร" เราไม่รู้คนไทยอาศัยกฎเกณฑ์อันใดในการใช้คำศัพท์คำนี้ แต่โดยส่วนตัวแล้วเราจะใช้กับคนที่ฝึกจนสามารถดึงวิญญาณออกจากร่างได้ แบบตักม้อ ภาษาจีนคือ 菩提达摩 ภาษาอังกฤษคือ Bodhidharma (ผู้ก่อตั้งวัดเส้าหลิน) หรือจางซันฟง ภาษาจีน 张三丰 (ผู้ก่อตั้งสำนัก Wudang ที่คนไทยเรียกบู๊ตึง)
เนื่องจากคนพวกนี้ฝึกวิชา alchemy (เล่นแร่แปรธาตุ) จึงยิ่งอายุมากขึ้นจะมีพลังมากยิ่งๆขึ้น ไม่ใช่เจ็บออดๆแอดๆ และพอฝึกจนบรรลุแล้วจึงดึงวิญญาณออกจากร่างได้ "ละสังขาร" เพื่อไปเป็นพระโพธิสัตว์ (แบบพุทธ) หรือเซียน (แบบเต๋า) เนื่องจากคนที่ศึกษาเซนหรือเต๋านั้นเชื่อกันว่า เมื่อยามแก่เฒ่าจะมีพลังมหาศาลเหมือนตักม้อหรือจางซันฟง แต่จะไม่เชื่อว่าจะมีเกจิอาจารย์ที่ไหนที่ยามแก่เฒ่าเดินแทบไม่ไหว (ไร้พลัง) แล้วจะกลายเป็น "ละสังขาร" ได้ด้วยพลังจิต เพราะเ้ชื่อว่ากายเป็น yana (vehicle) ที่นำจิตไป (ช่วยสร้าง immortal fetus (ทารกน้อยๆที่ผู้ฝึกสร้างขึ้นมาจากพลัง (โดยไม่ได้มี sex กับใคร) ซึ่งทารกน้อยๆนี้จะเติบใหญ่กลายเป็นเซียน ที่จะดึงออกจากร่างไป ซึ่งคล้ายๆกับทฤษฎี virgin birth ของคริสต์นั่นแหละ)) ในกระบวนการที่เรียกว่า ละกาย "ละสังขาร" ง...เพื่อไปเป็นพระโพธิ์สัตว์หรือเป็นเซียน...นั่นเอง
ปรมาจารย์เล่าจื้อ (老子) น่าจะเป็นอีกท่านหนึ่งที่ "ละสังขาร" ได้ เนื่องจากท่านเขียนคัมภัีร์ Dao De Jing (道德经) เอาไว้หลอกบ้ัณฑิตให้ตีความผิดเป็นรัฐศาสตร์ จริยธรรม และบทกวีอันงดงาม แต่แท้จริงแล้ว มันเป็นคัมภีร์ Alchemy ที่จะทำให้ผู้ฝึก "ละสังขาร" ได้ ซึ่ง จางซันฟงตีความคัมภัีร์นี้ได้สำเร็จจึง "ละสังขาร" แล้ว "กลายเป็นเซ๊ยน" ได้
แต่กระบวนการของมันจะต้องฝึกให้ร่างกายไม่แ่ก่เฒ่า (กรณีฝึกตั้งแต่เด็กๆ) แล้วคงไว้ซึ่งความอ่อนวัยตลอดกาล แล้วจึง "ละสังขาร" หรือกรณีฝึกตอนแก่ จะต้องฝึกจนร่างที่แก่เฒ่ากลับกลายเป็นเด็กหนุ่มสาวอีก ด้วยกระบวนการที่เรียกว่า biological tranmutation (การเปลี่ยน cells ต่างๆ อย่างผ่าเหล่าผ่ากอ)...ถ้าฝึกถูกหลักมันจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิต sex hormones ในปริมาณมากๆจนทำให้คนแก่กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มสาวได้จริงๆ แล้วจึีง "ละสังขาร" คือตั้งใจถอดวิญญาณผ่านจุด Bai Hui (จุดกลางกระหม่อม) ออกไป แล้วทิ้งร่างกาย เพื่อไปเป็นพระโพธิสัตว์ (แบบพุทธ) หรือเซียน (แบบเต๋า)
คนฝึกเซนกับเต๋าไม่คิดเหมือนคนนับถือพุทธแบบเถรวาท คือคนฝึกเซนกับเต๋าจะไม่เชื่อว่า เกจิอาจารย์ที่เดินแทบไม่ไหว อาการร่อแร่จะละสังขารได้ แต่จะเชื่อว่าการที่คนเราจะละสังขารได้ หรือจะเป็นพระโพธิสัตว์ เป็นเซียน หรือจะให้ระดับสูงกว่านั้นคือนิพพานได้นั้น จะต้องฝึกจนผ่านกระบวนการที่เรียกว่า biological transmutation และก่อนตายจะต้องสุขภาพดีมากๆ ไม่เจ็บออดๆ แอดๆ...ไม่เิดินกระย่องกระแย่ง แต่ยังมีพลังมหาศาลเพมือนตักม้อหรือจางซันฟงที่อายุเกิน 100 ปีก้อยังมีวรยุทธ์สูงส่งระดับเอาชนะเด็กหนุ่มได้สบายๆในการต่อสู้...ไม่ว่าจะเป็นด้วยมือเปล่าหรือด้วยอาวุธ...แล้วคนๆนั้นจะละสังขารโดยการนั่งสมาธิและดึงวิญญาณออกจากร่างบ (ผ่านจุด Bai Hui) แล้วกลายเป็นพระโพธิสัตว์(แบบพุทธ) หรือเซียน (แบบเต่า) หรือจะเอาสูงกว่านั้น นั่นก็คือนิพพาน พวกปราชญ์ฮินดู ที่ฝึกโยคะและพลังจิตระดับสูงๆนิพพานไปก่อนพระพุทธเจ้่า ก็มีหลายท่าน...ด้วยกัน...
คือจริงๆแล้ว "ละสังขาร", "กลายเป็นพระโพธิสัตว์". "กลายเป็นเซียน" หรือแม้กรเะทั่ง "นิพพาน" ในศาสนาไหนๆก็มีด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่แต่เฉพาะคนที่นับถือศาสนาพุทธแบบเถรวาท ที่เชื่อกันผิดๆว่า
"เกจิอาจารย์ที่ชราภาพมากๆ เดินแทบไม่ไหว ปลุกเสกของขลัง จะนิพพาน ได้แต่เพียงเท่านั้น"
ถ้าใครคิดแบบนี้โปรดดูพระหรือนักพรตเต๋าหรือโยคีที่อายุเป็นร้อยๆปี แต่สุขภาพดีเยี่ยม แล้วดูว่า
"ท่านต้องการเจริญรอยตามแบบไหน...???!!!"
แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 54 01:00:20
แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 15:45:57
แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 15:41:32
แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 15:37:55