เกี่ยวกันอย่างแยกไม่ออกครับ ถ้าไม่อยากอ่านจากเว็บยาวๆ ผมจะอธิบายในมุมมองของนักประวัติศาสตร์ที่เรียนมาล่ะกันนะครับ เพราะคงไม่สามารถหาอ่านเรื่องราวเหล่านี้ได้ทั่งๆไปในหนังสือเรียน เพราะยังเป็นประวัติศาสตร์ที่ยังไม่ลงตัว และเหตุการณ์บางอย่างที่พยายามถูก "คนบางกลุ่ม" ที่มีอำนาจในสังคม ทำให้ "ลืม" ไปจากสำนึกทางประวัติศาสตร์ของคนไทยครับ
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งสองนี้คือ
1. บทบาทของนักศึกษา เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเหตุการณ์ทั้งสองนี้ คนที่มีบทบาทหลักทั้งเป็น "ผู้กระทำ" และ "เหยื่อ" คือ "นักศึกษา" โดยเฉพาะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเหตุการณ์ 14 ตุลาฯนั้น นักศึกษามีบทบาทเป็น "ผู้กระทำ" ที่รวมพลังกันในการต่อต้านการปกครองในระบอบเผด็จการ และการบริหารประเทศแบบ "รัฐราชการ" ของนายทหาร 3 คนที่กำลังมีทีท่าว่าจะสืบทอดอำนาจทางการเมือง คือ จอมพลถนอม จอมพลประภาส และพ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ผู้เป็นลูกชายของจอมพลถนอมและลูกเขยของประภาสในเวลาเดียวกันด้วยครับ
ผลของเหตุการณ์ 14 ตุลาฯในคราวนั้น ส่งผลให้บทบาทของกองทัพลดลงเป็นอย่างมากในทางการเมืองของไทย ทำให้สภาพทางการเมืองของไทยกลับไปสู่การปกครองโดยพลเรือนอีกครั้งหนึ่ง และที่สำคัญคือปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ทับถมสะสมมาตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ (เนื่องจากในช่วงสิบกว่าปีหลังการใช้แผนพัฒนาฯ โดยเฉพาะทางด้านอุตสาหกรรม ทำให้แรงงานถูกกดขี่ และกดค่าแรงเป็นอย่างมากเพื่อประหยัดต้นทุน โดยที่แรงงานไม่สามารถออกมาประท้วงเรียกร้องได้เลย หรืออย่างปัญหาสังคมที่การพัฒนาของประเทศในบ้านเราเน้น "การกระจุก" ไม่ "กระจาย" ทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม) ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ยุคประชาธิปไตยเบ่งบานแล้ว ตั้งแต่ช่วง 2516-2519 เป็นช่วงที่มีการหยุดงานของแรงงานเป็นพันๆครั้ง และแต่ละครั้งจะมีบทบาทของนักศึกษาเข้าไปร่วมขบวนการด้วย จึงกลายเป็นที่เพ่งเล็งของกลุ่มผู้สูญเสียอำนาจคือทหาร และกลุ่มฝ่ายขวาที่ไม่ต้องการให้นักศึกษามีบทบาทมากเกินไปในสังคม
ส่วนเหตุการณ์ 6 ตุลานั้น นักศึกษากลับกลายเป็น "เหยื่อ" ทางความคิดทางการเมืองจากน้ำมือของพวกฝ่ายขวา (โดยเฉพาะกลุ่มนิยมเจ้า และชนชั้นกลางที่ไม่พอใจบทบาทของนักศึกษาที่อยู่เบื้องหลังการสไตรค์งานของแรงงาน) ดังจะได้อธิบายในข้อต่อไป
2. อุดมการณ์ทางความคิดทางการเมือง เหตุการณ์ทั้งสองเป็นการปะทะ ต่อสู้กันทางความคิด โดยเหตุการณ์ 14 ตุลา เป็นการปะทะระหว่าง "ประชาธิปไตย vs เผด็จการ (หรือเรียกให้หรูๆคือ ประชาธิปไตยแบบไทย)" โดยมีตัวแทนคือ "นักศึกษา vs ทหาร" ซึ่งฝ่ายแรกต้องการให้มีการประกาศเลือกตั้งโดยเร็ว เพราะรัฐธรรมนูญได้ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2512 แล้ว ส่วนอีกฝ่ายยังต้องการกุมอำนาจโดยพยายามถ่วงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด เพื่อสืบทอดทางการเมืองต่อไปนั่นเองครับ
ส่วนเหตุการณ์ 6 ตุลานั้น นับว่ามีสาเหตุมาจาก "สงครามทางความคิด" ล้วนๆ เนื่องจากในความเป็นจริงคือแม้ว่านักศึกษาจะออกมาประท้วงกรณีจอมพลถนอมกลับมาในฐานะ "สามเณร" แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริง สาเหตุที่แท้จริงคือความพยายามปราบปราม "คอมมิวนิสต์" ของฝ่ายขวา เนื่องจากในขณะนั้นมีบริบทที่สำคัญคือ
- "ลัทธินิกสัน" ที่ US ผ่อนปรนกับค่ายคอมมิวนิสต์มากขึ้น และการเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนในสมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ในปี 2518 ที่ผลักดันให้แนวคิดแบบคอมมิวนิสต์เข้ามาในสังคมไทยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา - กรณีสงครามเวียดนามที่จบลงในปี 2518 โดยชัยชนะของเวียดกง ยิ่งทำให้ไทยเรากลัวว่าจะเกิดทฤษฎีโดมิโนกับบ้านเรา เพราะในขณะนั้นอินโดจีนทั้งหมดเป็น "แดง" ทั้งสิ้น - การเข้าร่วมขบวนการกับคนระดับ "กรรมาชน" ของนักศึกษา ทำให้สังคมมองว่านักศึกษากำลังมีแนวคิดเอียงซ้าย ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคง โดยเฉพาะความคิดของกลุ่มทหารและนิยมเจ้า
ดังนั้นด้วยความกลัวของฝ่ายขวาในขณะนั้นทำให้เกิดการตั้งขบวนการหลายหน่วยขึ้นมาเพื่อต่อต้านนักศึกษาในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็น ลูกเสือชาวบ้าน นวพล กระทิงแดง โดยเข้ามารบกวนและสร้างสถานการณ์ในระหว่างการประท้วงของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
และเหตุการณ์ที่เป็นชนวนของการสังหารโหดอย่างทารุณคือ กรณีการแสดงละครฆ่าแขวนคอ ที่หนังสือพิมพ์ดาวสยาม และสถานีวิทยุยานเกราะ "ปั่นกระแส" ตลอดวันตลอดคืนในช่วงวันที่ 5-6 ตุลาฯ ว่านักศึกษากำลังดูหมิ่นสถาบันอยู่ ดังนั้นการปราบปรามและสังหารโหดจึงเริ่มขึ้นในเช้าวันที่ 6 ตุลา โดยน้ำมือของคนที่เรียกว่า "ทหาร" และ "ตำรวจ" ตลอดจน "ฝ่ายขวา โดยเฉพาะกลุ่มนิยมเจ้า" ในที่สุดเหตุการณ์สงบลงโดยการปฏิวัติของ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ หน.คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในวันเดียวกันนั้นเองครับ
จากคุณ |
:
ภารตยุทธ (ภารตยุทธ)
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ก.พ. 54 15:04:47
|
|
|
|