ความคิดเห็นที่ 1 มันเป็นค่านิยมของคนไทยหน่ะ ไม่ต้องเครียด รอเรียนจบแล้วเข้าไปมหาวิทยาลัยก็ลืมเรื่องพวกนี้ไปละ ตอนนี้ทนไป หรือไม่ต้องสนใจ ตั้งใจเรียนเข้ามหาวิทยาลัยที่เราอยากเข้า ทำงานในสิ่งที่เราอยากทำ แค่นี้พอละครับ :) จะว่าไปเราก็เรียนสายวิทย์(ไม่รุ่ง 555) แต่ตอนเอนท์ก็ไปเอนท์สายศิลป์สะงั้น -*- แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 54 14:42:55 จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 14:42:08

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ว่าเรียน สายไหน มันไม่ได้วัดกันแค่นี้หรอกค่ะ หนทางยังอีกยาวไกล การดูถูก ถ้าเราเก็บเอามาคิด เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ตั้งใจกว่าเดิม ขยันกว่าเดิม เป็นสิ่งที่ดีให้กับตัวเราเอง แต่อย่าเก็บมาคิด ให้มันบั่นทอนตัวเอง และ ท้อแท้ ไม่อยากทำสิ่งในมือ ฝันที่มีอยู่พัง เค้าดูถูกคุณได้ แต่เค้าเอาความตั้งใจของคุณไปไม่ได้ พิสูจน์ให้เค้าเห็นเท่านั้น ว่าสิ่งที่เค้าดูถูกคุณมานั้น ไม่เป็นความจริง ปกติเด็กเรียนสายวิทย์ จะไม่ค่อยเก่งภาษาซักเท่าไหร่ อย่างน้อย ๆ พวกเค้าก็ไม่ได้พูดจีน อย่างที่คุณเรียนอยู่ได้ทุกคน จริงไหมคะ? ไม่มีใคร เก่งไปซะทุกอย่างหรอกค่ะ อยู่ที่ว่า ใครจะล้อเลียนปมด้อยใคร หรือว่าใครจะมองเห็นสิ่งที่เด่นในตัวเองก่อนกัน ก็แค่ลมปาก ... จากคุณ : Princess 215D388E เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 14:50:00

ความคิดเห็นที่ 3 เด็กวิทย์หลายคนเรียนวิทย์โดยไม่ดูสภาพของตัวเองครับ ว่าตัวเองไม่ได้ถนัดทางวิทย์คณิต แต่เข้าเรียนทางสายวิทย์เนื่องจาก 1.ตามเพื่อน 2.พ่อแม่ให้เรียน หรือาจมองว่าจบสายวิทย์แล้วมีคณะรองรับมากกว่า หรือมองว่ามันเท่กว่าถ้าเรียนสายวิทย์ แต่พอเข้าไปเรียนแล้ว เรียนไปวันๆ เกรดตกต่ำ เข้ามหาวิทยาลัยลำบากอีก หรือบางคนเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้เลย   ผมเองก็เกือบจะเป็นเช่นนั้น ที่คิดจะเข้าเรียนสายวิทย์ตามเพื่อน ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ถนัดทางนี้เลย โชคดีที่คิดทัน เปลี่ยนใจสมัครเข้าสายศิลป์ และผมก็คิดว่าผมไปถูกทางแล้ว ดังนั้นไม่ต้องสนใจว่าใครจะมาดูถูกหรือพูดยังไง เราทำของเราให้ดีก็พอครับ จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 14:50:45

ความคิดเห็นที่ 4 คิดถูกแล้วค่ะที่เรียนภาษา   ของแบบนี้ต้องรอดูระยะยาว จากคุณ : tibby-bibty เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 14:56:17

ความคิดเห็นที่ 5 เราไม่เก่งทั้งวิทย์ทั้งภาษาเลยหละเพราะตอนเด็กๆ iq ต่ำกว่ามนุษย์ธรรมดาๆทั่วๆไปเนื่องจากมีอาการป่วยทางร่างกายและทางจิต...เราเลยโดนทั้งเด็กวิทย์เด็กภาษาดูถูกเอา ตอนจบเราเลยเรียนแต่ esoteric arts (ศาสตร์เร้นลับ) นอกมหาลัย เพื่อเปลี่ยน iq เราและคงไว้ซึ่งความอ่อนวัยตลอดกาล และตอนนี้ค่อนข้างได้ผล พวกเด็กเรียนเก่งเีริ่มสมองเสื่อมและเริ่มเดินกระย่องกระแย่งเพราะความชราภาพ เก่งแค่ไหนก้อใกล้จะเข้าโลงแล้ว แต่เรายังมาแรงตอนแก่ๆ ยิ่งอายุมากขึ้นเราก้อยิ่งมาแรงเพราะนอกจากร่างกายเราจะทรงพลัง (เหมือนจากซันฟง (เจ้าสำนักบู๊ตึง) และตักม้อ (จ้าวสำนักเส้าหลิน) ที่อายุเลย 100 ปีแต่เคลื่อนไหวร่างกายได้คล่องแคล่วว่องไวและทรงพลังชนะเด็กวัยรุ่นได้) อีกทั้ง  iq เราก้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้รวดเร็วกว่าตอนเด็กๆ...อีกหน่อยพวกเด็กเก่งๆที่เคยดูถูกเรามันก้อเดี้ยงไปหมดแล้ว เราก้อต้องเรียนแซงหน้าชนะพวกมันได้ในที่สุด...555+++... อย่าลืมว่า "คนที่อยู่ภายใต้ความกดดัน มันจะเปลี่ยนแปลง แต่จะเปลี่ยนไปในทิศทางใดนั้น มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง" นี่กำลังจะออกไปฝึกโยคะกับวรยุทธ์จีน ขอไปฝึกเ้พลงมวยหมัดเมาสัก 100 ยก...เดี๋ยวค่อยกลับมาเรียนภาษาอังกฤษใหม่...อิๆๆ.. แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 54 15:05:44 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 15:01:11

ความคิดเห็นที่ 6 ทองแท้ย่อมไม่กลัวถูกไฟลน ถ้าเด็กเรียนสายวิทย์บางคนคิดแบบนั้นก็น่าสงสารมากเพราะไม่มีหัวจะคิด+ตรรกะชำรุดมากกว่า แค่ได้เรียนสายวิทย์ สายศิลป์ ไม่ได้เป็นตัวตัดสินเรื่องความสำเร็จแต่อย่างใด คนเรียนสายวิทย์/สายศิลป์มีสิทธิตกงาน หรือได้งานห่วย ที่ไม่อยากทำได้พอๆกัน สิ่งที่พิสูจน์ความสำเร็จดูจากหลังจากเรียนจบแล้วได้งานดีๆทำต่างหากละ และถึงแม้ว่ามีคนเรียนสายวิทย์บางคนบอกว่าเรียนสายวิทย์โอกาสมากกว่าเพราะสามารถโดดข้ามไปเรียนสาขาวิชาป.ตรีของสายศิลป์ได้ แต่สายศิลป์โดดไปเรียนสายวิทย์ไม่ได้ ก็อย่าได้สนใจเพราะเป็นเรื่องคิดเข้าข้างตัวเองของคนเรียนสายวิทย์บางคนเท่านั้น เพราะมองอีกมุม ถ้าพวกนี้คิดว่าสายวิทย์ดีจริงทำไมไม่สอบให้ได้เข้าเรียนสายวิทย์ต่อในมหาวิทยาลัยละ จะย้ายมาเรียนวิชาสายศิลป์ทำไม และที่แน่ๆไม่ใช่เด็กจบสายวิทย์ทุกคนจะโดดมาเรียนสายศิลป์ได้ทุกคน ผมเห็นมาเยอะว่าเด็กสายวิทย์จำนวนไม่น้อยโง่วิชาภาษา หรือความรู้ทางสังคม การเข้าอกเข้าใจคนอื่นจนติดลบเลยทีเดียว สรุปคือ จงเป็นตัวของตัวเอง มีความสุขกับการเรียนสายศิลป์ไปอย่าได้แคร์ ความสำเร็จเป็นของคนที่ใฝ่ดีและตั้งใจทุกคน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรียนสาขาวิชาอะไรแน่นอน แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 54 15:45:29 แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 54 15:44:08 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 15:37:44

ความคิดเห็นที่ 7 อย่าไปสนค่ะ  ว่า ใครจะมาดูถูก  ถ้าเรารู้ว่า เราทำอะไรอยู่ เราเป็นเด็กพาณิชย์  ซึ่งมีภาพที่เด็กสายสามัญ และ ฯลฯ จะดูถูกอยู่แล้ว พอไปเอ็นท์ฯ ได้ที่ดีๆ เข้าไปก็โดนสายตา (จากบางคน - - ไม่ใช่ทุกคน) อีก แม้ว่า ไม่ชอบสายตาแบบนี้  แต่พยายามไม่ใส่ใจ  ทำในส่วนของเราไปค่ะ สุดท้าย เรียนจบในสามปีครึ่ง ตอนหลังยังไปเรียน ป.โท ที่ ตปท. (แบบได้ทุนอเมริกาบางเทอม) ด้วยค่ะ อย่าไปใส่ใจค่ะ และคิดว่า ไม่มีใครจะเก่งไปได้ในทุกวิชาหรอกน่า เราทำให้ดี และเก่งในทางที่เราเลือก  น่าจะดีที่สุด เนาะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : ต้นจั่น เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 15:38:56

ความคิดเห็นที่ 8 ทำจิตใจให้เข้มแข็ง และตั้งใจเรียนค่ะ มีคนบอกไว้ว่า ไม่มีใครจะดูถูกเราได้ ถ้าเราไม่ยอมดูถูกตัวเองก่อน คนที่ชอบดูถูกคนอื่น บางทีพวกเค้าก็แค่หาอะไรมากลบปมเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกว่าสูงส่งกว่าคนอื่น แค่นั้นเอง อาจารย์ในบางโรงเรียนก็ยังมีโลกทัศน์แคบๆอยู่ คิดแต่ว่าเด็กเรียนดีต้องไปเรียนสายวิทย์ สายศิลป์ให้เด็กที่เรียนอ่อนกว่า อยากบอกว่า เด็กสายวิทย์เรียนห่วยๆ เยอะแยะไป ครั้นจะให้เด็กกลุ่มนี้ไปเรียนสายศิลป์ ก็ใช่ว่าพวกนี้จะเรียนดีขึ้น คนเรามันต้องดูกันยาวๆ คิดเหมือนคุณโจโฉ (คห.6) ว่า "สิ่งที่พิสูจน์ความสำเร็จดูจากหลังจากเรียนจบแล้วได้งานดีๆทำต่างหาก" ทำยังไงให้ได้งานดีๆทำ พูดกันตามตรงแบบไม่ต้องดัดจริตเข้าข้างใคร ตัวช่วยที่ดีที่สุดในอันดับแรกคือการได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยและคณะที่มีชื่อเสียงและจบมาด้วยคะแนนดีๆค่ะ อย่างน้อยตอนไปสมัครงานก็จะได้เปรียบกว่าคนอื่นนิดหน่อยตรงที่ ฝ่ายบุคคลเค้าจะสนใจพิจารณาเราก่อนผู้สมัครที่จบจากคณะที่มีชื่อเสียงระดับรองลงมา (ก็แหงแหละ ไม่งั้นคนเค้าจะแย่งกันสอบเข้าไปเรียนเรอะ) แล้วอย่าลืมรอดูพวกที่ชอบดูถูกชาวบ้านด้วยว่าไปเรียนต่อที่ไหน (ไม่รู้สิ เคยเห็นพวกเรียนเก่งจริงๆเค้าไม่เห็นจะดูถูกคนอื่นเลย) จากคุณ : The Starry Night เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 16:05:12

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านแล้วก็ได้แต่ เฮ้อ.. กับค่านิยมแบบผิดๆของคน ผมก็เรียนศิลป์-ภาษามา ตอนเรียนไม่เคยมีใครมาดูถูกผมได้ ซึ่งผมก็เรียนไม่เก่ง คนจะดูถูกเราได้ อยู่ที่ว่าเรายอมให้เค้าดูถูกหรือเปล่านะครับ ตอนเรียนก็คงมีคนดูถูกผมเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้สนใจ ปล่อยเค้าไปครับ ทำอย่างไร เดี๋ยวเค้าก็ได้อย่างนั้นเอง จากคุณ : kOn_bA เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 18:43:12

ความคิดเห็นที่ 10 ค่านิยม ค่านิยม ทำให้ตัวเองได้ดี ประพฤติดี ก็พอแล้วค่ะ จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 18:50:24

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณทุกความเห็นน่ะครับ จากคุณ : เด็กศิลป์ (norrapat) เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 19:13:18

ความคิดเห็นที่ 12 ปกติเด็กเรียนสายวิทย์ จะไม่ค่อยเก่งภาษาซักเท่าไหร่... เท่าที่เห็นมากว่า 40 ปี โดยเฉลี่ยมันไม่ใช่ครับ เพราะถ้าเรียนเก่ง ยังไม่แน่ใจอะไร คนก็เลือกวิทย์ก่อนครับ เพราะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยทางสายศิลป์ก็ยังได้ ดังนั้นเด็กสายศิลป์ส่วนใหญ่ที่เรียนวิทย์ไม่ได้เพราะคะแนนต่ำกว่า (รวมทั้งภาษาก็คะแนนต่ำกว่า) ก็จำเป็นต้องมาทางนี้ครับ ผมยก ตย. ให้ฟังก็แล้วกัน ห้อง King สายวิทย์ เทียบกับห้อง King สายศิล์ป สอบภาษาอังกฤษสมัยผม ตอน มศ 4 คะแนนเด็กวิทย์โดยเฉลี่ยทิ้งห่างเด็กศิลป์ห้อง King พอควรครับ และที่น่าตกใจที่ 1 สายศิล์ป คะแนนอังกฤษยังสู้เด็กวิทย์ไม่ได้หลายคนครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 20:51:07

ความคิดเห็นที่ 13 อย่าท้อนะครับ ผมก็เรียน ภาษาจีนมานะครับ จงภูมิใจครับเถอะครับ คนแต่ละครับไม่เหมือนกันครับ อย่างผมเรียนภาษาจีนมาผมก็ไม่ได้เก่งนะครับแต่ผมสามารถเป็นเด็กนักเรียนคนแรกของโรงเรียนที่ได้ไปเรียนที่เมืองจีนได้ฟรี 1 เทอม นะครับว่าแต่เรารักเราชอบให้ด้านนี้เป็นพอ อย่าได้แคร์ครับ จากคุณ : TOM_PLS เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 22:02:23

ความคิดเห็นที่ 14 มองอะไรผิดพลาดไปนิดนึงครับ อันดับแรกเลยคือเอาอะไรมาวัดว่าวิทย์อยู่เหนือศิลป์ และการแสดงออกอะไรที่ทำให้น้องคิดอย่างนั้น ...จะเป็นอะไรก็ตามสมมติว่านั่นเป็นสิ่งที่น้องคิดว่ามันคือ"การดูถูก"แล้ว ฟังทางนี้ เลเวลปกติของทั้งสองสาย สายวิทย์ย่อมมีโอกาสทางการทำงานมากกว่าเนื่องจากปริมาณของผู้สำเร็จมันต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่เลเวลสูงๆของทั้งสองสาย(ตีความเอาเองว่าสูงหมายถึงอะไร) รายได้นั้นสูงลิบและมากพอที่จะไม่ทำให้ใครมาดูถูกน้องได้แน่ๆ สรุปว่าถ้าน้องอยู่สายศิลป์ และโฟกัสที่ภาพลักษณ์อย่างที่ว่า น้องก็จำเป็นที่จะต้องอยู่ในระดับท๊อปของสายศิลป์+ความสามารถพิเศษบางอย่างให้ได้ จากคุณ : lARtZnolASt เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 22:59:45

ความคิดเห็นที่ 15 ต้องเข้าใจนะว่า เด็กศิลป์อ่ะ ส่วนใหญ่ มีแต่พวกไม่รู้จะเรียนอะไร บ้างก็เรียนวิทย์ไม่ได้ (เพราะเกรดไม่ถึง นี่ไง ผิดตั้งแต่ระบบแล้ว ระบบที่คัดเด็กเก่ง-อ่อน โดยอัตโนมัติ) บ้างก็เรียนอะไรไม่ได้เลย อาจารย์เค้าเคยเจอมาแบบนี้เราจะโทษเค้าซะทั้งหมดก็ไม่ได้ เราต้องพิสูจน์ตัวเองนะคะ ว่าเราก็เป็นเด็กศิลป์ที่เจ๋งได้ หลังๆอ่ะ ค่านิยมนี้มันหายไปเยอะมากแล้วเพราะ 1. หลังๆ คณะทางศิลป์บูมกว่าคณะทางวิทย์ เช่น วารสารฯ นิเทศ มัณฑนะฯ จิตกรรม อักษร มนุษยฯ คะแนนนิเทศนี่สูงเท่าวิศวะเลย - -* 2. คนรุ่นหลัง ที่เริ่มมีอาจารย์แนะแนว กำลังเข้ามามีบทบาทเยอะ ครูเก่าเกษียณไป ครูรุ่นใหม่ๆมาแทนเยอะ เราว่าเค้าจะเข้าใจตรงนี้มากกว่านะ 3. ผู้ปกครองพอเห็นว่าคณะทางศิลป์บูม เลยลองหันมาศึกษา และพบว่า เรียนศิลป์มันก็ไปทำมาหากินได้ หลากหลายไม่แพ้วิทย์ คณิต!! เราก็เรียนศิลป์ เราแย่กว่าตรงที่ เราอ่ะ ยังโดนเด็กศิลป์ด้วยกันเองดูถูกเลย เพราะเราเรียนฝรั่งเศส คนชอบวิจารณ์มาก ว่าเรียนไปทำอะไร เรียนไปตั้งชื่อร้านอาหารเหรอ! เราก็ไม่เคยหวั่น เราเชื่ออย่างนึงว่า ถ้าเราชำนาญในศาสตร์อะไรสักอย่าง ไม่มีวันตกงานแน่นอน!!!!!!! ปล. อ่านห้องสมุดมาหลายปี ต้องเจอทุกปีอ่ะ อย่างน้อยปีละสามสี่กระทู้ เกี่ยวกับ วิทย์ศิลป์ 55 เราเองก็เคยตั้งกระทู้ทำนองนี้ 55555555555 ตอนนี้หายน้อยใจแล้ว เพราะมีเด็กวิทย์อีกมากมายที่อิจฉาเด็กศิลป์อย่างเราๆ ฮ่าาาา (เพราะพวกเค้าโดนบังคับให้เรียนวิทย์น่ะสิ) จากคุณ : Mammillaria เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 23:33:00

ความคิดเห็นที่ 16 ต้องเข้าใจว่า สายวิทย์ เลข เป็นสายที่ต้องใช้ความเข้าใจอย่างมาก มีเนื้อหาเรียนอย่างมาก และเป็นพื้นฐานของการเรียน วิชาชีพที่ได้เงินสูง ฯลฯ การเรียนก็เลือกเรียนตามถนัด เด็กวิทย์บางส่วน ภาษาเน่ามาก บางส่วน ภาษาดีกว่าเด็กสายศิลป์อีก ดังนั้น แท้จริง ถ้าเราไม่ได้เก่งศิลป์ขนาดแบบพูดได้อ่านคล่อง ก็ถือว่าเราสู้พวกวิทย์ที่ได้ผลการเรียนดีไม่ได้หรอกครับ พูดตามความเป็นจริงเลย อย่างผม ตอนเรียน(อยู่วิด) ภาษาผมดีกว่าเด็กสายศิลป์ อีกนะครับ จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 09:21:06

ความคิดเห็นที่ 17 สมัยเรียนอาจารย์พี่ชอบด่าวิทย์นะ  ว่าสายศิลป์เรียนวิทย์น้อยกว่า  แต่ทำไมเค้าขยันกว่าเธอกันได้หา  555 เราทุกคนมีคุณค่าของตัวเอง ภูมิใจเถอะ  ที่รู้ว่าตัวเองอยากเรียนอะไร เลือกทางเดินของตัวเองได้แล้ว พี่เป็นเด็กวิทย์ฯที่อยากเรียนสายภาษามาก แต่ถูกคัดค้านเต็มที่เพราะเหตุผลที่รู้กัน  เลยเรียนสายวิทย์ไปก่อน  ตอนอยู่ม.5  ถึงกับจะขอย้ายสายเพราะอยากทำงานด้านภาษาจริง ๆ  แต่ที่บ้านไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าเรียนได้  เกือบสิบปีแล้วจากวันนั้น  ก็มีอะไรติดค้างในใจเหมือนกัน พี่เสียดายอะที่เลือกตามกระแสสังคมมากกว่าใจตัวเอง   เป็นตัวของตัวเอง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดนะคะ  แล้วเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์เราเอง ขอให้น้องโชคดีค่ะ จากคุณ : พลอยดำ เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 12:21:35

ความคิดเห็นที่ 18 ทำใจ อย่าได้แคร์ค่ะ ตัวพี่เองเป็นคนหนึ่งที่เรียนสายวิทย์ เพราะสมัยก่อน สายศิลป์ที่โรงเรียนง่อยมาก มีแต่คนเรียนอ่อนๆ เลือกเรียนสายศิลป์กัน อาจารย์สายศิลป์ก็ไม่มีประสิทธิภาพ แต่ตอนนี้ โรงเรียนพี่ สายศิลป์พัฒนาไปเยอะมากๆ คณาจารย์มีคุณภาพ ไม่น่าเชื่อว่ายังมีโรงเรียนที่เป็นแบบโรงเรียนของน้องอยู่ และไม่น่าเชื่อว่ายังมีคนเรียนสายวิทย์ดูถูกคนเรียนศิลป์อีก ขอให้น้องจงภูมิใจนะคะ ว่าน้องเก่งมาก ที่รู้จักตัวเอง เลือกทางที่เหมาะได้ ในขณะที่คนอื่น เลือกตามกระแส จากคุณ : ChocoJosie เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 01:00:52