|
สามสิบหกชั่วโมงจากนั้น..ฉันก็ได้มายืนที่นี่..บนรถไฟสาย Paris Express ที่ชานชาลาเมือง Taranto, Italy เพื่อรอการเคลื่อนขบวนในไม่กี่นาทีข้างหน้า..
ชายวณิพกกลางคนคนหนึ่ง..มาหยุดยืนและแหงนคอมองมาที่ฉัน..ก่อนที่เขาจะเปล่งเสียง โหยหวนร้องเพลง.."Oh Sole Mio"*** แบบผิดคีย์ให้ฉันฟังแบบตั้งอกตั้งใจ.. และเหมือนกับเป็นการเตือนว่า..ถ้าไม่รีบโยนเงินให้แล้วละก้อ..รับรองว่าจะ"หูชา"ไปอีกหลายเพลง..
ฉันรีบโยนเหรียญให้..แต่ไม่วายที่จะโต้ไปเป็นภาษาอิตาเลี่ยนว่า.. "ถ้าคนที่นี่ยังมีแก่ใจร้องเพลง Oh Sole Mio ได้..ก็นับว่าที่นี่ยังไม่โชคร้ายจนเกินไปนัก"
วณิพกคนนั้น..ยิ้มตอบกลับมาแบบกว้างขวาง รีบถอยออกไปสองสามก้าวเพื่อคว้าเงินไว้อย่างว่องไว ชำนาญ..ก่อนที่จะบอกว่า.. "เจ้านายพูดถูกขอรับ..ร้อยถูกพันถูก..ชีวิตในอิตาลีนี้..ช่างสวยงามนัก ขอแค่มีไวน์ติดก้นขวดไว้กลั้วคอ..มีหญิงสวยๆให้มอง..มีเงินนิดๆหน่อยติดกระเป๋า...โอย..สุขเหลือหลายแหละขอรับ..ส่วนพวกที่ตายไป..เราก็สวดให้พระเจ้าคอยดูแลพวกเขาบนสวรรค์"
จากนั้น...เสียงหวูดก็ดังขึ้น..รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ...
***เพลง Oh Sole Mio ค่ะ...เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักทำนองดีอยู่แล้ว.. ความหมายของมันเป็นภาษาอังกฤษ..คือ..Oh My Sun
What a beautiful thing is a sunny day, The air is serene after a storm The air's so fresh that it already feels like a celebration What a beautiful thing is a sunny day
But another sun, that's brighter still It's my own sun that's upon your face! The sun, my own sun It's upon your face! It's upon your face!
When night comes and the sun has gone down, I almost start feeling melancholy; I'd stay below your window When night comes and the sun has gone down.
But another sun, that's brighter still It's my own sun that's upon your face! The sun, my own sun It's upon your face! It's upon your face!
จากคุณ |
:
WIWANDA
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ก.พ. 54 07:00:54
|
|
|
|
|