ความคิดเห็นที่ 1 ใครสอนนักเรียนจนสอบเกือบได้เต็ม มันขึ้นอยู่กับว่าสอนใครด้วย ไม่ใช่สอนหน้าไหนก็ได้เกือบๆเต็มหมด! จริงๆแล้วโดยส่วนตัวเราไม่เชื่อเรื่องประสิทธิภาพในการติวพื่อสอบข้อสอบต่างประเทศเลย สมัยเมื่อก่อนที่ทำงานด้านสอนภาษาอังกฤษ (ตอนเป็นผู้จัดการโรงเรียนสอนภาษา) เราเคยคิดแนวการตลาดคล้ายๆโรงเรียนสอนภาษาทั่วๆไปว่าจะต้องเปิด course นั้น course นี้ให้มันหลากหลาย วุ่นวายไปหมด เพื่อหาเงินเข้าโรงเรียน แต่พอไปทำงานแปลเอกสารแล้วตอนพักระหว่างช่วงการแปล กลับมาศึกษาค้นคว้าเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ digital media ล้วนๆ เรากลายเป็นได้ concepts ใหม่ๆว่า ใครก้อตามที่จะเตรียมสอบ toefl, toeic, ielts หรือข้อสอบอะไรทำนองนี้ ควรอยู่ในสภาพที่พร้อมแล้วที่จะเรียนจากสื่อภาษาอังกฤษล้วนๆ โดยไม่ใช้ภาษาไทย และไม่เรียนกับครูไทยเลย นั่นก็คือใช้ dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ ล้วนๆ และเรียนจากสื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝึกจากหนังสือเตรียมสอบจากต่างประเทศ หรือบทเรียนฟรีตามเวปต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวก video clips สอนฟรีของหลายๆค่าย มันมีประสิทธิภาพมากๆ นั่นก้อหมายความว่าถ้าเราคิดจะไปสอนใคร เราจะไม่มัวแต่ไปติวข้อสอบพวกนี้ แต่เราจะสอนเฉพาะทักษะพื้นฐานที่จำเป็น สอนให้น้อยที่สุด เท่าที่จำเป็น เพื่อให้ผู้เรียน เอาไปค้นข้อมูลเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง (โดยไม่ใช้สื่อภาษาไทยในการเรียนรู้เลย แต่ใช้ภาษาอังกฤษล้วนๆ) โดยส่วนใหญ่เราจะสอนให้ใช้ ICT เป็นเครื่องมือหลักในการเรียนรู้ ดังนั้นเราจึงคิดว่าการพูดไทยกับนักเรียนเพื่อบอกให้นักเรียนทำข้อสอบแบบนั้นแบบนี้ มันไม่ไ้ด้ช่วยให้นักเรียนคิดเองเป็น ผู้สอนควรสอนให้นักเรียนคิดเองเป็น แล้วค้นข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองในระดับต่อๆไป โดยในการเรียนรู้ให้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อโดยทั้งหมด... เพราะนักเรียนมักจะยึดติดกับการติวข้อสอบ และยึดติดกับชื่อเสียงของติวเตอร์ที่มักจะโฆษณาโดยเอาผลการสอบของนักเรียนเก่งๆมาโฆษณา แทนที่จะเอาผลการสอบของนักเรียนทั้งหมดมาแฉให้ดูกัน นั่นก้อหมายความว่า โรงเรียนสอนภาษาในฝันตาม concepts ใหม่ๆของเรา มันคงแ้จ้งเกิดได้ยาก แต่ถ้าโอกาสอำนาย มันก้อจะเป็นโรงเรียนที่ประหลาดที่สุด เพราะมันจะมีแค่ course เดียวคือ สอนแค่ให้ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้เก่งน้อยที่สุด (แ้ล้วก้อจบ course ไป) แต่เก่งพอที่จะเรียนต่อไปได้ด้วยตัวเอง โดยไม่้ใช้ภาษาไทย เลย ใช้แต่ภาษาอังกฤษล้วนๆ แต่ผู้เรียนตอนนั้นกลายเป็นเซียน ICT ไปซะแล้ว และจะหาบทเรียนของฟรีจากต่างประเทศมาเรียนเอง ได้หมด แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 54 22:32:15 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 54 22:27:05

ความคิดเห็นที่ 2 ชอบคอร์สของคุณ fortuneteller จังค่ะ เราว่าสอนพื้นฐานให้แน่นๆแล้วให้ไปต่อยอดกันเองจะดีกว่า ในการภาษาอังกฤษ สิ่งที่เราอยากทำมากๆคือการ motivate ให้นรเขาอยากที่จะเรียนรู้ตัวเอง ให้มันเริ่มจากตัวเขาเอง ว่าเออเรารู้สึกสนุกไปกับมันนะ แล้วก็อยากเรียนรู้ไปเรื่อยๆ อย่างเด็กที่เราสอน(8ขวบ) เราพยายามพูดกับเขาว่าภาษาอังกฤษมีประโยชน์นะคะ เห็นไหมลองดูสิ บนการ์ดเกม ตัวหุ่น ที่หนูเล่นยังมีภาษาอังกฤษทั้งนั้นเลย แล้วมันทำให้เขาอยากรู้อยากเห็นด้วยตัวของเขาเอง ครั้งต่อมา ไปหาหุ่นยงหุ่นอะไร มามากมาย อันนี้แปลว่าอะไร ผลิตที่ไหน อย่างน้อยก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่เลวนัก จขกท เราไม่ได้เก่งนะคะ ยังคงเรียนรู้อยู่เรื่อยๆทุกๆวัน และขี้เกียจจังเลย ฮ่าๆ อยากลองแนะนำว่า การเขียนเริ่มจากการอ่านอย่างมหาศาลค่ะ เป็นคลังข้อมูล เราจะคุ้ยเคยกับโครงสร้างปย ต่างๆ (เคยคุยกับคนเมกันที่เขา major creative writing เขาบอกว่าก่อนที่จะได้เขียนนั้น ถูกแอสไซให้อ่านหนังสือจำนวนเยอะมากๆๆๆก่อน เพื่อดูสไตล์) แล้วก็ลองมาดูสไตล์การเขียนในแบบต่างๆ พวก hook conjunction ต่างๆ อันนี้แกรมม่าต้องถูกต้องแล้วนะคะ และที่สำคัญต้องมีคนตรวจค่ะ จากคุณ : บทเพลงแห่งสายลม เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 17:06:57

ความคิดเห็นที่ 3 คุณ fortuneteller ถ้าคุณเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเมื่อไหร่ ผมขอไปเรียนเป็นคนแรกเลยครับ ผมเห็นด้วยมากเลยที่ปัจจุบัน มีแต่สถาบันกวดวิชาที่เป็นความรู้สำเร็จรูปกันเยอะ ซึ่งมันใช้จริงได้ยากครับ ผมกำลังค้นหาสถาบันในฝันแบบของคุณอยู่เลยครับ จากคุณ : Dancing Sakura เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 10:42:21

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณที่ช่วยมาแสดงความคิดเห็นนะคะ ตอนนี้ก็พยายามอ่าน passage มากๆอยู่ แล้วนำมาประยุกต์ใช้ในการฝึก writing แต่ปัญหาก็เหมือนกับที่คุณ บทเพลงแห่งสายลม บอก คือต้องการหาคนตรวจที่ดีๆ เข้าใจเนื้อหาที่เราเขียนใน passage ที่ถึงแม้จะเขียนไม่ค่อยดีแล้วมาอธิบายเราได้ว่าเขียนผิดตรงไหน ต้องแก้ไขอย่างไร นั้นแหละคือประเด็นว่าที่ไหนจะทำให้ได้ดี จากคุณ : joyhaha เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 22:16:35

ความคิดเห็นที่ 5 ก็ว่ากันไปครับ ที่คุณ fortune-teller พูดก็ถูกครับ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด การเรียนศัพท์ 1 คำโดยที่ไปเปิดดูความหมายใน English dictionary มันช้าครับ ไม่ทันกิน เช่น endure = to suffer something difficult, unpleasant or painful (Cambridge Dictioanry Online) ต้องมานั่งตีความอีกว่า มันคืออะไรกันแน่ ทั้งๆที่มันแค่แปลว่า อดทน คำเหมือนได้แก่ tolerate, withstand, put up with, bear เห็นมั้ยครับแทนที่ไปนั่งมตั้งนานว่า endure คืออะไร นักเรียนอีกคนนึงอาจได้ศัพท์ไปแล้ว 5 คำ การเรียนด้วยตัวเองไม่ใช่ไม่ดีครับ แต่มันช้า และต้องใช้พลังงานมาก ส่วนที่ติวดีๆ ก็เหมือนเขาย่อยความรู้มาให้เราแล้ว ขนาดบางคนบริโภคความรู้ที่ย่อยมาแล้ว ยังไม่ยอมกลืนเลยครับ ประสาอะไรกับการต้องมานั่งย่อยความรู้เอง ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนที่ถ้าไม่อึดจริง ก็ล้มเลิกความตั้งใจได้ง่าย แต่ผมเห็นด้วยเรื่องความคุ้นชินของภาษานะครับ เราต้องแยกภาษาออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนเนื้อหา (grammar + vocab + collocation ที่สามารถเรียนได้ และดีกว่าเรียนด้วยตัวเอง) กับส่วนความคุ้นชินภาษา (ส่วนนี้ต้องฝึกฝนด้วยตัวเองครับ) จาก ครูน้อยหัดสอน (ขอคำชี้แนะด้วยครับ) จากคุณ : kasareet เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 17:52:20

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยกับ คห 5 แต่ละคนมีจริตต่างกัน แต่ผมจะเป็นแบบคุณ fortuner ครับ เรียนเองใช้พลังมากกว่า แต่มันไม่ฉาบฉวย มันติดทนนานกว่าครับ คิดดูสิ ติวเตอร์อังกฤษเก่งๆ มีใครไปเรียนจากติวเตอร์เก่งกันหรือ? เรียนเองใช้พลังตัวเองทั้งนั้น เก่งเอง จากนั้นก็คิดรูปแบบสอนให้คนที่ไม่อยากเรียนเองมาเรียนกับเขา ถ้าทำได้ดี ก็รวยไม่รู้เรื่องเลย เช่น อาจารย์สงวนไง 555 และที่ผมสังเกตมา พวกเรียนเองนี่จะสอบชิงทุนได้มากถึงมากที่สุด สมัยผมไปเรียนด้วยทุนเมืองนอกเมื่อ 40 ปีก่อน เพื่อนร่วมรุ่นที่ไปด้วยกัน ไม่มีใครไปเรียนอังกฤษกับติวเตอร์สักคน เรียนจาก รร และด้วยตนเองทุกคนครับ (25 คน ในทุนประเภทหนึ่งในปีนั้น) จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 18:15:44