ความคิดเห็นที่ 1 1 พระเจดีย์วัดใหญ่ไชยมงคล  กับพระเจดีย์วัดภูเขาทอง  เป็นพระเจดีย์ที่สร้างแข่งกันระหว่างเมืองละโว้  กับเมืองหริภุญชัย 2 วัดพนัญเชิง  วัดมเหยงค์  วัดกุฎีดาว  วัดอโยธยา  วัดธรรมิกราช  วัดตูม  เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาก่อนพระเจ้าอู่ทองสถาปนากรุงศรีอยุธยา 3 วัดตูม  เป็นวัดป่าของพระสงฆ์ฝ่ายอรัญญวาสี  และเป็นวัดสำหรับทำพระราชพิธีลงเครื่องพระพิชัยสงคราม  ของพระเจ้าแผ่นดินมาแต่โบราณ  สมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5  ก็เคยเสด็จไปทำพิธีที่วัดนี้ (จารตะกรุด  เขียนเสื้อยันต์)  โดยเฉพาะรัชกาลที่ 5 โปรดให้ตีพระแสงดาบ  แล้วทำพิธีชุบพระแสงดาบที่สระน้ำในวัดตูม  เมื่อเสร็จพิธีทรงแกว่งพระแสงดาบปรากฏเสียงฟ้าร้องดังสนั่น 4 วัดพระรามาวาส สร้างตรงที่ถวายพระเพลิงพระศพพระเจ้าอู่ทอง 5 วัดพุทไธสวรรค์  สร้างตรงที่เคยเป็นพระตำหนักเวียงเล็กหรือเวียงเหล็กของพระเจ้าอู่ทอง 6  วัดมหาธาตุ  สมเด็จพระราเมศวร  ราชโอรสของพระเจ้าอู่ทอง  โปรดให้สร้างขึ้นตรงที่ทรงเห็นพระบรมสารีริกธาตุแสดงปาฏิหาริย์ 7  วัดราชบูรณะ  เจ้าสามพระยา  โปรดให้สร้างตรงที่ถวายพระเพลิงพระศพ  เจ้าอ้ายพระยา  และเจ้ายี่พระยา 8  วัดวรเชฏฐาราม  สมเด็จพระเอกาทศรถ  โปรดให้สร้างอุทิศถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (และอาจจะเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิด้วย) 9  วัดไชยวัฒนาราม  พระเจ้าปราสาททอง  โปรดให้สร้างตรงที่เป็นบ้านเดิมของพระองค์  โดยถ่ายแบบหรือเอาอย่าง  ปราสาทเมืองพระนครของเขมรมาสร้าง 10  พระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท  เป็นที่ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก  และทรงออกรับแขกเมืองอย่างใหญ่ 11  พระที่นั่งวิหารสมเด็จ  เป็นปราสาทยอดปรางค์พรหมพักตร์  สร้างในสมัยพระเจ้าปราสาททอง  และเป็นปราสาทองค์แรกที่ปิดทอง 12  พระที่นั่งสุริยาสนอมรินทร์  เป็นปราสาทห้ายอด  สร้างมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ  เดิมเรียกว่าพระที่นั่งเบญจรัตน์  สูงใหญ่เท่าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในปัจจุบัน 13  พระที่นั่งบรรยงค์รัตนาสน์  เป็นที่ประพาสมัจฉาในสระศรี  เป็นปราสาทสี่มุข  ตั้งอยู่บนเกาะกลางสระท้ายวังหลวง  เป็นที่ประทับประจำของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ  (เพราะชอบประทับที่พระที่นั่งนี้  จึงได้ฉายานี้มา) โอ๊ยยยยยยยยย  จารนัยไม่หวาดไม่ไหว  เอาเป็นว่า  อยากรู้อะไรบ้างตั้งคำถามมาเป็นข้อ ๆ ก็แล้วกันครับคุณ จขกท เหนื่อยนะเนี่ย จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 09:29:33

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ^ ขอบพระคุณ คุณคอแก้ง มาให้ข้อมูลไวมากเลยค่ะ อิอิ เหนื่อยเลย ที่ จขกท ไม่รู้จะถาม อะไรก็เพราะไม่มีความรู้เกี่ยวกับวัดเก่าแก่เหล่านี้เลยล่ะค่ะ เลยตั้งคำถามไม่ถูก ตั้งใจแค่ว่าจะเก็บข้อมูลให้ขึ้นใจแล้วจะได้ไปเที่ยวแบบมีสาระบ้าง เพราะแอบประทับใจความสวยงามและความขลังของวัดเก่าต่างๆนี้ แต่ที่สนใจเป็นพิเศษก็มีวัดใหญ่ไชยมงคล กับวัดไชยวัฒนารามนะคะ เพราะอะไรก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน รู้สึกแค่ว่าชอบเป็นพิเศษ ไม่ว่ากันนะคะ จากคุณ : แม่หญิงวิปลาศ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 11:22:34

ความคิดเห็นที่ 3 เคยไปเมื่อสองปีก่อน ตอนมีรถไฟฟรี นั่งจากหลักสี่ไปอยุธยา จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:07:48

ความคิดเห็นที่ 4 กินลมชมวิวไปเรื่อยๆ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็...ไม่เป็นไร เราเข้าใจรถไฟไทย จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:09:05

ความคิดเห็นที่ 5 ชม.กว่าๆ ก็ถึงอยุธยา เดินเตร่หาของกินทันที เห็นเรือจอดอยู่ริมฝั่ง...สีสดโดนใจ อ่ะถ่ายเก็บ จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:11:12

ความคิดเห็นที่ 6 จากนั้นก็เหมาตุ๊กๆ ชมเมืองเพราะขี้เกียจเดิน อากาศร้อนมากค่ะวันนั้น  นั่งเจดีย์อะไรก็ไม่ทราบอยู่กลางวงเวียนเลยถ่ายซะหน่อย จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:14:03

ความคิดเห็นที่ 7 ดูให้ความช่วยเหลือ จขกท.ไม่ได้เลย เพราะเราจำไม่ได้เลยว่า เราไปถ่ายที่ไหนมากบ้าง เพราะตอนนั้น เราไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์อะไรจริงจัง แค่อยากชมเมืองถ่ายรูปเฉยๆ จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:15:14

ความคิดเห็นที่ 8 วัดนี้เป็นวัดที่ต้องปีนบันไดไปสูงๆ ซึ่งเมษาฯ ก็จำไม่ได้ว่าที่ไหน เหอๆ น่าตำหนิมาก นี่คือการเที่ยวแบบไร้ข้อมูลสุดๆ จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:17:37

ความคิดเห็นที่ 9 ซ้ำ แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 54 13:20:18 จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:19:59

ความคิดเห็นที่ 10 มีพระพุทธรูปอยู่ข้างบนด้วย จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:21:12

ความคิดเห็นที่ 11 ให้ตุ๊กๆ พาตะเวนอย่างเดียวเลยไม่ทราบว่าที่ไหน นี่วัดอะไรใครรู้บ้าง... จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:23:28

ความคิดเห็นที่ 12 วัดอะไรก็ไม่รุ้ คุ้นๆ แต่เค้ามีให้เอาเหรียญมาตั้งๆ บนรอยพระพุทธบาท จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:26:20

ความคิดเห็นที่ 13 มีระฆังหลากสีสันให้ตีเพื่อเป็นสิริมงคล จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:28:36

ความคิดเห็นที่ 14 จริงๆ รูปเยอะ แต่พักกินไอติมกะทิสด อร่อยชื่นใจ จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:32:25

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วเราก็ไปลุยเมืองเก่าซะที เหอๆ มาอยุธยาไม่มีรูปนี้ได้ไง จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:33:58

ความคิดเห็นที่ 16 บรรยายการครึ้มๆ ทึมๆ แดดไม่จัดเลยเดินสบาย จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:35:34

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนถ่ายรูปนี้ เมษาฯ พยายามมองเข้าไปข้างในของตัวปรางค์? รู้สึกเมหือนโดนสะกด มีแรงดึงดูด ให้ค่อยๆ เดินเข้าไปหา และแล้วก็มีเสียงดังขึ้น...... ตกใจหมด เสียงโทรศัพท์ จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:39:02

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนที่เมษาฯ ไปนั้นไม่รู้ว่า เป็นมรดกโลกหรือยัง แต่ภูมิทัศน์โดยรอบก็สะอาด สอ้านดีนะคะ จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:41:29

ความคิดเห็นที่ 19 เจดีย์องค์ใหญ่มาก จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:43:16

ความคิดเห็นที่ 20 วันนั้นไปเที่ยวทั้งวัน ไปกลับโดยรถไฟฟรีก็โอเคอ่ะ เบ็ดเสร็จหมดไป 5 ร้อยได้ (รวมค่าเดินทาง ค่ากินและของฝาก) จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:45:53

ความคิดเห็นที่ 21 สุดท้าย...กลัวลุงแกจะหิวน้ำ จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 13:48:47

ความคิดเห็นที่ 22 ถึงไม่ค่อยมีรายละเอียด ก็อ่านเพลินดูเพลินเชียว จากคุณ : alfajet เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 14:07:52

ความคิดเห็นที่ 23 ถึงรายละเอียดจะน้อย แต่ก็ดูเพลินดี จากคุณ : alfajet เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 14:09:48

ความคิดเห็นที่ 24 เพลินดีค่ะ ขอบคุณ คุณเมษาฯนะคะ ที่นั่งบนรถไฟนั่นคือคุณเมษาฯเลยหรือคะ อิอิ ถามนอกเรื่อง รูป #8 วัดใหญ่ไชยมงคลหรือเปล่า ไม่แน่ใจ แต่น่าจะใช่นะ เอ๊ะ ใช่มั้ยน้อ โอ๊ย..ใครก็ได้ช่วยทีค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 54 16:29:45 จากคุณ : แม่หญิงวิปลาศ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 16:27:12

ความคิดเห็นที่ 25 รูปใน คคห ที่ 6 ของคุณเมษาพาเพลิน  เป็นพระเจดีย์วัดสามปลื้ม  หรือวัดแม่นางปลื้ม ในพงศาวดารครับ  เคยเป็นที่ตั้งค่ายของกองทัพพม่าด้วย รูปใน คคห ที่ 7,8  เป็นพระเจดีย์วัดใหญ่ไชยมงคล  หรือวัดป่าแก้ว  หรือวัดเจ้าแก้วเจ้าไท  หรือวัดเจ้าพระยาไท  ก็เรียกครับ  ในพงศาวดารเมืองลำพูนหริภุญชัย  ว่าสร้างมาแต่ครั้งละโว้อโยธยา  คู่กันกับพระเจดีย์วัดภูเขาทอง  ก่อนพระเจ้าอู่ทองทรงสถาปนาพระนครศรีอยุธยา หลายร้อยปี  สมเด็จพระนเรศวรมหาราช  น่าจะทรงสร้างใหม่ครอบพระเจดีย์องค์เดิมไว้  พระอุโบสถวัดนี้  เป็นที่ขุนพิเรนทรเทพ (พระมหาธรรมราชา)  ขุนอินทรเทพ  และพระเฑียรราชา (สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ)  มาทำพิธีเสี่ยงเทียน  ตอนจะกำจัดแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์และขุนวรวงศาธิราช  ครับ ใน คคห ที่ 11 เป็นพระพุทธรูปพระเจ้าพะแนงเชิง วัดพนัญเชิง  พระเจ้าสายน้ำผึ้ง  โปรดให้สร้าง  สร้างก่อนพระเจ้าอู่ทองสถาปนากรุงศรีอยุธยา 26 ปี ใน คคห ที่ 12,13  น่าจะเป็นวัดท่าการ้อง  ไม่แน่ใจเพราะไม่ได้ไปอยุธยามาเกือบสิบปีแล้วครับ รูปใน คคห ที่ 15-20  วัดมหาธาตุครับ  พระปรางค์วัดมหาธาตุสร้างมาแต่รัชกาล  สมเด็จพระราเมศวร (รัชกาลที่ 4 ของอยุธยา)  เมื่อเจ้าสามพระยาทรงตีได้เมืองพระนคร ของเขมร  ทรงเก็บเอาเทวรูปและรูปหล่อโลหะที่สวย ๆ งาม ๆ มาตั้งประดับไว้ที่วัดนี้เป็นจำนวนมาก  จนพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองมาขนเอาไปไว้ที่เมืองพม่า  ตอนเสียกรุงครั้งที่ 1  องค์พระปรางค์นั้น  เพิ่งจะพังทะลายลงในสมัยต้นรัชกาลที่ 5 กรุงเทพ ฯ นี้เองครับ ท่าน จขกท สนใจที่ใหนอีก  ก็ลองถามมานะครับ  ถ้ารู้ก็จะเล่าให้ฟัง แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 54 17:24:08 จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 16:38:44

ความคิดเห็นที่ 26 ซื้อไกด์บุ๊คซักเล่ม ไปเรื่อยๆ ครั้งเดียวไม่มีทางเก็บหมดและวัดเดิมครั้งเดียวก็ยังไม่เพียงพอ ค่อยๆ ไล่ตามอายุ จากนอกเมือง ไปข้างใน อ่านเรื่องราวประกอบทำให้เราเที่ยวสนุก จากคุณ : VET53 เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:39:12

ความคิดเห็นที่ 27 สาวในรถไฟไม่ใช่เมษาฯ ค่ะ เมษาฯ คนถ่ายค่ะ คนถูกถ่ายเป็นนักท่องเที่ยวนะคะ เห็นนั่งเหม่อ เลยแอบถ่ายมา จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 03:03:04

ความคิดเห็นที่ 28 น่านไง วัดใหญ่ไชยมงคลจริงๆด้วย อิอิ ถึงว่า..จำได้ เพราะเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรนี่เองว่าแต่เค้าห้ามผู้หญิงขึ้นไปบนเจดีย์โน่นไม่ใช่หรอคะ แล้ววัดไชยวัฒนารามล่ะคะคุณคอแก้ง มีความเป็นมาอย่างไร เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์พระองค์ใดมั้ยคะ ออ อีกเรื่องที่สนใจก็คือ พระที่นั่งต่างๆค่ะ ว่ามีชื่อว่าอะไรบ้าง อยู่บริเวณไหน สร้างเมื่อไหร่ เยอะหน่อยนะคะ รบกวนด้วย ทำตาแป๋วรอคำตอบอยู่ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ จากคุณ : แม่หญิงวิปลาศ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 07:53:09

ความคิดเห็นที่ 29 ขอโทษด้วยที่มาตอบช้าครับ วัดไชยวัฒนาราม  พระเจ้าอยู่หัวปราสาททอง  โปรดให้สร้างขึ้นตรงบ้านเดิมของพระองค์ก่อนขึ้นครองราชย์  คือบริเวณที่เป็น จวน ของเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์นั่นเองครับ แต่น่าจะสร้างหลังจากที่ได้เมืองเขมรมาเป็นเมืองขึ้นแล้ว โปรดให้ช่างออกไปถ่ายแบบปราสาทขอมที่เมืองพระนคร (นครธม เสียมราฐ)  เข้ามาเป็นตัวอย่าง  แล้วดัดแปลงให้เข้ากับความนิยมตามคติแบบไทย  เช่นพระปรางค์บริวาร  ที่เชื่อมต่อกับระเบียงคต  ก็เป็นปรางค์แบบไทย และพระเจ้าปราสาททอง  คงจะทรงให้ความสำคัญกับวัดนี้มาก เมื่อตอนที่พระโหราธิบดี  ที่เป็นพ่อของศรีปราชญ์  ถวายพยากรณ์ว่า  จะเกิดไฟไหม้ในพระราชวัง  ก็ทรงโปรดให้ขนทรัพย์สินสิ่งของมีค่าต่าง ๆ ในพระราชวัง  ลงไว้ในเรือ  แล้วไปจอดเรือเทียบท่าฟังข่าวไฟไหม้วังอยู่ถึงที่วัดไชยวัฒนาราม และพระเจดีย์องค์เล็ก 2 องค์ที่ตั้งอยู่ข้างโบสถ์วัดไชยวัฒนาราม (ริมแม่น้ำ) สันนิษฐานกันว่า  เป็นที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ หรือเจ้าฟ้ากุ้ง  และเป็นที่ฝังพระศพเจ้าฟ้านิ่มกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ ด้วยครับ ซึ่งเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ  เป็นพระมหาอุปราช (วังหน้า) และเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และเป็นพี่ชายต่างแม่ ของพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรหรือขุนหลวงหาวัด  กับพระเจ้าเอกทัศน์ด้วย คือพระมารดาของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ  เป็นพี่  พระมารดาของพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรและพระเจ้าเอกทัศน์  เป็นน้อง เมื่อเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ  ต้องโทษ  โดนโบยจนสิ้นพระชนม์คาหวาย  พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงได้แต่งตั้งให้  เจ้าฟ้าอุทุมพร  เป็นพระมหาอุปราชแทน  ส่วนเจ้าฟ้าเอกทัศน์ โปรดให้ไปบวชเสีย ส่วนเจ้าฟ้านิ่ม  กับเจ้าฟ้าสังวาลย์  น่าจะเป็นราชธิดาของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ  พระเชฏฐา  ของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ดังนั้น  เจ้าฟ้านิ่ม  กับเจ้าฟ้าสังวาลย์  จึงมีศักดิ์เป็น  หลานอา  ของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แต่ในหนังสือบางเล่มกล่าวว่า  พระบิดาของเจ้าฟ้านิ่ม เจ้าฟ้าสังวาลย์  คือ พระองค์เจ้าแก้ว  พระโอรสของสมเด็จพระเพทราชา  สมเด็จพระเพทราชา  เป็นปู่ ของพระเจ้าบรมโกศ ส่วนพระมารดานั้น  คือเจ้าฟ้าเทพ  ราชธิดาของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ เมื่อพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศขึ้นครองราชย์  โปรดให้รับเจ้าฟ้านิ่ม  กับเจ้าฟ้าสังวาลย์  เป็นพระชายา ส่วนเจ้าฟ้านิ่ม  กับเจ้าฟ้าสังวาลย์  น่าจะรักใคร่ชอบพอกันอยู่กับ  เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ  มาก่อนแล้ว เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ  เจ้าฟ้านิ่ม  และเจ้าฟ้าสังวาลย์  ถูกกรมหมื่นเทพพิพิธ  กรมหมื่นจิตรสุนทร  กรมหมื่นสุนทรเทพ  โอรสของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ  ที่ประสูติจากพระสนมยื่นเรื่องกราบทูลกล่าวโทษว่า  เป็นชู้กัน พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ  โปรดให้ไต่สวน  เจ้าฟ้านิ่มกับเจ้าฟ้าสังวาลย์  ทนรับทัณฑ์ทรมานไม่ไหว  ยอมรับสารภาพ ส่วนเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ  พระมหาอุปราชนั้น  ก็ทนรับทัณฑ์ทรมานไม่ไหว  ทรงรับสารภาพเช่นกัน ตามกฏหมาย  เป็นชู้ด้วยนางสนมกำนัล  ต้องถูกเฆี่ยน 700 ที โปรดให้เฆี่ยนเพียง 230 ที  แล้วนาบพระบาทด้วยเหล็กที่เผาไฟจนแดง เหล่าขุนนางกราบทูลให้ประหารชีวิตด้วยท่อนจันทน์  แต่ทรงพระเมตตาว่าเป็นลูก จึงทรงขอชีวิตไว้  เป็นแต่เพียงให้นาบพระนลาต (หน้าผาก) ด้วยเหล็กเผาไฟ แล้วให้ถอดยศจาก เจ้า ลงเป็น ไพร่ โปรดให้เฆี่ยน ให้ครบ 230 ทีแล้วปล่อยตัวไป  แต่หม่อมกุ้ง (อดีตเจ้าฟ้ากุ้ง ธรรมาธิเบศ)  รับโทษเฆี่ยนได้เพียง 180 ที  ก็ตาย ส่วนเจ้าฟ้านิ่ม  กับเจ้าฟ้าสังวาย์  โปรดให้ลงพระราชอาญาให้เฆี่ยนคนละ 30 ที  แล้วถอดยศจากเจ้า  ลงเป็นไพร่  แล้วให้จำขังไว้จนกว่าจะตาย หม่อมนิ่มกับหม่อมสังวาลย์  หลังจากถูกเฆี่ยน 30 ทีแล้ว  ถูกขังอยู่ได้ 3 วัน ก็ตาย  โปรดให้เอาศพไปฝังเสียที่วัดไชยวัฒนาราม จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 15:58:42

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบพระคุณค่ะ ขอปริ๊นท์ออกมานั่งอ่าน นอนอ่านเลยนะคะ จากคุณ : แม่หญิงวิปลาศ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 16:59:53

ความคิดเห็นที่ 31 เจ้าฟ้ากุ้ง ธรรมาธิเบศ กรมขุนเสนาพิทักษ์ (ที่ถูกต้องเรียกว่า หม่อมกุ้ง เพราะถูกถอดยศแล้ว)  ยังเป็น กวี ด้วย ผลงานที่ยังหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันคือ  วรรณคดีเรื่อง กากี กาพย์เห่เรือของเก่า  ที่ขึ้นต้นว่า   สุพรรณหงส์ทรงพู่ห้อย  งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์ เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์  ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม กาพย์ห่อโคลง  นิราศธารโศก กาพย์ห่อโคลง  ประพาสธารทองแดง วัดไชยวัฒนาราม  ยังได้เป็นที่ตั้งค่ายทหารไทย  ของกรมอาสาหกเหล่า  ในคราวสู้ศึกพม่าก่อนเสียกรุง ฯ ครั้งที่ 2 ด้วยครับ ในปัจจุบัน  ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำหน้าวัดไชยวัฒนาราม  เป็นที่ตั้งของพระตำหนัก  สิริยาลัย  ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ โปรดให้สร้างพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และถ้าคุณ  แม่หญิงวิปลาส (คงไม่ วิปริต ด้วยนะ ฮ่าฮ่า)  เคยอ่านนวนิยายเรื่องเรือนมยุรา  บทประพันธ์ของคุณ  แก้วเก้า หรือเคยดูละครเรื่อง  เรือนมยุรา (ที่คุณแหม่ม เบลโล แสดงเป็นนกยูง คุณนก ฉัตรชัย  แสดงเป็นคุณพระนาย) เรือนมยุรา  ของคุณนกยูง  ก็ตั้งอยู่ข้างวัดไชยวัฒนารามนี่เองครับ เพราะคุณแก้วเก้า  ผู้ประพันธ์  ได้รับแรงบันดาลใจ  จากความงดงามของวัดไชยวัฒนาราม  นี่เองครับ ถ้าคุณแม่หญิง ฯ อ่านนิยายเรื่อง  เรือนมยุรา  แล้วไปเที่ยวที่วัดไชยวัฒนาราม  อาจทำให้ อิน  กับสถานที่  และนิยายได้มาก ๆ เลย ครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 17:03:34

ความคิดเห็นที่ 32 ส่วนเรื่องปราสาท  และพระที่นั่งต่าง ๆ นั้น  ผมจำได้ว่า  มีป้ายชื่อปักอยู่บริเวณด้านหน้าพระที่นั่งต่าง ๆ อยู่แล้ว  คุณแม่หญิง ฯ ไปดูก็จะรู้เองครับ ด้านหน้าวัง (ทิศตะวันออก)  ก็มี 1  พระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์  สร้างในสมัยพระเจ้าปราสาททอง  เป็นที่ประทับทอดพระเนตรกระบวนแห่ต่าง ๆ กลางวัง  เรียงจากทิศใต้ไปทิศเหนือ  ก็มี 1 พระที่นั่งวิหารสมเด็จ  สร้างในสมัยพระเจ้าปราสาททอง  เช่นกัน  และเป็นปราสาทองค์แรกที่ปิดทองตลอดถึงยอดปราสาท 2  พระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท  น่าจะสร้างมาแต่สมัย  สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ  เป็นที่ตั้งของพระแท่นราชบัลลังค์ชื่อ บรรยงค์กาญจเนาวรัตน์  เป็นพระแท่นทองคำลงยาราชาวดี  ประดับอัญมณี 9 ประการ สูง 3 ศอก เฉพาะทองคำที่หุ้มหนัก 55 กิโลกรัม บุษบก  ตรงมุขโถงภายในพระที่นั่งเป็น  บุษบกหุ้มทองคำ 3 พระที่นั่งสุริยาสนอัมรินทร์  มีลักษณะเหมือนกัน  และสูงใหญ่เท่ากันกับ  พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท  ในพระราชวังหลวงกรุงเทพ ฯ ปัจจุบัน  สร้างมาแต่ครั้งสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ  เช่นกันกับพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท  เดิมเรียกว่า  พระที่นั่งเบญจรัตน์ปราสาท  เป็นที่ตั้งพระบรมศพ  มาแต่ครั้งพระบรมศพสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  เช่นกันกับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในปัจจุบัน  และพระเจ้าเอกทัศน์ทรงชอบประทับที่พระที่นั่งนี้  จึงเรียกพระนามของพระองค์อีกพระนามหนึ่งว่า  พระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยาสนอมรินทร์  พระเจ้าเสือ  ก็เสด็จสวรรคตที่พระที่นั่งนี้ครับ 4  ระหว่างพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท  กับพระที่นั่งสุริยาสนอมรินทร์  มีตำหนักตึกหลังเล็ก  เรียกว่า  โรงแสงต้น เป็นที่เก็บพระแสงราชศาสตราวุธ (อาวุธ) ของพระเจ้าแผ่นดิน  ภายในเคยประดิษฐานพระบรมรูป (รูปหล่อโลหะ)  ของสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ปรากฏบันทึกในพระราชพงศาวดารก่อนเสียกรุง ฯ ครั้งที่ 2 ว่า  พระรูปพระนเรศวรเป็นเจ้าในโรงแสงต้น  ทรงกริ้วแสดงปาฏิหาริย์กระทืบพระบาท  ดังสนั่นหวั่นไหว  ได้ยินไปทั่วทั้งพระราชวัง ด้านท้ายวัง 1  พระที่นั่งบรรยงค์รัตนาสน์  เป็นปราสาทตั้งอยู่บนเกาะกลางสระ  สร้างมาแต่สมัยสมเด็จพระเพทราชา  พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ  ชอบประทับที่พระที่นั่งนี้  จึงเรียกพระนามว่า  พระเจ้าท้ายสระ  สมเด็จพระเพทราชาและพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ  เสด็จสวรรคตที่พระที่นั่งนี้ด้วยครับ 2  พระที่นั่งทรงปืน  อยู่ถัดจากพระที่นั่งบรรยงค์รัตนาสน์ไปทางทิสตะวันตก  เป็นที่พระเจ้าแผ่นดินทรงใช้ฝึกซ้อมยิงปืน  ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ  ใช้เป็นที่เสด็จออกว่าราชการแผ่นดิน  และพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ  ทรงสวรรคต  ที่พระที่นั่งทรงปืนนี้ครับ มีปราสาทอีกองค์หนึ่ง  ตั้งอยู่หลังวัดพระศรีสรรเพชญ์  เรียกว่า  ปราสาทพระนารายณ์ ผมลืมไปว่ามี  ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา  อยู่ข้างสถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา  ที่นั่นมีโมเดล จำลองรูปวัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังหลวงด้วยครับ และอย่าลืมแวะไปดูพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา  ที่อยู่ใกล้ ๆ กันด้วยนะครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 18:25:19

ความคิดเห็นที่ 33 คุณคอแก้งคะ กาพย์เห่เรือของเก่า  ที่ขึ้นต้นว่า   สุพรรณหงส์ทรงพู่ห้อย  งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์ เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์  ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม จำได้ขึ้นใจเลยล่ะค่ะ จำได้ตั้งแต่เรียนมัธยม แต่จำไม่ได้ว่าเป็นผลงานกวีของเจ้าฟ้ากุ้ง เพราะตอนนั้นไม่รู้จริงๆว่าเจ้าฟ้ากุ้งเป็นใคร เพิ่งมารู้เมื่อไม่นานนี้เองค่ะหลังจากเข้ามาอ่านกระทู้ประวัติศาสตร์ที่ห้องนี้ แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่า มีความรู้อยู่เท่าหางอึ่งจริงๆ ส่วนท่านโหราธิบดีที่เชื่อว่าเป็นบิดาของท่านศรีปราชญ์ ท่านอยู่ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองเลยหรือคะ เข้าใจว่าอยู่แต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ ถ้าอย่างนั้นศรีปราชญ์ก็ยังไม่เกิด หรือเกิดแล้วแต่ยังเด็กมากอยู่ ท่านโหราธิบดีนี้เป็นผู้แต่งหนังสือเรียน "จินดามณี" ด้วยหรือเปล่าคะ ส่วนศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา ข้างสถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยาและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ที่กรุณาแนะนำมานั้นคงต้องไปด้วยให้ได้แล้วล่ะค่ะ กะเอาไว้ว่าวันหยุดสุดสัปดาห์หรือไม่ก็วันหยุดยาวใกล้ๆ นี้คงไม่พลาดแน่ค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 54 20:18:33 จากคุณ : แม่หญิงวิปลาศ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 18:35:14

ความคิดเห็นที่ 34 พระโหราธิบดี  ที่กล่าวถึงในพระราชพงศาวดารว่า  ทายแม่นเหมือนตาเห็นนี้  น่าจะเป็นบิดาของศรีปราชญ์จริง ๆ ครับ  และท่านเป็นคนแต่งหนังสือแบบเรียนภาษาไทยเล่มแรกที่ชื่อว่า  จินดามณี พระเจ้าปราสาททอง  ครองราชย์อยู่ 25 ปี เจ้าฟ้าไชย  ครองราชย์อยู่ประมาณ 9 เดือน พระศรีสุธรรมราชา  ครองราชย์อยู่ 2 เดือน สมเด็จพระนารายณ์ครองราชย์อยู่ 32 ปี (พ.ศ. 2199 - 2231) สันนิษฐานว่า  พระโหราธิบดี  น่าจะถึงแก่กรรมในช่วงต้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ก่อน พ.ศ. 2210) พ.ศ. 2205  ตีได้เมืองเชียงใหม่ หลังจากนั้น  มีเหตุการณ์รบกับพม่า  ที่เมืองไทรโยค ต่อมาโปรดให้เจ้าพระยาโกษาเหล็ก  ยกกองทัพไปตีพม่าจนถึงเมืองพุกาม ในขณะที่รบกับพม่าอยู่ที่เมืองพุกามนั้น  พระยาสีหราชเดโชชัย  นายทัพไทยถูกพม่าจับตัวได้ เมื่อม้าเร็วนำข่าวมากราบทูล  ที่กรุงศรีอยุธยา  โปรดให้นิมนต์พระพิมลธรรม  จากวัดระฆัง (วัดระฆังอยู่ติดพระราขวังหลวง  ทางด้านหลัง)  มาจับยามดู พระพิมลธรรม  ถวายพยากรณ์ว่า  พระยาสีหราชเดโชชัย  ถูกจับไปจริง  แต่หนีรอดกลับมาได้แล้ว ขณะที่พระพิมลธรรม  ยังอยู่ในที่เฝ้านั้นเอง  ม้าเร็วอีกคนหนึ่งก็เข้ามากราบทูลว่า  พระยาสีหราชเดโชชัย  หนีออกมาจากค่ายพม่าได้ ทรงตรัสชมพระพิมลธรรมว่า  ดูแม่นเหมือนตาเห็น จากเหตุการณ์นี้ถ้า  พระโหราธิบดี  ยังอยู่  น่าจะทรงเรียกพระโหราธิบดีมาจับยามถวายพยากรณ์  แต่นี่กลับทรงใช้มหาดเล็กไปนิมนต์พระพิมลธรรม  มา ผมจึงคิดว่า  พระโหราธิบดีน่าจะถึงแก่กรรมแล้ว  ก่อนศึกพม่าครั้งนี้ครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 21:47:49

ความคิดเห็นที่ 35 ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  เป็นยุคที่กรุงศรีอยุธยารุ่งเรืองด้วยศิลปะและวิทยาการ วรรณคดีเรื่อง  สมุทรโฆษคำฉันท์  สันนิษฐานกันว่า  เป็นพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  ได้รับยกย่องในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว  ว่าเป็นยอดของนิยายร้อยกรอง เล่าลือกันว่าผู้คนในยุคนั้น  เก่งเรื่องบทเรื่องกลอน  คือเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนนั่นเอง  แม้แต่ทหารเฝ้าประตูวัง  ยังพูดจากันเป็นกลอน เล่ากันมาว่า  วันหนึ่งสมเด็จพระนารายณ์ทรงพระราชนิพนธ์โคลงขึ้น 1 บท  ความว่า อันใดย้ำแก้มแม่    หมองหมาย ยุงเหลือบฤาริ้นพราย    ลอบกล้ำ ทรงพระราชนิพนธ์ได้เท่านี้แล้ว  ทรงนึกไม่ออก  แต่งต่อไม่ได้  จึงโปรดพระราชทานให้พระโหราธิบดี  ไปแต่งต่อ พระโหราธิบดี  นำกระดานหินชนวน  ที่ทรงพระราชทานบทกลอนมานั้นกลับมาวางไว้บนโต๊ะที่บ้าน บุตรชายของพระโหราธิบดี  อายุ 9 ขวบมาเห็นเข้า  จึงแต่งต่อจนจบว่า ผิวชนแต่จะกราย    ยังยาก ใครจะอาจให้ช้ำ    ชอกเนื้อ เรียมสงวน เมื่อพระโหราธิบดี  นำกระดานหินชนวนแผ่นนั้นขึ้นถวายในวันต่อมา  ทรงโปรดมาก  และเมื่อทรงทราบว่า  บุตรชายของพระโหราธิบดี  อายุเพียง 9 ขวบ  เป็นผู้แต่ง  จึงทรงโปรดปรานเด็กชายนั้นมาก  โปรดให้เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กอยู่ในวัง พระโหราธิบดีผู้เป็นพ่อ  เมื่อได้ตรวจดูดวงชะตาของบุตรชายแล้ว  ได้ขอพระราชทานพระพรไว้ว่า  หากบุตรชายมีความผิด  ก็ขอให้ทรงลงพระราชอาญาอยู่ในกรุง  อย่าได้ทรงเนรเทศไปต่างเมือง ซึ่งเด็กชายคนนั้น  ก็คือคนที่พวกเรารู้จักกันในชื่อว่า  ศรีปราชญ์ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 22:16:51

ความคิดเห็นที่ 36 วันหนึ่ง  เมื่อ่บุตรชายพระโหราธิบดี  ได้รับพระราชทานชื่อ ศรีปราชญ์  ใหม่ ๆ ได้ไปพบกับ  พระยาแสนหลวง  อดีตเจ้าเมืองเชียงใหม่ (พระเจ้าตา  ของขุนหลวงสรศักดิ์หรือพระเจ้าเสือ)  ซึ่งถูกนำตัวมารับราชการอยู่ในกรุง พระยาแสนหลวง  คิดจะลองลับฝีปากกับศรีปราชญ์ จึงถามเป็นโคลงว่า     รังศรีพระเจ้าฮื่อ (ให้)     ปางใด ศรีปราชญ์ตอบ ว่า      ปางเมื่อพระเสด็จไป      ป่าแก้ว พระยาแสนหลวง ว่า    รังศรีบ่สดใส               สักหยาด ศรีปราชญ์ตอบว่า        ดำแต่นอกในแผ้ว        ผ่องเนื้อ  นพคุณ อีกวันหนึ่งศรีปราชญ์เดินเข้าวัง  พอถึงประตูวัง  นายทหารยามที่เฝ้าประตูวัง  เห็นแหวนอยู่ที่นิ้วมือศรีปราชญ์ จึงถามเป็นโคลงว่า    แหวนนี้ท่านได้แต่       ใดมา ศรีปราชญ์ว่า            เจ้าพิภพโลกา            ท่านให้ นายประตูว่า             ทำชอบสิ่งใดนา          วานบอก ศรีปราชญ์ว่า            เราแต่งโคลงถวายไท้    ท่านให้  รางวัล ส่วนจุดจบของศรีปราชญ์  ก็อย่างที่รู้ ๆ กันนั่นแหละครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 22:43:44

ความคิดเห็นที่ 37 เก็บข้อมูลค่ะ เคยอ่านมาบ้างเหมือนกันค่ะ เรื่องราวของท่านศรีปราชญ์ ซึ่งท่านจะมีอยู่จริงหรือไม่นั้น ก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ก็ปักใจเชื่อไปแล้วล่ะค่ะ อิอิ เห็นกระทู้เก่าๆในห้องนี้ ยังถกข้อสันนิษฐานนี้กันอยู่ ปล.ขอบพระคุณคุณคอแก้งมากมายค่ะ ไม่รู้จะตอบแทนได้ยังไงดี จะเอาความรู้มาแลกเปลี่ยนกัน ก็ไม่ค่อยจะมี ฮ่าๆ เอาเป็นว่าจะเก็บรูปมาฝากให้ดูเพลินๆนะคะ ถ้าไปเที่ยวมาแล้ว จากคุณ : แม่หญิงวิปลาศ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:38:25