PANTIP.COM : K10285835 มีหลักสูตรป.เอก ด้านบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยไหนบ้าง ที่รับคนจบ MBA ภาค ข. ไม่ทำวิทยานิพนธ์ [การศึกษา]

ความคิดเห็นที่ 3

ผมเองก็คิดว่ามันเป็นความคิดที่ถูกครึ่งเดียวที่บอกว่า"จะต่อป.เอกต้องเรียนป.โทแบบทำวิทยานิพนธ์" เพราะเห็นมีพี่ที่รู้จักหลายคนที่เรียนป.เอกได้โดยไม่ได้ทำวิทยานิพนธ์ตอนเรียนป.โท แต่ก็เห็นประสบความสำเร็จ เรียนจบป.เอกได้

มันเหมือนเป็นมายาคติว่า ทำวิทยานิพนธ์แล้วจะเป็นยอดคนเก่งส่วนคนที่ไม่ได้ทำจะต้องด้อยกว่านั่นแหละ อยากให้คนบางคนที่เชื่ออย่างนี้มองโลกให้กว้างหน่อยว่า มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป

ถ้าฉลาดค้น ตรวจสอบอะไรสักนิดจะรู้ว่าวิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ของแต่ละมหาวิทยาลัยในประเทศไทย เนื้อหาสาระคุณภาพมันมีความแตกต่างหลากหลายมากๆ วิทยานิพนธ์หลายเล่มในหลายมหาวิทยาลัยไม่คู่ควรเรียกว่างานวิจัยด้วยซ้ำ เนื้อหาซ้ำซากวนเวียน แต่ในทางกลับกันสารนิพนธ์ในบางมหาวิทยาลัยแม้จะแค่ 3 หรือ 6 หน่วยกิต แต่เนื้อหา คุณประโยชน์ ความน่าสนใจกลับความลึกซึ้งแทบไม่แตกต่างจากวิทยานิพนธ์ชั้นดีด้วยซ้ำ อะไรคือมาตราฐาน? ถ้าใครแค่คิดและด่วนตัดสินว่าคนทำวิทยานิพนธ์จะเก่งกว่าคนทำสารนิพนธ์ จะบอกว่าท่านยังโลกแคบ + อคติ + ไม่เข้าใจถึงตัวแปรอีกมากมายที่ส่งผลต่อคุณภาพงานวิจัยและคุณภาพของคนที่ทำวิจัย(เมื่อพิจารณาเป็นตัวบุถคคล)ในประเทศนี้

บางคนทำวิทยานิพนธ์แต่กว่าจะจบทำด้วยความขี้เกียจต้องถูกเข็นแล้วเข็นอีก ตลอดกระบวนการที่ทำก็ไม่ได้เข้าถึงเนื้อหาสาระอย่างเต็มที่ ในที่สุดก็จบได้ด้วยความช่วยเหลือของอาจารย์ (คนที่จบแบบนี้ใช่ว่าจะมีน้อยซะเมื่อไร) กับอีกคนทำสารนิพนธ์ก็จริงอยู่แต่เนื้อหาที่ทำน่าสนใจ เนื้อหาลึกซึ้งมีคุณภาพ ทำด้วยความขยันขันแข็ง ศึกษาเข้มข้นจริงจัง จบได้ในเวลาที่ไม่นานนัก (คนแบบนี้ก็มีไม่น้อย) ถามว่าใครจะมีคุณภาพกว่ากันระหว่างสองคนนี้

ด้วยเหตุที่มีความไม่คงที่และคุณภาพไม่เสถียรของงานวิทยานิพนธ์หรือสารนิพนธ์ของแต่ละที่/ของผู้สมัครของแต่ละคน(อย่างที่ว่ามา) ตลอดจนเกี่ยวข้องกับความแตกต่างทางความสามารถส่วนตัวของผู้สมัครทั้งในแง่ความรู้ ทัศนคติ บุคลิกภาพ การใช้ภาษา ฯลฯ หลายๆหลักสูตรป.เอกทั้งในและต่างประเทศจึงต้องพิจารณาคุณภาพผู้สมัครเป็นรายๆไป ไม่ใช่คนที่ทำงานวิจัยที่เรียกว่า "วิทยานิพนธ์" จะได้รับการคัดเลือกให้เข้าเรียนเสมอไป ขณะที่คนที่ทำสารนิพนธ์แต่มีคุณภาพสูงก็ได้รับโอกาสให้เข้าเรียนและมีสิทธิจบได้เป็น ดร.เช่นกัน

ดังนั้นผมคิดว่าใครใคร่ทำวิทยานิพนธ์ก็จงทำ ใครไม่ได้ทำหรือไม่อยากทำก็ไม่ต้องวิตกกังวลอะไรมากจนเกินไปในกรณีที่ต้องเรียนต่อป.เอก เพราะเดี๋ยวนี้กฎเกณฑ์การรับสมัครป.เอกยืดหยุ่นกว่าแต่ก่อนมาก หลายๆหลักสูตรไม่ได้กำหนดตายตัวแล่วว่าต้องจบ แผน ก. แบบทำวิทยานิพนธ์เท่านั้นถึงจะสมัครเรียนต่อป.เอกได้ คนจบป.โท ทำสารนิพนธ์แต่คุณภาพเทียบเท่างานวิจัยที่ดีก็สามารถเรียนต่อป.เอกได้เช่นกัน ของแบบนี้ควรต้องวัดกันยาวๆครับ ไม่ใช่คิดง่ายๆว่าทำวิทยานิพนธ์ฉบับเดียวแล้วบอกสรุปได้เลยว่าคนนี้ได้รับการเคี่ยวกรำมาอย่างดี ต้องเก่งแน่ๆ ความคิดแบบนี้มันตื้นไปครับ

ปล. ไม่ได้อวดแต่อยากจะบอกว่าวิทยานิพนธ์หลายๆเล่มในมหาวิทยาลัยหลายๆที่เมื่อเทียบกับวิทยานิพนธ์ของมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่ วิทยานิพนธ์เหล่านั้นเหมือนแค่รายงานประจำภาคเล่มหนาๆเท่านั้นเอง ขณะที่สารนิพนธ์ของคณะที่ผมเรียนอยู่ก็ดีกว่าวิทยานิพนธ์ที่ศึกษาเรื่องแนวๆเดียวกันในบางมหาวิทยาลัยที่ดังๆด้วยซ้ำ!

จากคุณ : โจโฉ (joechou)

เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 11:22:14