 |
^ ^ ขอโทษที สิ่งที่เราพยายามจะสรุป แต่สรุปไม่ได้เพราะมัวแต่หัวเสียไปกับ คคห ของคุณ RakRok12 ที่แกเขียนอะไรไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตรงไหนเลย
คือเราพยายามจะบอกว่าการเลือกและ/หรือสร้างสื่อการสอน และติดตามผล เป็นส่วนที่สำคัญในการปรับปรุงวิธีการสอน
ยกตัวอย่างเช่น เราเคยเอาเสียงฝรั่งเจ้าของภาษามาเิปิดให้นักเรียนฟัง แบบเปิดแล้วหยุดเสียงเป็นช่วงๆ (ให้ยาวพอจำและพูดตามได้) ถ้านักเรียนฟังไม่รู้เรื่ีอง เราเขียนบน whiteboard แล้วลากเส้นแสดง links ของ connected speech ตรงช่วงที่จะมีเสียงเปลี่ยนหรือเสียงหดหายไป รวมทั้งแสดง intonation ด้วย
สมัยก่อนใช้เทปกับ whiteboard แต่สมัยนี้ใช้ notebook เครื่องเดียวต่อกับ projector กับจอภาพและลำโพง ทำทุกอย่างครบวงจรได้หมด ดีกว่าวิธีการสมัยก่อนตั้งหลายเท่า
เผอิญโชคดีที่สื่อการสอนจากต่างแดนเขาทำมาครบวงจร (ถ้าครูคอยตามข่าวในวงการสอนภาษา และเลือกสื่อให้ดีๆ) คือพอเอาไปใช้ฝึกฟังแล้วพูดตาม มันมีประโยคตัวอย่างให้นักเรียนเอาไปเลียนแบบฝึกพูดใหม่ แบบเปลี่ยน subject, verb, object และ modifiers พลิกแพลง แบบที่เรียกว่า improvisation แล้วมันมีให้เอาไปฝึุกเขียนได้อีกด้วย
การฝึกฟังแล้วพูดตามทำให้นักเรียนเรียนรู้ grammar พื้นฐานได้ไปแล้วตั้งหลายเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าไปอ่านหนังสือ grammar นิดเดียวจะไปได้โลดเลย แล้วพอขยับเรียน reading comprehension นักเีรียนจะพัฒนา senses พิเศษที่จะเอาสิ่งที่อ่านเจอ ไปด้ดแปลงเป็นเรียน writing ได้ง่ายหน่อย
แต่ในทางกลับกัน การสอนแต่ grammar ล้วนๆ แล้วให้นักเรียนทำแบบฝึุกหัดจนแม่นยำ ตอบถูกทุกข้อ หรือถ้าตอบถูกมั่งไม่ถูกมั่ง ก้อเีรียนลัดโดยการฝึกทำข้อสอบเก่าๆ ผลลงเอยเวลานักเรียนขยับไปเรียน writing ขนาดทำข้อสอบ grammar ถูกตั้งมากมาย แต่ก้อยังเขียนภาษาอังกฤษผิดเละเทะ...!!!
^ เรื่องแบบนี้ครูหลายๆคนลืมคิดไปว่ามันเป็นไปได้อย่างไร และจะแก้ไขเียียวยาได้อย่างไร
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่แปลกมากๆ ซึ่งครูสอนภาษาอังกฤษควรหมั่นศึกษาค้นคว้าให้ดีๆ จะรู้ทางหนีทีไล่มากยิ่งๆขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อสมัยก่อนพวกฝรั่งที่สอนภาษาอังกฤษซึ่งไม่เคยเรียนครูมาก่อน เวลาไปสอนตามโรงเรียนสอนภาษา แล้วเจอกัน รู้จักกัน ก็เลยจัด workshop กันทุกๆเดือน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยเอาปัญหาที่เจอในการสอนจริงๆมาช่วยกับขบคิด ซึ่งน่าสนใจมากๆ อย่างเช่น เวลาเอาเสียงไปให้นักเรียนฝึกฟัง พวกเขาจะเอาเสียงของกันและกันมาแลกกัน เพราะไม่ต้องการให้นักเรียนชินกับสำเนียงครูมากเกินไป (ถึงครูจะเป็นฝรั่งเจ้าของภาษาก้อตาม) แต่สื่อการสอนที่ทันสมัยสมัยนี้ ในชุดเดียวกันจะมีสำเนียงฝรั่งตั้งหลายชาติคละกันมา เพื่อประหยัดเวลาที่ครูจะต้องไปแลกกันอัดเสียงของกันและกัน
สมัยนี้การเตรียมการสอนทุกขั้นตอนทำได้โดยใช้ digital media หมดเลย ใครใช้ computer software เก่งๆจะสร้างและ/หรือตัดต่อ (เล่นแร่แปรธาตุ) สื่อการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ...
สมัยเราสอนภาษาอังกฤษเมื่อนานมาแล้ว คอมพิวเตอร์มันยังไม่เก่ง มันยังใช้ DOS อยู่ แต่สมัยนี้ computer software สมัยใหม่ทำอะไรได้น่าทึ่งมากๆ เราเป็นนักทดสอบ software ก้อเลยทดสอบการสร้าง digital media เพื่อการสอนเล่นๆ แต่ไม่ได้เอาไปสอนใคร นอกจากสอนตัวเองเท่านั้น...และไม่ได้สอนแต่เฉพาะภาษาอังกฤษ แต่สอน (ตัวเอง) หลายวิชา เช่นโยคะ computer science ฯลฯ
สรุป สำหรับเราแล้ววิชาครูมันไม่ใช่เอาไว้ไปขอใบประกอบอาชีพครูเพื่อมาเป็นครูในระบบ นั่นก้อเพราะว่าเราไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นครูในระบบของไทย
หากแต่เราเรียนครูทุกวัน "เพื่อสอนตัวเอง" วิชาครู (ที่เราเรียนรู้ด้วยตัวเอง) มีความสำคัญต่อชีวิตเรามากๆ มันเคยช่วยชีวิตเราไว้ตอนเราสอนตัวเองเรื่องการแพทย์ทางเลือก จนเรารักษาตัวเองให้หายป่วย และีรอดตายมาได้...
มนุษย์ทุกคนที่ใฝ่รู้ ควรเรียนวิชาครูทุกวัน ด้วยตัวเอง เพื่อสอนตัวเอง ก่อนที่จะไปสอนผู้อื่น ถ้าฝึกทุกวันประสบการณ์ที่สะสมไว้ชั่วชีวิต รับรองว่าถ้าใช้ google ให้เก่งๆ ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าคนที่เรียนครูมาเพื่อไปรับใบประกอบอาชีพครู อย่างแน่นอน...!!!!!
แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 54 03:11:23
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
8 มี.ค. 54 03:05:37
|
|
|
|
 |