ความคิดเห็นที่ 1 เป็นธรรมดาค่ะ เอาใจช่วยนะคะ ว่าแต่บอกชื่อสถาบันไม่ได้เหรอ  อยากรู้จัง จะได้บอกต่อคนที่รู้จักให้เตรียมตัว จากคุณ : เสาร์สนุก (saturday_cool) เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 19:13:43

ความคิดเห็นที่ 2 หลายๆแห่ง หลายๆที่ อาจารย์จะรับเด็กเก่า ของเขา ไว้พิจารณาก่อน บางครั้ง ก็จับเด็กพวกนั้นแหละ มาปั้นเรียนต่อ โท -จนถึง ป. เอก จนได้เป็นอาจารย์ในคณะนั้น ก็มี แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 54 20:04:09 จากคุณ : GiveForAll เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 20:03:49

ความคิดเห็นที่ 3 เสาร์สนุก (saturday_cool) ขอโทษค่ะ พอดีแค่อยากจะแบ่งปันว่ามีเหตุการณ์อย่างนี้ด้วย แต่ไม่อยากจะเอ่ยชื่อสถาบันค่ะ ไม่ทราบว่าทุกที่เหมือนกันหมดเลยหรือไม่คะ ก็เท่ากับว่าถ้าเด็กเก่ามีโอกาสมากกว่า เหรอคะ คุณ GiveForAll จากคุณ : nann_watch เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 20:27:41

ความคิดเห็นที่ 4 เด็กเก่าอาจได้เปรียบตรงที่คุ้นเคยกับสไตล์การเรียนการสอนของคณะนั้นๆ  ซึ่งทำให้อาจารย์มั่นใจได้ว่าสามารถเรียนในหลักสูตรนั้นๆของคณะนั้นๆได้  โดยที่อาจารย์ไม่ต้องปูพื้นฐานมาก เพราะมีพื้นฐานในการเรียนการสอนด้านวิชานั้นๆมาก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เด็กเก่าทุกคนจะสอบติด หากมีความรู้ความสามารถไม่ถึง อย่างไรคณะก็คงไม่รับไว้ ในทางกลับกัน เด็กจากที่อื่น ถ้าแสดงให้เห็นว่าน่าจะเรียนในสาขาวิชานั้นๆได้อย่างตลอดรอดฝั่ง คณะนั้นก็รับไว้อย่างแน่นอนครับ จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 21:07:12

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้ามีของดีมาให้เลือก ผมรีบตะครุบเลยหละ จากคุณ : ตู้ต้า (ตู้ต้า) เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 23:17:51

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนตัวผมว่าไม่แปลกครับ สิบปีก่อนผมก็สอบได้สำรองตอนเรียนป.โทเหมือนกัน โชคดีที่เป็นสำรองอันดับหนึ่ง แล้วก็มีคนสละสิทธิ์แค่คนเดียวด้วย ตอนสัมภาษณ์ก็โดนถามหลายๆอย่างเกี่ยวกับสถาบันเดิมที่เรียนแต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าอาจารย์ท่านต้องการพาดพิงอะไร ผมก็ตอบไปตามที่สามารถตอบได้และพยายามตอบทุกๆคำถาม วันที่รู้ว่าติดสำรองวันนั้นซึมทั้งวันแต่ก็ยอมรับได้ส่วนหนึ่ง ตอนได้เข้าไปเรียนจริงๆก็เจอเด็กสถาบันเดิมกว่าครึ่งที่เรียนต่อแต่ผมกลับไม่ได้คิดอะไร ผมเข้าใจว่าเด็กเก่าย่อมมีความเข้าใจแนวทางข้อสอบได้ดีกว่าเด็กจากสถาบันอื่นและเข้าใจสิ่งที่อาจารย์ต้องการจากข้อสอบและคำถาม ฉะนั้นไม่แปลกหรอกครับที่จะตอบได้ตรงใจมากกว่า แล้วตอนสัมภาษณ์การตอบทุกคำถามเป็นสิ่งจำเป็น การปฏิเสธไม่ตอบก็แสดงถึงสภาวะทางความคิด อารมณ์สิ่งเหล่านี้ใช้ประเมินในการเข้าเรียนได้หมดแหละครับ ส่วนเด็กเส้นต้องแปลความหมายหลายอย่าง ตอนผมเข้าทำงาน(สอนในมหาวิทยาลัย) มีการฝากงานกันพอสมควร รวมถึงคนที่ถูกฝากมาเหล่านั้นก็มีความสัมพันธ์กับที่ทำงานไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางคนก็รู้สึกไม่ดีแต่ส่วนตัวผมกลับมองว่าในความสามารถเท่าๆกันหรือด้อยกว่ากันนิดหน่อยแต่มาพร้อมกับคอนเนกชั่น ทำให้การทำงานของคนเหล่านั้นสะดวกและง่ายซึ่งเป็นผลดีต่อที่ทำงานด้วยเพราะสามารถติดต่อกับคนได้หลากหลายขึ้น ในขณะที่คนที่ไม่มีคอนเนกชั่นเลย แม้ว่าจะเก่งกว่าแต่หากไม่โดดเด่นออกมาถึงเวลาทำงานจริงก็แทบจะไม่แตกต่างหรอกครับ ซึ่งในภาพรวมถ้าเก่งจริง และโดดเด่นมากๆยังไงที่ทำงานก็ต้องหาช่องทางรับเข้าทำงานให้ได้แหละครับ จากคุณ : อืมม เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 02:49:39 A:141.54.140.25 X: TicketID:100676

ความคิดเห็นที่ 7 ผมก็ไปสอบต่างสถาบันครับ เด็กเก่าที่คาดว่าใกล้จบสวมชุด นศ. มานั่งรอสอบสัมภาษณ์เหมือนกัน ของผมน่ากดดันตรงที่ว่าข้ามสายด้วยครับ (ศิลป์ --> วิทย์) ประสบการณ์ก็ไม่ตรงสายที่จะสอบเรียนเลย ปรากฎว่า ตอนสอบสัมภาษณ์ เขามีการเอากระดาษคำตอบเข้ามาประกอบการสัมภาษณ์ด้วยครับ เขาถามว่า สมมติคุณสอบได้ แล้วต้องเรียนปรับพื้นฐาน เทอมแรกจะต้องหนักกว่าคนอื่น จะไหวไหม กรรมการอีกท่านก็บอกว่า คะแนนข้อเขียนก็สูงอยู่นะ พอใช่ได้เลย ส่วนกรรมการอีกท่านนั่งมองหน้าผมแบบอมยิ้ม พยักหน้าไปเรื่อยๆตามที่ผมตอบครับ ผมก็พยายาม Eye contact กับทุกท่านนะ แต่ท่านนี้แหล่ะพูดทิ้งท้ายว่า มันไม่สนุกเหมือนที่คุณคิดเลย ระวังผิดหวังไว้บ้างนะ ตอนออกมา ก็คิดไว้แล้วว่าอาจจะสอบไม่ติด แต่ประกาศผลออกมาก็สอบได้ ไม่มีตัวสำรองเลยด้วย สมัคร 25 คัดเหลือ 18 (ก็มาเซ็นชื่อลงทะเบียนสอบสัมภาษณ์กันครบนะ) ผมว่ามันอยู่ที่เรามากกว่าครับ เด็กเส้นมันแค่ส่วนหนึ่ง ผมทำการบ้านเยอะมากก่อนสอบ หาข้อมูล เดาว่าเขาจะถามอะไรแล้วก็ฝึกเขียน คิดในใจว่าถ้าเขาถามแบบนี้จะตอบยังไง จากคุณ : ตี๋มือใหม่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 23:16:54