เรื่อง paraphrase จะว่าสอนกันได้หรือไม่ คำตอบมีทั้ง "ได้" และ "ไม่ได้" ฝรั่งเจ้าของภาษาได้รับการสอนจากอาจารย์แพล็บเดียวก้อมองเห็นทางสว่าง แต่คนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ถ้าระดับ proficiency ยังไม่ถึงขั้นสูงนัก ต่อให้อาจารย์เก่งเทวดามาจากที่ไหนก้อสอนให้ไม่ได้ง่ายๆหรอก เพราะแค่เขียนประโยคธรรมดาๆก้อยังเขียนผิดธรรมชาติมากอยู่แล้ว และจะไปรื้อประโยคที่ยากๆได้ยังไงกัน
จะบอกเคล็ดลับวิธีที่เราเรียนมาให้ ลองเปิดคำศัพท์ภาษาอังกฤษคำเดียวกัน ใน dictionaries อังกฤษเป็นอังกฤษหลายๆสิบเล่มเทียบการเขียนนิยามของคำศัพท์ตัวนั้นดู แล้วศึกษาความแตกต่างเรื่อง restatement of sentences เมื่อพอหาทางหนีทีไล่ในระดับประโยคแล้วจึงค่อยไปฝึกทำแบบนี้ในระดับ paragraph และระดับบทความทั้งเรื่อง
ในการเตรียมสอบ Certificate of Proficiency in English ของ University of Cambridge เราก้อตัองฝึก restatement of sentences บ่อยๆ เพราะข้อสอบมันทดสอบแบบนี้จริงๆ
และเผอิญเราฝึกแปลเอกสารจากไทยเป็นอังกฤษมาในสภาพแวดล้อมของการทำงานจริงๆ พอเขียนภาษาอังกฤษวกวนตามต้นฉบับภาษาไทย แล้วโดน editor ฝรั่งที่อ่านภาษาไทยรู้เรื่อง แก้ภาษาอังกฤษให้กระชับขึ้น เราเลยค่อยๆรู้ทางหนีทีไล่มากขึ้นซึ่งก้อนับว่าโชคดีหน่อยที่มีคนสอนให้ แต่ก่อนที่จะถูกสอนได้มันก้อต้องพอเขียนประโยคธรรมดาๆได้แข็งแรงพออยู่แล้ว
หลังจากนั้นเราเคยรับจ้างทำงานที่ดูเหมือน impossible นั่นก้อคือ รับจ้างกึ่งแปลกึ่งเขียน research papers ให้คนที่เรียนในมหาลัยในต่างแดน นักศึกษาตัดแปะ ตัดแปะ ข้อความที่ฝรั่งเขียนมาเต็มไปหมด หน้าที่เราก้อคือ
"ตามเก็บเฉพาะหลักการที่สำคัญๆ แล้วเขียนใหม่ โดยสอดแทรกความคิดของตัวเองเข้าไป หรือข้อโต้แย้งเข้าไป แล้วทำไม่ให้มันเป็น plagiarism ให้ได้ ซึ่งมันก้อไม่หมูนัก"
เพราะอาจารย์มหาลัยต่างประเทศเข้มงวดมากๆ กะอีแค่เปลี่ยน sentence structure อย่างเปลี่ยน active sentence ให้เป็น passive sentence หรือแค่รื้อ sentence structure มาทื่อๆก้อเจอข้อหา plagiarism sure ป๊าบ แน่ๆ ก้อเลยต้องใช้วิธีการที่ไม่ค่อยจะธรรมดานัก แต่ก้อทำได้สำเร็จ
สรุปแล้ว จขกท เรียน paraphrase ได้ด้วยการฝึก restatement of sentences คล้ายๆกับในวิชาคณิตศาสตร์ว่าด้วย proof of identities ที่โจทย์ให้ inequality (อสมการ) มา แล้วสั่งให้แปรรูป expression (นิพจน์) นั้น ไปเรื่อยๆ จนมัีนกลายเป็นสิ่งที่โจทย์ต้องการได้
ซึ่งกว่าจะทำได้เราก้อต้องคิดตามลำดับขั้นตอนว่า
What's the unknown? หรือ What's required to be done? What are the data? What are the conditions? Can you vary the unknown or data differently? Drop certain conditions and see what you have.
และกระบวนการ logical reasoning อย่างอื่นอีกมากมาย ซึ่งต้องใช้ประกอบกันกับ creative imaginations
โอ้พระเจ้าจอร์จ มันเป็นอะไรที่น่ามหัศจรรย์มากๆ ที่
You can apply mathematical methods to language learning.
เราไม่เสียใจเลยที่ตอนเด็กๆเราไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่เผอิญเราพอรู้คณิตศาสตร์อยู่บ้าง ก้อเลยกลับมาเรียนภาษาอังกฤษใหม่อีกรอบหนึ่งได้ด้วยวิีธีการแบบแหกคอก นอกตำรา แบบนี้...
แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 54 17:13:46
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
9 มี.ค. 54 17:08:54
|
|
|
|