ความคิดเห็นที่ 1 ข้อพิสูจน์ของขนมอยู่ที่คนกินลงหรือเปล่า ข้อพิสูจน์ของโรงเรียนอยู่ที่นักเรียน คุณว่าเพื่อนคุณเรียนกับเขาแล้วเป็นไงล่ะ ดีขึ้นหรือแย่ลง ถ้าดีขึ้น ก็ต้องถามว่าดีขึ้นมากขนาดที่คุ้มกับเงินไหม? ถ้าเพื่อนคุณพอใจจะจ่ายและพอใจกับสิ่งที่ได้รับ ก็แสดงความยินดีไปกับเขาเถอะ เพราะแสดงว่าเขาถูกโรคกัน ขนมสมน้ำยา จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 20:22:35

ความคิดเห็นที่ 2 สิ่งหนึ่งก็ยินดีครับ ถ้าเขาได้ทักษะทางภาษาอังกฤษมากขึ้น แต่เขาไปเรียนได้จะ 3-4 เดือนแล้ว ยังพูดแบบมั่วๆเหมือนก่อนเรียนอยู่เลยครับ แต่ในทางกลับกันผมมาดูคนอื่นๆ ที่ไปเรียนตามสถาบันไม่มีชื่อเสียงชื่อเดือนละ 3000฿ แต่กลับได้ทักษะทางภาษาอย่างรวดเร็วในเวลาแค่หนึ่งเดือน เลยแปลกใจว่าทำไมไม่คิดรอบคอบว่า เงินตั้งเกือบแสน สามารถเรียนภาษาที่อื่นๆได้ถึง 2-4 ปีได้สบายๆ จากคุณ : Boyz_Kotzen เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 20:50:21

ความคิดเห็นที่ 3 มีเพื่อนผมจบอักษรฯ มหา'ลัยรั้วชมพู ถือว่าเป็นคนเก่งมากคนนึง ได้เกียรตินิยมอันดับ2ด้วย ตอนเเรกเค้าไปทำงานเป็นtutorของ wall street เเค่เงินเดือนเริ่มก็ 23000 เเล้ว คิดดูสิ เเต่เพื่อนคนนี้ทำได้ 2 เดือนก็ออก เพราะเค้าบอกไม่ชอบ บอกว่ามันเหมือนต้องเป็นเซลส์ขายคอร์สไปด้วย เค้าอยากทำงานสอนเเบบสอนจริงๆมากกว่า จากคุณ : - - เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 21:02:39 A:124.122.216.254 X: TicketID:308405

ความคิดเห็นที่ 4 1. เพราะจ่ายแพงแล้ว ก็เลยพยายามปลอบใจหรือเปล่าว่าเค้าดี? 2. หรือว่าเค้าดีจริง แต่ผู้เรียนไม่ได้ทำตามที่เค้าบอกหรือตามที่เค้ากำหนด 3. หรือว่า คนเรามักคิดว่าอะไรทีแพงๆมากๆๆ คุณภาพต้องดี แต่โดยส่วนตัวไม่ เชื่อว่ามันควรจะแพงอย่างนี้แล้วมันจะได้ผลจริงๆ เพื่อนผมคนนึงก็โดนไป 7 หมื่น แต่ก็ไม่มีไรดีขึ้น ก็เลยไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะตัวเพื่อนเองหรือเพราะหลักสูตร จากคุณ : At Your Service เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 22:03:01

ความคิดเห็นที่ 5 เจอมากับตัวเอง โบกมือลาเลยค่ะ เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เรารู้จักคนในแง่มุมที่หลากหลายแบบที่ไม่คิดว่าจะเจอจริงๆกับตัวเอง มากขึ้น เราไม่อยากพูดมาก เพราะเป็นมุมมองของเราคนเดียว แต่สำหรับเราแล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่เรียนภาษาอังกฤษที่เหมาะกับเราเลย "แม้แต่น้อย" จากคุณ : Star of Perseverance เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 54 01:05:32

ความคิดเห็นที่ 6 ราคาความขยันของคนเรามีค่ามากกว่าคอร์สพวกนั้นครับ ต่อให้จ่ายเงินเรียนแพงแค่ไหนก็ต้องขยันอดทนและมีระเบียบวินัยในการเรียนการฝึกฝนอยู่ดี เงินซื้อความสำเร็จไม่ได้ ถ้ามันแพงเกินไปก็ไม่จำเป็นต้องจ่าย จากคุณ : Varalbastra เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 54 02:33:59

ความคิดเห็นที่ 7 "เงินซื้อความสำเร็จไม่ได้" คมมากๆครับ จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 54 08:39:38

ความคิดเห็นที่ 8 ชื่อก็บอกแล้ว   "Wall Street : Money Never Sleeps" แปลเป็นไทย "เงิน อำมหิต"   ฉาย  ทุกครอสแล้ว วันนี้   อิอิอิ จากคุณ : GiveForAll เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 54 09:24:45

ความคิดเห็นที่ 9 ทีแรกเราก้อสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเราเจอคนเรียน Wall Street หลายๆคนที่ภาษาอังกฤษไม่ดีขึ้นเลย เหตุผลมันเป็นเพราะอะไร?  แต่ตอนนี้เราพออธิบายได้แล้วหละ จะลอง list รายชื่อผู้คนที่เคยเจอมานะ รายหนึ่งเป็นผู้หญิงรู้สึกจะเกือบๆจบปริญญาตรีแล้ว (ตอนนี้คงจบแล้ว) เจอเืมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วในงานศพพี่คนหนึ่ง พ่อแม่เธอรวยมากๆส่งเธอไปเรียน Wall Street อีก 2-3 ปีให้หลังเธอแปะประโยคภาษาอังกฤษใน pantip เกือบๆครึ่งหน้า อ่านดูผิดธรรมชาติเกือบทุกบรรทัด Wall Street ไม่ได้สอนเธอสร้างประโยคง่ายๆเลย อีก 3 รายยิ่งเหลือเชื่อใหญ่เลย  รายหนึ่งเป็น programmer เคยเรียนอเมริกามา 3-4 ปี อีกคนจบปริญญาโทจากออสเตรเลียมา อีกคนเคยเป็น au pair ในอเมริกามา 2-3 ปี คนพวกนี้ไปเรียน Wall Street แล้วยังพูดกับเขียนอังกฤษออกมาเละหมดเลย แล้วทั้ง 3 คนมีลักษณะเหมือนๆกัน คือเป็นพวกหัวสูงชอบใช้ของแพง แบบพวก yuppies น่ะ แล้วแปลกพวกเขามีประสบการณ์ในต่างแดนขนาดนั้น ถ้าตั้งใจใผ่รู้จริงๆเรียนด้วยตัวเองก้อได้ เราเลยสรุปได้ว่าโรงเรียน Wall Street อาจไม่ได้สอนเลวร้ายไปกว่าที่อื่น แต่ความที่มันแพงมากที่สุดก้อเลยทำให้คนเข้าใจผิดไปใช้ false analogy ว่า ซื้อรถคันละ 10 ล้าน มันต้องได้รถคุณภาพดีกว่าซื้อคันละ 1 ล้าน แต่เขาไม่รู้ว่ามันไม่เหมือนกัน รถซื้อมาก้อแค่สตาร์ทเครื่องขับไป แต่เรียนภาษาอังกฤษมันไม่ใช่แค่นั้น คุณต้องออกแรงมากกว่่าแค่ขับรถ กว่่าจะเก่งอังกฤษได้ และค่าเรียนแพงหรือถูก ไม่ได้เป็นตัวแปรที่ทำให้คุณเก่งเร็วหรือเก่งช้า เนื่องจากผู้คนเป็นจำนวนมากใช้เหตุผลคลาดเคลื่อน เปรียบเทียบผิดๆ (false analogy) ดังนั้นคนที่ไม่ใช่ผู้เพียรพยายามใฝ่รู้จึงพร้อมที่จะจ่ายเงินแพงๆแล้วหวังผล แต่อนิจา มันเทียบกับซื้อรถไม่ได้ ในเมื่อมีคนเช่นนี้มาสมัครเรียนกับ Wall Street ตั้งมากมาย "เพราะใช้เหตุผลผิด" สิ่งที่ได้ก็คือ Wall Street กลายเป็นสถาบันสอนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นแหล่งสะสม ผู้คนตั้งมากมายที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่ทำให้พวกเขาเองเรียนอังกฤษ เท่าไหร่ ก้อเรียนไม่ก่งซักที มันก้อเลยทำให้ผู้คนทั่วๆไปหลงเข้าใจผิดคิดว่า Wall Street สอนภาษาอังกฤษไม่เอาไหน ไปเลย ตกลงเราใช้ตรรกะแบบนี้ เท่ากับเขียนเพื่อเป็นการแก้ต่างให้ Wall Street ดูดีขึ้น หรือเขียนให้ดูแย่ลง กันแน่? ใครเก่ง logic ลองใช้ logical reasoning แล้วตอบมาดิ...555+++... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 54 11:40:05

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ GiveForAll มุขนี้คิดได้ไง ขำก๊ากกกก55+ ไปอ่านหนังสือดีกว่า มัวเมากับพันทิปแต่เช้าแร้ว อ่านไม่จบเล่มสักที เอ้ยยยย แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 54 11:43:41 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 54 11:43:03

ความคิดเห็นที่ 11 ประสบการณ์ส่วนตัว พ่อให้เงินหมื่น ไปลงเรียนพิเศษ โรงเรียนสอนภาษาในห้าง อยากเรียนมาก วางแผน หาข้อมูลไว้แล้ว ไปถามเพื่อนทุกคนที่จำได้ว่าเคยเรียน เพื่อชั่งใจ เอาหนังสือของเพื่อนมานั่งอ่าน .. เน้นเกี่ยวกับแต่แกรมม่า  คนขายครอสบอกว่า ถ้าเรียนจบ รับรอง เขียนessay ของตัวเองได้แน่นอนค่ะ จึงกลับไปให้เืพื่อนที่เรียนจบแล้ว ช่วยเขียนให้ดูเป็นขวัญตา เอาแค่5บรรทัด บางคนเขียนไม่ได้ บางคนก็เขียนได้ สุดท้าย เอาเงินก้อนนั้นไป ทำเว็ปไซค์ขายของ 1ปีถัดมา เจอข่าวสถาบันภาษามหาวิทยาลัยโดยบังเอิญ ค่าเทอมเพียงหนึ่งพันบาท เอากำไรจากร้าน มาลงเรียนทันที เรียนเพียงแค่ 2 อาทิตย์ ก็สามารถมี essay เป็นของตัวเอง 2 หน้ากระดาษa4 รู้สึกภาคภูมิใจ มาก (แอบตั้งคำถามว่า "ทำไมkuพึ่งมาเรียนฟร่ะ") ตอนนี้ ในหัวของเพื่อนคุณ การเรียน wall street คือ การลงทุน  เขาคิดว่า ความเสี่ยงน้อยลง ถ้าลงทุนสูง ก็โอกาสที่จะได้รับตอบแทน ก็จะมีมากขึ้น แต่ความจริงแล้ว มันก็เป็นไปได้ว่า ลงทุนน้อยๆ ก็ได้ผลตอบที่ดีได้เช่นกัน ถ้าเปรียบเทียบแล้ว เหมือน เพื่อนคุณกำลังปลูกมะม่วง ปลูกทั้งไร่เลย ขุดๆ เข้าไป 4-5 ปี ถ้าได้เมล็ดดี เอาใจใส่ เชื่อว่าไม่นานได้ผลมะม่วงน้ำดอกไม้ชุ่มช่ำมากิน  ในขณะที่บางคน(เช่นเรา) ปลูกพริก ดีกว่า หว่านๆ ไป เดือนกว่าๆ เอาตำส้มตำได้ล่ะ แซ่บดี จากคุณ : หวานใจนายโหด เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 18:29:46

ความคิดเห็นที่ 12 * Success is a ladder that cannot be climbed with your hands in your pocket. [ความสำเร็จ เป็นบันไดที่จะต้องใช้มือคุณปินป่าย ไม่ใช่ซุกมือในกระเป๋า] * Success grows out of struggles to overcome difficulties. [ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นจาการดิ้นรนต่อสู้ เพื่อเอาชนะความทุกข์ยาก] * All things are attained by diligence and toil. [ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร] * Success comes only with hard work. [ความสำเร็จได้มาจากการทำงานอย่างหนักเท่านั้น] * Striving for success without hard work is like trying to harvest where you haven't planted. [การฝ่าฟันเพื่อความสำเร็จ โดยปราศจากความอุตสาหะบากบั่น ก็เหมือนการพยายามเก็บเกี่ยวในที่ ๆ ไม่มีการเพาะปลูก] จากคุณ : ร่วมด้วยช่วยกัน เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 19:30:41 A:58.8.52.144 X: TicketID:255444

ความคิดเห็นที่ 13 พยายามหากระทู้เกี่ยวกับ Wall Street หลายกระทู้ เพราะวันนี้เข้าไปสอบวัดระดับแล้ว ไม่เชื่อในผลสอบอย่างยิ่ง รอบแรกบอกว่าได้ Level 1 ซึ่งมั่นใจมากว่า Grammar ทำได้แทบทุกข้อ เขาเลยให้สอบใหม่ ปรากฎว่าอยู่ Level 3 ตกลงสถาบันนี้ เชื่อถือได้มากแค่ไหนครับ ปล. เกือบเสียเงินเหยียบแสนเพราะโดนโน้มน้าวใจ แต่พอมานั่งคิดว่า ขนาดการวัดผลเบื้องต้นคุณยังไม่มีความแน่นอนเลย แล้วถ้าไปเรียนจะเชื่อถือผลที่ได้หรือไม่ สรุป ตัดสินใจ ไม่เรียน ที่บ้านแนะนำว่า ไปเรียนตามมหาวิทยาลัยดีกว่า ถูกกว่าด้วย จากคุณ : kanthakorn เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 20:58:27

ความคิดเห็นที่ 15 มาบอกเล่าประสบการณ์ตอนเข้าไปทดสอบ ทำเสร็จเร็วมากๆ ไม่คิดไรมาก ข้อไหนไม่แน่ใจก็มั่วๆ ไป  เพราะกะว่าไปลองทดสอบฆ่าเวลารอหมอฟัน ได้ระดับกลางๆ น่าจะ 4 หรือ 5 จำไม่ได้ แต่พอไปคุยกับเจ้าหน้าที่ กลับเป็นว่าต้องไปเรียนระดับ 2 เพราะว่าทำเร็วเกิน ระบบจึงเอาความเร็วไปบวกคะแนนเพิ่ม ก็เลยบอกไปประมาณว่า ถ้างั้นไม่สนใจเรียน เพราะถ้าจะให้เรียนเราก็อยากเรียนระดับที่เราสอบ อีกอย่างแสดงว่าระบบของคุณไม่มาตรฐานทดสอบได้ระดับ 4 กลับจะให้ไปเรียนระดับ 2 บอกเราอีกว่าเรียนระดับ 2 จะได้แน่นๆ ก็เลยบอกเขาไปว่า ผมมั่นใจว่าผมควรเรียนระดับ 6 หรือ 7 (เพิ่มไปอีก 2 ขั้น) เพราะครั้งนี้ผมทำแบบลวกๆมากๆ คุณจะให้เรียนไหม เจ้าหน้าที่ก็บอกประมาณว่าไม่ได้ เพราะผลทดสอบไม่ถึง ผมก็บอกไปว่า อ้าวทีคุณยังจะให้ผมไปเรียนระดับที่ต่ำกว่าที่ทดสอบได้ ผมจะมั่นใจคุณได้อย่างไร ว่าคุณไม่ได้ต้องการแค่เงินของผม เพราะผลออกมาคุณยังมาลดเกรดผมเลย เขาเลยจะให้ไปทดสอบใหม่ ผมก็ตัดบทเดินออกมา สรุปว่าคุยกับเจ้าหน้าที่นานกว่าทำทดสอบ 5555 จากคุณ : Lerman เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 11:35:42