ความคิดเห็นที่ 1 http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3419.90 เริ่มจาก คคห.99 ยาวหน่อยนะครับ แต่ถ้าอดทนอ่านจบ ก็จะทราบเบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งปวง จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 54 18:19:21

ความคิดเห็นที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นบุกไทยก่อนครับ และยื่นข้อเสนอให้ไทยยอมให้กองทัพญี่ปุ่นผ่านแต่โดยดี ไม่เช่นนั้นแหลก........ รัฐบาลไทยเราเห็นว่าต้านทานได้ลำบาก เลยยอมอนุญาตให้ญี่ปุ่นใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปตีพม่าครับ และหลายวันถัดมาก็ลงนามในข้อตกลงร่วมมือกับญี่ปุ่น จึงกลายเป็นพันธมิตรกันครับ แต่คนไทยเราจำนวนมาก ไม่ได้ยินดีร่วมมือกับญี่ปุ่นเลย มีแค่คนบางกลุ่มและรัฐบาลเท่านั้น จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 54 19:40:11

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนที่เราเข้ากับญี่ปุ่นนั้น   แบ่งเป็น2ช่วง     ช่วงที่ให้ญี่ปุ่นเดินทัพผ่าน    ในตอนนั้นกองทัพไทยแข็งแกร่งขึ้นพอดู   เคยตีทัพฝรั่งเศสในอินโดจีนแตกกระเจิงไปหลายจุด       แต่เราก็สูญเสียอาวุธต่างๆไปพอดู     หากรบกับญี่ปุ่นจริงจังคงต้านได้ไม่เกิน1อาทิตย์     จึงจำใจยอมให้ญี่ปุ่นเดินทัพผ่านไทย ช่วงเข้าเป็นฝ่ายอักษะ     ช่วงนั้นเป็นช่วงที่อักษะกำลังรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด     ทำท่าว่าจะชนะสงครามได้ในไม่ช้า      จอมพลแปลกเห็นอย่างนั้นก็เลยคิดว่าถ้าเราอยู่อย่างนี้ต่อไปก็คงไม่ได้อะไร     อย่างน้อยประกาศเข้ากับฝ่ายอักษะซะพอฝ่ายอักษะชนะเราจะได้มีส่วนแบ่งอะไรกับเขาบ้าง ซึ่งพอรัฐบาลจอมพลแปลกประกาศสงครามกับอังกฤษและอเมริกา    ก็อย่างที่ทราบกันคือคุณชายเสนีย์ตัดสินใจไม่ส่งหนังสือประกาสสงครามให้รัฐบาลอเมริกา แต่ตามข้อมูลหลายๆอย่าง   ช่วงท้ายสงครามจอมพลแปลกก็มีการเตรียมตัวที่จะต่อต้านญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน     คือเสรีไทยก็เตรียมต่อต้านญี่ปุ่น   จอมพลแปลกก็เตรียมต่อต้านญี่ปุ่นอีกทาง      แต่จอมพลแปลกมีอันหลุดจากตำแหน่งนายกไปเสียก่อน     นายควงขึ้นมาเป็นนายกแทนก็ได้ให้การสนับสนุนเสรีไทยลับๆอย่างเต็มที่ ในบรรดาผู้ชนะสงครามทั้งหมด     ประเทศที่แค้นไทยเอามากๆคืออังกฤษกับฝรั่งเศส     มีตำราหลายเล่มที่บอกว่าอังกฤษแค้นมากจะเอาไทยเป็นอาณานิคมให้ได้ โซเวียต      ไม่มีอะไรเท่าไหร่   เพราะไม่ได้เดือดร้อนจากไทยเลย อเมริกา   ก็ไม่ได้เดือดร้อนเท่าไหร่   แถมถ้าช่วยไทยก็จะได้ซื้อใจไว้     เพื่อประโยชน์ในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ในอน่คต จีน   จีนกับเสรีไทยนี่ค่อนข้างจะเข้าใจกันดี    เคยอ่านหนังสือของทหารที่ไปรบกับจีน   บอกว่าทหารไทยกับจีนก็รบกันยิงกันไปเรื่อยๆ    ไม่ได้เอาเป็นเอาตายอะไร    สู้กันเช้าจนค่ำไม่มีใครตายซักคน        พอตกเย็นก็ชักแถวกันไปอาบน้ำที่ริมแม่น้ำ    จีนฝั่งไทยฝั่ง     ทหารจีนไม่มีสบู่ทหารไทยก็โยนไปให้      ทหารจีนขาดเสบียงทหารไทยก็ช่วยแบ่งปันให้ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 54 20:41:24

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นกระทู้ของคุณแล้วเกิดสนใจเหมือนกัน  เลยลองไปเสิร์ชคลังกระทู้เก่าเจออันนี้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3715362/K3715362.html น่าจะมีอีกเยอะที่คุยกันประเด็นนี้ลองหาดูนะคะ จากคุณ : tabby girl เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 00:01:21

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนสงครามโลกครั้งที่สองนั้น ในย่านเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ก็มีแต่ไทยนี่ล่ะครับที่เป็นขั้วอำนาจท้องถิ่น (Regional Power) อยู่ เพราะดินแดนส่วนอื่นๆนั้นเป็นอาณานิคมของประเทศตะวันตกหมดแล้ว ยกเว้นเวียดนามที่ญี่ปุ่นยึดอยู่ ดังนั้นถ้ามองมุมนี้จะเห็นว่าไทยนั้นเป็นประเทศที่ชี้เป็นชี้ตายให้ภูมิภาคนี้เลย นั่นคือไทยไปเป็นพวกไหน(อักษะหรือพันธมิตร)ฝ่ายนั้นก็จะได้เปรียบมหาศาลทันที จะเห็นว่าก่อนที่ญี่ปุ่นจะบุกไทยนั้น อังกฤษยังพยายามจีบๆไทยให้เข้าร่วมกับพันธมิตรอยู่เลย เพราะไทยสามารถช่วยรบป้องกันอาณานิคมสำคัญของอังกฤษคืออินเดียและสิงคโปร์ได้ ส่วนญี่ปุ่นนั้นมีข้อจำกัดสำคัญเรื่องกำลังทหาร เขาไม่ได้มีเยอะนะครับ จะต้องไปตีทั้งฮ่องกง ฟิลลิปปินส์ อินโด และมีส่วนหนึ่งมาตีมลายากับสิงคโปร์ ไม่ได้จัดกำลังทหารไว้ตีไทยนะครับ ถ้าต้องตีไทยก็ต้องใช้กำลังที่จะตีมลายานั่นแหละ ซึ่งถ้าต้องรบกับไทยจริงๆก็อาจไม่มีกำลังพอจะตีสิงคโปร์ได้ ถึงได้มาขอเดินทัพผ่านไทย อังกฤษเองก็หวังให้ไทยรบถ่วงญี่ปุ่นเพื่อให้ตนเองเสริมกำลังที่สิงคโปร์ได้ (อาจจะนำทหารมาจากอินเดีย) พอไทยยอมให้ญี่ปุ่นเดินทัพผ่าน จนญี่ปุ่นไปตีมลายากับสิงคโปร์ได้สะดวก อังกฤษถึงผิดหวังกับไทยมาก พอไทยประกาศเข้าร่วมสงครามเป็นฝ่ายอักษะ อังกฤษถึงประกาศสงครามตอบทันทีไม่มีรีรอ และมองไทยเป็นคู่สงครามเต็มตัว ส่วนฝรั่งเศสไม่ต้องพูดถึงเพราะแค้นไทยหลายเรื่องแล้ว ไทยเองก็แค้นฝรั่งเศสหลายเหมือนกัน ส่วนอเมริกานั้นมีอาณานิคมแถบนี้คือฟิลลิปปินส์ที่เดียว ซึ่งญี่ปุ่นเข้าโจมตีโดยตรงไม่เกี่ยวกับไทย นั่นคือการที่ไทยเข้าเป็นฝ่ายอักษะนั้นไม่ส่งผลต่อการรบของอเมริกาเลย อเมริกาก็เล็งเห็นว่าจะเพิ่มศัตรูมาอีกประเทศทำไม ถ้าประกาศสงครามกับไทยก็อาจจะเป็นการแสดงความเป็นปึกแผ่นกับอังกฤษ แต่ตอนนั้นคนที่อยากเป็นปึกแผ่นนั้นน่าจะเป็นอังกฤษมากกว่า ถ้าอเมริกาไม่ประกาศสงครามกับไทยอังกฤษก็คงทำอะไรอเมริกาไม่ได้หรอกครับ เรื่องไทยมันเป็นเรื่องเล็กเทียบกับการรบกับนาซีเยอรมันหรือญี่ปุ่น เขาไม่แตกคอกันเพราะไทยหรอก แต่ถ้าอเมริกาไม่ประกาศสงคราม ก็ยังมีช่องให้เล่นได้ในอนาคต ซึ่งเกมส์การเมืองของอเมริกาในครั้งนี้ก็มาส่งผลในปลายสงครามโลก เพราะตอนนั้นเริ่มมีเค้าของสงครามครั้งต่อไประหว่างโลกเสรีกับโลกคอมมิวนิสต์แล้ว อเมริกาก็ใช้ช่องทางที่ตัวเองเปิดไว้ในการนำไทยเข้ามาเป็นพวกของโลกเสรีได้ ที่อธิบายมาซะยืดยาวก็เพื่อจะบอกว่ามันไม่ใช่แค่ว่าม.ร.ว.เสนีย์ไม่ส่งจดหมายหรอกครับ อเมริกาเขาก็มีแนวทางการเมืองของเขาเหมือนกัน การไม่ประกาศสงครามกับไทยนั้นมีประโยชน์มากกว่า เขาก็เลือกทางนั้น จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 15:20:56

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนเรื่องนกสองหัวนี่เกิดขึ้นตอนสงครามจบ จริงๆแล้วไทยประกาศเข้าร่วมสงครามเป็นฝ่ายอักษะ ดังนั้นก็ควรอยู่ในกลุ่มผู้แพ้สงคราม แต่พอญี่ปุ่นยอมแพ้ ไทยก็จัดฉาก ให้กลุ่มเสรีไทยเข้าปฏิวัติยึดอำนาจจากรัฐบาลไทยตอนนั้น พร้อมทั้งประกาศว่าการประกาศสงครามนั้นไม่ใช่ความตั้งใจของประชาชนไทย จริงๆแล้วคนไทยเป็นฝ่ายสัมพันธมิตรนะ เห็นได้จากมีการตั้งกองกำลังเสรีไทยต่อต้านญี่ปุ่น ดังนั้นรัฐบาลเสรีไทยปัจจุบันขอถือว่าการประกาศสงครามกับพันธมิตรนั้นเป็นโมฆะ อเมริกาก็รีบรับลูกทันที(เพราะต้องการให้ไทยมาเป็นพวกต่อต้านคอมมิวนิสต์) แต่ทางอังกฤษกับฝรั่งเศสไม่ยอม อะไรกันรบกันมาตั้งนาน พอแพ้แล้วอยู่ๆจะมาบอกว่าจริงๆแล้วเราพวกเดียวกันได้ไง ก็เลยเป็นที่มาของคำว่านกสองหัวหรือ Siamese Talk นั่นเอง อังกฤษกับฝรั่งเศสก็พยายามจะให้ไทยเป็นผู้แพ้สงครามให้ได้ มีการปรับค่าปฏิกรรมสงคราม มีการให้ยอมรับอำนาจพันธมิตร ไทยก็พยายามขอให้อเมริกาช่วยเกลี้ยกล่อมอังกฤษกับฝรั่งเศสให้ สุดท้ายไทยก็โดนค่าปรับเป็นข้าวไปพอสมควร คืนดินแดนให้ฝรั่งเศสไป แล้วก็ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ UN จากนั้นก็มีสงครามเกาหลี เรื่องสงครามโลกก็ปิดฉากไป เริ่มต้นการปะทะกันครั้งใหม่ต่อไป จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 15:41:49

ความคิดเห็นที่ 7 ...จีนเคยคิดที่จะมาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นถึงประเทศไทยเรานี่เรื่องจริงหรือป่าวครับ จากคุณ : LegalisM เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 19:18:42

ความคิดเห็นที่ 8 พันธมิตรจะเข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นจริงครับ แต่เป็นอเมริกาไม่ใช่จีน แต่เอาเข้าจริงทหารไทยก็ปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นให้เรียบร้อยก่อนอเมริกาเข้ามาอีกครับ ซึ่งก็เป็นการดีเพราะรักษาเกียรติให้ทหารญี่ปุ่นด้วย และแสดงให้เห็นว่าไทย...เอ่อ...เป็นฝ่ายพันธมิตรนะ ฮ่าฮ่า จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 23:12:30

ความคิดเห็นที่ 9 จีนเองก็พยายามจะเข้าไปปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในเวียดนามและหมู่เกาะต่างๆในทะเลจีนใต้ึครับ บางแห่งก็ทำได้สำเร็จ บางแห่งก็ไม่สำเร็จ เคยอ่านเจอพบว่า จีนก็มีความสนใจจะเข้าปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในสหรัฐไทยเดิมเหมือนกัน แต่อังกฤษเขาไม่ยอม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 10:01:20

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าไทยเป็นผู้แพ้สงคราม ไม่แน่ว่าป่านนี้ กรุงเทพฝั่งพระนครอาจะเป็นของฝรั่งเศส ฝั่งธนบุรีเป็นของอังกฤษ ถูกแบ่งเป็นไทยเหนือ ไทยใต้ ถ้าเป็นนกสองหัวแล้วไม่เสียอะไร(มาก)เลย ก็ยอมค่ะ จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 19:52:55

ความคิดเห็นที่ 11 จะว่าไทยเป็นนกสองหัวก็ไม่ถูกครับ 1. ตอนญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกตลอดแนวชายฝั่ง มีเรือรบอังกฤษจากมลายูมาช่วยเราไหม ?, มีกองทหารจากมลายูมาช่วยสักคนหรือเปล่า ?, อังกฤษส่งอาวุธมาให้เราเยอะแค่ไหน ? เขาไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรเพื่อช่วยค้ำหรือรักษาอธิปไตยของไทยเราเลย แล้วทำไมเราต้องไปสู้ตายเพื่อประวิงเวลาให้อังกฤษรักษามลายูให้อยู่รอดด้วยหล่ะครับ ? หวังจะให้ไทยเป็นเบลเยี่ยมแห่งเอเชียเหมือนตอนสงครามโลกครั้งแรก แล้วสัมพันธมิตรส่งอะไรมาช่วยไทยบ้างตอนญี่ปุ่นบุก ? 2. จะเป็นพันธมิตรกันมันก็ต้องจริงใจกันหน่อย เยอรมันช่วยอิตาลีตั้งเยอะ แต่อังกฤษเคยช่วยอะไรไทยในการต่อต้านญี่ปุ่นบ้าง ? 3. รัฐบาลวิชชี่ในอินโดจีนก็ยอมยกอินโดจีนให้ญี่ปุ่นแต่โดยดี แบบนี้แปลว่าฝรั่งเศสไปเข้าข้างฝ่ายอักษะหรือไม่ ? 4. ที่จอมพลแปลกท่านต้องประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร ก็เพราะญี่ปุ่นเข้าเมืองมาแล้วครับ หากไทยไม่ยอมคล้อยตามก็มีแต่พินาศ เราจึงต้องประกาศสงครามกับฝ่ายตรงข้ามของญี่ปุ่น เพื่อให้ญี่ปุ่นวางใจรัฐบาลไทยว่าเป็นพวกเดียวกับเขา ไม่อย่างนั้น รัฐบาลจอมพลแปลกคงจะโดนญี่ปุ่นค่อยๆริดรอนอำนาจจนหมดเกลี้ยง เพราะเขาไม่มีวันวางใจเรา หากไม่ยอมลู่ลมตามเขา แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 22:53:13 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 22:45:24

ความคิดเห็นที่ 12 คำว่า siamese บางทีไม่ได้เกี่ยวกับสยามนะครับ แปลว่า "คู่" "สอง" "ติดกัน" เช่นในปั๊มสองหัวก้อเรียกว่า siamese pump, siamese valve, siamese connections ตอนไปอังกฤษเพื่อนบอกว่าเค้าตั้งล้อเราสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ผมว่ารากศัพท์มาจาก อินจันมากกว่า จากคุณ : Aeykun เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 23:08:47

ความคิดเห็นที่ 13 Siamese Cat ก็มี       คงไม่ได้เอามาล้อเราทุกคำหรอกครับ แต่ก่อนคนไทยก็มักจะพูดถึง Siamese Tea     Siamese Talk    ถ้าอันนี้ละก็อาจจะใช่    ล้อเราจริงๆ หวังจะให้ไทยเป็นเบลเยี่ยมแห่งเอเชียเหมือนตอนสงครามโลกครั้งแรก . . . เรื่องเป็นมายังไงพอจะเลาให้ฟังได้มั้ยครับ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 03:38:32

ความคิดเห็นที่ 14 คือตอนก่อนสงครามโลกครั้งแรกนั้น นักการทหารของฝ่ายเยอรมันได้วางแผนจำลองการทำสงครามเอาไว้ครับ ที่เด่นๆก็คือแผนชลิฟเฟ่น ที่นำเสนอโดย อัลเฟรด ฟอน ชลิฟเฟ่น โดยแผนของเขานั้น ทางเยอรมันเกรงว่าหากเกิดสงครามขึ้นมา ฝรั่งเศสกับรัสเซียจะจับมือกันโจมตีเยอรมันครับ ซึ่งเยอรมันจะมีไพร่พลไม่พอแบ่งไปรบทั้งฟากตะวันออกและตะวันตก ดังนั้นเยอรมันต้องหาทางเอาชนะศัตรูทิศใดทิศหนึ่งให้เีร็วที่สุด เพื่อที่จะทุ่มกำลังไปปะทะกับอีกทิศได้ทันท่วงที แผนชลิฟเฟ่นจึงถูกคิดค้นขึ้น โดยที่ กองทัพเยอรมันหากรบกับฝรั่งเศส จะต้องปะทะกันที่พรมแดนด้านแคว้นไรน์ครับ ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ขนกำลังมาเตรียมยันกันเต็มที่ หากตีกันตรงๆคงจะกินเวลานานกว่าจะทะลวงแนวรับของฝรั่งเศสเข้ามาได้ ดังนั้นเยอรมันจะต้องเดินทัพอย่างรวดเร็ว ข้ามเขตแดนของเบลเยี่ยมและฮอล์แลนด์บางส่วนเข้าตลบหลังกองทัพฝรั่งเศสที่กระจุกกันทางภาคตะวันออกครับ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนเยอรมันจะตีกองทัพฝรั่งเศสที่ชายแดนแตกกระเจิงได้สบายๆ แผนชลิฟเฟ่นถูกเอามาปรับปรุงใหม่ีในปี 1906 เพราะเยอรมันคิดว่าถ้าบุกเข้าไปในฮอล์แลนด์ด้วยจะต้องใช้กำลังพลมากเกินไป เลยทำให้มันกระชับโดยเน้นบุกเข้าไปเฉพาะในเบลเยี่ยมและลักเซนเบิร์ก เพื่อตลบหลังกองทัพฝรั่งเศสที่ชายแดนให้ได้เร็วที่สุดครับ และพอสงครามเกิดในปี 1914 เยอรมันก็เอาแผนนี้มาใช้่ทันทีครับ และขอให้เบลเยี่ยมยอมให้กองทัพเยอรมันเดินทัพผ่านแต่โดยดี (เหมือนที่ญี่ปุ่นบอกให้ไทยยอมให้ทหารญี่ปุ่นผ่านแต่โดยดีนั้นแล) ตอนนั้นเบลเยี่ยมก็ยัีงเป็นกลางอยู่ครับ ไม่ได้ประกาศสงครามเข้าข้างฝ่ายไหน (เหมือนที่ไทยเราก็เป็นกลางในช่วงนั้น) พอเยอรมันบุกในปี 1914 เบลเยี่ยมก็ประกาศสู้ตายไม่ยอมให้เยอรมันผ่านแดนตนเองเด็ดขาด และอังกฤษที่เป็นประเทศผู้ค้ำประกันอธิปไตยของเบลเยี่ยมพอเห็นว่าเยอรมันบุกเบลเยี่ยม ก็เลยประกาศสงครามกับเยอรมันไปด้วย และเข้าร่วมสงครามอย่างเต็มตัวครับ ผลก็คือ เยอรมันถล่มเบลเยี่ยมเละไปไม่น้อย เบลเยี่ยมกลายเป็นสมรภูมิรบเหมือนฝรั่งเศส จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 10:42:41

ความคิดเห็นที่ 15 1. ดังนั้นผมถึงคิดว่า อังกฤษหวังจะให้ไทยเราทำเหมือนเบลเยี่ยมครับ ต่อต้านญี่ปุ่นจนถึงที่สุด เพื่อประวิงเวลาให้อังกฤษรวบรวมไพร่พลในพม่าและอินเดียมาหนุนในมลายูได้ และถ้าเป็นไปได้ดีอาจจะช่วยรักษามลายูให้อังกฤษได้ด้วย แต่ปัญหาคือ พอญี่ปุ่นบุกทั้งไทย อังกฤษไม่เห็นจะมาช่วยไทยแบบที่วางแผนเอาไว้ตอนแรก และปล่อยให้ไทยเราสู้กับญี่ปุ่นเอาเอง แล้วแบบนี้จะมาเรียกร้องว่า ไทยยอมญี่ปุ่นง่ายๆก็ไม่ได้ครับ เพราะพอศัตรูมาก็ต่างคนต่างรบ แล้วจะมาหาว่าไทยเบี้ยวได้อย่างไร.............. เอ็งไม่ช่วยข้า แล้วทำไมข้าต้องช่วยเอ็ง แบบนี้ตัวใครตัวมันครับ รักษาตัวรอดเป็นยอดดี 2. ไอ้ที่อังกฤษหาเห็นเหตุมาว่าไทยเข้าข้างญี่ปุ่นนั้น นอกจากที่ไทยยอมให้ญี่ปุ่นผ่านง่ายๆแล้ว ก็คงเป็นที่รัฐบาลจอมพล ป. ไปร่วมลงนามเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นและประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตรด้วยแลครับ แต่ก็อย่างที่เรียนไปว่า จอมพลแปลกท่านใจหนึ่งก็คงจะอยากฉกฉวยผลประโยชน์ให้ไทยในช่วงสงครามด้วย อีกใจก็จำใจต้องทำตามญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นเข้าเมืองมาแล้ว ขอโอนเอาหลายๆอย่างไปดูแลแล้ว ถ้าไม่คล้อยตามญี่ปุ่น เขาก็เล่นงานเราแน่ๆ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 11:03:31 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 10:50:02 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 10:47:06

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าไม่ควรเอาไทยไปเปรียบกับเบลเยี่ยมในสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะอังกฤษรับประกันอิสรภาพให้เบลเยียม พอเยอรมันบุกเบลเยียมก็ต่อต้านเยอรมัน รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับฝ่ายพันธมิตรตลอดจนจบสงคราม เป็นผู้ชนะสงครามเต็มตัว แต่อังกฤษไม่ได้รับประกันอิสรภาพให้ไทย ไม่ได้มีข้อตกลงร่วมมือทางทหารกันก่อนหน้าสงคราม สถานการณ์ไทยนั้นน่าจะเหมือนเดนมาร์กตอนสงครามโลกครั้งที่สองมากกว่า คำว่านกสองหัวนั้นไม่น่าจะหมายถึงไทยหักหลังอังกฤษไปร่วมมือกับญี่ปุ่น แต่น่าจะหมายถึงไทยยอมโอนอ่อนผ่อนตามญี่ปุ่นในตอนแรก ประกาศสงครามกับพันธมิตรอย่างแข็งขัน แล้วพออักษะแพ้ไทยกลับบอกว่าตนเองเป็นฝ่ายพันธมิตรมากกว่าครับ แต่ผมก็เห็นด้วยว่าไทยไม่จำเป็นต้องรบเพื่อพันธมิตรหรอก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าไทยไม่ผิดที่รบให้อักษะนะครับ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 15:52:40

ความคิดเห็นที่ 17 บุญรักษาแล้วที่ไม่ได้เป็นแบบ โศกนาฏกรรมที่นานกิง หรือเกาหลี จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 20:05:58

ความคิดเห็นที่ 18 ...ผมคิดว่ามันมีหลายๆอย่างปนกันอยู่นะ ไทยเราก็ไม่ออกตัวว่าจะต้านญี่ปุ่นจนคนสุดท้าย หรือทำไห้อังกฤษมั่นใจพอ อังกฤษเองก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาถึงขั้นไห้ไทยเรามั่นใจพอเหมือนกัน เราก็กั๊กเค้า เค้าก็ไม่ใจกับเรา มันเลยออกมารูปแบบนี้ ส่วนตัว ผมมองว่าอังกฤษไม่สนใจไทยซักนิด ขอแค่กันญี่ปุ่นไว้ไห้เค้าเอาทหารไปถมที่มลายูทันก็พอ เป็นตายก็ช่าง จากคุณ : LegalisM เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 00:01:34

ความคิดเห็นที่ 19 มีทฤษฏีหนึ่ง ผมก็ทราบมาจากในห้องสมุดนี้แลครับ (ไม่แน่ใจว่าท่านใดเป็นคนเขียนเอาไว้) ท่านบอกว่า ตอนนั้นจอมพล ป. เดินทางไปตรวจเยี่ยมทหารที่อรัญประเทศกะทันหันครับ พอตอนดึกๆ ญี่ปุ่นก็รุกขึ้นบกที่ไทยทันที และทูตกับสายลับญี่ปุ่นในกรุงเทพก็กรูกันไปที่ทำเนียบ เพื่อยื่นหนังสือคำสั่งจากรัฐบาลญี่ปุ่น ที่จะขอผ่านทางประเทศไทยโดยสันติ หากไม่อย่างนั้นแหลก พอพวกญี่ปุ่นไปถึงทำเนียบ เลขาของท่านจอมพลก็บอกว่า ท่านจอมพลไม่อยู่ในพระนคร ออกไปราชการที่อรัญประเทศ พอพวกญี่ปุ่นไปบีบจะเอาึคำตอบจากทางผู้มีอำนาจในรัฐบาล ทางผู้มีอำนาจก็บอกว่าต้องรอจอมพลแปลกกับมาก่อน และค่อยเปิดสภาตัดสินกัน ให้ัคำตอบปัจจุบันทันด่วนไม่ได้ เพราะเขาไม่มีอำนาจพอ จอมพล ป. อยู่ที่อรัญประเทศ ดูทีท่าจนรุ่งสาง เห็นว่าทางอังกฤษไม่เคลื่อนไหวช่วยเหลือไทยแน่ๆ เลยเดินทางจากอรัญประเทศกลับเข้าพระนคร และสั่งให้กำลังพลตามจุดต่างๆยุติการต่อต้านครับ นั่นก็คือ จอมพล ป. อาจจะทราบแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะบุกในคืนนั้น เลยเร่งเดินทางออกจากพระนครไป เพื่อรอดูทีท่าของอังกฤษว่าจะเอาอย่างไีร (้เพราะถ้าอยู่ในพระนคร พวกญี่ปุ่นจะต้องรีบเข้าพบและขอคำตอบให้ได้โดยไว) พอเห็นว่าอังกฤษไม่ช่วย ไทยเรารบเองก็ต้านทานได้ลำบาก เลยตัดสินใจให้ญี่ปุ่นผ่านทางโดยสันติไป จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 54 16:12:23

ความคิดเห็นที่ 20 แถมฝ่ายไทย ได้ยินว่าตอนหลังยังเอาต้นพริกไทยไปปลูกในสนามบินลับ คืนล่วงหน้าก่อนญี่ปุ่นตรวจงานอีก ลงถึงขั้นให้เสรีไทยสร้างสนามบินลับ จะมาหาว่าไทยไม่เป็นฝ่ายพันธมิตรได้ไงครับ อิอิ จากคุณ : Terkrub เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 02:05:44