ความคิดเห็นที่ 1 1.  เยอรมัน ต้องการขยาย อำนาจ ต้องการ ล้างอาย ตอน สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และ เป็นความต้องการของ ฮิตเลอร์ , ส่วน ญี่ปุ่น เนื่องจากประเทศเป็นเกาะ เลยอยากขยาย     เพื่อหาทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มเติม 2.  ก้อ หากินกันคนละเขต เลย เข้าร่วมกันได้ 3.  เล่น บุก แบบ ไม่ให้ชาวบ้านตั้งตัว , เตรียมพร้อมมานาน  ถึงเวลาบุกเลย มันก้อชนะ ในตอนต้นๆ 4.  หาหนังสืออ่าน มีเยอะแยะ จากคุณ : Igor Dolvich เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 18:11:27

ความคิดเห็นที่ 2 สงคราม เริ่มต้นจากความอ่อนแอของอังกฤษ ฮิตเลอร์บุกยึด ออสเตรีย เชคโกฯ อังกฤษได้แต่นั่งมองตาปริบๆ มุสโสลินี ก็เลยเอาบ้าง บุกยึด แอลเบเนีย และ เอธิโอเปีย ทั้งเยอรมัน และ อิตาลี  ก็ช่วยให้นายพลฟรังโก ยึดสเปน 3 ชาติอักษะ เกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้ สงครามโลกครั้งที่สอง ประกาศอย่างเป็นทางการ ตอนเยอรมันบุกยึดโปแลนด์ ขณะนั้น ญี่ปุ่น ก็กำลังบุกจีน และโดนนานาชาติประณาม ญี่ปุ่นเลยลาออกจากองค์การสันนิบาตชาติ และเข้าร่วมกับอักษะ  (ญี่ปุ่นกับเยอรมันรักใคร่กันมานานแล้ว เทคโนโลยีทางทหาร ก็ได้เยอรมันช่วย) ขณะนั้น สหภาพโซเวียต ก็อยู่ข้างอักษะ และที่ฮิตเลอร์ขึ้นเป็นผู้นำเยอรมันได้ ก็เพราะความช่วยเหลือจาก สตาลิน ที่จริง ฝ่ายอักษะ มีโอกาสชนะสงครามโลกสูงมาก ถ้าฮิตเลอร์ไม่ใจแคบ เพราะฮิตเลอร์สัญญากับสตาลิน ไว้ว่า จะยกโปแลนด์ตะวันออกให้สหภาพโซเวียต แต่กลับคำ ไม่อย่างนั้น รัสเซีย ประกาศเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะด้วยแน่นอน ลองคิดดู  เยอรมัน + ญี่ปุ่น + รัสเซีย + อิตาลี + สเปน  ใครจะเอาอยู่ ความ งก ของฮิตเลอร์ เลยทำให้แตกคอกับโซเวียต โซเวียตก็ยังไม่ว่าอะไร ขอเพียงแต่เยอรมันอย่ามาบุกโซเวียตก็แล้วกัน เลยทำสนธิสัญญาไม่รุกรานซึ่งกันและ กัน  แต่ฮิตเลอร์ ก็หักหลัง  ซึ่งนำมาสู่จุดจบของฮิตเลอร์ น่าเสียดาย ตอนนั้น ญี่ปุ่น จะยกให้ไทย เป็นพี่ใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะคืนดินแดนลาว กัมพูชา และพม่า ที่เคยเป็นของไทยในสมัยกรุงธนบุรีให้กลับคืนมาเป็นของไทยทั้งหมด พังเพราะฮิตเลอร์ คนเดียว ถ้ารู้จักพอ หยุดสงครามไว้แค่นั้น ก็จะครองโลกได้ครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ไม่เอา พี่แกจะครองโลกทั้งใบ เลยเจอฤทธิ์ อเมริกา ที่วางตัวเป็นกลางมาหลายปี รอจังหวะ เยอรมันเพลี่ยงพล้า จากโซเวียต แล้วเข้าซ้ำ เยอรมัน ตอนฟิตๆ ถ้าเจอ อเมริกา ตัวต่อตัว  อเมริกาเละแน่  พี่แกเล่นเข้ามาตอนเยอรมันโทรมบักโกรกแล้ว อีกอย่าง เยอรมันรู้สูตรทำระเบิดปรมาณูก่อนอเมริกาตั้งสามปี แต่ฮิตเลอร์แกบอก สูตรของไอน์สไตน์ไร้สาระ เป็นไปไม่ได้ จากคุณ : รักหลอกจึงบอกให้ เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 18:26:29

ความคิดเห็นที่ 3 สมัยนั้น ญี่ปุ่นมีประชากรเกือบร้อยล้านคนแล้วค่ะ มีความจำเป็นต้องขยายดินแดนเพื่อแสวงหาทรัพยากรเพิ่ม จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 18:42:00

ความคิดเห็นที่ 4 แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 19:46:43 แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 19:43:09 จากคุณ : หมอที่ดิน เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 19:31:23

ความคิดเห็นที่ 5 ผมเคยถามเพื่อนญี่ปุ่นว่าทำไมประเทศญี่ปุ่นพื้นที่ไม่มาก แต่มีประชากรมากกว่าไทยถึงเท่าตัว ตอนนี้ราวๆ 130 ล้านคน เพื่อนญี่ปุ่นตอบว่า สมัยก่อนญี่ปุ่นต้องรบกับประเทศใกล้เคียง จึงจำเป็นต้องเพิ่มพลเมืองเยอะๆ คนญี่ปุ่นเรียกผู้หญิงญี่ปุ่นว่า baby-making machine เครื่องจักรผลิตเด็ก ประเทศญี่ปุ่นไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ เช่นแร่ธาตุและน้ำมัน จึงต้องไปแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติจากที่อื่น เช่น ประเทศจีน ซึ่งในสมัยโบราณรบไม่เก่ง รบแพ้พวกมองโกล (ซึ่งมีจำนวนพลเมืองน้อยกว่าเยอะ) และญี่ปุ่นตลอด จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 21:05:28

ความคิดเห็นที่ 6 จีนเคยรบแพ้ญี่ปุ่นแค่ครั้งเดียวก็คือสงครามชิงอำนาจในเกาหลีครับ ที่กองเรือเป่ยหยางและกองทัพเป่ยหยางถูกโจมตีเสียหายยับเยินแบบหักปากกาเซียน ทำให้ญี่ปุ่นได้ครอบครองเกาหลี ไต้หวันและหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก แต่นอกนั้นจีนชนะมาตลอดเลยนะครับ - สงครามล้อมปราบโกกุเรียว ที่ญี่ปุ่นส่งทหาร 2.5 หมื่นคนเข้าช่วยแคว้นพันธมิตรอย่างปักเจ กองทัพญี่ปุ่นก็โดนกองทัพถังโจมตีแตกพ่ายยับเยิน เสียกำลังพลไปหมื่นกว่าคน ที่เหลือต้องล่าถอยกลับไปญี่ปุ่น - สงครามที่ญี่ปุ่นโจมตีเกาหลีสองครั้ง ก็ถูกกองทัพพันธมิตรของต้าหมิง-เกาหลี โจมตีแตกพ่ายกลับไปทั้งสองครั้ง - สงครามจีน-ญี่ปุ่น ระหว่างปี 1937-45 จีนก็เป็นฝ่ายชนะสงครามตอนท้ายสุด ที่เหลือก็เป็นการปะทะกันของกองทัพมองโกลที่ไปโจมตีญี่ปุ่น 2 ครั้ง และล่มด้วยพายุหมด จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 21:30:09

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนมองโกลมีประชากรน้อยกว่าจีนไหม ถ้าตอบเฉพาะชาวมองโกลแท้ๆ ที่นับเป็นเผ่ามองโกล (ไม่นับพวกเผ่าทาทาร์เอ่อร์, ไน่หมาน, หงจี๋ และอื่นๆ) ก็มีน้อยกว่าชาวจีนฮั่นครับ แต่ตอนที่มองเกอข่านขึ้นเป็นจักรพรรดินั้น จักรวรรดิมองโกลก็มีพรมแดนลงใต้มาประชิดต้าซ่ง และมีประชากรมากกว่าต้าซ่งมากครับ กลางศตวรรษที่ 13 ต้าซ่งมีประชากรอย่างมากไม่เกิน 75 ล้านคน แต่จักรวรรดิมองโกลลำพังเฉพาะในจีนเหนือและตงเป่ยก็มีประชากร 50 ล้านคนแล้ว ไม่นับดินแดนอื่นๆที่ยึดครองเอาไว้อีก (ซึ่งมีประชากร 100 ล้านคนสบายๆ) จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 21:32:52

ความคิดเห็นที่ 8 การแตกคอ ระหว่างฮิตเลอร์และสตาลิน ยังไงก็ต้องเกิด เพราะเป้าหมายของฮิตเลอร์อย่างหนึ่ง ก็คือการกำจัดลัทธิคอมมิวนิสต์ ทุกครั้งที่ปราศรัยให้ประชาชนฟัง ฮิตเลอร์ก็ด่ารัสเซียตลอด น่าแปลกกว่า ที่ำไมสตาลินดันไปหลงคารมแกได้ เรียกว่าฮิตเลอร์มีใจจะทำลายรัสเซียอยู่แล้ว แค่ต้องการรวบรวมทรัพยากรมากพอ แต่เอาเข้าจริงก็ยังยาก ขนาดฆ่าไปเป็นล้าน ขนหน้าแข้งแกยังไม่ร่วงเลย กับอเมริกา ต่อให้ฟิตจัดแค่ไหนก็ยาก ให้บุกพร้อมกับญี่ปุ่นด้วยเอ้า ทั้งจำนวนประชากร, รากฐานทางอุตสาหกรรม, ความคิดสร้่างสรรค์, ระยะทางที่ห่างไกลฯลฯ โจมตีอเมริกา ก็เหมือนสู้กับรัสเซียภาคอัพเกรด เรื่องค้นพบทฤษฎีสร้างระเบิดนิวเคลียร์ เป็นแค่ส่วนเดียว ยังมีเรื่องเทคโนโลยี และทรัพยากรณ์ที่สำคัญอีก ซึ่งอเมริกามีทุกอย่าง ขณะที่เยอรมันไม่มี น้ำมวลหนักก็ต้องไปเอามาจากนอร์เวย์ แถมถูกก่อวินสกรรมกลางทางอีก เลยเป็นอันพับโครงการไป จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 10:10:13

ความคิดเห็นที่ 9 กลุ่มฟาสซิสต์กับคอมมิวนิสต์นั้นอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แน่นอนครับ เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกันชัดเจนเลย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 11:29:02

ความคิดเห็นที่ 10 ...ผมว่าสตาลินไม่ได้หลงคารมใครเค้าหลอกครับ ผมว่าแกพยายามประวิงเวลาไว้ไห้นานที่สุด เพื่อเตรียมกองทัพไห้พร้อมที่สุดมากกว่า จากคุณ : LegalisM เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 19:46:25

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนเกิดสงครามโลกครั้งที่สองนั้นสตาลินพึ่งกำจัดนายทหารที่แข็งข้อไปเป็นเข่งๆพอดีครับ ตอนนั้นโซเวียตไม่พร้อมรบเลย สงครามฤดูหนาวกับฟินแลนด์ตอนปี 1939 นั้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าโซเวียตไม่พร้อมจริงๆ เกือบแพ้ฟินแลนด์ตอนหน้าหนาวเลยนะครับ แต่พอเข้าฤดูใบไม้ผลิโซเวียตก็ทุ่มกำลังเอาชนะได้ด้วยปริมาณล้วนๆ ฮิตเลอร์เองที่คิดบุกโซเวียตก็เพราะประเมินจากประสิทธิภาพกองทัพแดงตอนรบกับฟินแลนด์นี่แหละ ในช่วงแรกของยุทธการณ์บาบารอสซาที่เยอรมันบุกโซเวียตนั้น อัตราการสูญเสียทหารของเยอรมันต่อโซเวียตนี่เป็น 1:10 เลยนะครับ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 21:49:24

ความคิดเห็นที่ 12 สงครามโลกครั้งที่สองนั้นมีฝ่ายร่วมรบ 3 ฝ่ายครับ คือ 1) ฝ่ายอักษะที่มีอุดมการณ์แบบฟาสซิสต์ 2) ฝ่ายคอมมิวนิสต์ 3) ฝ่ายพันธมิตรประชาธิปไตย มองแบบนี้จะเห็นภาพชัดกว่า สงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของกลุ่มมหาอำนาจกลาง (Central Powers) ซึ่งก็คือจักรวรรดิเยอรมันกับจักรวรรดิออสเตรีย (รวมจักรวรรดิออตโตมันด้วยแต่ไม่ขอกล่าวถึง) จักรวรรดิทั้งสองล่มสลาย ดินแดนถูกตัดออกเป็นประเทศต่างๆมากมาย ออสเตรียหมดซึ่งความเป็นมหาอำนาจ เยอรมันเองก็ถูกลดทอนศักยภาพทางทหาร ทั้งจำกัดจำนวนทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ ห้ามไม่ให้มีกองทหารเยอรมันประจำในดินแดนแถบลุ่มแม่นำ้ไรห์นที่ติดกับฝรั่งเศส โดนบังคับให้จ่ายค่าปฏิกรรมสงครามมหาศาล เยอรมันต้องใช้เวลาเป็นสิบปีในการฟื้นฟูประเทศก่อนจะเริ่มจ่ายค่าชดเชยนี้ได้ เรียกว่าประเทศอยู่ในสภาพลำบากมา นอกจากนี้การจำกัดกำลังทหารของเยอรมันทำให้เยอรมันตกในความเสี่ยงจากการโดนรุกราน ประเทศที่จะรุกรานเยอรมันก็ไม่ใช่พันธมิตรอังกฤษฝร่ังเศสหรอกครับ ก็รบชนะไปแล้วนี่ แต่มีอีกประเทศนึงที่พึ่งจะเปลี่ยนการปกครองจากระบอบกษัตริย์มาเป็นระบอบที่คนชั้นใช้แรงงานชั้นล่างเป็นใหญ่ ปฏิเสธทุนนิยม ปฏิเสธศาสนา นั่นก็คือลัทธิคอมมิวนิสต์ที่เติบโตในโซเวียตรัสเซีย โซเวียตมีนโนบายส่งออกลัทธิคอมมิวนิสต์ด้วย ทั้งโดยการบุกยึดด้วยกำลังทหารโดยตรง เช่น ในประเทศกลุ่มบอลติคเหนือ(ลัทเวีย ลิธัวเนีย) และสนับสนุนแนวคิดคอมมิวนิสต์ในกลุ่มคนชั้นแรงงานในประเทศอื่น เช่นจีน กองทัพคอมมิวนิสต์หลังจากล้มระบอบซาร์ในรัสเซียสำเร็จก็เข้าโจมตีประเทศที่เคยอยู่ในอาณัติของรัสเซียเดิม เช่นลัทเวีย ยูเครน และยึดไปได้หมด แต่ก็โดนหยุดยั้งได้ดั่งปาฏิหารย์โดยกองทัพของอีกประเทศหนึ่งซึ่งเกิดใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เช่นกัน นั่นก็คือโปแลนด์ แต่ลัทธิคอมมิวนิสต์นี้เป็นเหมือนเงาดำทมึนที่เป็นภัยคุกคามต่อยุโรปเสมอมา ฝ่ายสัมพันธมิตรประชาธิปไตยนั้นเป็นผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ก็อ่อนล้าจากการสงคราม โดยเฉพาะฝรั่งเศสที่มีการประมาณไว้ว่าสูญเสียประชาการชายไปเกือบ 10% จำนวนทหารที่บาดเจ็บของฝรั่งเศสคิดเป็น 50% ของทหารที่ระดมพลมา ตัวเลขนี้ทำให้ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสเข็ดขยาดในการทำสงครามใหญ่อีก ส่วนอเมริกานั้นพยายามตั้งสันนิบาตชาติ (League of Nations) เพื่อลดและตัดสินข้อพิพาทระหว่างชาติเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม แต่การเมืองภายในทำให้อเมริกาไม่สามารถเข้าร่วมสันนิบาติชาติได้ ประชาชนอเมริกาไม่อยากเข้าไปยุ่งกับสงครามในยุโรปอีกแล้ว เรื่องของยุโรปก็ให้คนยุโรปจัดการกันเอง จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 21:50:02

ความคิดเห็นที่ 13 ลัทธิฟาสซิสต์นั้นจะเน้นเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกันของชาติ เกียรติยศของชาติ ระเบียบวินัยของคน เน้นความเข้มแข็งทางการทหาร คลั่งชาติกลายๆ ใครคิดไม่เหมือนผู้นำก็ต้องโดนปรับแนวคิดใหม่ เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย ประมาณนั้น ของไทยนั้นยุคจอมพลป.ก็ร่วมสมัยเป็นฟาสซิสต์เหมือนกันนะครับ เหยียดชาติอื่น(จีน) เน้นสัญลักษณ์ความเป็นชาติไทย แต่ไม่ใช่แบบอนุรักษ์นิยมซึ่งนำของเดิมมาเชิดชู แต่มักจะมีการสร้างค่านิยมใหม่ๆเพื่อนิยามความเป็นชาติในลักษณะใหม่ กลุ่มฟาสซิสต์คือเยอรมันกับอิตาลี เยอรมันนั้นเป้าหมายแรกคือติดอาวุธให้กองทัพอีกครั้งเพื่อป้องกันประเทศจากภัยคุกคามคอมมิวนิสต์ ซึ่งฮิตเลอร์ก็ทำได้สำเร็จโดยอังกฤษกับฝรั่งเศสไม่ได้ว่าอะไรด้วย จริงๆแล้วชาติตะวันตกประชาธิปไตยก็คิดว่าให้เยอรมันมีกองทัพเพื่อยันภัยคอมมิวนิสต์ก็ดีเหมือนกัน โป๊ปในตอนนั้นถึงกับเชื่อว่าฟาสซิสต์นี่แหละจะเป็นกำลังสำคัญในการต่อกรกับคอมมิวนิสต์(ที่ปฏิเสธศาสนาชัดเจน) เป้าหมายต่อไปของเยอรมันก็คือรวมคนชาติเยอรมันกลับมาเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง อันนี้ตามแนวคิดคลั่งชาติน่ะครับ เป็นสาเหตุเดียวกันกับที่ไทยขอญี่ปุ่นไปตีรัฐไทยใหญ่ไทยเดิมเหมือนกัน คนที่มีเชื้อสายเยอรมันก็อยู่ในออสเตรีย เชคโก (ซึ่งเคยเป็นของอาณาจักรออสเตรีย แต่โดนตัดแบ่งไปสร้างประเทศใหม่) แล้วก็ดินแดนที่เคยเป็นของเยอรมัน แต่โดนตัดเฉือนไปสร้างโปแลนด์ แล้วก็ดินแดนอัลซาร์ค-โลลองค์ ที่ติดกับฝรั่งเศส ที่ฝรั่งเศสเอาไปตอนชนะสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (ซึ่งเยอรมันเอามาจากฝรั่งเศสก่อนอีกทีตอนสงครามรวมชาติ) ตอนที่เยอรมันบุกเข้าออสเตรียนั้นฮิตเลอร์ให้พรรคนาซีออสเตรียจัดฉากเตรียมไว้แล้วครับ เป็นการยึดที่ไม่สูญเสียเลือดเนื้อ คนออสเตรียก็ต้อนรับกองทัพเยอรมันอย่างดี เห็นแบบนี้ทางอังกฤษกับฝรั่งเศสก็เลยไม่ทัดทาน จากนั้นเยอรมันก็เข้ายึดเชคโกในส่วนที่มีคนเยอรมันอยู่ คราวนี้อังกฤษกับฝรั่งเศสเริ่มกังวลล่ะ แชมเบอร์เลนนายกอังกฤษบินไปคุยกับฮิตเลอร์เลยครับ ฮิตเลอร์ก็โม้ให้ฟังแกมขอความเห็นใจ ว่าคนเยอรมันต้องกระจัดกระจายไปเป็นคนกลุ่มน้อยในประเทศต่างๆ เยอรมันเองต้องการนำคนเหล่านี้กลับมาเท่านั้น ก็เลยไปรวมกับออสเตรีย และจะเอาส่วนเชคโกนี่แหละเป็นที่สุดท้ายแล้ว แชมเบอร์เลนขอคำมั่นจากฮิตเลอร์ ฮิตเลอร์ก็เขียนเป็นจดหมายเซ็นให้เลย โห...แชมเบอร์เลนเชื่อสนิทใจเลยครับ บินกลับอังกฤษ ตอนลงจากเครื่องบินนี่ชูจดหมายฮิตเลอร์หรามาเลย ประกาศว่า "It is peace for our time" สันติภาพสำหรับช่วงเวลาของพวกเรา เห็นภาพไหมครับว่าฝ่ายพันธมิตรคิดอะไร ทั้งอังกฤษทั้งฝรั่งเศส คิดว่าพวกฟาสซิสต์กับคอมมิวนิสต์จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ขออย่างเดียว อย่ามีสงครามโลกอีก จริงๆแล้วอังกฤษก็เห็นใจเยอรมันระดับหนึ่งนะครับในความลำบากหลังสงครามโลก จึงมองว่าบางเรื่องก็ควรยอมให้เยอรมันบ้าง เช่นเรื่องการเสริมกำลังทหารในภาวะเสี่ยงภัยจากคอมมิวนิสต์ หรือการรวมคนเยอรมันกลับมา โดยมีข้อแม้ว่าต้องไม่เอาส่วนของฝรั่งเศสกับโปแลนด์เท่านั้นแหละ ดังนั้นพอเยอรมันยึดเชคโกทั้งประเทศ(รวมส่วนที่ไม่มีคนเยอรมันด้วย) ทางอังกฤษก็ไม่ได้ทัดทานอะไรเลย จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 22:14:23

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนอิตาลีนั้นคล้ายญี่ปุ่น คือมาช้าแต่อยากเป็นมหาอำนาจ ใช้วิธีโบราณคือล่าอาณานิคมซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับในเวทีโลกยุคนั้นอีกแล้ว แต่อิตาลีดีกว่าญี่ปุ่นตรงที่มุสโสลินีนั้นเล่นเกมส์การเมืองระหว่างประเทศเก่ง คนในประเทศก็ชอบ(ตอนแรก) การรุกรานทั้งเอธิโอเปียกับอัลแบเนียนั้นถูกด่าก็จริงแต่ก็แค่นั้น(ไม่มีการบอยคอร์ตใดๆทั้งสิ้นไม่เหมือนญี่ปุ่น) เพราะฝรั่งเศสก็ยังหวังว่าอิตาลีจะช่วยรบกับเยอรมันถ้าเกิดสงครามจริงๆ (ตอนสงครามโลกคร้ังที่ 1 อิตาลีเคยฉีกสัญญาพันธมิตรกับเยอรมันมาเข้าฝ่ายฝรั่งเศสมาแล้ว) อังกฤษกับอิตาลีเองก็มีสัมพันธ์อันดีต่อกัน(ถ้าไม่นับตอนอิตาลีบุกเอธิโอเปีย) เชอร์ชิลก็สนิทกับมุสโสลินี จุดพลาดพลั้งของมุสโสลินีนี่เป็นเพราะความงกจริงๆครับ ตอนที่กองทัพเยอรมันบุกทะลวงป่าอาร์เดนส์อ้อมแนวป้องกัน Maginot ของฝรั่งเศสมาได้ ก็เป็นที่แน่ชัดว่าฝรั่งเศสแพ้แน่ ตอนนั้นมุสโสลินีเก็บอาการงกไม่อยู่ อยากได้ดินแดนของฝรั่งเศสที่มีคนอิตาลีอยู่เยอะ (เมืองริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ติดกับอิตาลี) ตามวิสัยทัศน์ของฟาสซิสต์ ก็เลยประกาศสงครามกับฝรั่งเศส ซ้ำคนล้ม ยึดดินแดนเหล่านั้นมา การประกาศสงครามครั้งนี้ตรงข้ามกับความต้องการของคนอิตาลีอย่างสิ้นเชิง คนอิตาลีนั้นเป็นพวกอังกฤษมากกว่าเยอรมันเยอะ แม้แต่คนฝรั่งเศสก็ยังคิดว่าอิตาลีนั้นทรยศหักหลังน่ะครับ เรียกว่ากำลังใจของประชาชนและทหารในการรบนี้ตกต่ำมากๆ ผลงานการรบของอิตาลีนั้น...ห่วยยิ่งกว่าห่วยในทุกแนวรบ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 00:28:49

ความคิดเห็นที่ 15 มาที่โซเวียต โซเวียตก็อยากส่งออกลัทธิคอมมิวนิสต์ จะส่งออกด้วยดาบก็ไม่เป็นไร แต่ว่ากองทัพแดงนั้นยังล้าสมัยอยู่ นายทหารจำนวนมากก็พึ่งโดนสตาลินสั่งเก็บ กองทัพแดงนั้นมองการติดอาวุธของเยอรมันด้วยความกังวลนะครับ เพราะมันค่อนข้างชัดว่าเยอรมันเตรียมรบกับใคร ฮิตเลอร์ก็ปาฐกถาต่อต้านคอมมิวนิสต์ซะขนาดนั้น เวทีโลกตอนนั้นก็คาดว่าฟาสซิสต์อัดกับคอมมิวนิสต์แน่ นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่อังกฤษฝรั่งเศสยอมให้เยอรมันติดอาวุธใหม่ และยอมเยอรมันในหลายๆด้าน เพราะอยากให้เยอรมันแข็งพอที่จะต้านโซเวียตได้ ทางฝ่ายโซเวียตก็ไม่ไว้ใจพันธมิตรเช่นกัน มองว่าพันธมิตรยอมเยอรมันมากไป โดยเฉพาะยอมให้ยึดเชคอย่างง่ายๆ และกังวลว่าถ้ารบกันตอนนี้ตัวเองจะแย่ ก็เลยดำเนินนโยบายโอนอ่อนต่อเยอรมันไปอีกราย โซเวียตนี่แทงกั๊กนะครับ คือฉากหน้าก็เจรจากับอังกฤษฝรั่งเศสว่าจะเป็นพันธมิตรกันไหม แต่ก็เจรจาลับๆกับเยอรมัน สุดท้ายก็ประกาศว่ามีสัญญาไม่รุกรานซึ่งกันกับเยอรมันแล้ว สัญญานี้สะเทือนโลกเลยครับ เพราะมวยคู่ที่ทุกคนรอว่าจะชกเมื่อไหร่กลับกลายเป็นจับมือไม่ชกซะนี่ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 01:04:30 จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 00:44:33

ความคิดเห็นที่ 16 พอสัญญาไม่รุกรานกันระหว่างโซเวียตกับเยอรมันแดงขึ้นมา ทางพันธมิตรก็รู้เลยว่างานเข้าแล้ว เพราะกองทัพเยอรมันติดอาวุธใหม่เอี่ยมที่คาดว่าจะเอาไว้รบกับคอมมิวนิสต์ แต่กลายเป็นว่าจะไม่รุกรานกันแล้ว แล้วกองทัพเยอรมันจะมีไว้รุกรานใครล่ะครับ ก็โปแลนด์ไง เพราะมีดินแดนที่มีคนเยอรมันอยู่เยอะ โดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่า Polish corridor ที่ทางพันธมิตรตัดให้โปแลนด์เพื่อให้โปแลนด์มีทางออกทะเล โดยออกที่เมืองท่าดังซ์(เยอรมันเรียกดานซิก) เยอรมันอยากได้คืนมากๆ เพราะจะเชื่อมประเทศเยอรมันเข้ากับปรัสเซียตะวันออก(ซึ่งเป็นดินแดนบรรพบุรุษ) อังกฤษกับฝรั่งเศสรีบรับรองอิสรภาพให้โปแลนด์ และรีบเสริมกำลังทหารเตรียมรบทันที (จริงๆก็เริ่มเสริมกำลังตั้งแต่ตอนเยอรมันยึดเชคทั้งประเทศแล้ว) ถึงตอนนี้ความหวังเรื่องสันติภาพนั้นไม่มีเหลือแล้ว และเยอรมันก็ประกาศสงครามกับโปแลนด์จริงๆ เพียง 4 เดือนหลังจากเซ็นสัญญากับโซเวียต การรบในเดือนกันยาปี 1939 มีเรื่องเซอร์ไพรส์มากๆสำหรับโปแลนด์สองเรื่อง เรื่องที่หนึ่งก็คือว่าพันธมิตรอังกฤษฝรั่งเศสที่ประกาศรับรองอิสรภาพให้โปแลนด์ และประกาศสงครามกับเยอรมันทันทีนั้น ... แค่ประกาศสงครามเฉยๆ ไม่มีการรุกตีขนาบหรือกดดันเยอรมันใดๆทั้งสิ้น ระดมพลอยู่ อังกฤษส่งกองทัพข้ามช่องแคบมาอยู่ ฝรั่งเศสนำทหารเข้าประจำป้อม Maginot อยู่ พันธมิตรใช้ยุทธศาสตร์ตั้งรับ! ในขณะที่กองทัพเยอรมันบุก แต่บุกโปแลนด์นะไม่ได้บุกฝรั่งเศส กองทัพโปแลนด์ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว เซอร์ไพร์สที่สองก็คือกองทัพแดงของโซเวียต ที่ว่าเซ็นสัญญาไม่รุกรานกันกับเยอรมันน่ะ สัญญานั้นมีข้อตกลงลับอยู่ ข้อตกลงนั้นคือการตัดแบ่งโปแลนด์และประเทศอื่นระหว่างเยอรมันกับโซเวียต ในขณะที่กองทัพโปแลนด์ถอยจากการรุกกระหน่ำแบบสายฟ้าแลบของรถถังเยอรมัน โปแลนด์จะถอยไปตั้งหลักทางตะวันออกของประเทศ กองทัพแดงของโซเวียตก็รุกเข้ามาทางตะวันออกพอดี แผนการแต่เดิมของพันธมิตรนั้นควรจะเป็นว่าอังกฤษฝรั่งเศสรุกเข้าเยอรมันทางตะวันตก โปแลนด์ตั้งรับเยอรมันทางตะวันออก เป็นการกระหนาบเยอรมันจากทั้งสองทาง แต่การณ์กลับเป็นว่าโปแลนด์เองต่างหากที่โดนกระหนาบจากทั้งเยอรมันและโซเวียต กองทัพโปแลนด์สลายสิ้นในสามสัปดาห์ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 01:04:14

ความคิดเห็นที่ 17 จากนั้นเดือนพฤศจิกา โซเวียตก็บุกฟินแลนด์ จริงๆแล้วฟินแลนด์นี่มีสัมพันธ์อันดีกับเยอรมันนะครับ เพราะกลัวโซเวียตทั้งคู่ แต่ตอนโดนบุกนั้นเยอรมันทำเฉย ไม่ช่วยอะไรเลย ก็เพราะฟินแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ตกลงแบ่งกันระหว่างเยอรมันกับโซเวียต ซึ่งโซเวียตจะได้ฟินแลนด์ไป ฟินแลนด์เสียเปรียบโซเวียตทุกทาง ทหารก็น้อย อาวุธก็เก่ากว่าของโซเวียตอีก ไม่มีรถถังเลยมั้ง แต่ฟินแลนด์ก็ต่อสู้ยันโซเวียตไว้ได้แบบโลกตะลึงน่ะครับ ตอนนั้นทางพันธมิตรก็ไม่รู้จะทำไง เพราะตัวเองก็(เตรียม)รบกับเยอรมันอยู่ แล้วจะไปช่วยฟินแลนด์ก็ไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นว่าไปรบกับโซเวียตด้วย ก็เลยปล่อยให้ฟินแลนด์รบตามลำพัง แต่ตัวเองก็ไม่ได้รบอะไรกับเยอรมันเลยนะ รอเยอรมันบุกเฉยๆ ขึ้นปี 40 โซเวียตระดมกำลังเอาชนะฟินแลนด์ได้ในที่สุด ใช้ปริมาณล้วนๆในการเอาชนะ ฮิตเลอร์เห็นความไร้น้ำยาของกองทัพแดงก็ทดเอาไว้ในใจก่อน  สั่งให้กองทัพเยอรมันเข้ารุกรานนอร์เวย์เพราะต้องการแร่เหล็ก และเพื่อป้องกันไม่ให้พันธมิตรใช้นอร์เวย์เป็นฐานในการโจมตีเยอรมันจากทางเหนือได้ ระหว่างทางกองทัพเยอรมันก็เข้าโจมตีเดนมาร์กก่อน สถานการณ์เดนมาร์กนี่เหมือนไทยมากๆครับ เพราะไม่ใช่เป้าหมายสำคัญของกองทัพเยอรมัน มีการต่อต้านเล็กน้อย แล้วก็ยอมแพ้และให้ความร่วมมือกับเยอรมัน พันธมิตรก็ส่งกองทัพมาช่วยนอร์เวย์นะครับ แต่ก็สู้เยอรมันไม่ได้ ต้องถอยกลับ แต่ก็ไม่ยอมเปิดศึกทางตรงคือส่งกองทัพเข้ารุกเยอรมันจากทางตะวันตก เอาแต่ตั้งรับอย่างเดียว ทั้งนี้เพราะฝรั่งเศสแหยงแล้วครับ ไม่กล้าเข้าตีเยอรมันตรงๆ เพราะกลัวจะซ้ำรอยสงครามสนามเพลาะแบบสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งฝรั่งเศสเน้นการบุกอย่างกล้าหาญ แต่กลายเป็นว่าสูญเสียมหาศาล พอมาสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เปลี่ยนวิธีรบ 360 องศาเน้นการตั้งรับในแนวป้อมอย่างแข็งขัน จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 01:33:53

ความคิดเห็นที่ 18 กลางปี 40 เยอรมันก็บุกฝรั่งเศสจริงๆ หลังจากจดๆจ้องๆกันมานาน แนวป้อมป้องกันที่ฝรั่งเศสหวังพึ่งนักหนานั้นน่ะ...มีแต่ราคาคุย เพราะสั้นเกินไป แต่ก็ต้องยอมรับยุทธศาสตร์การรบของเยอรมันในศึกครั้งนี้จริงๆครับ สุดยอดจริงๆ สามารถปิดล้อมกองทัพพันธมิตรได้ทั้งกองทัพน่ะครับ จนอังกฤษต้องเกณฑ์เรือทุกประเภทเพื่อขนทหารหนี เรือหาปลา เรือหางยาวก็เอา ส่วนฝรั่งเศสนั้นรับมือกับเยอรมันได้ 1 เดือนก็ยอมแพ้ ยันได้น้อยกว่านอร์เวย์อีก เสียราคามากมาย ตอนปลายศึกนี้อิตาลีก็เข้าร่วมสงครามเป็นฝ่ายอักษะตามที่เล่าไป ฮิตเลอร์จริงๆแล้วชวนฟรังโกของสเปนมาร่วมด้วยนะ แต่ตกลงค่าเหนื่อยของสเปนไม่ได้ ก็เลยไม่มา ตอนนี้ฝ่ายพันธมิตรก็เหลืออังกฤษเท่านั้น สถานการณ์เลวร้ายมากๆๆ ครับ ไร้พันธมิตรบนแผ่นดินยุโรปแล้ว ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่อังกฤษไม่เคยเจอ เกาะอังกฤษเองก็อาจจะโดนบุกเป็นครั้งแรกในรอบพันปี ถึงอังกฤษจะยันเยอรมันได้ในสงครามทางอากาศเหนือเกาะอังกฤษ ก็ไม่รู้ว่าจะไปยึดยุโรปคืนได้อย่างไร การรบในสมรภูมิอื่น เช่นในอาฟริกา อังกฤษยันอิตาลีได้ แต่ก็โดนนายพลรอมเมลของเยอรมันไล่ต้อนจนต้องถอยไปถึงอียิปต์ ความหวังทั้งหมดทั้งปวงขึ้นอยู่กับประเทศโลกใหม่คืออเมริกาเท่านั้น อเมริกาก็เป็นฝ่ายอังกฤษแหละ ส่งอาวุธส่งเสบียงให้ตลอด แต่คนอเมริกันไม่อยากไปรบให้ยุโรปอีกแล้ว เข็ดจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งตอนนั้นสัญญาซะดิบดีว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย War to end all wars อะไรกันไม่ถึง 30 ปีก็เอากันอีกแล้ว ระหว่างนี้โซเวียตก็เก็บเด็กไปเรื่อยๆ คือประเทศเล็กประเทศน้อยเช่นเอสโทเนีย โรมาเนีย ตามที่ตกลงแบ่งกันไว้กับเยอรมันน่ะครับ เยอรมันเองก็ไม่ได้รบหนักๆกับใครเท่าไหร่ แต่ตามช่วยอิตาลีที่ไปรบที่ไหนก็แพ้เรื่อยๆ แล้วก็สะสมกำลัง จนเปิดสงครามกับโซเวียตกลางปี 41 จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 02:03:47

ความคิดเห็นที่ 19 ความพ่ายแพ้ของฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์และความลำบากของอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมในหลายๆส่วนในโลก จะทำให้เกิดชนวนปะทุการรบทั่วทั้งโลกครับ อิรักก็กบฏต่ออังกฤษ ไทยก็ถือโอกาสเข้าตีอาณานิคมฝรั่งเศส และที่สำคัญที่สุดก็คือเป็นช่องที่ญี่ปุ่นเข้าร่วมสงครามโลกครั้งนี้ด้วย จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 02:04:45

ความคิดเห็นที่ 20 เล่าได้สนุกและเข้าใจง่ายดีครับ คุณ HotChoc ชอบๆ จากคุณ : จ้องจนปวด เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 17:23:57

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณทุกท่านมากครับได้ความรู้สะสมอีกเยอะเลย เพิ่มเติมได้อีกนะครับ จากคุณ : ps000000 เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 23:31:40

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณครับที่ชม ตอนแรกผมก็กังวลว่าพูดจาวกไปวนมาหรือเปล่า (ซึ่งก็มีนิดๆ) แต่ก็ดีใจที่มีคนชอบนะครับ ที่เขียนมายาวก็อยากให้ทราบที่มาที่ไปและความคิดที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจ อังกฤษอ่อนข้อให้เยอรมันก็มีสาเหตุ เยอรมันเซ็นสัญญาไม่รุกรานกันกับโซเวียตก็มีสาเหตุ ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์ถึงสาเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ประวัติศาสตร์ก็จะเป็นเรื่องสนุกมากครับ ไม่ใช่เรื่องของข้อเท็จจริงมาเรียงๆกันแน่นอน จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 00:13:19

ความคิดเห็นที่ 23 HotChoc เล่าได้สนุกมากครับ อยากให้ต่อไปจนมาฝั่งตะวันออกบ้างครับ ได้โปรดต่อเถอะครับ -.- ขอบคุณครับ จากคุณ : joyrisus เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 21:04:27

ความคิดเห็นที่ 24 ...ทางสเปนนี่ เคยอ่านของคุณ wiwanda(เขียนถูกป่าวหว่า อิอิ) ท่านเล่าไว้ว่า ฮิตเลอร์พลาดเพราะทูตที่ส่งไปเจรจากับฟรังโก้ เป็นพวกต่อต้านนาซี ก็เลยไปบอกว่า เยอรมันจะแพ้ฟรังโก้เลยไม่มา  ไม่งั้นโฉมหน้าสงครามคงเปลี่ยน ไปอีกเยอะ จากคุณ : LegalisM เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 23:50:39

ความคิดเห็นที่ 25 ที่ฟรังโกไม่เข้าร่วมด้วย ก็เพราะฟรังโกน่าจะอยากทำฐานอำนาจของตนในสเปนให้มั่นคงมากกว่านั้นก่อนหน่ะครับ และเขาก็กลัวว่าหากทำอะไรพลาดไป อำนาจของเขาจะล้มทั้งกระดาน เพราะในช่วงปี 1936-39 นั้น ฟรังโกพึ่งเอาชนะสงครามกลางเมืองมา และเข้ากุมอำนาจในสเปน ศัตรูของเขาก็พอหลงเหลือกระจัดกระจายในสเปนและประเทศต่างๆในยุโรปหรือสหรัฐ ทำให้ฟรังโกยังไม่ตัดสินใจจะออกไปรบครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 06:57:31

ความคิดเห็นที่ 26 ". . . ลองคิดดู  เยอรมัน + ญี่ปุ่น + รัสเซีย + อิตาลี + สเปน  ใครจะเอาอยู่ . . ." น่าจะต้องเรียกหา อาร์เจนตินา หรือไม่ก็ บราซิล ละครับ จากคุณ : NATSKI13 เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 10:04:30

ความคิดเห็นที่ 27 นายพลเยอรมัน ที่ถูกส่งไปชักชวนสเปนเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเยอรมัน คือนายพล คานาริส นายพลผู้นี้ ต่อต้านฮิตเลอร์และพรรคนาซีอย่างลับๆ พอฮิตเลอร์ส่งนายพลคานาริสไปพบกับฟรังโก้ ก็เป็นนายพลผู้นี้เอง ที่พยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้นายพลฟรังโก้เข้าร่วมสงคราม จากคุณ : ออกหลวงมงคล เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 54 01:35:41