ความคิดเห็นที่ 1 ระะบบการศึกษาของไทยไม่เคยสอนให้นักเรียนมีอิสระทางความคิดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีแต่สอนให้นักเรียนทำตามที่ครูบอกทุกขั้นตอน ใครคิดหรือทำไม่เหมือนที่ครูบอกถือว่าผิด คงอีกนานกว่าจะมีปฏิรูปการศึกษาในไทยให้นักเรียนมีอิสระทางความคิดเหมือนในประเทศที่เจริญแล้วในอเมริกาและยุโรป จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:41:49

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยกับวิชาพละ ควรจัดเป็นชั่วโมงออกกำลังกายเบื้องต้นก็พอแล้ว ที่เหลือปล่อยให้เด็กเลือกเล่นตามอัธยาศัยมากกว่า อาจจะจัดเป็นชมรมกีฬาแล้วมีครูมีโค้ชมาสอนเป็นเรื่องเป็นราวตามความเหมาะสม จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:44:09

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่าเขาก็สอนให้ครอบคลุมกีฬาและศิลปะแบบต่างๆนะครับ ถ้าจะให้อิสระเต็มที่ก็ไม่น่าจะจัดเป็นวิชานะผมว่า จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 21:34:22

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยค่ะ เราไม่เก่งพละแบบมาก ๆ เลย จำได้ว่าตอนอยู่ ม3 ต้องเรียนวอลเลย์ แล้วอาจารย์ให้คะแนนโดยการแบ่งกลุ่ม แข่งกัน กลุ่มเรานี่คั้งชื่อทีมว่าทีมอนาคตดับ เพราะมีแต่พวกที่กลุ่มอื่นเค้าไม่เอาแล้ว มาอยู่รวมกัน ผลก็คือ แพ้น่ะสิคะ ทุกนัดที่แข่งเลย แบบว่าแข่งสิบนัดแพ้สิบนัด ผลออกมาเทอมนั้น เลยได้ 1 ถึงวิชานี้จะแค่หน่วยกิตเดียว ไม่มีผลต่อเกรดเฉลี่ย รวมมากมาย แต่เราไม่อยากให้มี 1 อยู่ใน รบ นี่นา วิชาศิลปะก็เหมือนกัน คือเราเล่นดนตีไม่ได้อ่ะค่ะ แค่เป่าขลุ่ยไล่เสียงยังยากเลย คะแนนออกมาห่วยตลอด จากคุณ : ซาละเปาไส้ครีม เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 21:38:47

ความคิดเห็นที่ 5 ขอยกมืออีกเสียงว่าไม่ชอบวิชาพละ โดยเฉพาะยืดหยุ่น เฮ้อ... แต่มันก็เป็นวิชาที่หลายๆ คนอยากเรียนเหมือนกันนะ (ยกเว้นเรา) จากคุณ : comicclubs เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 21:59:50

ความคิดเห็นที่ 6 น่าจะแบ่งกลุ่มง่ะ แบบถ้าโรงเรียนไหนมีจำนวนห้องเรียนเยอะ ๆ สมมุติมีสัก 10 ห้อง ก็จัดให้เด็กทั้ง 10 ห้องเลีอกวิชา วิชาหนี่งรับแค่ 50 คน อาจจะมีวิ่ง ปิงปอง มวย อะไรก็ว่าไป คือให้เรียนตั้งแต่ ม 1-3 แล้ว 4-6 ไปเลย เรียนอย่างเดียวจนเก่ง ถ้าโรงเรียนเล็ก ๆ อาจจะให้เด็กต่างชั้นมาเรียนรวมกัน จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 23:27:06

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้านักเรียน 40 คน เล่นกีฬาสัก 10 อย่าง แบบนี้ครูอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการก็ได้น่ะครับ ผมว่าบังคับให้เรียนเป็นการให้นักเรียนได้เรียนรู้กีฬาอื่นๆที่ไม่คิดอยากจะลองเพิ่มได้น่ะครับ จากคุณ : yossie เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 00:38:26

ความคิดเห็นที่ 8 เขาให้เรียนเพื่อให้มีพื้นฐานไง กฎกติกาด้วย จากคุณ : United Trinity เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 12:35:25

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าดนตรี ผมได้ Top ตลอด แต่ถ้าเป็นวาดรูป ผมก็ Top ตลอดเหมือนกัน แต่เป็น Topless นะ จากคุณ : ทำไมต้องบังคับกันด้วย (Sith Lord Nindle) เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 11:19:31

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเห็นวิชาพลศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่ก็จะให้เลือกกีฬาที่ตนเองสนใจอย่างชัดเจนไปได้เลย หรือถ้าไม่ให้เลือก ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยจะจัดสอนกีฬาในรูปแบบกลางๆ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เช่น แอโรบิกส์ กระบี่กระบอง ไทเก็ก กรีฑาพื้นฐาน หรือไม่ก็พวกเกมที่ใช้กำลังหรือกิจกรรมเข้าจังหวะ ถ้าทำได้แบบนี้ได้ มันจะได้ไม่ทรมานกับผู้เรียนบางคนด้วย หรือถ้าในข้อจำกัดของการเรียนในระดับพื้นฐานที่นักเรียนจะต้องเจอวิชาพละตลอด 12 ปี มันคงจะเอาเรื่องซ้ำๆ มาเรียนกันตลอดไม่ได้ ซึ่งอาจจะต้องหมุนเวียนเปลี่ยนประเภทกีฬาไปบ้างนั้น ครูผู้สอนก็ไม่ควรใช้ทักษะในด้านการปฏิบัติเฉพาะบุคคลมาเป็นตัวตัดสิน เช่น สอบเดาะลูกบอล หรือสอบอันเดอร์วอลเลย์บอลต่อเนื่อง สอบม้วนหน้าหกหน้าหกสูง เพราะทักษะเหล่านี้สำหรับหลายๆ คนที่ไม่มีทักษะและไม่มีความชอบเลย ให้ฝึกในระยะ 1 เทอมมันไม่พอแน่นอนครับ ควรจะเปลี่ยนวิธีการประเมินผลใหม่เช่น ดูในด้านการพัฒนาการก่อนเรียนหลังเรียน หรือการเล่นอย่างถูกวิธี (ไม่ใช่เล่นให้ชำนาญ) และในเรื่องของกฎกติกาต่างๆ เพื่อให้นักเรียนจะได้สามารถเข้าใจเมื่อเข้าชมกีฬาประเภทนั้นๆ ครับ ส่วนศิลปะผมว่าน่าจะแตกแขนงออกไปนะครับ เพราะบางคนไม่มีทักษะด้านการวาดรูปเลย ก็อาจจะให้เปลี่ยนแนวเป็นศิลปะการจัดสวน เขียนแบบ การทำอาหาร การแกะสลัก การเล่นดนตรี รำไทย ฯลฯ อะไรก็ได้เยอะแยะครับที่สามารถเอามาเป็นศิลปะได้ ไม่ใช่เน้นแต่การวาดรูปอย่างเดียว หรือถ้าอยากให้วาดรูป ครูผู้สอนก็ไม่ควรเอาคำว่าวาดสวยหรือไม่สวยมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินครับ ตอนผมเรียนศิลปะ ผมก็อยากได้เกรดดีๆ นะครับ แต่วาดมายังไงมันก็ไม่ถูกใจครูครับ แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 54 17:20:17 จากคุณ : KenshiroJr. เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 17:18:53