ความคิดเห็นที่ 1 ขึ้นอยู่กับว่าเรียนที่ไหน คอร์สแบบไหน ถ้าไปเรียนที่ญี่ปุ่นเข้าคอร์ส intensive เรียนหนักสุดๆ ภายใน 1 ปีก็สามารถเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่มีตำราเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดได้ แต่ถ้าเรียนในประเทศไทยคงไม่มีคอร์สอะไรที่เร่งสุดๆขนาดนั้น ถ้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยเอกภาษาญี่ปุ่นคงต้องใช้เวลาเรียน 4 ปีกว่าจะมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นระดับ N3 ซึ่งก็พออ่านออกเขียนได้พูดได้บ้างเท่านั้น จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 19:00:44

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่มีทางเลย เคยทำงานแปลเอกสารมา 15 ปี ต้องแปลเอกสารอังกฤษหรือไทยที่แปลมาจากญี่ปุ่น  มากมาย พบว่าขนาดอาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นที่สมาคมนักเรียนเก่าไทยญี่ปุ่นยังแปลมาเพื้ยนเพราะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง เคยเจอนักแปลเป็นนักเรียนเก่าญี่ปุ่นอยู่ญี่ปุ่นมาเกิน 10 ปี แปลไทยเป็นญี่ปุ่นแล้วชาวญั่ปุ่นอ่านไม่รู้เรื่อง เราว่าภาษาญี่ปุ่นมันยากกว่าอังกฤษตั้งหลายเท่านะ...555+++... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 19:52:50

ความคิดเห็นที่ 3 การใช้ภาษาของคนเราไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษาไหนๆ มันย่อมผูกโยงกับขอบเขต ระดับ บริบทสถานการณ์ 108 ของภาษา เช่น ภาษาที่ใช้เป็นภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาทางการ ภาษาไม่ทางการ ภาษาในชีวิตประจำวันทั่วไป ภาษาเฉพาะกลุ่มคน หรือภาษาเฉพาะด้าน(ธุรกิจ กฎหมาย วิทยาศาสตร์ วิชาการ ฯลฯ)?? และขึ้นอยู่กับเรื่องตัวแปรของคนที่ใช้ภาษาเองทั้งในเรื่องพื้นแพ ระดับการศึกษา สติปัญญา ความสนใจ ความรู้ประสบการณ์ ทักษะการเรียนรู้ และการฝึกฝนเป็นสำคัญ บริบทการใช้ภาษากับเงื่อนไขในตัวแต่ละคนเหล่านี้ล้วนมีผลกับความสามารถในการเรียนรู้ภาษาทั้งสิ้น คิดง่ายๆ ขนาดเจ้าของภาษายังทำได้ไม่ครบทุกบริบทเลย มองใกล้ตัวอย่างเราๆท่านๆที่เป็นเจ้าของภาษาไทยยังใช้ภาษาได้ไม่เท่ากัน หรือพูดกันเองยังไม่ค่อยรู้เรื่องทะเลาะกันก็บ่อย รับรองว่าถ้าให้พูดหรือเขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราว มีสาระดีๆรับรองว่าส่วนใหญ่มีปัญหาแทบทั้งนั้น หรือถึงแม้จะเก่งภาษาตัวเองแค่ไหนก็ยังต้องมีการซอยย่อยถึงความถนัดเฉพาะทางอีก ไม่มีใครใช้ภาษาไทยได้ดีในทุกบริบท เช่น อาจารย์สอนภาษาไทยที่ว่าภาษาดีๆแต่ถ้าให้อ่านตำรากฎหมาย หรือเศรฐศาสตร์ที่ไม่มีภูมิความรู้เดิมหรือไม่สนใจก็ใช่จะอ่านรู้เรื่อง นี้แค่พูดถึงการใช้ภาษาของเจ้าของภาษายังมีปัญหาขนาดนี้ นับประสาอะไรกับการเรียนภาษาต่างประเทศที่ต้นทุนทางภาษาเท่ากับ 0 ว่าจะพัฒนาได้แค่ไหน ดังนั้นการจะได้มาซึ่งภาษาใดภาษาหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว มันมีกลไกและกระบวนการที่ลึกซึ้งมากกว่าการที่จะพูดถึงแค่ระยะเวลาปีเดียว และยังต้องถามต่ออีกว่า ที่ว่าจะเอาแบบคล่อง+เก่งนั้นอยู่ในระดับหรือบริบทการใช้ภาษาประเภทไหน ถ้าแค่สนทนาในชีวิตประจำวัน ซื้อของถามทาง แสดงความคิดเห็นเรื่องทั่วๆไปเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ ความรู้สึกแต่เรื่องนั้นเรื่องนี้ก็อาจพอทำได้ในเวลา 1 ปี แต่ที่จะอ่านออกเขียนได้แปลได้ในความหมายของเจ้าของกระทู้ก็ต้องมาขยายความต่อว่ามันอยู่ในระดับหรือบริบทไหนอีกที สรุปคือ การที่จะฟันธงลงไปว่าใน 1 ปีคุณจะเก่งแค่ไหนคงไม่มีใครตอบคุณได้ เพราะมันอยู่ที่ธรรมชาติของความซับซ้อนหลายชั้นหลายบริบทของการใช้ภาษาหนึ่งๆ +ต้นทุนความรู้ เป้าหมาย ความสามารถในการเรียนรู้ ความขยันขันแข็ง แรงจูงใจ เวลาที่มีให้ของคุณที่ไม่มีใครรู้นอกจากตัวคุณเอง จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 20:55:47

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยกับ คคห. ๒ กับ ๓ ครับ ขอแย้งคคห. ที่ ๑ หน่อยนะครับ --- ถ้าไปเรียนที่ญี่ปุ่นเข้าคอร์ส intensive เรียนหนักสุดๆ ภายใน 1 ปีก็สามารถเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่มีตำรา เป็นภาษาญี่ปุ่นหมดได้ --- ผมทำมาแล้ว... และไม่สำเร็จครับ และยังไม่เคยเห็นใครทำสำเร็จด้วย จบจากคอร์สอินเทนสีฟยังไง พอเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่ใช้ตำราญี่ปุ่น อาจารย์เล็กเชอร์เป็น ภาษาญี่ปุ่น ก็บอกได้เลยว่า "เรียนไม่รู้เรื่อง" ครับ ไอ้ตำราน่ะ อ่านพอได้ ท่องศัพท์เฉพาะของสาขาวิชาตัวเองเข้าเยอะ ๆ อาศัยอ่านเท็กซ์ภาษาอังกฤษ เปรียบเทียบ และอาศัยพื้นความรู้จาก ป. ตรีเข้าช่วย (ผมไปเรียนโท ที่นั่นนะ โดยต่อในสาขาเดิมที่จบตรีไป) แต่ฟังเล็กเชอร์ ยังไงก็ฟังไม่รู้เรื่อง -"- อาจารย์พูดให้เด็กญี่ปุ่นฟังเข้าใจ โดยไม่สนใจคนต่างชาติเลย... วิชาไหน อาจารย์โม้ น้ำไหลไฟดับ สไลด์หรือแผ่นใสมีแต่รูป เป็นอันจอดสนิท ฟังไม่รู้เรื่อง อาจารย์สั่งการบ้านตอนไหนยังไม่รู้เลย แต่วิชาไหน อาจารย์พูดไป เขียนกระดานไป (หรือฉายแผ่นใสที่มีตัวหนังสือประกอบเยอะ ๆ) จะรักอาจารย์ คนนั้นมากเป็นพิเศษ... ผมเริ่มเรียนรู้เรื่องในห้องเรียน ก็ตอนกำลังจะจบคอร์สโท แล้วน่ะแหละ ... ซึ่งก็นะ จะจบคอร์สอยู่แล้ว เพิ่งรู้สึกว่า ฟังเล็กเชอร์ออกเกือบหมดได้เนี่ย จากคุณ : star_seeker เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 21:05:00

ความคิดเห็นที่ 5 รู้จักคนที่เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นที่เมืองไทย หลักสูตร ๑ปี เรียนวันละ ๘ชม.ตอนเย็นมีการบ้านต้องกลับไปทำทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับภาษา ตอนจบสอบวัดระดับ๒ผ่านแบบหวุดหวิด หลังจากนั้นไปต่อภาษาที่ญี่ปุ่นหลักสูตร ๒ปี แค่ปีแรกก็ผ่านระดับ ๑ แบบสบายๆ เพราะเรียนติวข้อสอบเพื่อระดับ ๑โดยตรง ผ่านไป ๑๐ กว่าปี ใบ cert ระดับหนึ่งได้มาทุกปี ยกเว้นสองปีหลัง เพราะได้ N1 มาแทน ไม่มีอะไรเกินความสามารถมนุษย์หรอกครับถ้าตั้งใจจริง จากคุณ : ZephyranthesFb เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 21:47:31

ความคิดเห็นที่ 6 คห.5 หมายถึงที่โรงเรียนวาเซดะณ.สาทรหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ก็ไม่ถึง 8 ชมครับ จริงๆแค่ 4 ชมเอง แต่มีการบ้านต้องไปทำและทบทวนบทเรียนทำยิ่งเยอะยิ่งดี ค่าเทอมแพงเหมือนกัน ว่าไปก็อยากไปเรียนที่นี้นะเนี้ยเห็นว่าสอนเข้มแบบdirect methodเลย ส่วนที่ว่าสอบได้ระดับอะไรนั้น ผมว่ามันไม่ได้วัดทักษะการใช้ภาษาจริงๆได้ 100% หรอกครับเพราะมีเพื่อนในวงการล่ามญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่า บางคนได้ระดับ 1-2 แต่อาจทำงาน(พูด+เขียน)สู้คนที่ไม่ได้สักระดับก็มีเยอะ เพราะข้อสอบวัดระดับมันวัดแค่ทักษะรับเข้า (Receptive Skills) ฟัง อ่าน การเข้าใจศัพท์กับไวยากรณ์เท่านั้น ไม่ได้ทดสอบทักษะการพูดกับเขียน ฉะนั้นคนที่สอบได้คะแนนวัดระดับสูงๆ วัดได้แค่การเข้าใจภาษา (Compretence) แต่ไม่ใช่เป็นตัวรับประกันหรือวัดทักษะในการผลิตภาษา (Performance) แต่อย่างใด ต้องไปฝึกต่อในสถานการณ์ที่ต้องใช้ภาษาจริงๆอยู่ดีถึงจะเก่งได้ อีกอย่างการใช้ภาษาสื่อสารโดยเฉพาะภาษาพูดจริงๆของคนเรามันไม่ได้ออกเสียงชัดเจน เป็นขั้นเป็นตอนเหมือนในข้อสอบ มันมีตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้องมากมายทั้งเรื่องปัจจัยของภาษาเฉพาะด้าน เฉพาะกลุ่มคน ลักษณะภาษาที่แปรไปตามเพศ อายุ ความเคยชิน ความต่างของการออกเสียง/สำเนียง ความเข้าใจทางวัฒนธรรมที่เจ้าของภาษาเขามีมาร่วมกัน ฯลฯ เหล่านี้เนื้อหาข้อสอบที่ทดสอบในเวลาไม่กี่ชั่วโมงไม่สามารถบรรจุได้ครบถ้วนแน่นอน และกว่าคนเรียนภาษาต่างประเทศจะเก็บรายละเอียดพวกนี้ได้ ไม่ได้ใช้เวลาน้อยๆเลย แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 23:06:28 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 22:55:27

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบ คห.4 ก็หลานผมเอง สอบชิงทุนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ที่ 1 เลือกเรียนหมอ ไปญี่ปุ่นปีแรกเรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว จบปีแรกก็สอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโตเกียวได้ เห็นตำราภาษาญี่ปุ่นเล่มหนาขนาด 2 นิ้วเป็นตั้งๆ เรียนหมอจบแล้วทำงานเป็นหมอผ่าตัดที่ญี่ปุ่นหลายปี ตอนนี้กลับมาทำงานที่ไทยแล้ว นอกจากเป็นหมอแล้วยังแปลหนังสือจากญี่ปุ่นเป็นไทยอีกหลายเล่ม จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 23:32:31

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าใช้เวลา 1 ปีเรียนภาษาในญี่ปุ่น ก็เป็นไปได้แหล่ะค่ะ เพราะมันจำเป็น แถมยิ่งเพื่อนไม่มีมาชวนเที่ยวเตร่เบียดเวลาอ่านหนังสืออีก ยิ่งถ้ามีเป้าหมายชัดเจนอย่างเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ยิ่งเก่งไวเลย แต่ถ้าเรียนในเมืองไทย ตั้งใจจริงๆ ก็ได้แค่ระดับพื้นฐาน N4 หรือไม่ก็แค่เพียงพอสอบ N3 แบบเฉียดๆ ถ้าเรียนแบบเร่งรัด วันๆ เอาแต่เรียนอย่างเดียว เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมมันต่างกัน ตัวกวนก็เยอะกว่า (เที่ยวกับเพื่อน ดูหนัง ช้อปปิ้ง ฯลฯ) จากคุณ : mae-art เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 00:46:43

ความคิดเห็นที่ 9 คห.๖ ผมไม่รู้จักวาเซดะที่ท่านกล่าวมา โรงเรียนที่ผมกล่าวถึงอยู่เชียงใหม่ครับ ที่สำคัญเรียนฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย มีทุนไปต่อญี่ปุ่นด้วย ปัจจุบันโครงการล้มเลิก ย้ายไปจัดที่ประเทศอื่นแล้ว แค่อยากสื่อให้รู้ว่า ๑ปี สำหรับมือใหม่ที่ต้องการเรียนรู้ภาษาจนสามารถสื่อสารในชีวิตประจำวัน และได้วัดระดับ ๒ มีคนทำได้ คนๆนั้นก็ไม่ได้หัวอัจฉริยะ เรียนเก่งได้เกียรตินิยม เกรดสูง แค่มีความตั้งใจอยากเก่งภาษาญี่ปุ่น ประกอบกับได้โอกาสในการเรียนรู้ก็เท่านั้นแหล่ะครับ เห็นด้วยว่าการมีใบสอบวัดระดับ ใช่ว่าจะทำงานได้จริง ผมมีลูกน้องที่เป็นล่ามญี่ปุ่นหลายคน เวลาคัดเลือกตอนสัมภาษณ์ จะเน้นคนที่เคยไปเรียนที่ญี่ปุ่น ยิ่งมีประสบการณ์ทำงานที่นั่นยิ่งดี แต่ต้องมีใบสอบวัดระดับติดตัวมาด้วย อย่างน้อยก็ระดับสองขึ้นไป เหตุผลเพราะว่า จากประสบการณ์ตัวเองที่เจอมา รู้จักคนที่ไปเรียน รู้จักคนที่ไปทำงานที่นั่นค่อนข้างเยอะ แต่มีน้อยคนที่จะทั้งเรียน ทั้งทำงาน และได้ความรู้ด้านภาษากลับมา ใบวัดระดัีบจะเป็นตัวบ่งบอกว่า ตอนเรียนตั้งใจแค่ไหนได้ดีครับ คนที่สอบวัดระดับได้ที่ญี่ปุ่น แถมเคยทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองที่นั่น คนแบบนี้ไม่ใช่พวกเหยียบอึไก่ไม่ฝ่อแน่ๆครับ จากคุณ : ZephyranthesFb เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 11:20:44

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณทุกท่านค่ะ เริ่มเศร้าแฮะ พอดีคิดว่าย้ายเส้นทางชีวิต แล้วที่ตั้งไว้หนึ่งปี เพราะอายุก็มากแล้ว ไม่อยากเสียเวลา แล้วที่อยากเรียนภาษาญุี่ปุ่น เพราะชอบเพลง การ์ตูน นิยาย ซีรีส์ แล้วก็เอาไปใช้ในการทำงานได้ ทุกท่านว่ายากเนี่ย คงยากที่จะเรียนด้วยตนเองด้วยสินะคะ ขอบคุณทุกท่านค่ะ จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 20:17:30

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าจะใช้ทำงาน เราว่ายากมากๆ ค่ะที่จะเรียนด้วยตัวเอง ตอนนี้ตั้งเป้าแบบนั้นเหมือนกันค่ะ อยากทำงานแปล เลือกภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาทางเลือก เรียนแบบชิวๆ ไม่เหนื่อยมาก ตอนนี้ผ่านระดับ N3 เรียบร้อย ถ้าจะให้ดี เริ่มต้นเรียนกับสถาบันภาษาไปก่อน เอาพื้นฐานให้แน่นและเข้าใจอย่างถูกต้อง ได้ความรู้ประมาณสักระดับ N4-N3 จากนั้นค่อยเริ่มเรียนด้วยตนเองดีกว่าค่ะ เพราะการเรียนอะไรก็แล้วแต่ พื้นฐานไม่แม่น ยิ่งเรียนไปยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งใช้ผิดยิ่งแก้ยาก ภาษาญี่ปุ่นความหมายแฝงมันเยอะ คำพูดก็วกวน อ้อมไปอ้อมมา บางครั้งพูดไม่จบประโยค บางครั้งปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ แถมเป็นภาษามีวรรณะ มีตั้งแต่ภาษาผู้ชาย ภาษาผู้หญิง ภาษากันเอง ภาษาสุภาพ ภาษายกย่อง ภาษาถ่อมตน ภาษา้พูด ภาษาเขียน ซึ่งทั้งหมดใช้รูปประโยครวมถึงคำศัพท์ที่แตกต่างกัน แต่สนุกนะ ชอบมากเลย ยิ่งชอบพวกเพลง การ์ตูน ซีรี่ส์ นิยาย แรงจูงใจจะเยอะ และมันจะเป็นการเรียนภาษาที่มีสื่อการเรียนการสอนสนุกที่สุดในโลกสำหรับเราเลยค่ะ จากคุณ : mae-art เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 21:40:11

ความคิดเห็นที่ 12 ชอบคุณแม่อาร์ต สงสัยลูกเป็นเด็กอักษร หรือไม่ก็ตัวเอง ใช่ไหมครับ ให้กำลังใจดี ทัศนคติคือเข็มทิศ ถ้าคุณคิดว่ายากตั้งแต่ยังไม่เริ่มเรียน ก็ไปเรียนสายวิชาชีพเถอะ ทำเงินได้เยอะกว่า (แต่เหนื่อยกว่า) บัญชี บริหารธุรกิจ อะไรอย่างนี้ เรียนภาษาถ้าไม่ฮึด ไมมุ่งมั่น จะเอาแต่เท่ อ่านการ์ตูน ฟังเพลงรู้เรื่องเท่านั้น มันคงจะไปประกอบอาชีพที่ต้องใฃ้ภาษายากสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส์ ฉันทะ วิรยะ จิตตะ วิมังสา หนะรู้จักไหม มันคือกุญแจสู่ความสำเร็จ จากคุณ : คนใจร้ายหมายดี เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 54 03:48:36 A:49.49.110.75 X: TicketID:301976