PANTIP.COM : K10401165 เดี๋ยวนี้เด็กไทยเค้าเรียนอะไรกัน [การศึกษา]

ความคิดเห็นที่ 31

ผมเห็นด้วยกับกิจกรรมนี้ครับ ขอสนับสนุน

กิจกรรมการเรียนการสอนนั้น วัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวผู้เรียน ถ้าสอนแล้วไม่เปลี่ยนก็ถือเป็นการล้มเหลวของการศึกษา

เปลี่ยนอะไร?

ด้านที่หนึ่งเปลี่ยนความรู้ คือก่อนเรียนน่ะไม่รู้ แต่เมื่อเรียนแล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นรู้ เขาเรียกว่าการเปลี่ยนด้านปัญญาพิสัยหรือ cognitive domain เป็นสิ่งที่คนทั่วไปรู้จักมากที่สุด ก็คือรูปแบบที่ครูมาบรรยายปาวๆๆๆๆน่ะแหละ

ด้านที่สองเปลี่ยนความชำนาญ คือก่อนเรียนเขาไม่ชำนาญ ทำอะไรไม่เป็น พอเรียนแล้วก็เกิดความชำนาญ ทำอะไรได้คล่องแคล่วซึ่งเมื่อก่อนเงอะๆงะๆ เขาเรียกว่าการเปลี่ยนด้านทักษะพิสัยหรือ psychomotor domain รูปแบบการสอนด้านนี้ก็คือการจับมาหัดทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำแล้วทำเล่าจนมันอยู่ในหัวในมือ นึกปุ๊บทำได้ปั๊บ สิ่งที่ต้องสอนอย่างนี้ก็เช่น การขับรถ การดนตรี การช่างสาขาต่างๆ งานฝีมือต่างๆ งานศิลปะต่างๆ ไม่หัดทำไม่ลงมือทำมันไม่มีทางเก่ง

ด้านที่สามเปลี่ยนความคิด ก่อนเรียนมีความคิดอย่างหนึ่ง หลังเรียนความคิดเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง เช่น ก่อนเรียนขาดความรับผิดชอบ ไม่ตรงต่อเวลา ไม่ใส่ใจงานในหน้าที่ เห็นแก่ตัว ขี้โกง การเปลี่ยนด้านนี้เขาเรียก เจตคติพิสัย หรือ affective domain การสอนด้านนี้แหละที่คนส่วนใหญ่นึกภาพไม่ออกว่ามันจะสอนกันอย่างไร จะเอาใครมาสอน มีเครื่องช่วยสอนอย่างไร หลายคนพอพูดถึงการสอนก็นึกออกแต่รูปแบบการสอนเพื่อเปลี่ยนความรู้เพราะรู้จักอยู่แค่นั้น ไม่เคยสอนคนเพื่อเปลี่่ยนความคิด สิ่งที่อาจารย์เขากำลังนำมาเสนอในกระทู้นี้ก็คือวิธีการเปลี่ยนความคิด ไม่ใช่เปลี่่ยนความรู้และไม่ใช่เปลี่ยนความชำนาญ

แล้วการสอนเพื่อเปลี่ยนความคิดล่ะ เขาสอนก้นอย่างไร?

มันไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก เป็นแต่เราไม่เคยสังเกต ไม่เคยรู้ตัวว่าเราเองถูกดัดนิสัยเปลี่ยนความคิดและปรับพฤติกรรมอยู่แล้วทุกวัน คนที่ทำอย่างนี้กับเราก็คือบรรดาสื่อโฆษณาทั้งหลายทางสื่อมวลชนน่ะแหละ ก่อนเขาจะโฆษณา เขาต้องทำการวิจัยตลาดหรือ market research กลุ่มเป้าหมายของเขาคือใคร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ใช้วิธีการอย่างไหนจะเหมาะ เขารู้ตับไตใส้พุงหมด แล้วจึงมาวางยุทธวิธีหรือกลยุทธการรณรงค์โฆษณาให้สอดคล้องอย่างที่เรียกว่าการทำ campaign

เราๆท่านๆโดนอยู่ทุกวัน ไม่เชื่อมองไปรอบๆสิ ได้ผลไหม? ถ้าไม่ได้ผลใครเขาจะไปเสียเงินจ้างเอเยนซี่โฆษณาด้วยเงินจำนวนมหาศาลทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับเอเยนซี่ต่างๆ

คนอีกพวกหนึ่งที่มีจุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนความคิดคนก็คือนักปลุกระดม หายากไหม? ไม่ยากอีกเหมือนกัน ถ้าบ้านเราตอนนี้ก็ไปหาดูตามเวทีสีต่างๆน่ะแหละไม่ว่าเหลืองแดงหรือแม้แต่พวกหลากสี เขาใช้การพูดเป็นเครื่องมือ มีข้อมูลจริงบ้างเท็จบ้างก็แล้วแต่ แต่คนพูดปลุกระดมนั้นไม่ว่าฝ่ายไหนจะต้องมีคุณสมบัติเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ เขาต้องเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ก็ถ้าพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ไม่เชื่อแล้วสุนัขที่ไหนมันจะมาเชื่อ มองกันในแง่นี้ นักปลุกระดมที่เก่งที่สุดก็คือคนบ้า เพราะคนบ้านั้นย่อมเชื่อร้อยเปอร์เซนต์เต็มในสิ่งที่ตัวเองพูด พูดดำเป็นขาวและขาวเป็นดำได้โดยตาไม่กระพริบ พูดอย่างยิ้มแย้มว่าสิ่งที่ตัวเองทำน้ันไม่ผิด คนอื่นผิดทั้งนั้น cry

วกกลับมาเข้ากระทู้นี้ สิ่งที่คุณครูกำลังทำอยู่ก็คือการเอากลยุทธหรือรูปแบบการสอนเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมที่ได้วิจัยมาแล้วว่าได้ผลเอามาถ่ายทอดต่อเพื่อให้เพื่อนครูกลุ่มอื่นๆได้รับทราบและนำไปเผยแพร่ต่อๆกัน คุณครูที่ทำวิจัยมานั้นไม่มีแรงไปสอนเองได้ทั่วประเทศหรอก แต่เมื่อมีของดีก็ต้องโชว์ด้วยความหวังว่าสิ่งดีๆที่ตัวเองค้นคว้ามาได้นั้นจะได้มีการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์โพดผล ไม่ใช่ขึ้นหิ้ง ลักษณะการถ่ายทอดต่อนี้ก็คือการใช้กลุ่ม ครู ก ส่งต่อให้ ครู ข / ครู ค ต่อๆไป

ผมเคยทำมาแล้ว เคยทะเลาะกับคนที่ต่อต้านมาแล้ว โชคดีที่ผมชนะ ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้โขอยู่ ใครไม่รู้ก็ช่างเถอะ

ขอเป็นกำลังใจให้คุณครูผู้มีความคิดริเริ่ม มีความกล้าหาญที่จะไล่ล่าความถูกต้อง ขอให้ท่านมีความทรหดพอที่จะต่อสู้กับอุปสรรคทั้งปวงเพื่อลูกหลานของเรา งานที่ท่านทำอยู่นั้นขอให้พากเพียรทำแม้จะปิดทองหลังพระ คนไม่เห็นเทวดาก็เห็น ผมเชื่่อในกฎแห่งกรรม ทำดีต้องได้ดี อย่างน้อยอีกสามสี่สิบปีต่อจากนี้ไป เมื่อท่านมองย้อนหลังมา พ่อครูแม่ครูก็จะยิ้มได้ด้วยความอิ่มเอมเปรมใจว่า ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ได้มีส่วนในการสร้างแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองที่แท้จริงด้วยการสร้างคนที่่มีจริยธรรมและมีมนุษยธรรม มีความน่าเลื่อมใสทั้งต่อหน้าและลับหลัง

ขอให้เจริญๆ

จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด

เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 14:36:04