ความคิดเห็นที่ 1 ขึ้นอยู่กับคุณเอาแว่นตาของใครมาสวมมอง ถ้าคุณเอาแว่นของนักประวัติศาสตร์บางสาย ที่ถือว่า "ไทย" เกิดขึ้นเมื่อเกิดรัฐชาติในสมัยรัชกาลที่ 5 พวกนี้ก็จะไม่ถึอว่าอยุธยาคืออาณาจักรของไทย เพราะตอนนั้นยังไม่มีประเทศไทย (ในความคิดของเขาเหล่านั้น) แต่ถ้าคุณเอาแว่นของนักประวัติศาสตร์อีกกลุ่มมามอง โดยถือเอาตามจารีตประเพณี ก็ชัดเจนเช่นกันว่า กรุงรัตนโกสินทร์คือผู้สืบทอดจารีตประเพณีจากกรุงศรีอยุธยาโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการปกครอง ประเพณีวัฒนธรรม ภาษา ฯลฯ จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 01:34:25

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณครับ ใจจริงผมเอนไปทางสายแรกเหมือนที่คุณคห 1 ว่าไว้ เพราะหากมองจากประวัติศาสตร์ในภูมิภาค สยาม ประเทศไทย ก็จะเห็นว่าเป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น และหากพิจารณาจากบริบททางพื้นที่ก็จะเห็นว่าประเทศไทยในปัจจุบัน อดีตก็เป็นที่ตั้งของอาณาจักรต่างๆมากมาย แล้วทำไมจะต้องไปอ้างอิงถึงอยุธยา สุโขทัยว่าเกี่ยวข้องกับเรา ทั้งๆที่(อาจจะ)ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยด้วยซ้ำ บางทีอาจจะมาจากอาณาจักรเขมรก็ได้ บางทีเห็นหลายๆคนมักพูดว่าเราเป็นชาติอยู่ทุกวันนี้เพราะบรรพบุรุษของเรา แล้วเราแน่ใจรึเปล่าว่าบรรพบุรุษเราคือใคร ? บางทีอาจจะเป็นคนจีนก็ได้ (สมมุติ) สงสัยวาทกรรมเหล่านี้คงจะเกิดจากตำราเรียนส่วนใหญ่ในสมัยประถม มัธยมละมังครับ ที่ว่าไทยสืบเชื้อสายมาจากสุโขทัย พ่อขุนทั้งหลาย แล้วก็มาสมัยพระเจ้าอู่ทอง ทั้งๆที่จริงมันอาจจะอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันด้วยซ้ำ ต้องมหาวิทยาลัยถึงจะมีเรียนมีสอน แต่ก็น้อยที่นัก บางทีเรียนไปแล้วนำไปใช้ น้ำไปพูด ก็ถูกมองไปในทางไม่ดีอีก จะศึกษาเองตำราก็หายาก บ้านเราน่าจะมีการวิจัย สัมมนา เสนอข้อเท็จจริงที่เป็นจริงอย่างจริงจัง มันคงน่าสนใจไม่น้อยว่าเราเป็นใครในอดีต : )) แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 54 02:08:00 จากคุณ : ship9960 เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 02:06:59

ความคิดเห็นที่ 3 พี้นที่แผ่นดินไทย มีหลายเมือง เช่นเชียงใหม่ ลำปาง หรือเมืองทางใต้(ไม่ค่อยมีความรู้) หลาย ๆ เมืองเช่นหนองคาย ล้วนแต่ไม่ใช่รัฐไทย แต่อาจจะเป็นเมืองขี้นของไทย แต่มีเจ้าปกครองรัฐเป็นอิสระจากเมืองไทย อาจจะมีแค่การส่งส่วยให้ทางอยุธยา แล้วคนชาวอยุธยาไม่เรียกตัวเองว่า คนไท ค่ะ กลุ่มชนที่เรียกตัวเองว่าชาวไท ส่วนใหญ่จะอยู่แทบทางเหนีอและอีสาน ไท ไม่ใช่ไทย ส่วนการรวมจากรัฐหลาย ๆ รัฐเป็นชาติสยามน่าจะช่วงรัชกาลที่ 4-5 มีงานวิจัยเยอะ แต่จะไปปลูกฝัังเด็กตัวเล็ก ๆ ได้อย่างไรว่า เราเลือกสุโขทัยเป็น อณาจักรแรกของไทยเพราะ ช่วงนั้น สุโขทัยเจริญที่สุด พอหมดความเจริญเราก็เลีอกอยุธยา แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 54 04:14:20 จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 04:11:33

ความคิดเห็นที่ 4 แม่นแล้ว คนไทยก็คือคนสยาม คนล้านนา ล้านช้าง สิบสองปันนา เป็นญาติทางภาษา คือคุยกันใด้ไม่ผ่านล่าม ต่อมาญาติโดนยึดครอง ผู้ยึดจึงต้องการแผ่นดินฝั่งขวาซ้ายไปด้วย.เราเองนี่แหละตัดญาติที่ล้อมรอบ โดยนายกิมเหลียงเป็นคนเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของชาตินิยมไทย แต่งเพลงเพราะด้วย. จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 11:03:18

ความคิดเห็นที่ 5 1. อาณาจักรส่วนใหญ่ในภาคกลางและใต้ของไทยถูกพิชิตโดยอยุธยาไปตั้งแต่สมัยต้นอยุธยาแล้วหน่ะครับ พอตกถึงสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระองค์ได้ปฏิรูปการปกครองโดยเพิ่มอำนาจแก่ส่วนกลางมากขึ้น ยกเลิกระบบเมืองลูกหลวงหลานหลวง แบ่งหัวเมืองเป็นชั้นนอก ชั้นกลางและใน ก็ทำให้อยุธยาหลุดพ้นจากระบบกึ่งสหพันธรัฐกึ่งอาณาจักร มาเป็นอาณาจักรโดยสมบูรณ์ครับ ระบบอำนาจรวมศูนย์ยิ่งชัดเจนขึ้นในสมัยราชวงศ์บ้านพลูหลวง เพราะหัวเมืองเหนือ-ใต้ ได้ถูกปกครองโดยขุนนางที่แต่งตั้งจากส่วนกลางทั้งสิ้น (แม้ตัวขุนนางจะประจำในราชธานีก็ตาม) 2. ถ้าลองพิจารณาประวัติศาสตร์ของอาณาจักรรอบๆ ที่มารวมกันกลายเป็นประเทศสยามแล้วก็จะพบว่า - หัวเมืองล้านนา พูดกันตรงๆว่า อาณาจักรล้านนาได้สาบสูญไปนานแล้ว ตั้งแต่ลูกหลานของนรธามังสอหมดอำนาจที่เชียงใหม่ หัวเมืองล้านนาก็โดนพม่าแบ่งแยกออกเป็นเมืองๆ และปกครองแบบกระจัดกระจายกัน โดยขึ้นกับอำนาจของพม่าที่คุมเชียงใหม่หรือเชียงแสน เรียกได้ว่า หัวเมืองล้านนาแตกสลายกลายเป็นนครรัฐเล็กๆที่เป็นอิสระแก่กัน และทั้งหมดก็ขึ้นกับราชสำนักพม่าที่อังวะครับ และพอพญาจ่าบ้านกับพญากาวิละแข็งเมืองไม่ยอมรับอำนาจของพม่า ก็เลยมาขอความสนับสนุนจากราชสำนักธนบุรี นั้นแล - หัวเมืองทางอีสาน แถวนั้นส่วนใหญ่เป็นเมืองขนาดเล็ก ที่บางแห่งเคยเป็นเมืองโบราณแต่ร้าง บางแห่งพึ่งตั้งเมืองขึ้นมา บางแห่งเป็นแค่ชุมชนเล็กๆ อำนาจของล้านช้างก็แผ่ขยายมาปกคลุมบ้างไม่ปกคลุมบ้่าง ตามแต่ยุคสมัย ดังนั้นภาคอีสาน ไม่มีสภาพเป็นอาณาจักรแล้ว อย่างน้อยก็ย้อนไปถึงสมัยปลายอยุธยาครับ พอธนบุรีเข้าไปเอาชนะศูนย์กลางทางอำนาจอย่างเวียงจันทน์ได้ หัวเมืองเล็กๆพวกนี้ก็ลู่ตามลมมาสวามิภักดิ์อยุธยาตามไปด้วย - อาณาจักรปัตตานี ดูจะเป็นดินแดนเดียวในบรรดาจังหวัดของเรา ที่มีสภาพเป็นอาณาจักรสมบูรณ์ ก่อนที่กองทัพสยามในสมัยต้นรัตนโกสินทร์จะเข้าไปพิชิต ส่วนเมืองสตูลก็เป็นเมืองหน้าด่านเล็กๆของไทรบุรี พอไทรบุรีสวามิภักดิ์สตูลก็เลยตกเป็นของไทยไปด้วย ดังนั้นจะบอกว่า ดินแดนแถวนี้มีหลากหลายอาณาจักรมาก่อน ก็ใช่ถ้าคุณนับย้อนไปสมัยก่อนอยุธยาหรือต้นอยุธยา แต่มันไม่ใช่อีกแล้ว ในสมัยปลายอยุธยาหรือต้นรัตนโกสินทร์ครับ เพราะอยุธยาได้ปราบหรือทำลายอาณาจักรข้างเคียงจนราบคาบเกือบหมดแล้ว 3. รัตนโกสินทร์คือรัฐทายาทของอยุธยาแน่นอนครับ สมัยรัชกาลที่ 1-3 เรายังเรียกกรุงเทพว่า กรุงศรีอยุธยาอยู่เลย เพียงแต่ในสมัยรัชกาลที่ 4-5 สยามได้พยายามเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง รูปแบบอาณาจักร และสำนึกหรือแนวคิดของคนในอาณาจักร ให้เข้ากับนิยามคำว่าชาติรัฐ ตามนิยามทางรัฐศาสตร์ของทางตะวันตกมากขึ้นเท่านั้น บางครั้งผมก็งงว่า นิยามคำว่า ชาติ คำว่า รัฐ คำว่า อาณาจักร หน่ะมันก็พอจะชัดเจนอยู่ นักวิชาการหลายๆท่านกล่าวว่า ก่อนรัชกาลที่ 5 เราเป็นอาณาจักร ไม่ใช่ชาติรัฐ เพราะคนในอาณาจักรไม่มีสำนึกหรือความรู้สึกร่วมกับความเป็นพวกเดียวกัน แบบที่ชาติรัฐตามนิยามของตะวันตก แต่ผมก็สงสัยว่า สมมติ อาณาจักรสยาม กลายเป็นชาติสยามแล้ว ชาติสยาม ยังเป็นอาณาจักรสยาม อยู่หรือไม่ ? แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 54 11:17:06 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 11:12:27

ความคิดเห็นที่ 6 ขอเสริมความเห็นที่สอง หากผมสอนประวัติศาสตร์ไทยแล้ว ผมคิดว่าคงจะสอนแบบให้ "วิพากษ์" หรือเปิดมุมมอง ตลอดจนโลกทัศน์ทางสังคมให้แก่นักเรียน หลังจากที่เรียนประวัติศาสตร์ฉบับแห่งชาติ (official version) กันมากมาก และหลายๆปีติดต่อกัน จนเด็กเหล่านั้น "เชื่อว่า" เป็นความจริงไปกันหมด เพราะหากสอนเนื้อหาแบบเดิมๆ เด็กก็จะเบื่อ และอาจจะไม่สนใจเรียนอีกเลยก็ได้ สำหรับวิชาบรรยายและท่องจำอย่างประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะหัวข้อบุคคลสำคัญของไทยที่หลักสูตรเลือกแต่ละบุคคลมาเป็นคนในระดับชนชั้นปกครอง หรือหากเป็นสามัญชนก็ต้องเกี่ยวพันกับส่วนกลาง เช่น พระมหากษัตริย์องค์ต่างๆ วีรบุรุษ วีรสตรี เป็นต้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวสามารถวิเคราะห์รูปแบบการเขียนโครงเรื่องประวัติศาสตร์ไทยในหนังสือเรียนได้ดังนี้ ประการแรก ด้วยความที่หนังสือเรียนประวัติศาสตร์ในระดับมัธยม นอกจากจะมีหน้าที่ในการให้ความรู้แก่ผู้เรียนแล้ว ยังมีหน้าที่แฝงคือ "กล่อมเกลา" ความคิดของเด็กให้เป็นพลเมืองที่ดีในความคิดของรัฐไทย นั่นคือการรักษาสถาบันหลักของชาติทั้งสามเอาไว้ เพราะฉะนั้นพื้นที่ของเนื้อหาในหน้าประวัติศาสตร์ไทยจึงมีแต่ตัวละครที่มีที่มาจากชนชั้นนำหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น เช่น บทบาทและพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ในแต่ละรัชกาล หรือบทบาทของสามัญชนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันทั้งสามดังที่ได้เกริ่นมาแล้วตอนต้น เช่น ท้าวสุรนารี พระยาพิชัยดาบหัก ท้าวเทพสตรี ท้าวศรีสุนทร เป็นต้น ประการต่อมาคือ จากเหตุผลในข้อแรกที่หนังสือเรียนต้องการปลูกฝังแนวคิดแบบชาตินิยม ทั้งนี้เพื่อตอบสนองอุดมการณ์ทางการเมืองในสมัยต่างๆ เช่น การต่อต้านจักรวรรดินิยมในสมัยปฏิรูปประเทศ การสร้าง "มหาอาณาจักรไทย" ในสมัยจอมพลป. หรือการรื้อฟื้นวาทกรรมราชาชาตินิยมในสมัยจอมพลสฤษดิ์ สิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลถึงการวางโครงเรื่องในการเล่าประวัติศาสตร์ไทยที่ทำให้ "รัฐไทย" ต้องมีศัตรูเพื่อ "แสดงแสนยานุภาพ" ให้เป็นที่ปรากฏว่ารัฐไทยมีความสามารถเคยครองความยิ่งใหญ่ในแถบเอเชียอาคเนย์ โดยใช้ "ประเทศเพื่อนบ้าน" เป็นตัวละครที่มารับใช้เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของรัฐไทยในประเด็นนี้ เช่น พม่า ลาว เขมร และมลายูในประวัติศาสตร์สมัยจารีต ซึ่งผลเสียที่ตามมาจากการเขียนประวัติศาสตร์แบบนี้คือ มุมมองของคนไทยที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้านจะเป็นไปในแง่ลบ กล่าวคือ มองว่าเรา"สูง" กว่าเขา ที่เห็นชัดมากคือกรณีของลาว ที่ชื่อประเทศนี้คือถูกเพื่อนบ้านอย่างไทยเคยนำมาล้อเลียนกันในเชิงดูถูก เป็นต้น ประการสุดท้ายคือ จากกรเขียนประวัติศาสตร์ตามทฤษฎีมหาบุรุษ (hero theory) ทำให้ผู้เรียนไม่เห็นสภาพความเป็นจริงในสังคมว่า การเปลี่ยนแปลงทางสังคมนั้นมิได้เกิดจาก "น้ำมือ" ของคนกลุ่มเดียวคือ กลุ่มผู้ปกครองเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง การเปลี่ยนแปลงทางสังคมเป็นผลมาจากคนทุกภาคส่วนในสังคมที่ร่วมกันผลักดัน การพัฒนาและความเจริญทางการเมืองและเศรษฐกิจทั้งหลายยังมีคนหลายกลุ่มที่เข้ามามส่วนร่วม แต่เรากลับละเลยและไม่ให้พื้นที่ในหน้าประวัติศาสตร์ เช่น กลุ่มแรงงาน กลุ่มตระกูลธุรกิจต่างๆ เป็นต้น ทำให้จินตภาพของคนเรียนที่มีต่อสังคมจึงแคบ เพราะเห็นบทบาทของคนกลุ่มน้อยในสังคมแต่มีพื้นที่ในทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เป็นต้น จากคุณ : ภารตยุทธ (ภารตยุทธ) เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 13:29:43

ความคิดเห็นที่ 7 คนไทยรับไม่ค่อยได้ครับถ้าบอกว่าไทยเคยเป็นเมืองขึ้นของพม่าหรือเคยอยู่ใต้อำนาจของเขมรสมัยพระนคร ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใครแต่ที่เป็นเมืองขึ้นของพม่านั่นก็คืออยุธยาไม่ใช่ประเทศไทย แต่พอเรื่องอะไรดีๆ ก็บอกว่านั่นคือประวัติศาสตร์ไทย พระเจ้าอู่ทอง สมเด็จพระนเรศวร พระนารายณ์ เป็นกษตริย์ไทย กรุงศรีอยุธยาก็เป็นเมืองหลวงเก่าของไทย อะไรต่างๆเหล่านี้ จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 14:20:03

ความคิดเห็นที่ 8 สมัยอยุธยา คือประเทศไทยในอดีต ใช่หรือไม่ ใช่ เพราะ ........................... ไม่ใช่ เพราะ ....................... ถามให้ตรงคำตอบ จขกท จากคุณ : โฟมน่ารัก เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 15:15:22

ความคิดเห็นที่ 9 อาณาเขตประเทศไทยในปัจจุบัน ล้วนเป็นการแบ่งเขตแดนในสมัยล่าอาณานิคม หาได้สัมพันธ์กับเขตแดนของอาณาจักร หรือหัวเมืองโบราณน้อยใหญ่แต่อย่างใดเลย เชื่อว่าหากฝรั่งเศสหาเรื่องรุกล้ำเอาดินแดนจนถึงพนมดงรัก ประเทศไทยในปัจจุบันก็คงสุดเขตที่โคราช หัวเมืองอิสานทั้งหลายก็คงเป็นส่วนหนึ่งของประเทศลาวและกัมพูชาในปัจจุบัน ชาวฝั่งขวาแม่น้ำโขงทั้งหลายก็คงจักต้องได้ร่ำเรียนประวััติศาสตร์กรุงศรีสตนาคนหุตเป็นแน่แท้ แต่การณ์หาเป็นเช่นนั้น ด้วยว่าเขตแดนฝรั่งเศสได้ถึงแค่ฝั่งซ้าย ชาวฝั่งขวาทั้งหลายจึงได้ร่ำเรียนประวัิติศาตร์ของกรุงศรีอยุธยาด้วยประการฉะนี้ ดังนั้นหากจะกล่าวว่า ประเทศไทยในปัจจุบันคือกรุงศรีอยุธยา ก็คงไม่ถูกนัก สำหรับกรุงเทพ ก็ค่อนข้างแน่นอนว่า สืบทอดมาจากอยุธยา ในฐานะที่บ้านเมืองเรา มีเมืองหลวงคือกรุงเทพ ก็สมควรจะเรียนรู้ประวัติศาสตร์อยุธยาไว้ แต่ถ้าในมุมมองของผม ที่เป็นคนต่างจังหวัดทางภาคอิสาน อำนาจของอโยธยาเป็นส่วนหนึ่งในประวัิิติศาสตร์ท้องถิ่นของผม แต่เมื่อพิจารณาขนบธรรมเนียม และโบราณสถานโบราณวัตถุในท้องถิ่น ก็พบว่าทางอยุธยานั้นมีอิทธิพลน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับขอม  หรือแม้แต่กับลาวล้านช้าง จากคุณ : ธัมมนันทิ เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 18:20:56

ความคิดเห็นที่ 10 อยุธยาคืออาณาจักรที่พัฒนามาเป็นอาณาจักรสยามและรัฐไทยครับ เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า รัฐไทยในปัจจุบันพัฒนาและกลายสภาพมาจากอาณาจักรอยุธยาเดิม ไม่ใช่รัฐอื่นๆที่เคยดำรงอยู่และสูญสลายไปจากภูมิภาคนี้แล้ว หากลองพิจารณาอาณาจักรอื่นๆที่เคยเกิดขึ้นและเรืองอำนาจอยู่บนดินแดนของประเทศไทยในปัจจุบันจะพบว่า - อาณาจักรล้านนาล่มสลายไปตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมแล้ว (อันที่จริงก็อาจจะนับตั้งแต่พญาเมกุถูกพวกพม่าประหาร ล้านนาก็ปิดฉากลง กลายเป็นแคว้นที่พม่าส่งเจ้ามาปกครองเท่านั้น) และไม่มีโอกาสจะพัฒนามาเป็นแกนกลางในการหลอมรวมแว่นแคว้นกลายเป็นรัฐไทย หัวเมืองล้านนาก็แตกออกเป็นเมืองย่อยๆ ก่อนที่จะมาสวามิภักดิ์อำนาจของธนบุรี (ซึ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ก็คือพระเจ้าแผ่นดินของอยุธยา ที่สถาปนาอำนาจขึ้นแทนราชวงศ์เดิมที่แตกสลายไป) - อาณาจักรสุโขทัย ถูกผนวกเป็นหัวเมืองเหนือในบังคับของอยุธยา เมื่อสิ้นสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 4 สุโขทัยก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของสุโขทัย - อาณาจักรตามพรลิงค์ อาจจะล่มสลายไปก่อนอยุธยาจะเรืองอำนาจด้วยซ้ำ และหัวเมืองส่วนใหญ่ของตามพรลิงค์ก็กลายเป็นหัวเมืองปักษ์ใต้ของอยุธยา - แว่นแคว้นนครรัฐศรีวิชัย หายไปตั้งแต่อยุธยายังไม่เรืองอำนาจด้วยซ้ำ - อาณาจักรปัตตานี ถูกผนวกเข้ากับอยุธยาใหม่ (กรุงเทพ หรืออยุธยาที่ 2) ในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อกรมพระราชวังบวรลงไปปราบ - นครรัฐหรือหัวเมืองต่างๆในภาคอีสาน ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของสยาม เมื่อพวกเขายอมสวามิภักดิ์แก่อำนาจของธนบุรี จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 18:21:41

ความคิดเห็นที่ 11 - ส่วนเรื่องการเรียนการสอนนั้น ผมคิดว่าทั้งประเทศเราก็สอนประวัติศาสตร์สายหลักกันเป็นพื้นฐานก็ดีแล้วครับ เพราะเนื้อหาก็ครอบคลุมสิ่งที่เด็กในระดับประถมหรือมัธยมควรรับรู้แล้ว ซึ่งหากใครอยากจะขวนขวายหาอ่านเพิ่มเติม ก็มีแหล่งข้อมูลมากมายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์นอกตำราเรียนให้ศึกษากันได้สะดวก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน เพราะหากทำการปรับเนื้อหาให้ครอบคลุมถึงประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ซึ่งแต่ละท้องที่ก็มีประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันไป (อย่างเรื่องราวของ เมืองน่านกับเชียงใหม่ บางเหตุการณ์ยังบันทึกเหตุการณ์และอ้างอิงจุลศักราชไม่พ้องกันก็มี เพราะต่างเมืองต่างก็ต่างมีบันทึกข้อเขียนของตน) ถ้าสมมติเด็กทางภาคอีสาน เรียนประวัติศาสตร์แบบหนึ่ง (เรียนเรื่องของอยุธยาและประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอีสาน เช่นเด็กนครพนม เรียนเรื่องอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์, เด็กชาวอุบลเรียนเรื่องพระวอพระตา, เด็กเมืองหนองคาย เรียนประวัติศาสตร์ล้านช้าง) สมมติเด็กทางภาคเหนือ เรียนประวัติศาสตร์อีกแบบหนึ่ง (คนแม่ฮ่องสอนเรียนประวัติศาสตร์ไทใหญ่, คนเชียงรายเรียนประวัติศาสตร์ล้านนาและเชียงแสน, คนลำพูนเรียนประวัติศาสตร์แคว้นหริภุญชัย) สมมติเด็กทางใต้เรียนประวัติศาสตร์อีกแบบหนึ่ง (คนปัตตานีเรียนประวัติศาสตร์ปัตตานี, คนสตูลเรียนประวัติศาสตร์ไทรบุรี, คนชุมพรเรียนประวัติศาสตร์อยุธยา, คนนครศรีธรรมราช เรียนประวัติศาสตร์ตามพรลิงค์) เด็กภาคกลางก็เรียนประวัติศาสตร์อีกแบบหนึ่ง (เน้นเฉพาะของอยุธยา) แล้วตอนทำข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาประวัติศาสตร์นี่ จะแบ่งกันสอบอย่างไร ? เพราะถ้าไม่เอามาออกข้อสอบ เดี๋ยวก็มีคนบ่นอีกว่า เรียนแล้วไม่ได้ใช้ เรียนไปทำไม ? แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 54 18:30:24 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 18:29:51

ความคิดเห็นที่ 12 ได้ความรู้มากครับ ยังไงก็ขอบคุณครับ แต่ห้องหว้ากอเริ่มดราม่านิดๆ เลยขอปิดกระทู้นี่ด้วยเลยดีกว่า กลัวยาว อิอิ : )) จากคุณ : ship9960 เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 18:42:41

ความคิดเห็นที่ 13 โดยส่วนตัวคิดว่า แม้หัวเมืองต่างๆจะสิ้นความเป็นอาณาจักรไปแล้ว แต่ก็ยังค่้อนข้างดำรงความเป็นเอกเทศไว้ได้พอควร อิทธิพลของอยุธยาที่มีต่อหัวเมืองเหล่านี้ก็เข้ามาเป็นช่วงๆ ไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จแท้จริง บ้างก็เข้ากับอยุธยา บ้างก็เข้ากับเมืองข้างเคียง สลับเปลี่ยนไป ยุคล่าอาณานิคม กำเนิดขึ้นในช่วงที่กรุงเทพมีอิทธิพลทางการเมืองเหนือหัวเมืองเหล่านี้ เขตแดนได้ถูกขีดขึ้น กรุงเทพอันสืบต่อจากอยุธยาจึงมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือดินแดนเหล่านี้นับแต่เวลานั้นเป็นต้นมา ผมจึงเห็นว่าถ้าเป็นช่วงเวลาก่อนหน้านั้น โดยเฉพาะสมัยอยุธยา ก็คงอ้างได้ไม่เต็มปากนักว่าคือประเทศไทยในอดีต เพราะคำว่าประเทศไทยย่อมหมายรวมถึงอำนาจเหนือดินแดนทั้งหมดของเราในปัจจุบัน เรื่องเรียนประวัติศาสตร์ คิดว่า ถ้าแต่ละที่ สอนประวัติศาสตร์ของตน ก็ดีออก เรียนเพื่อร่วมภาคภูมิใจ และเห็นภาพพจน์ของบรรพบุรุษตน มันน่าสนุกดีออก เรียนไปสอบน่าเบื่อจะตายนะครับ ผมว่า ตอนมัธยม วิชาสุดโปรดของผมคือประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เพราะได้เห็นมปราสาทขอม สิมโบราณ คูเมือง ฯลฯ ซึ่งสร้างโดยปู่ย่าตาทวดของเราเอง แล้วก็อยู่ใกล้ๆบ้านเรา สามารถจับต้องได้ ไม่ได้แลดูห่างเหิน วิชานี้ไม่ได้ใช้สอบเรียนต่อโรงเรียนมัธยมหรือมหาลัยที่ไหนเลย แต่เด็กนักเรียนสนใจ แต่ตั้งตาคอยวันที่จะไปดูปราสาทหินกันมากเลยล่ะครับ จากคุณ : ธัมมนันทิ เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 19:07:19

ความคิดเห็นที่ 14 ในอดีตนั้น   แต่ละหัวเมืองก็คือรัฐหนึ่ง    สุโขทัยก็1รัฐ   อยุธยาก็1รัฐ   พิษณุโลกก็1รัฐ    สุพรรณบุรีก็1รัฐ     แบบนี้ก็ต้องบอกว่าพวกสุโขทัย-สุพรรณบุรี-ราชบุรีอะไรพวกนี้ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับไทยเหรอ    ก็ไม่ใช่   เพราะหัวเมืองเหล่านี้ได้หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของชาวไทไปแล้ว       แต่กับหัวเมืองที่อยู่ไกลออกไปเช่นเวียงจันทน์ความรู้สึกหลอมรวมกันเป็นชนชาติเดียวกันยังไม่เกิด   ด้วยความห่างไกลของระยะทาง ซึ่งในสมัยรัชกาลที่5ก็ได้พยายามหลอมรวมอาณาจักรต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อเป็นรัฐชาติสมัยใหม่       ซึ่งก็สำเร็จไปหลายส่วนเช่นเชียงใหม่     หลายๆที่อย่างหลวงพระบางและจำปาศักดิ์กำลังไปได้ด้วยดีแต่ก็ไม่ทันการ    ถูกประเทศยุโรปตัดแบ่งออกไปเสียก่อน    ซึ่งหากมีเวลามากกว่านี้   ดินแดนต่างๆที่เคยเป็นประเทศราชมาก่อน   ไม่ว่าล้านช้าง - เขมรส่วนนอก - เขมรส่วนในก็น่าจะถูกหลอมรวมให้เกิดความเป็นชาติเดียวกันได้สำเร็จ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 20:42:32

ความคิดเห็นที่ 15 กรุงเทพมหานครบวรทวารวดีศรีอยุธยา กรุงเทพมหานครบวรรัตนโกสินทร์อินทอยุธยา   ประเทศสยาม ประเทศไทย ฯลฯ ถามว่าคืออันเดียวกันมั้ย? ก็ขอตอบว่า จะว่าเป็นอันเดียวกันก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นคนละอันกันก็ไม่ใช่ แต่สืบเนื่องกัน สัมพันธ์กันด้วยอำนาจสันตติ (continuous) ใน คคห. ของผม "รัฐชาติสยาม (ไทย)" (nation state) แม้พึ่งเกิดใน ร. ๕ แต่ก็สืบเนื่องมาจาก "รัฐจารีตอยุธยา" (traditional state) อย่างแน่นอน โดยเฉพาะภาคกลางของประเทศ ส่วนดินแดนอื่น ๆ นั้น เดิมเป็น "ประเทศราช" (vassal state) แต่ในสมัย ร. ๕ "รัฐชาติสยาม (ไทย)" ได้กระทำการล่าอาณานิคมภายใน (internal colonalism) "ประเทศราช" ก็ค่อย ๆ ถูกกลืนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ "รัฐชาติ" จนเป็น "รัฐชาติไทย" ในปัจจุบัน ทั้งจารีต ประเพณี ศาสนา วัฒนธรรม "กระแสหลัก" (ทางราชการ) ของ รัฐชาติไทย ล้วนเป็นมรดกและพัฒนามาจาก รัฐจารีตอยุธยา แม้จะเปลี่ยนไปบ้างตามปัจจัย แต่พูดได้เต็มปากว่า รัฐชาติไทย คือ "ทายาท" ของรัฐจารีตอยุธยา ส่วนประเด็นรายละเอียดอื่น ท่านทั้งหลายแสดง คคห. กันได้น่าสนใจมากแล้ว ผมจึงไม่ขอแสดง คคห. อันใดอีก แต่ขอแปะลิ้งค์ไว้อันนึง เพราะมี คคห. ของผม ที่พอเกี่ยวข้องกับกระทู้นี้อยู่บ้าง http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10367738/K10367738.html จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 00:14:52

ความคิดเห็นที่ 16 ถึง คคห. 3 เท่าที่นึกออกตอนนี้ (ถ้าจำผิดขออภัย) จำได้ว่าเคยอ่านมาจากบันทึกของชาวฝรั่งเศส (จำไม่ได้ว่าใคร) ในสมัยพระนารายณ์ ว่า คนในกรุงศรีอยุธยา เรียกตัวเองว่า "คนไทย" (ที่จริงสะกดเป็นอักษรโรมัน แต่ขอเขียนตามความนิยม) และเรียกดินแดนของตัวเองว่า "เมืองไทย" จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 00:29:57

ความคิดเห็นที่ 17 ถึง คคห. 7 ความจริง วาทกรรมแรกเริ่มเดิมที คือ "ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของมหาอำนาจตะวันตก" หรืออะไรทำนองนี้ แต่วาทกรรมนี้กลับถูกผลิตซ้ำโดยเปลี่ยนแปลงไปเป็น "ประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร" เป็นโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda) ของลัทธิคลั่งชาติไป ถ้าจะถามจริง ๆ ว่าเมืองไทยเคยตกเป็นเมืองขึ้นหรือไม่ ต้องนิยาม 2 ประเด็นก่อน คือ 1 เมืองขึ้น คือ ประเทศราช หรือ อาณานิคม หรือทั้งสอง 2 การที่ประเทศไทยสืบสันตติมาจากอยุธยา นั้น  จะถือว่าเป็นอันเดียวกัน หรือ คนละอัน ที่เราต้องนิยามทำความตกลงร่วมเสียก่อน ก็เพื่อประโยชน์ในการสื่อสารและทำความเข้าใจ เพราะประเด็นเหล่านี้ไม่ใช่ความจริงแท้ แต่เป็นความจริงที่เป็นข้อแม้ มีเงื่อนไข ถ้าว่าทางพระ คือเป็นสมมติสัจจะ เป็นโลกสมมติ คือ สิ่งที่สมมติขึ้นเพื่อการสื่อสาร การทำความเข้าใจ หรือเป็นข้อตกลงร่วม ต่างจาก ปรมัตถสัจจะ คือ ความจริงอันสูงสุด เช่น อริยสัจจะ (อริยสัจ 4) ความจริงอันประเสริฐ เป็นความจริงแท้ (แต่การจะสื่อสารเรื่อง ปรมัตถสัจจะ อริยสัจจะ ก็ต้องใช้ "ภาษา" อันเป็นรูปสัญญะ เป็นสิ่งสมมติ ในการสื่อสาร สื่อความหมายสัญญะ อยู่ดี - ฮา) จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 00:47:05

ความคิดเห็นที่ 18 จะช้าไปไหมนี่ ถ้าจะบอกว่า  สยามกับลาวนี่ มันก็คือพี่น้องกัน !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! สรุปว่ายุคอยุธยา สำเนียง “เหน่อ” แบบสุพรรณบุรีเป็นสำเนียงหลวง หรือสำเนียงมาตรฐานยุคอยุธยา จะมีสำเนียงเดียวกับสำเนียงหลวงพระบางในลาว พงศาวดารเมืองหลวงพระบาง ระบุว่า โอรสขุนบรมชื่องัวอิน เคลื่อนย้ายจากหลวงพระบางมาครองอยู่อโยธยา-สุพรรณภูมิ ราวหลัง พ.ศ.1700 นับแต่นั้นพวกลาวสองฝั่งโขงก็เคลื่อนย้ายลงมาเป็นประชากรทางลุ่มน้ำเจ้าพระยา แล้วเป็นคนไทยสำเนียงเหน่อในเวลาต่อมา [url=http://www.komchadluek.net/detail/20110216/88946/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E2%80%9C%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%AD%E2%80%9D%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A2%E0%B8%B2.html] จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 07:33:32

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วสำเนียง “เหน่อ” แบบราชบุรี-กาญจนบุรี-นครปฐม-เพชรบุรี-ประจวบฯ ล่ะคะ ครือๆกันกับสุพรรณหรือเปล่า เพราะอยู่ติดๆกัน แล้วต่อมาคงกลายเป็นสำเนียงเหน่อของตนเองที่แตกต่างกันไป อิอิ อยากรู้จักต้นตระกูลของตัวเองเหมือนกัน ว่าเป็นคนไทยแถบไหน รึว่าจะอพยพมาจากพม่าก็ไม่รู้ O_o? จากคุณ : แม่หญิงวิปลาศ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 14:38:46

ความคิดเห็นที่ 20 เคยสงสัยแบบนี้เหมือนกันเลยลอง ค้นหาสายตระกูลดู จนตอนนี้ค้นข้างมั่นใจว่าบรรพบุรุษผมคงเป็นผู้ที่ถูกกวาดต้อนมาจาก หัวเมือง ในสมัย "เก็บผักใส่ซ้า (ตระกร้า) เก็บข้าใส่เมือง" ของ พญากาวิละ เป็นแน่แท้ เพราะตามบันทึกบอกไว้ชัดเจนว่า เมืองเชียงใหม่ เป็นเมืองที่ถูกทิ้งร้าง ก่อนที่ พญากาวิละ จะเข้ามาปกครองจึงต้องมี มาตรการเทครัว คนจากหัวเมือง ไทลื้อ ไทเขิน เมืองยอง เชียงตุง และอีกหลาย ๆ เมืองมาที่เชียงใหม่ จากคุณ : ~CeZiiL of FlyingDutchMan~ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 54 21:05:09