ความคิดเห็นที่ 1 ตอนผมเข้าเรียนคณะนี้ที่ต่างประเทศใหม่ๆ สิ่งที่ผมแปลกใจคือ "เห้ย ทำไมมีอาจารย์ผู้ชายมากกว่าผู้หญิงในคณะเราฟะ! ทั้งๆ ที่เมืองไทยกลับข้างกันอย่างสิ้นเชิง" ที่อเมริกานี้ผู้ชายเรียนอักษรไม่น้อยเลยครับ ไม่เหมือนเมืองไทยที่เหมือนแบ่งแยกเลยว่า ผู้ชายต้องไปเรียนพวกวิทย์ คณะอักษรไว้สำหรับผู้หญิง ที่ผมเองเลือกเรียนคณะนี้ก็เพราะว่าชอบภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็อยากเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ แต่พอเข้ามาได้เรียนจริงๆ ก็ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่เพราะว่าไม่ได้เรียนแค่ภาษาอังกฤษ แต่เรียนไปถึงการคิด การวิเคราะห์(ภาษา)พวกนักการเมือง/โฆษณา/ข่าว การหัดใช้ภาษาเป็นเพื่อได้มาในสิงที่เราต้องการ เป็นต้น รู้สึกสนุกเวลาได้เอาความรู้มานั่งดูข่าวดูอะไรพวกนี้ แล้วก็คิดว่า อ๋อเขาพูดแบบนี้เพราะว่าเขาต้องการไอ้นี่ เหมือนเราเรียนรู้เบื้องหลังเขาจะได้ไม่โดนเขาหลอกและสนุกที่ได้รู้วิธีการสอน writing หลายๆ แบบ (ป.ล. ผมไม่ได้เรียนเน้นไปด้านวรรณคดีนะ ผมเน้นด้านการสอนการเขียนเชิงวิชาการและวาทวิทยา (Composition/Rhetoric) และพวก Applied Linguistics นิดๆ หน่อยๆ) จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 11:05:11

ความคิดเห็นที่ 2 ภาษาอังกฤษเป็นวิชาแรกและวิชาเดียวที่ผมทำได้ดีที่สุดตอนประถม (ผลการเรียนเข้าขั้นโดดเด่น อันดับหนึ่งของโรงเรียน) แต่มาแผ่วตอนม.ต้นเพราะไม่ตั้งใจ ส่วนม.ปลายนี้แทบจะทิ้งไปเลย แต่วาสนายังมีกับวิชานี้เลยมีโอกาสเรียนป.ตรีทางภาษาอังกฤษโดยตรง แรกๆต้องปรับตัวค่อนข้างมากเพราะทิ้งไปนานมาก แต่ก็สามารถกลับลำได้แล้วเรียนได้ค่อนข้างดีในที่สุดภายในสองปีแรก(ผมแทบจะท่องดิกอังกฤษ-อังกฤษได้ทั้งเล่มเลยทีเดียว) ยิ่งเรียนยิ่งชอบ ยิ่งเรียนยิ่งน่าสนใจ พอจบก็ร้อนวิชาสอบหลักสูตรป.โท หลักสูตรทางภาษาได้หลายมหาวิทยาลัย เรียนนั้นเรียนนี้เรื่อยเปื่อย ค้นหาตัวเองอยู่พักใหญ่ๆ ตอนนี้โตขึ้นมากถึงเริ่มปักหลักได้ ที่สนใจไม่ไช่เรื่องการเรียนตัวทักษะภาษาอีกต่อไป แต่สนใจเนื้อหาเกี่ยวกับการวิจัยทางภาษาศาสตร์ประยุกต์ การแปล การสอนภาษาไปซะงั้น (คงเป็นความต้องการตอบสนองความคิดความรู้ที่เป็นไปตามวัยที่สูงขึ้น55+) พวกเอกสารงานวิจัย สารนิพนธ์ วิทยานิพนธ์ของทั้งไทยเทศที่เป็น PDF นี้ ผมโหลดสะสมไว้เกือบพันเรื่อง พวกหนังสือตำรับตำราเกี่ยวกับภาษานี้ก็หมดตังค์ซื้อสะสมไปเป็นแสนแล้ว แต่ที่อ่านจริงยังไม่ถึง 10% เลย 55+ ตอนนี้ตั้งใจว่าจะเรียนป.โทให้จบแล้วจะต่อป.เอกในคณะเดียวกัน อาชีพที่ทำได้อย่างเดียวคือเป็นคนสอนหนังสือนั้นแหละครับ อย่างอื่นไม่อยากทำเอาซะเลย จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 11:33:40

ความคิดเห็นที่ 3 แปลว่า ผู้ชายที่เรียน ส่วนใหญ่จะเตั้งเข็มป็นนักวิชาการซินะครับ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 11:55:01

ความคิดเห็นที่ 4 เราเรียนอักษรฯ จุฬาฯอ่ะค่ะ เพิ่งจบ ในรุ่นเราที่รู้ว่าเป็นชายเเท้เเบบชายเเท้จริงๆชัวร์ๆมีคนเดียวค่ะ เพราะเค้ามีเเฟนเเล้วปลี่ยนเเฟนบ่อยด้วย จากคุณ : samantha เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 12:16:37 A:124.121.145.94 X: TicketID:311252

ความคิดเห็นที่ 5 คงจะอนุมานเช่นนั้นไม่ได้ครับ เพราะกลุ่มประชากรน้อบเกินไป แต่ถ้าจะให้ตั้งข้อสังเกต(ส่วนตัว)คิดว่าผู้ชายที่ชอบเรียนภาษา(มีความถนัด) มีอารมณ์ศิลปินในตัวไม่มากก็น้อยครับ รักอิสระ ไม่ชอบกฎเกณฑ์ มีความละเอียดอ่อน ชอบคิดจิตนาการวาดภาพ ชอบตีความหรือมองอะไรไม่ตายตัวพลิกแพลงไปเรื่อยๆ และที่สำคัญคือชอบแสดงออกทางความคิดผ่านตัวภาษามากถึงมากที่สุด ซึ่งต่างกับผู้ชายส่วนใหญ่ที่มักจะชอบอะไรตรงๆ เป็นเรื่องเป็นราว ชัดเจนไม่อ้อมค้อม ไม่ต้องตีความมาก เป็นกฎเกณฑ์เห็นได้ชัดเจน ไม่ถนัดเขียนหรือพูดอธิบายอะไรยาวๆ(แสดงออกทางคำพูดน้อย) ลักษณะแบบนี้ถึงเหมาะกับการเรียนวิชาคำนวณหรือทางวิทยาศาสตร์ไงครับ แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 54 12:26:41 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 12:23:21

ความคิดเห็นที่ 6 เำำพศชายน้อย ที่เป็นผู้ชายยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 13:59:45

ความคิดเห็นที่ 7 เคยสัมภาษณ์นักเรียน ม.6 ที่จะสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย บ้างให้เหตุผลว่า ภาษาอังกฤษไม่ดี เลยอยากเรียนเพื่อที่จะฝึกฝนให้ดีขึ้น บ้างให้เหตุผลว่า ต้องการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อให้สามารถใช้สื่อสารได้ เพราะเรียนจบแล้ว เขาตั้งใจจะไปทำงานต่างประเทศ บ้างให้เหตุผลว่า ชอบฟุตบอล อยากเป็นนักข่าวกีฬาสายต่างประเทศ แปลข่าวกีฬา จากคุณ : Ryuichi เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 14:35:24

ความคิดเห็นที่ 8 มีสิคะ แม้ว่าในเมืองไทยจะน้อยก็ตาม  เราเรียนอักษรจุฬา แม้ว่าผู้ชายจะน้อย แต่ผู้ชายเหล่านั้นเราว่าก็มีความรู้ความสามารถทางวิชาการสูงพอสมควรเลย  ไม่ต่ำกว่าสามคนที่เรารู้จัก เป็นคนที่เก่งและน่านับถือมาก ความคิดความอ่านสุดยอด(พวกนี้เอกประวัติศาสตร์)  บางปีผู้ชายน้อยอาจจะมีแค่คนเดียว แต่บางปีผู้ชายเยอะอาจจะสักสามสิบคน  เคยถามเหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกเรียนคณะที่ถูกมองว่าเป็นคณะผู้หญิงแบบนี้ เค้าก็ตอบเราว่าก็ชอบนี่นา ไม่เห็นต้องแคร์สายตาใคร เพื่อนกลุ่มเราเป็นแนวชอบวิชาการกัน คิดว่าส่วนใหญ่จบไปก็คงไม่พ้นเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิจัย NGO หรือไม่ก็อาจจะเป็นนักการเมืองก็ได้ มีรุ่นพี่คนนึงตอนนี้ก็เป็นผู้ช่วยวิจัยของอ.ธงชัย จากคุณ : ~\MINKU/~ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 15:12:35

ความคิดเห็นที่ 9 อ่า ขอบคุณครับ  ได้มุมมองอื่นเลย  ผมนึกว่าคนที่เป็นผู้ชายไปเรียน มีแต่เพศที่สามเท่านั้น  เผอิญว่าเจอแต่แบบนี้จริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะมีผู้ชายที่ไปเรียนด้วยความตั้งใจจริงๆ โอ้โห ปีที่มีผู้ชายคนเดียว เขามีชีวิตอยู่ได้ยังไงครับนั่น  สมมติต้องไปทำกิจกรรมนอกสถานที่  ออกค่าย นี่คงใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเลย  เวลาว่างๆจะมาจิ้มฝรั่งดองแย่งเพื่อนก็คง...หวิวๆมากๆ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 20:12:53

ความคิดเห็นที่ 10 เคยถามพี่ที่เป็นผู้ชายคนเดียวในรุ่น พี่เค้าก็บอกว่าแรกๆก็เกือบจะซิ่ว แต่ตอนนี้ชินแล้ว ได้แฟนสวยด้วย ฮ่าๆ ไม่เห็นจำเป็นต้องแบ่งแยกเลยนี่คะ ผู้ชายผู้หญิงก็เป็นเพื่อนกันได้ทั้งนั้น ในรุ่นเรามีผู้ชายประมาณสิบคน  เราก็ถามเพื่อนคนนึงว่าอึดอัดมั้ยอยู่คณะนี้ เค้าก็บอกว่าไม่เลย มีความสุขดี วันๆเจอแต่ผู้หญิงสวยๆรายล้อม  เราก็เห็นว่าเค้าใช้ชีวิตมีความสุขดีจริงๆ ทั้งเล่นดนตรี เล่นกีฬา ร่วมกิจกรรมวิชาการ เป็นประธานชมรม ฯลฯ จากคุณ : ~\MINKU/~ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 20:56:56

ความคิดเห็นที่ 11 ผมคล้าย ๆ คุณโจโฉเเละน้องเมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง ผมเก่งเเต่ภาษาอย่างเดียว+ อยากสอนหนังสือ ที่ Australia - ผมจบ อ บ ที่ Monash Uni 2 เอก ประวัติศาสตร์เเละอังกฤษ ผู้ชายนับคนได้ เเต่คนไทย ณ เวลานั้นที่ผมเรียน คือ ผมคนเดียว พอจบ ก็ทำงาน 2 ปีเเล้ว มาต่อครู ป โท ที่ Melbourne Uni เเต่ไม่จบนะครับ Drop เเล้วทำงานเต็มที่ จะเรียนไปทำงานไปเเบบตรี มันยากกว่าหลายเท่า เพราะมันต้องทำคะเเนน เเละเวลานั้น เงินเริ่มสะดุด เพราะใช้เงินส่วนตัวคุณเเม่ด้วย ( ตอนจบตรี อยู่ Australia มาได้ 8-9 ปีเเล้ว) 3 ปีสุดท้ายที่ใช้ชีวิตใน Australia ก็ลุยทำงานก่อนกลับมารับเงินเดือน ป ตรี ( เพิ่ม 6 ขั้นเเล้ว) 9K เมื่อ 8 ปีที่เเล้ว เเต่เงินเดือนเเรกที่รับในเมืองไทยคือ 7 พัน เเทบตายครับ ค่าผ่อนบ้านก้หมื่นกว่าเเล้ว ............... เเต่ก็รอดมาได้ถึงปัจจุบัน ปีที่เเล้ว ซ่าไปสอบโทอักษรฯ จุฬา ติดอีก เเต่ผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะเรียนเเปล ผู้ใหญ่ไม่รู้ว่าเราจะเรียนไปทำม เพราะสอนหนังสือ ควรจะเรียนด้านการสอน การวิจัยในห้องเรียน ไม่ดีกว่าหรือ ผมก็เสียดายนะ เเต่เมื่อผู้ใหญ่เเนะเเบบนี้ ก็ต้องยอม เพราะผมเรียนเเปล เพราะความชอบส่วนตัวเท่านั้นเองครับ จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 54 10:11:38 A:192.168.9.5 X:180.183.126.119 TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 12 จริงด้วยสาขาเอกภาษาอังกฤษในเมืองไทยผู้หญิงส่วนใหญ่เรียนกัน แต่ในอังกฤษหรืออเมริกาอัตราส่วนมันมีผู้ชายมากกว่านะ รู้งี้เราน่าจะเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งๆกว่านี้ตอนเด็กๆก้อดีนะ จะได้ไปเข้าคณะอักษรศาสตร์จีบสาวๆที่นั่นทุกวัน...555+++...แต่ภาษาอังกฤษเราไม่เอาไหนเลย  เราเรียนรู้เรื่องแต่คณิตศาสตร์เลยต้องไปเอาดีทางคิดเลข  ไปเรียนวิชา bookmaking (การพนันม้าแข่ง) จาก college ใน London จบออกไปเป็นผู้จัดการ bookmaker (บริษัทรับพนันม้าแข่ง) ใน London ทำงานด้านนี้มาสิบกว่าปี  เมื่อก่อนเวลาซื้อของในซูปเปอร์ เข็นรถมีของเต็มออกไป checkout พนักงานกดเครื่องคิดเลขยังไม่หมดเลย เราบวกจำนวนเงินในใจเสร็จสรรพแม่นเป๊ะเลย...ทำเอาสาวๆ checkout ที่ซูปเปอร์ตาค้างเอาบ่อยๆ...555+++... ตอนนี้ทำอีท่าไหนหว่ากลายเป็นต้องมาใช้ภาษาอังกฤษหาเงิน  เราจำใจต้องเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเพิ่อไปใช้ทำงานในเมืองไทยเพราะไม่มีใครรับคนจบด้าน bookmaking เข้าทำงาน  บ้าที่สุดเลย ที่เราต้องมาเริ่มเรียน grammar ตอนโตแล้ว เพื่อไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ  กลัวนักเรียนถามเรื่อง grammar แล้วตอบไม่ได้อ้ะ...555+++... ประเดิมเริ่มงานด้านภาษาอังกฤษตั้งแต่เป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษ  แปล videos ด้านการฝึกอบรม แปลภาพยนต์ให้บริษัทวิดิโอ  แปลเอกสารกฎหมาย เป็นล่ามในศาล เป็น editor หนังสือแปลอังกฤษเป็นไทย และเป็น editor วิทยานิพนธ์ภาษาอังกฤษให้นักศึกษา ฯลฯ ตอนนี้กลัวสู้คนเรียนมาทางด้านภาษาอังกฤษไม่ได้ก้อเลยต้องหมั่นเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ แต่  เรียนๆไปก้อชักจะเบื่อเหมือนกันน่ะ นี่หยุดเรียนภาษาอังกฤษไปตั้งหลายเดือนแล้ว และหันไปเรียนคอมพิวเตอร์แทน  เราเรียนคอมพิวเตอร์แค่ 3 เดือนสมองเราพุ่งไว ได้อะไรมากมายกว่าเรียนภาษาอังกฤษตั้ง 6 เดือนแน่ะ...ช่วงนี้บ้าแต่คอมพิวเตอร์จนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง  ทุกวันนี้เราก้อใช้คอมพิวเตอร์กับอินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องทุ่นแรงในการเรียนภาษาอังกฤษ...และเรียนอะไรอย่างอื่นอีกตั้งหลายอย่าง... แต่ที่แปลกก้อคือว่าเกลียดภาษาอังกฤษกลายเป็นต้องมาทำงานด้านภาษาอังกฤษ  สงสัยเป็นอันว่าเกลียดยังไงยังไงก้อได้ยังงั้นนั่นแหละ เคยมีคนเขาสอนสาวๆไว้ว่าพอโตเป็นสาวให้หมั่นพูดกับตัวเองเรื่อยๆทุกวันทุกวันว่า   “ฉันเกลียดผู้ชายหล่อๆรวยๆ”...555+++... หรือใครกำลังรอรับมรดกจำนวนมหาศาลจากญาติผู้ใหญ่ก้อต้องท่องทุกวันว่า “ขอให้ญาติผู้ใหญ่จงอายุยืนๆนับเป็นหมื่นๆปีเถิด”....555+++... แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 54 12:22:14 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 54 12:16:41

ความคิดเห็นที่ 13 เพื่อนของผม เรียนอักษร วิชาเอกญี่ปุ่น ตอนนี้ได้ดิบได้ดีไปแล้ว จากคุณ : 1 (psychosilpa) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 54 01:48:09

ความคิดเห็นที่ 14 ผมชายแท้แน่นอน แต่เรียนสายภาษามาตั้งแต่ ม.ต้น เหตุเพราะทักษะทางคณิตศาสตร์ด้อยกว่าเพื่อนร่วมห้อง พอขึ้น ม ปลาย ก็เรียนศิลป์ฝรั่งเศส และต่อด้วยมนุษยศาสตร์ (ไม่ใช่เอกภาษา แต่ก็เรียนวิชาภาษาเยอะมาก 30 หน่วยกิจได้มั้ง) จบมาก็ทำงานบริการ ใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน ก็ถือว่าตรงพอตัวครับ อยากจะบอก จขกท ว่าสายศิลป์ ไม่เน้นเรื่องเรียนเพื่อทำงานเหมือนสายวิทย์ ที่จบหมอ ต้องเป็นหมอ จบเคมี ต้องอยู่แลป หรือจบคอม ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์อะไรแบบนั้น สายศิลป์ดูที่บุคลิกภาพ ทักษะทางภาษา (ส่วนใหญ่เน้นฟังพูด มากกว่าอ่านเขียน ยกเว้นพวกทำวิจัย หรือวิชาการ) เพื่อนที่จบมาด้วยกัน ทำงานหลากหลาย ทั้ง อาจารย์ นักวิชากาีัีร UN , world bank, NGO แอร์ นักบิน การโรงแรม การฑูต ฯลฯ จากคุณ : Ahura เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 54 09:32:26

ความคิดเห็นที่ 15 ^ รับทราบครับ  ขออภัยถ้าทำให้ขัดเคืองนะครับ  พอดีสงสัยจริงๆ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 54 11:59:58

ความคิดเห็นที่ 16 จริงๆ แล้วคณะที่เกี่ยวข้องกับภาษาแนวเดียวกับอักษรศาสตร์ เช่น คณะศิลปศาสตร์ หรือ คณะมนุษยศาสตร์ ก็มีผู้ชายให้เห็นอยู่พอสมควรนะครับ จากคุณ : KenshiroJr. เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 54 21:14:16

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนนี้ผมก็ลง ลงรอบที่ 2 แล้วครับ คณะมนุษยศาสตร์ สาขา ภาษาอังกฤษ  ที่ ราม... ผมก็ผู้ชายก็ไม่เห็น มีอะไรผิดปกติ สำหรับตัวผมนิ ครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 12:44:31

ความคิดเห็นที่ 18 จขกท ผมไม่ได้ขัดเคืองนาาา อย่าเข้าใจผิดครับ :) จากคุณ : Ahura เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 23:39:47

ความคิดเห็นที่ 19 ทำไมคุณต้องแคร์กับสภาพแวดล้อม จำนวนหรือเพศของคนเรียนสาขานั้นสาขานี้ด้วย ถ้าคุณอยากเรียนก็เรียนเข้าไปเลย เพราะมันจะทำให้คุณได้คะแนนดี คุณเรียนด้วยความสุข คุณเรียนแล้วไม่เครียด คหที่ 5 ของคุณโจโฉชัดเจนดี แต่ทุกอย่างมีข้อยกเว้น ดูอย่าง ดร. สมชาย ภคภาสวิวัฒน์ คุณ ชูเกียรติ อุททกพันธ์ (ผู้ก่อตั้งสนพ บ้านและสวน)ฯลฯ คนเหล่านี้ศิษย์เก่าอักษร ทั้งนั้น และก็ไม่ได้เป็นเพศที่ 3 เสียกะหน่อย และคณะอักษรฯ ไม่ได้มีแต่ภาษาให้เรียน ประวัติศาสตร์ ปรัชญา ภูมิศาสตร์ บรรณารักษ์ ก็มีให้เลือก แต่คุณต้องทำใจนิดหนึ่งนะครับเวลาเรียนภาษาอังกฤษที่นั่น เพราะคนเก่งมันเยอะ 3 ใน 4 ของจำนวนนิสิตมาจากรั่วเตรียมอุดม ภาษาเขาระดับเทพกันแล้ว หนังสือวิชาวรรณคดีเขาอ่านกัน 5 เล่มต่อคอร์ส (ปริญญาตรี ขอย้ำ) ถ้าไม่รักการอ่านก็อย่าเรียนภาษา หรือเรียนวิชาแนวมนุษยศาสตร์ เพราะถ้าคุณอ่านเยอะ คุณก็คิดได้เยอะ ได้มุมมองใหม่ รู้น้อยพลอยรำคาญ รู้มาก(ไม่)ยากนาน จากคุณ : คนใจร้ายหมายดี เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 54 00:27:44 A:223.206.73.113 X: TicketID:301976