ความคิดเห็นที่ 1 เราโหวตข้อสอง แต่สนเฉพาะสังคมอ่ะ จากคุณ : ขวัญ (khumchalong) เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 20:25:09

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนแรกคิดว่าชอบบู๊ๆเหมือนที่ชอบการ์ตูนบู๊ แต่พออ่านเข้าจริงๆ คิดว่าชอบแนวสังคม การเมือง ชิงไหวชิงพริบมากกว่า คงเพราะประวัติศาสตร์เวลาบู๊กันมันไม่เห็นภาพคนต่อยกันเหมือนมวยหรือการ์ตูน แต่มันจะบรรยายว่าใช้ทหารแบบไหนยังไง หรือแค่ไพร่พลเท่าไหร่ เตรียมทัพยังไง ผลเป็นยังไง อะไรแค่นี้มากกว่า ก็เลยไม่สนุกเหมือนการ์ตูนก็ได้ อีกอย่าง สงครามของจริงมันไม่ใช่การ์ตูนหรือแค่ชกกันเป็นกีฬาแบบมวย แต่เป็นการฆ่ากัน เกี่ยวพันถึงชีวิตคนทั้งกองทัพหรืออาจจะทั้งประเทศ ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะก็มีแต่ความสูญเสีย หดหู่จนทำใจให้สนุกไปกับมันแบบการ์ตูนไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 54 14:04:04 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 20:47:56

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนแรกผมชอบ 1... แต่จะเข้าใจ 1 ก็ต้องเข้าใจ 2 เหมือนกัน จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 23:42:20

ความคิดเห็นที่ 4 1 + 2 ได้ไหม? เอาจริงๆ มันแยกกันไม่ออกหรอกครับ สงครามกับการเมืองอะ จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 11:44:22

ความคิดเห็นที่ 5 1+2 ชอบเท่าๆกันครับ เพราะถ้าไม่มี 2 คงจินตนาการ 1 ไม่ออก จากคุณ : Ahura เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 16:43:30

ความคิดเห็นที่ 6 1 เป็นสับเซตของ 2 หรือเปล่าครับ  ฮ่าๆ เลือก 2 ละกัน จากคุณ : Alnilam เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 18:44:27

ความคิดเห็นที่ 7 แฮ่ ห้องประวัติศาสตร์นี่ เน้นหนักไปทางสังคมสินะครับ ที่จริง คิดว่าสงครามก็เกี่ยวพันกับการเมือง แต่คิดๆไปแล้ว สังคมน่าจะใกล้กับการเมืองมากกว่า เรื่องของสงคราม ก็ค่อนข้างโดดเด่น จนแยกออกไปได้เลย ถ้านับเฉพาะช่วงที่ปฏิบัติการ ก็แทบจะตัดสังคมและการเมืองได้เหมือนกัน หรือเป็นประเด็นรองลงไป โดยส่วนตัว ผมเริ่มสนใจที่ 1 แล้วขยายไปเป็น 2 ข้อ 4 นี่สนใจพอสมควร แต่ไม่เท่า 1 กับ 2 ข้อ 3 นี่เฉยๆ อ่านผ่านๆตา จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 20:25:48

ความคิดเห็นที่ 8 War is the continuation of politics by other means. - Karl von Clausewitz การศึกสงครามมันไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆน่ะซิครับ ไม่เหมือนเกมส์คอมพ์ที่จัดฉากจัด scenario และจับจ่ายหน่วยทหารเข้ากองทัพแล้วเข้าสู้กัน ในความเป็นจริงนั้นทหารในกองทัพก็มาจากสังคมนั่นแหละ มีความคิดจิตใจเหมือนกัน การรบส่วนมากก็ไม่ได้มีเป้าหมายสุดท้ายเป็นการทำลายกองทัพคู่ต่อสู้ แต่มักมีเป้าหมายทางการเมืองอื่น (เช่นยึดเมืองหลวง หรือยึดดินแดนที่ต้องการ หรือดึงกำลังทหารข้าศึกจากอีกแนวรบ) เพียงแต่ว่าจะทำภารกิจสำเร็จได้ก็มักต้องทำลายหรือทำให้กองทัพข้าศึกหมดฤทธิ์ซะก่อน ถ้าคุยเรื่องการรบเฉยๆ มันก็เหมือนคุยเรื่องยุทธวิธีในการเล่นหมากรุก ซึ่งก็สนุกในตัวมันเองอยู่นะครับ แต่ถ้าจะให้เข้าใจสภาพแวดล้อมว่าทำไมต้องรบกัน ทำไมตัดสินใจแบบนั้น ก็ต้องศึกษาเรื่องบริบททางสังคมและการเมืองด้วย ตัวผมเองนั้นคร่อมระหว่าง 1+2 ครับ ตอนแรกมาทาง  1 แต่แตกออกมาศึกษา 2 ด้วย ซึ่งก็ไม่ได้รู้ลึกมากทั้งสองด้านเท่าไหร่ พวกที่รู้เรื่อง 1 มากๆนี่น่าจะรู้ทั้งยุทโธปกรณ์ที่ใช้ ปืนปากกระบอกเท่าไหร่กระสุนกี่นัด หรือรู้หน่วยที่เข้าทำการรบทุกหน่วยเลย ผมไม่รู้ละเอียดขนาดนั้น ด้าน 2 ผมก็เน้นศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นชนวนของสงครามและสันติภาพ แต่ทางด้านเศรษฐกิจสังคมในประเทศผมก็ไม่รู้เท่าไหร่ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 21:51:18

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณที่แนะนำครับ อย่างทีบอก ว่าออกจะแบ่งอย่างไม่ถูกต้องนัก แต่หลายคนก็ศึกษาการเมืองและสังคม โดยไม่สนใจเรื่องของสงครามก็เยอะนะครับ จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : วันเนา 54 19:16:57

ความคิดเห็นที่ 10 ผมชอบแนวเดียวกับคุณ HocChoc เปรี๊ยบเลยครับ  ส่วนอื่นๆที่ผมชอบก็พวกประวัติศาสตร์ของสิ่งประดิษฐ์ , แนวคิดทฤษฎี หรือ วีรบุรุษ ที่เป็นผลงานที่ส่งผลสะเทือนโลกอะไรแนวๆนั้นอย่างเช่น การค้นพบทวีปใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก การพิสูจน์ว่าโลกกลมโดยการเดินทางรอบโลก หรือผู้ให้กำเนิดรากฐานระบอบประชาธิปไตย  อะไรแนวๆนั้น จากคุณ : Light & Love เขียนเมื่อ : วันเนา 54 22:03:46

ความคิดเห็นที่ 11 ชอบเป็นบางช่วงอะคะ ส่วนใหญ่ต้องเป็นช่วงที่มีคนสำคัญและน่าสนใจอยู่ด้วย เช่น ประวัติศาสตร์ศาสนา ก็ชอบช่วงที่มีโมเสส ไปดูที่ฝรั่งเศส ก็เป็นสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหก พอมาดูที่พี่ไทยก็เป้นช่วงพระมหาจักรพรรดิ์ พระเจ้าเสือ พระเจ้าตาก มันสลับกันมั่วมากมาย รู้เป็นช่วงๆ เพราะสนใจเฉพาะเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอะคะ จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 13:21:10

ความคิดเห็นที่ 12 กระหายสงครามทุกชนิดครับ แหะๆ จากคุณ : ps000000 เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 22:37:28