ความคิดเห็นที่ 1 เวลาคุยกับฝรั่ง มันก็เหมือนกับที่ฝรั่งพูดไทยไม่ชัดแล้วเราฟังรู้เรื่องแหละครับ เพราะว่าเค้าเป็นเจ้าของภาษา เค้าคุ้นชินกับภาษาของเค้า ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้สำเนียงเค้า แต่เค้าก็เดาออกว่าเราพูดว่าอะไร แต่ถ้าเราไปพูดกับคนที่เค้าอาจจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ การพูดด้วยสำเนียงแบบฝรั่งมันค่อนข้างจำเป็นนะผมว่า ลองนึกถึงว่าเราคุยภาษาอังกฤษกับคนจีนหรือคนญี่ปุ่นอ่ะครับ คือเค้าจะพูดแบบติดสำเนียงเค้ามา ซึ่งสำหรับผมคือฟังยากมาก แต่ถ้าเค้าพูดแบบนี้กับฝรั่ง(ที่พูดอังกฤษเป็นภาษาแม่) ฝรั่งจะเข้าใจนะ แต่ผมมองว่ามันฟังยากมาก จนเกือบไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ เช่นกันแหละครับ คนญี่ปุ่นอาจจะมองว่าอังกฤษสำเนียงไทยก็ฟังยากเหมือนกัน จากคุณ : เด็กส่งแก๊ส เขียนเมื่อ : วันเนา 54 13:50:09

ความคิดเห็นที่ 2 สำเนียงไม่จำเป็นแต่การออกเสียงให้ชัดจำเป็นค่ะ อย่างนายก เราว่าถึงสำเนียงเค้าไม่เป๊ะแต่ออกเสียงชัดเจน แบบนี้ฝรั่งฟังรู้เรื่องค่ะ ถ้าฝรั่งมาเที่ยวไทย แค่มีคนพูดภาษาเค้าได้เค้าก็ดีใจแล้ว ก็จะพยายามทำความเข้าใจให้มากที่สุด แต่ถ้าไปอยู่บ้านเมืองเค้า ถ้าพูดไม่ชัดพอ เค้าไม่คุยกับคุณนะคะ ดีไม่ดีถ้าเป็นฝรั่งใจแคบจะดูถูกว่าคุณไม่มีการศึกษาซะอีก จากคุณ : ว่านแสงอาทิตย์ เขียนเมื่อ : วันเนา 54 13:50:17

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าทำได้ มันก็ดีกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจำเป็นอะไรขนาดนั้น จากคุณ : ก็แล้วแต่ เขียนเมื่อ : วันเนา 54 15:24:45 A:58.8.166.228 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่าสำเนียง และการออกเสียงที่ชัดเจน ไม่สำคัญเท่ากับการออกเสียงที่ถูกต้อง จากคุณ : tnu เขียนเมื่อ : วันเนา 54 15:27:04

ความคิดเห็นที่ 5 <<< เลยสงสัยว่าสำเนียงฝรั่งแท้ๆ จำเป็นจริงๆ หรอ? >>> ไม่จำเป็นครับ สิ่งที่น่าจะสำคัญสำหรับผู้ใช้ภาษาอังกฤษในระดับกลาง-สูงคือ 1. การออกเสียงสระ-พยัญชนะ ควรจะถูกต้องพอประมาณ 2. ลงเสียงเน้นหนัก (stress) ให้ถูกที่ 3. ใช้ท่วงทำนองเสียงพื้นฐาน (basic intonation patterns) ให้ถูกในระดับหนึ่ง เพื่อให้รู้ว่าประโยคที่พูดออกไปเป็นประโยคบอกเล่าหรือประโยคคำถาม เป็นต้น ส่วน "การออกเสียงที่ถูกต้อง" คืออะไรนั้น ก็คงต้องอิงสำเนียงใดสำเนียงหนึ่งอยู่ดี เช่น RP, General American เพราะการออกเสียงก็เป็นส่วนหนึ่งของสำเนียง ถ้าทำได้ครบทั้งสามข้อข้างบนก็น่าเพียงพอแล้ว ถึงจะพูดแล้วไม่เหมือนฝรั่งก็เถอะ แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 54 16:13:40 จากคุณ : tidtee_1 เขียนเมื่อ : วันเนา 54 16:04:03

ความคิดเห็นที่ 6 ฝรั่งชาติเดียวกันอย่างอเมริกา....ทางเหนือกับทางใต้ยังมีสำเนียงที่ต่างกันเลย แม้แต่ชาติอังกฤษกับอเมริกา ก็มีสำเนียงที่ต่างกัน จะเอาอะไรก็สำเนียงไทยๆล่ะคะ อย่าไปใส่ใจค่ะ พูดให้ได้ใจความออกเสียงไม่ผิดความหมาย ฝรั่งเข้าใจรู้เรื่อง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาค่ะ ^__^ จากคุณ : bemynails เขียนเมื่อ : วันเนา 54 18:07:41

ความคิดเห็นที่ 7 ตามคห. 4 เลยครับ ในการสื่อสาร สำเนียงไม่สำคัญมาก ที่สำคัญคือต้องออกเสียงให้ถูก และพูดให้ต่อเนื่องในแต่ละประโยค จากคุณ : Varalbastra เขียนเมื่อ : วันเนา 54 18:31:16

ความคิดเห็นที่ 8 ได้สำเนียงและการออกเสียงที่ถูกต้องก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าสำคัญกว่าก็คือสาระของการพูดและเขียน ศัพท์ สำนวน โครงสร้าง ซึ่งสะท้อนความคิดของคนพูดคนเขียน สำเนียงดีแค่ไหนแต่ถ้าสาระการสื่อสารกลวงโบ๋ก็ไม่มีประโยขน์ ถ้าจะเอาแค่เซย์ฮัลโหล ขอข้าวขอเหล้ากิน ก็ข่างมันเถอะ อะไรก็ได้ แต่ในระดับวิชาการ เจรจาธุรกิจ เจรจาความเมือง การเรียงร้อยถ้อยคำให้ดี เหมาะสม แสดงภูมิปัญญาให้เป็นที่น่าเกรงขาม แสดงความสามารถว่าเราของจริง คิดเป็นทำเป็น เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง และเราคงต้องการคนไทยที่มีทักษะการสื่อสารระดับนานาชาติอย่างนี้ให้มีจำนวนมากที่สุด ถ้าจะโกอินเตอร์กันจริงๆต้องเขียนต้องพูดให้ได้เฉียบคมหรือเก่งกว่าฝรั่งครับ สำเนียงเพี้ยนๆไปบ้างก็ยังไม่สำคัญเท่าสาระที่ต้องไม่เพี้ยน จขกท อย่าปรารมเลยเรื่องสำเนียง จะให้เหมือนฝรั่งจริงๆก็ต้องตายไปเกิดใหม่เป็นฝรั่งโน่นแหละ เพ่งเล็งเรื่องสาระการใช้ภาษาอังกฤษให้เชี่ยวขาญจนโกอินเตอร์ได้เถิด จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : วันเนา 54 18:38:46

ความคิดเห็นที่ 9 ขนาดแวดวงวิชาการทางภาษาศาสตร์ การสอนภาษาอังกฤษ วรรณคดี การแปล ฯลฯ นักวิจัยระดับดอกเตอร์จบการศึกษาจากประเทศเจ้าของภาษา + คร่ำหวอดศึกษาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้โดยตรง + มีตำแหน่งวิชาการระดับ รองศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์ส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา แต่ได้รับการยอมรับเชิดชูผลงานทางวิชาการอย่างมากก็ไม่ได้มีสำเนียงเป็นแบบพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่แต่อย่างใดครับ เพราะเขาวัดกันที่กึ๋นความรู้ความสามารถเนื้อหาสาระล้วนๆ ผมว่าออกเสียงภาษาอังกฤษสำเนียงแบบกลางๆไม่น้อยไม่มากไม่เยอะไม่เวอร์จนผิดแปลก จะมีสำเนียงภาษาแม่ติดไปบ้างกก็สุดแสนเป็นเรื่องธรรมดา และน่ายินดีด้วยซ้ำตรงที่รักษาอัตลักษณ์ของชาติตัวเองได้อีกต่างหาก เขาถึงยอมรับกันแล้วว่าตอนนี้ภาษาอังกฤษเป็นภาษานานาชาติ ไม่มีใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง ทุกคนที่เรียนภาษาควรต้องเรียนรู้สำเนียงของกันและกันไว้เพื่อประโยชน์สูงสุดในการสื่อสารไงครับ จะฟังออกแต่คนที่ได้ชื่อว่าเจ้าของภาษาแต่มีจำนวนน้อยกว่าคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาอย่างเดียวมันไม่ได้แล้ว แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 54 20:23:38 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : วันเนา 54 20:22:16

ความคิดเห็นที่ 10 สำเนียงไม่มีผลค่ะ แต่การออกเสียง การลงเสียงหนักเบาให้ถูกเป็นสิ่งจำเป็น คงเป็นความเข้าใจผิดของผู้เรียนมากกว่าว่าเวลาพูดต้องดัดสำเนียง คือถ้าเราพ้นวัยเจริญพันธุ์แล้ว การเรียนภาษาของเราจะไม่มีทางดีไปกว่าเด็กไบลิงกัวแน่นอน แม้แต่สำเนียง คุณเคยสังเกตดูไหมละ ลองหลับตาแล้วฟังชาวต่างชาติพูดภาษาไทย เราไม่เห็นหน้า แค่ฟังเสียงเราก็ฟังออกว่า นี่เป็นเสียงคนจีนพูดภาษาไทย หรือนั่นเป็นคนอินเดียพูดภาษาไทย มนุษย์เราหากผ่านวัยเจริญพันธุ์แล้ว ระบบเสียงมีจะคลื่นเสียงที่ตายตัว ตามภาษาแรกที่เราได้มา ดังนั้นแม้เราจะเล่นสำเนียงมากน้อยแค่ไหน จะมีบางคลื่นเสียง ที่ฝรั่งก็จะฟังออก ว่าเราไม่ใช่เนทีพสปิกเกอร์ค่ะ   แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 54 20:54:57 จากคุณ : the last woman เขียนเมื่อ : วันเนา 54 20:54:26

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ ถ้าเรียนภาษาตอนพ้นวัยเจริญพันธุ์แล้ว แค่พูดได้รู้เรื่องก็น่าจะพอใจมากแล้ว เวลาไม่ได้เหลือมาก จากคุณ : ผมว่าอะนะ เขียนเมื่อ : วันเนา 54 21:09:59 A:58.8.166.228 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 12 การคุยกับฝรั่ง(หมายถึงคนนะครับ มิใช่ บักสีดา) ที่พูดไทยไม่ได้ บางครั้งเราก็ใช้ภาษามือบ้าง หรือ เทียบเคียงศัพท์บ้างอะไรบ้าง สมัยยังเรียนหนังสืออยู่ ผมชอบไปกินเหล้าแถวๆท่าพระอาทิตย์ มันจะมีร้านกินดื่ม...มั้ง... ร้านแถวๆนั้นพวกฝรั่งจะชอบไปนั่งกินอยู่บ้าง นั่งข้างๆโต๊ะกัน ก็คุยกัน คุยไปคุยมา ก็รวมโต๊ะกันเสีย...แบบว่า เขาน่าจะเรียกฝรั่งนั้นว่า"แหม่ม" อะนะ สวยน่ารักเชียว ผมก็เรียนกฏหมายซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เก่งภาษาอังกฤษกันเท่าใดนัก  แต่ก็คุยๆกันรู้เรื่องนะ เริ่มๆก็ประมาณว่า แวร์ยูคัมฟอม ว้อทยูเนม มายเนม...แล้วมันก็ไปได้เรื่อย ฮาฮา... ศัพท์บางอันเราจำไม่ได้ ก็เทียบๆเอา เช่น  "เมืองหลวงประเทศคุณคืออะไร"  ในตอนนั้นก็จำศัพท์ไม่ได้  ก็ยกตัวอย่างเอา เช่น เดอะซิตี้โซดิฟิค่อลอินเดอะคันทรี่  เซม...เจแพนอีส โตเกียว  ไชน่าอีสปักกิ่ง  ไทยแลนด์อิสแบงค้อก   ฝรั่งเอ้ยแหม่มเธอก็อ๋อๆๆ อิส"แคปปิตอลซิตี้" เลยจำได้ขึ้นใจจากวันนั้นว่า แคปปิตอลซิตี้ แปลว่า เมืองหลวงนั่นเอง...และน่าจะได้อีกหลายๆศัพท์  คุยได้ยาวทีเดียว...อิอิ จะว่าไป การคุย-สื่อสาร จุดมุ่งหมายคือ ให้รู้เรื่อง  แต่ถ้าจะให้ดี  ได้สำเนียงเจ้าของภาษาเขาด้วยคงจะไม่น้อยครับ จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : วันเนา 54 21:21:31

ความคิดเห็นที่ 13 จิ้มไปที่คห.10 เขาไม่ได้เรียกช่วงนั้นว่า "พ้นวัยเจริญพันธุ์" นะครับ หุหุ แต่เขาเรียกกันว่า "พ้นช่วงอายุที่เอื้อต่อการเรียนภาษา" จาก critical period hypothesis ที่มีสมมุติฐานว่าเด็กจะไม่สามารถรับภาษาโดยธรรมชาติและพัฒนาไปจนเหมือนภาษาแม่ได้ถ้าเลยวัยแรกเกิดไปจนถึงวัยที่เริ่มเป็นผู้ใหญ่ (ประมาณไม่เกิน 12-13 ปี) ถ้าพ้นวัยนี้ไปแล้วการเรียนภาษาจะเป็นไปแบบทางการ (formal learning) เรียนยังไงก็จะไปรับอิทธิพลของภาษาแม่เข้าแทรกแซงไม่มากก็น้อย (แต่เกือบร้อยทั้งร้อยจะมาก) แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 54 22:56:05 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : วันเนา 54 22:55:30

ความคิดเห็นที่ 14 ที่จริงเข้าใจที่ คห. 10 พยายามบอกนะคะ แต่คำว่า วัยเจริญพันธุ์ นี่ชวนให้คิดถึงวัยที่มีลูกไม่ได้แล้วหรือมีลูกยาก ผู้หญิงก็ประมาณ 40 ปีขึ้นไป ผู้ชายนี่คงไปถึง 70 โน่นเลย (นอกเรื่องแล้ว) จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : วันเนา 54 23:13:06

ความคิดเห็นที่ 15 ขอโทษทีสำหรับคำที่เราใช้ บังเอิญว่าตอนเรียนทฤษฏีการรับภาษาของมนุษย์ในชั้นเรียนของเราอาจารย์ท่านใช้คำนี้ค่ะ เราก็เลยติดมา คือถ้าจะแปลแบบคุณโจโฉซึ่งจะฟังไม่งง แต่ในชั่วโมงเรียนถ้าจะให้อาจารย์พูดว่าวัยที่เอื้อต่อการ.... สักสิบครั้งเวลาต้องใช้ศัพท์คำนี้คงไม่ไหวค่ะ ชั้นเรียนของเราเลยใช้คำนี้แทน สำหรับเด็กแรกเกิดถึง 13 ขวบว่าวัยเจริญพันธ์ พอพ้น 13 ขวบ ก็เรียกว่า พ้นวัยเจริญพันธ์ค่ะ ก็เพื่อความสะดวกในการอธิบายในชั่วโมงเรียนด้วยอะค่ะ ก็คงแล้วแต่ความสะดวกในการใช้ของแต่ละคนล่ะโน๊ะ   แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 54 00:14:54 จากคุณ : the last woman เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 54 00:07:04

ความคิดเห็นที่ 16 จะให้สำคัญมากก็ได้ หรือจะให้ความสำคัญน้อยก็ได้ มันก็ขึ้นกับอะไรหลาย ๆ อย่าง เช่น อายุ (เด็กหน่อยก็ pick up ได้ง่าย/เร็วกว่า) ความสามารถ (บางคนมีความถนัด/ฉลาด/เก่งกว่า) ความรู้และประสบการณ์ (บางคนอ่าน/เห็น/มีโอกาสได้ใช้ภาษามากกว่า) อาชีพ/ตำแหน่ง (อาชีพที่ขาดตลาด ถึงพูดอังกฤษได้ไม่เก่งหรือสื่อสารได้ห่วยมาก คนอื่นก็ต้องเข้ามาหา พยายามเข้าใจ) ฝ่ายตรงข้าม (ฝรั่งมาเมืองไทยก็ต้องพยายามทำความเข้าใจเรา เราไปเมืองเขา เขาอาจจะส่ายหน้าว่าไม่รู้เรื่องอย่างเดียว) ฯลฯ แต่โดยส่วนตัว คิดว่าถ้าจะเฉลี่ย ๆ มันก็มีส่วน "อยู่บ้าง" เคยเจอฝรั่งไม่ยอมปรับหูก็มี เคยเจอคนไทยว่ากระแดะก็มี เคยเจอคนว่าสำเนียงดีก็มี เคยเจอคนว่าสำเนียงไท้ย ไทยก็เคยมาหมดแล้ว จะเอาสำเนียงแค่ไหน อันนี้ก็แล้วแต่เป้าหมายส่วนตัว ในความคิดของเราก็คือ คนเราที่โต ๆ แล้วในเมืองไทยเนี่ย โอกาสที่จะพัฒนาสำเนียงให้ "ดี" นี่มันค่อนข้างยาก เพราะ มาตรฐานการศึกษาไม่ค่อยจะดี-หนึ่ง โอกาสใช้งานในชีวิตประจำวันมีน้อย-สอง และต้องเอาเวลาไปทำอย่างอื่นอีก เช่นเรียนในห้อง ติวนอกห้อง ฝึกงาน ทำงาน ฯลฯ-สาม ทีนี้พอเวลามีจำกัด ก็แล้วแต่ตัวบุคคล ว่าจะแบ่งปันเวลายังไง จะเอาเวลาว่างที่หาได้ ไปฝึกสำเนียงให้เหมือนฝรั่ง หรือทำอะไรอย่างอื่น สำหรับคนไทยในเมืองไทย สำเนียงมันไม่ได้เป็นของที่มาเอง มันเป็นของที่เราต้องพยายามให้ได้มา จากคุณ : Genuine XXX เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 54 01:48:58

ความคิดเห็นที่ 17 คห. 15.......สำหรับเด็กแรกเกิดถึง 13 ขวบว่าวัยเจริญพันธ์ พอพ้น 13 ขวบ ก็เรียกว่า พ้นวัยเจริญพันธ์ค่ะ...... ถ้าจะให้สั้น สะดวก พูดง่าย อาจารย์ท่านน่าจะใช้คำว่า "วัยเจริญภาษา" นะครับ เพราะพ้น 13 ขวบเรียกว่าพ้นวัยเจริญพันธ์ ฟังแล้วมันหดหู่พิกลละครับ หุ...หุ... จากคุณ : ทัศนะ (Tassna) เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 54 09:50:35

ความคิดเห็นที่ 18 ก็ปล่อยวางบ้างอะไรบ้าง อาจารย์ท่านเป็นผู้ใหญ่อายุมากแล้ว เราทุกคนในชั้นเรียนเข้าใจกันในสิ่งที่พูดว่าหมายถึงอะไรก็พอแล้ว อีกอย่างอาจารย์ท่านมีความสนใจในทฤษฏีการรับภาษาของมนุษย์ และพยายามศึกษาในหลายเรื่อง พวกเราก็ไม่ได้ใส่ใจคำเล็กคำน้อย มากกว่าประโยชน์ที่ท่านกำลังทำอะค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 54 10:41:10 จากคุณ : the last woman เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 54 10:37:14

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ได้จะจับผิดอะไรนะครับ ถือว่าเรามาแชร์ๆกัน : ) จริงๆที่คุณthe last woman ว่ามาก็ไม่ผิดครับเพราะหลายๆสถาบันก็ยังอาจใช้ "พ้นวัยเจริญพันธุ์" ในชั้นเรียนอยู่ ตอนผมเรียนอาจารย์บางท่านก็ใช้คำนี้ครับ ก็เป็นที่ถกเถียงกันพอสมควรเลยตอนนั้น หลายๆคนไม่เห็นด้วย ถามๆไปบ้าง แต่ก็ไม่รู้จะไปแย้งอาจารย์ทำไมในเมื่อความหมายที่ได้ก็เข้าใจร่วมกันในบริบทของชั้นเรียน(ฟังไปก็ชินไปเอง55+) แต่ก็มีอาจารย์บางท่านที่เข้าใจตรงนี้ครับ เลยเลี่ยงใช้ทับศัพท์เป็น พ้นช่วง/วัย puberty ไปเลย ปัญหาการใช้คำแนวๆนี้ในชั้นเรียนการสอนภาษาอาจมีบางคำไม่ตรงกับความเข้าใจของคนภายนอก ที่เป็นเช่นนี้เพราะสมัยก่อนยังไม่มีการบัญญัติศัพท์ทางภาษาศาสตร์ประยุกต์เป็นกิจลักษณะครับ อาจารย์ผู้ใหญ่หลายๆคนก็ไม่รู้จะเลือกคำไหนก็เลยเอาคำว่าพ้นวัยเจริญพันธุ์มาใช้ไปพลางๆ(คิดไม่ออกว่าจะคำไหน) ทีนี้ใช้ไปใช้มาก็ใช้ต่อๆกันจนติดปากครับ(ถ่ายโอนให้กันในการนำเสนองานวิชาการ) ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าคำนี้เป็นคำที่สร้างขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ+ไม่มีระบบการเลือกใช้คำที่ดีที่สุดมารองรับนั่นเอง เมื่อไม่มีเอกภาพในการใช้เช่นนี้ ราชบัญฑิตฯก็เห็นปัญหาครับ ก็เลยบัญญติให้เป็นบรรทัดฐานเลยว่า "ช่วงอายุเอื้อการเรียนภาษา" ซึ่งผมเอามาเขียนให้อ่านง่ายว่าเป็น "ช่วงอายุที่เอื้อต่อการเรียนภาษา" ซึ่งจะว่าไปก็เข้าใจชัดเจนดีสำหรับคนทั่วไป แต่ก็อย่างที่คุณthe last womanว่ามา การจะใช้คำแบบนี้ตามราชบัณฑิตอาจยาวเกินไปจนคนพูดเหนื่อยได้ อาจไม่เหมาะใช้สอนในชั้นเรียนการสอนภาษา แต่ยังไงผมว่าเราเลือกใช้คำที่ลดความกำกวมได้มากที่สุดก็จะเป็นการดีครับโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเอามาใช้เล่าสู่คนนอกวงการ(ในเว๊ปสาธารณะ) เพราะถ้าใช้พูดกับคนวงนอกยังไงเขาก็ต้องงงครับ เหมือนกับคนเรียนการสอนภาษาอย่างเราๆที่ส่วนใหญ่เรียนครั้งแรกถ้าได้ยินว่าพ้นวันเจริญพันธุ์ก็อดจะตั้งคำถามหรือจะงงนั้นแหละครับ แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 54 12:25:58 แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 54 12:24:12 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 54 12:21:46

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นคนนอกวงการค่ะ แม้จะอยู่ในวงการศึกษา แต่ก็ไม่ใช่การศึกษาของเมืองไทย ถ้าเป็นคำว่า ช่วง puberty หรือพ้น puberty แบบนั้นเข้าใจ แต่พอพูดถึงวัยเจริญพันธุ์หรือพ้นวัยเจริญพันธุ์นี่ทำให้เข้าใจไปอีกเรื่องเลยค่ะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 05:37:32

ความคิดเห็นที่ 21 คิดว่าไม่เกี่ยว คิดว่าเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า เราไม่รู้ว่าบางคนรู้หรือเปล่าว่า สำเนียงสวย กับออกเสียงถูกต้องมันต่างกัน บางคนพอได้ยินคนออกเสียงถูกต้อง ก็คิดว่าอ๋อ ต้องไปหัดสำเนียงมาให้หรู ๆ แบบนั้นฝรั่งได้ฟังรู้เรื่อง ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องของสำเนียงอะค่ะ  มันเป็นเรื่องของการออกเสียงให้ถูกมากกว่า แล้วพอออกเสียงถูกเนี่ย มันจะไปคล้าย ๆ ว่าได้สำเนียงมา แต่ความจริงแล้วก็ไม่ แค่ฉันออกเสียงถูกเฉย ๆ เพราะฉะนั้น เน้นเรื่องการออกเสียง เรื่องลงหนักเบาให้ถูกที่ ดีกว่า คิดว่านะ จากคุณ : Motdktw เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 13:03:00