ความคิดเห็นที่ 1 ทั้งเทริด, ชฎา, มงกุฎ, ลอมพอก เป็นเครื่องประดับศีรษะทั้งสิ้น มีรูปร่างและจุดประสงค์การใช้ที่ต่างกัน ต่างพัฒนาสืบเนื่องกันมาและต่อยอดในรูปร่างศิลปะจากราชสำนักสู่เครื่องสวมหัวโขน ละคร สมัยลพบุรี ศิลปะรับวัฒนธรรมขอม ดูได้จากหลักฐานเครื่องประดับศีรษะของพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยดังกล่าว มีการสวมกระบังหน้า (กรอบหน้า) และสำหรับมวยผมจุก ก็มุ่นขมวดไว้บนกลางศีรษะ ตรงนี้เองทำให้เกิดศิลปะทำเป็นทรงกรวยแหลมขึ้นไปบ้าง ทำเป็นทรงดอกบัว ทรงน้ำเต้าเพื่อให้เกิดความสวยงาม จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 18:54:50

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อสมัยสุโขทัย เราก็รับศิลปะเครื่องประดับศีรษะมาและพัฒนาให้กระชับกับศีรษะมากขึ้น โดยทำเป็นทรงกระบอกครอบไว้ เราเรียกว่า "เทริด" สำหรับมุ่นมวยผมจุก ช่างก็ได้พัฒนาให้เกิดความสวยงามทำเป็นรูปน้ำเต้า ให้เกิดเป็นยอดแหลมขึ้นไป จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 18:57:18

ความคิดเห็นที่ 3 อย่างเทวรูปองค์นี้ สวมเทริด มีทั้งมุ่นผมจุก และไว้ยาวด้านหลัง ซึ่งเทริดลักษณะนี้ได้ถ่ายทอดลงมายังศิลปะสมัยอยุธยา จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 18:59:21

ความคิดเห็นที่ 4 ในสมัยอยุธยาตอนกลาง เริ่มมีการพัฒนาของเทริด ไปสู่ "มงกุฎ" โดยลดแผงบริเวนศีรษะลงเป็นมาลัยรัด และสำหรับมุ่นมวยผม ก็สวมรัดเกล้า โดยออกแบบให้ผมยาวขึ้น ก็รัดด้วยรัดเกล้าเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ จนเป็นยอดแหลม แต่ยังมีครีบข้างอย่างเทริดเหลือร่องรอยไว้ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 19:05:33

ความคิดเห็นที่ 5 ซึ่งก็คือ ผมที่จัดแหลมขึ้นไป แล้วมีเครื่องรัดผมรัดขึ้นไปเป็นชั้นๆ จนกลายเป็นศิลปะเครื่องสวมศีรษะแทน โดยมงกุฎ จะแปลงออกไปเป็น ๑. พระมหาพิไชยมงกุฎ จะมีชั้นรัดเกล้า ๓ ชั้น เป็นต้น ๒. มงกุฎยอดชัย มีมีรัดเกล้า ๑-๒ ชั้น ย่อมกว่าพระมหาพิไชยมงกุฎ ๓. มงกุฎ + ใส่เกี้ยวยอด รวมเรียกว่า มงกุฎเกี้ยวยอด จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 19:16:19

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับ "ชฎา" ก็กลายจากมงกุฏ โดยสังเกตุจากชั้นแรก จะมีชั้นมาลัยรัดเช่นเดียวกัน แต่หลังจากนั้นจะลาดขึ้นไปจนถึงชั้นรัดเกล้าเลย จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 19:20:14

ความคิดเห็นที่ 7 เปรียบเทียบระหว่าง "ชฎา" และ "มงกุฎ" จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 19:25:03

ความคิดเห็นที่ 8 ลอมพอก ก็กลายมาจากการโพกผ้าที่ศีรษะ และได้พัฒนาประดิษฐ์ให้สวยงามจัดให้ยอดแหลมขึ้นไป และประดับดอกไม้ไหวโดยรอบ เป็นเครื่องเกียรติยศสมัยอยุธยา สำหรับชั้นขุนนาง จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 19:27:31

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วปันจุเหร็ดละครับ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 19:33:55

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ ปันจุเหร็จ กำเนิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๒ เนื่องจากทรงแปลบทพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนา แล้วโปรดเกล้าฯให้เล่นละครในราชสำนักชึ้น เพื่อแสงละครเรื่องอิเหนา และปันจุเหร็จ ถูกแปลงมาจากผ้าโพกหัว โดยมีลักษณะด้านหลังเป็นรอยผ้าผูกไว้ด้านหลัง จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 19:44:26

ความคิดเห็นที่ 11 ปันจุเร็จ ก็พัฒนาด้านการละครเรื่อยมา โดยติดกระบังหน้าเข้าไป ติดดอกไม้ไหว และท้ายสุดทำเป็นลวดโปร่งด้วยเงิน ประดับเพชรรัสเซีย เพิ่มพู่ขนนก กลายไปสู่ "ลิเกทรงเครื่อง" ในท้ายสุดครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 19:51:41

ความคิดเห็นที่ 12 ภาพการสวมปันจุเหร็จ สำหรับลิเกทรงเครื่อง สมัยรัชกาลที่ ๕ ครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 19:55:26

ความคิดเห็นที่ 13 ภาพนี้เป็นธงศารทูลธวัชประจำกรมเสือป่าพรานหลวงรักษาพระองค์  ที่มุมบนด้านคันธงมีแถบผ้าสีตามเหล่าสำหรับกรมกองเสือป่าสังกัดกองเสนาหลวงรักษาพระองค์ (ราบ = แดง, ปืนใหญ่ = เหลือง, ม้า = ฟ้าหม่น, พราน = เขียวแก่ ฯลฯ)  มีรูปหน้าเสือสวมเทริดอยู่ตรงกลาง  กรมหลวงรักษาดินแดนพื้นเหลือง  หน้าเสือไม่สวมเทริด จากคุณ : V_Mee เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 07:07:40

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพขยายแถบผ้าที่มุมธงครับ จากคุณ : V_Mee เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 07:08:44

ความคิดเห็นที่ 15 อันนี้เป็นเทริด ที่นักแสดงมโนราห์ ทางปักษ์ใค้ใช้สวมเวลาแสดงครับ ภาพนี้ถ่ายจาก สถาบันทักษิณคดีศึกษา จ. สงขลาครับ แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 54 10:49:05 จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 10:48:51

ความคิดเห็นที่ 16 ..รูปจงมา โอม โอม ... จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 10:52:15