ความคิดเห็นที่ 1 ผมไม่เคยเจอครับ.....แบบว่าผมไม่เคยส่งไปให้เขาตรวจ ที่คุณถามมาว่าเขามีหน้าที่ตรวจการแปลหรือมีหน้าที่ประทับรับรอง ผมว่ามันเป็นงานที่เกี่ยวพันกันอยู่ คือถ้าเขาไม่รู้หรือไม่แน่ใจหรือไม่เชื่อว่ามันถูกต้อง เขาก็ไม่กล้าประทับตรารับรอง ประเด็นว่าเขารู้เรื่องงานแปลหรือไม่นั้นยังไม่สำคัญเท่าเขาเป็นคนถือตรา คือถ้าเขาไม่อยากประทับ เขาก็ไม่ประทับ ทีนี้จะแก้ยังไงเพื่อให้งามด้วยกันทุกฝ่าย? ตรงนี้แหละที่ยังนึกไม่ออกเหมือนกัน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 20:56:03

ความคิดเห็นที่ 2 ทำหน้าที่รับรองว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้อง (คล้ายๆ notory public ทำ) และตรวจสอบความถูกต้องของการแปล แต่บ่อยครั้งที่เจ้าหน้าที่ไม่ bilingual มากพอ และไม่เข้าใจธรรมชาติของภาษาไทยและอังกฤษ จึงแก้คำแปลจากถูกเป็นผิด เพื่อให้ "ซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับ แบบซื่อบื้อ" ยกตัวอย่างเช่น ต้นฉบับมาแบบนี้ หนังสือฉบับนี้ัออกให้เพื่อรับรองว่า นาย ....ข้าราชการกรมทรัพยากรธรณี ได้รับอนุญาตให้ลาพักร้อนเพื่อไปต่างประเทศได้ นับตั้งแต่วันที่ ....ถึงวันที่... คำแปล เมื่อก่อนแค่แปลว่า This is to certify that ....ซึ่งเป็นธรรมชาติ แค่นี้ก้อโดนตีกลับแล้ว โดนแก้มาเป็น This document is issued to certify that.... แต่เดี๋ยวนี้ จนท ฉลาดขึ้น ยอมรับคำแปลว่า This is to certify that .... แต่มาตกม้าตายเอาตรงนี้ This is to certify that Mr........, our employeee, ...... ที่แรกจะแปลว่า our employee เพราะข้าบนมันมีหัวจดหมายของกรมทรัพยากรธรณี ก้อกลัว จนท จะไม่เข้าใจธรรมชาติ ก้อเลยแปล (ซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับแล้วยอมฝืนๆธรรมชาติภาษาอังกฤษนิดๆ) โดยแปลไปเป็น This is to certify that Mr........, an employeee of the Department of Mineral Resources, ...... ^ คิดว่าแปลครบแล้วนะ แต่ก้อยังมิวายโดนตีกลับมา แล้วโดนแก้เป็น This is to certify that Mr........, a  government employeee of the Department of Mineral Resources, ...... ^ ซึกหายเลย คำว่า "ข้าราชการ" แมร่งต้องแปลเต็มตัวว่า "government employee" ฮาแตกว่ะ.... แล้วไอ้คนแก้มันไม่คิดบ้างหรือฟะว่าเวลาฝรั่งอ่าน แล้วมันไม่สงสัยหรือว่า which government? ก้อหมอนี่เป็น employee of the Department of Mineral Resources มันก้อพอแล้วไม่ใช่หรอกหรือ ใส่ไปครบ ยิ่งอ่านแล้วสับสนปวดตับอ้ะ....ขอฮาอีกรอบ....ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ....... แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 54 22:11:33 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 22:11:00

ความคิดเห็นที่ 3 อีกอันหนึ่งที่ classic มากๆ คือบันทึกแต่งงาน มีวรรคหนึ่งภาษาไทยมาแบบนี้ หลังจากสอบปากคำคู่สมรสแล้วเห็นว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแก่งและพาณิชย์ บรรพ (ตัวเลข จำไม่ได้แล้ว) จึงจดทะเบียนให้ After an interview, the applicants were found to be fully competent to register mairrage pursuant to the Civil and Commercial Code, Book ....  Regisration of marriage was therfore granted. โดนแก้กลับมาว่า After interrogating the marriage partners, ....บล๊าบๆๆๆๆ.... ^ อันนี้ดิตลก พอฝรั่งอ่านตรงที่โดนแก้ เขาไปแกล้งพูดเสียงดังๆที่กระทรวงการต่างประเทศว่า We only want to get married, you know.  Why the hell do we have to be interrogated, ha, ha, ha..........  The right word is 'interview'! งานนี้ จนท โดนภาษาไทย คำว่า "สอบปากคำ" หลอกให้งง  จนสับสน...เหมือนพวก "เด็กเพิ่งหัดแปล แต่อวดเก่ง แก้ไปเรื่อย" แต่นี่เป็น classic example เพราะตอนนี้ จนท รายใหม่ๆ ฉลาด ไม่แก้ซื่อบื้อแบบนี้อีกแล้ว แต่ก้อมี จนท บางรายไม่รู้ว่า be fully competent to do something เป็นภาษากฎหมายระดับดูดีหน่อยๆ ที่มีความหมายเหมือน be fully qualified to do something ก้อเลยบางที พอเห็น be fully competent to do something ก้อยังแก้มาเป็น be fully qualified to do something ซึ่งจริงๆแล้วมันก้อใช้ได้ทั้ง 2 อย่าง แต่ "อะไรที่ จนท ไม่เคยเห็น ไม่ได้แปลว่า มันจะต้องผิดเสมอไป" ดังนั้น การแก้ส่งเดช แล้วทำให้เสียค่ารถเพิ่มและเสียเวลา  คู่สมรสชายฝรั่งกับหญิงไทยอาจตกเครื่องบินก้อได้ เลยบางทีต้องยอมรับคำแปลที่โดนแก้จนแปลถูกกลายเป็นแปลผิด หรือกลายเป็นภาษาอังกฤษที่ผิดธรรมชาติ แต่ถ้าประเทศไทยมีประชาธิปไตยระดับในอังกฤษหรืออเมริกาที่ประชาชนธรรมดาฟ้องรัฐชนะบ่อยๆขึ้่นมาเมื่อไหร่ละก้อ รับรองว่า จนท จะโดนฟ้องข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบ และจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย (ยิ่งตกเครื่องบนละบานเลย) อย่างแน่นอน...หวังว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงในอนาคตเช่นนั้น เราเคยศึกษาคดีตัวอย่างของสหรัฐที่ตัดสินไว้เป็นบรรทัดฐานมามาก เห็นว่ารัฐธรรมนูญของเขาปกป้องสิทธิและเสรีภาพประชาชนมากๆ ไม่ให้โดนรัฐละเมิดสิทธิและเสรีภาพกันได้ง่ายๆเลยหละ ... อยากเห็น  จนท หน่วยงานไทย คิดว่าตัวเองเป็น civil servants คือผู้รับใช้ประชาชน ซะบ้าง อย่าได้เที่ยววางอำนาจหรืออวดเก่ง English grammar กันให้มากมายเพื่อข่มชาวบ้านเขา ทั้งๆที่พวกเราคนไทยก้อไม่ได้มีใครเก่งกว่าใครกันมากมายนักหรอก หัดเจียม body และถ่อมตน ทำหน้าที่ให้บริการประชาชนด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ซะบ้าง นี่ยังดีว่า จนท รุ่นใหม่ๆสายพันธ์ใหม่ มีความรู้ภาษาอังกฤษดีกว่าเดิมนะ ไม่เหมือนรุ่นเก่าเต่าล้านปี  เคยแก้คำว่า Sri Lankan แล้วตีกลับมา บอกว่า คำว่า Sri Lankan ไม่มีใน dictionary ภาษาอังกฤษ...!!! อ้าวซิกหายเลย แล้วลูกพี่เปิดดิกเล่มไหนอ้ะ...พอลูกค้าเอา dictionary ที่มีคำศัพท์ว่า Sri Lankan ให้ดู จนท รายนั้นโมโหนักแปลรายนั้น(ที่สังกัดร้านแปลแห่งนั้น) อย่างสุดเหวี่ยง พอจอตราประทับของร้านแปลนั้น พี่แกเลยตีกลับเอกสารจากร้านแปลนั้น (ไม่ยอมรับรองให้) ทุกครั่งที่ยื่น ราวกับว่าเป็นการประกาศศึกโดยเป็นการส่วนตัว จนร้อนถึงเจ้าของบริษัทแปลแห่งนั้นต้องจัดงานเลี้ยงปีใหม่แล้วเชิญจนท ไปร่วมเป็นเกียรติ์ด้วย แล้วแจกซองให้ ตามระเบียบ จากนั้นปัญหาก้อหมดไป.... เฮ้อ เซ็งจริงๆ เรื่องเล่าในวงการแปล และระบบหน่วยงานไทย เมื่อก่อนเราอยู่ในวงการนี้มานาน เห็นจนเซ็งแล้วหละ... จริงๆแล้วมีเรื่องกรณี จนท ตีกลับเอกสาร แล้วตลกๆจี้เส้นสุดๆมากๆ จะเล่าให้ฟังยังมีอีกตั้งหลายเรื่อง...555+++... เอาไว้มีเวลาแล้วจะกลับมาเล่าใหม่ ตอนนี้ก้อไปอ่านกระทู้นี้เพิ่มเติมไปพลางๆก่อน http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10373460/K10373460.html แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 54 22:58:54 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 22:52:39

ความคิดเห็นที่ 4 จริงๆแล้วในบันทึกแต่งงานวรรคที่ว่านั้น รู้สึกว่ามันจะมีระบุปี พศ ของประมวยกฎหมายแก่งและพาณิชย์ไว้ด้วยนะ ซึ่งเราไม่ได้ใส่รายละเอียดไว้จนครบ.... เพราะแค่ยกตัวอย่างหลักสำคัญๆว่า จนท ใช้แนวคิดอะไรในการตีกลับเอกสารที่แปลไปยื่น ซึ่งข้อหาในการตีกลับไม่ค่อยจะมีหลักการมากนัก "ส่วนใหญ่จะยึดเอาความคิดเห็นของตนเองเป็นใหญ่" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 23:15:18

ความคิดเห็นที่ 5 Big applause to Khun Fortuneteller. The point is I d like to ask the government officer in charge whether he or she is is qualified to correct our translations or where he or she get a translation degree. To my most respectable Khun Add, I d like to know about the authority of this kind of officer: whether they are allowed to criticize and correct the translations submitted. In case of French, Finnish, Danish, Turkish, Arab, Chinese translations, is he or she able to reject them? I I were in bkk and had enough time, I d never miss to sue this abusive service of this department of the Ministry of Foreign Affairs, as they have devaluated our works. จากคุณ : คนใจร้ายหมายดี เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 12:40:08 A:125.24.177.206 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 6 ขอสนับสนุนทางออกของสภาทนายความที่จะพยายามให้เมืองไทยเรามี notary public ครับ หน่วยงานของกรมการกงสุลนี้จะได้เป็นตรายางเฉยๆ อย่างสมบูรณ์ เพราะ 1. เจ้าหน้าที่ที่ภาษาอังกฤษพอใช้ได้ก็จะได้ไปทำงานด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่า ไม่ต้องมาเสียเวลาพยายามทำหน้าที่ที่นักแปลดีๆ เขาทำได้อยู่แล้ว ใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับที่มีความสามารถเพียงที่จะตรวจสอบได้ว่าทนายที่มีอำนาจได้ลงนามในเอกสารมาจริงหรือเปล่าก็พอ ไม่ต้องอ่านสาระ หลับหูหลับตาทุบมันไปเลย 2. นักแปลก็ไม่ต้องทะเลาะกับหน่วยงานใดหน่วยงานเดียวอีก เพราะเลือกที่จะไปจับคู่กับสำนักทนายที่ไหนก็ได้ 3. ประชาชนก็ไม่ต้องหงุดหงิดกับสิ่งที่คิดว่าเกิดมาจากความเขลาของระบบราชการ สังคมไทยพัฒนามาพอควรแล้ว ฝ่ายรัฐควรลดภาระการรับรองและรองรับไปให้กลไกเอกชนเสีย บางเรื่องก็ไม่ต้องไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลโดยตรงให้วุ่นวายทุกฝ่ายแล้วก็ได้ จากคุณ : specto เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 16:38:54

ความคิดเห็นที่ 7 To #5: Re:I d like to know about the authority of this kind of officer: whether they are allowed to criticize and correct the translations submitted. In case of French, Finnish, Danish, Turkish, Arab, Chinese translations, is he or she able to reject them? ^ The diplomatic officers only check English-Thai and Thai-English translations. ............................................................................................................... ตอบ คคห 6 ประเทศไทยตอนนี้ก้อมีทนายความที่มีใบอนุญาตเป็น notary public  แล้ว  เมื่อ 5-6 ปีที่แล้วเราอยู่เชียงใหม่และเช่าคอนโดฯทนายคนหนึ่งที่ไปอบรมและได้ใบอนุญาตเป็น notary public แต่ปัญหามันก้อคือว่า "ภาษาอังกฤษของทนายไทยคนนั้น ไม่กระดิกหูเลย" ซึ่งต่างจากทนายที่เป็น notary public ในประเทศโปแลนด์ รัสเซีย สวีเดน หรืออะไรพวกนี้  ที่เป็นนักแปลที่มีใบอนุญาต ซึ่งเก่งมากๆ (คือ bilingual จริงๆในภาษาคู่ 2 ภาษาที่พวกเขาแปล)  และรับรอง (ลายเซ็นบน) เอกสารได้ด้วย  เราเคยเห็นฝีมือการแปลของคนพวกนี้ แล้วทึ่งมากๆ เพราะขนาดแปลจากภาษาเขาไปเป็นภาษาอังกฤษ (แปลจากภาษาที่ 1 ไปเป็นภาษาที่ 2 มันยากกว่า) พวกเขาเขียนภาษาอังกฤษได้เหมือนคนอังกฤษหรืออเมริกันเลยหละ...ซึ่ง จนท กระทรวงของไทยทาบรัศมีพวกเขาไม่ติดเลยหละ แต่ดันอวดเก่ง หลับหูหลับตาแก้ตะบี้ตะบัน...จริงๆ แล้วยังมี cases ที่จีี้เส้นมากๆว่า จนท กระทรวงของไทยแก้มาตามอำเภอใจ แล้วมันตลกแค่ไหน เอาไว้ว่างๆจะเล่าให้ฟังอีก....ให้ขำกันเล่นๆ...555+++... แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 54 18:40:29 แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 54 18:38:13 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 18:37:04

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าอย่างนั้นทั้งนักแปลและทนายไม่ร่วมมือกันหาทางออกล่ะครับ จะได้เกิดกลไกที่มีประสิทธิภาพจริงๆ ที่ประชาชนใช้การได้อย่างสะดวก เช่นสำนักแปลจำนวนหนึ่งกับสำนักงานกฏหมายจำนวนหนึ่งเข้าเป็นพันธมิตรกัน ตกลงกันซะว่าถ้าสำนักแปลนี้แปลมาหากสำนักงานกฎหมายพอใจในที่มาของเอกสารต้นฉบับก็เซ็นไปเลยนะ ทำนองนี้ หรือนักแปลรวมตัวกันเพื่อให้การสอบใบอนุญาตของ notary public ได้คัดเฉพาะทนายที่มีมาตรฐานทางภาษาดีพอก็ได้ สำนักงานแปลก็จะได้อาศัยอำนาจตามกฎหมายของทนาย ทนายก็จะได้อาศัยความสามารถทางภาษาของนักแปล ประชาชนก็จะได้ไม่ต้องไปเบียดเสียดรอรับการบริการ(หรือไม่บริการก็ตามที)ของกรมการกงสุล ซึ่งคงจะไม่มีปัญญาไปจ้างนักแปลเก่งๆ ไว้ในจำนวนที่เพียงพอกับความต้องการของคนทั่วไปและยังคงต้องดันทุรังใช้เจ้าหน้าที่ที่จริงๆ แล้วเอาไปใช้งานอื่นจะคุ้มค่าภาษีซะกว่า เพียงเพราะยังไม่มีกลไกที่ดีกว่ามารองรับความต้องการของประชาชน หากจะปันแรงมาหาทางออกกันก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนคนไทยเรามากกว่าการเอาเรื่องความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่มาเล่าให้สะใจเล่นเพียงอย่างเดียวครับ ด้วยความปรารถนาจะเห็นเมืองไทยพัฒนาเหมือนกัน จากคุณ : specto เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 21:37:40

ความคิดเห็นที่ 9 "มากกว่าการเอาเรื่องความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ มาเล่าให้สะใจเล่นเพียงอย่างเดียวครับ" เรียนคุณ specto ที่เคารพ ผมมีความเห็นว่าการตั้งประเด็นนี้นั้นมีจุดประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้รับจากปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างนักแปล(มืออาชีพ)กับหน่วยงานราชการดังกล่าว ทั้งนี้ทั้งนั้นมิได้มุ่งหมายที่จะ "มาเล่าให้สะใจเล่น" อย่างที่คุณเอ่ยอ้างแต่อย่างใด อีกทั้งยังเป็นอุธาหรณ์ให้กับนักแปลรุ่นใหม่ที่จะต้องมารับมือกับความไม่เป็นมืออาชีพของหน่วยงานราชการดังกล่าว เรามิได้ปรารถนาจะโจมตีหน่วยงานแห่งนี้ แต่อยากให้มีการพัฒนา และหาแนวทางที่ชัดเจนในบทบาทหน้าที่ของตน มิใช่จะถืออำนาจบาตรใหญ่ (ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า) มาตัดสินว่าคนนั้นคนนี้แปลผิด และให้ไปแก้ทั้งๆที่ตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของภาษา(ในฉบับแปล) และบางทีก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในภาษานั้น อย่างที่ผมตั้งคำถามไปว่าถ้าเป็นภาษาอื่นๆ ที่ไม่ใช่อังกฤษ จะมีปํญญาไปแก้ของเขาไหม ผมจึงมีความเห็นว่าหากจะมีใครสามารถ quote บทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนี้ได้ ว่าตามพระราชบัญญัติฉบับใดให้อำนาจในการ "ตรวจภาษา" ก่อนการประทับตราเอกสารรับรอง (ซึ่งจริงๆไม่ได้รับรองความถูกต้อง เพราะผู้แปลเป็นผู้ลงนามรับรองความถูกต้อง) แต่ควรจะเป็นอำนาจหน้าที่ในการรับรองว่าเอกสารนั้นๆ เป็นเอกสารที่ออกให้จากหน่วยงานราชการจริง ต่างหาก เรื่องของเรื่อง ผมอยากทราบความชัดเจนของบทบาทหน้าที่ของกระทราวงนี้เท่านั้น และอยากทราบว่าเขาทำงานเกินขอบเขตจากอำนาจของตนหรือเปล่า ส่วนข้อเสนอของคุณนั้น น่าสนใจทีเดียยว แต่โดยธรรมชาติของนักแปล มักชอบทำงานโดยสันโดษ การจะไปร่วมมือสู้รบปรมมือกับใครอย่างจริงจังอาจจะทำได้ยาก หากคุณทราบวิธีการทำงานของสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย คุณจะรู้ดีว่าคุณลักษณะเฉพาะของคนอาชีพนี้เป็นอย่างไร จึงเรียนมาเพื่อทราบ จากคุณ : คนใจร้ายหมายดี เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 54 03:50:47 A:110.169.73.148 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 10 ข้อผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มาจาก 1. พยายามโชว์ฟอร์มว่าเก่งภาษาอังกฤษ 2. พยายามแสดงอำนาจ แต่ถ้าหัดถ่อมตนซะบ้าง แล้วคิดว่าใครๆก้อต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ทั้งนั้น (หัดคิดซะมั่งว่าตัวเองอาจผิด เพราะไม่รู้จริงก้อได้) และถ้าคิดว่าตัวเองให้บริการประชาชน พยายามให้ความสะดวกแก่พวกเขา เรื่องไม่สบอารมณ์แบบนี้ก้อจะไม่เกิดขึ้น จริงๆแล้วนี่เป็น forum พวกนักแปลเขาคุยกันเรื่องเคยเจออะไรมาบ้างในการทำงานแปล  ก้อบอกต่อๆกันไป   ซึ่งร้านแปลก้อสื่อสารกับร้านแปลเพื่อบอกต่อๆกันไปเหมือนกันว่าโดนเจ้าหน้าที่เล่นงานมายังไงบ้าง  ยกตัวอย่างเช่นบางวันมีเจ้าหน้าที่บางคนที่เขียนภาษาอังกฤษผิดๆในประโยคหรือวลีที่จำเป็นต้องใช้กันบ่อยมากๆ ในการแปลเอกสารพวกหนังสือราชการ ดังนั้น ร้านแปลจะส่งข่าวต่อๆกันไปให้ร้านแปลด้วยกัน "ตั้งใจเขียนภาษาอังกฤษให้ผิด grammar ตามเจ้าหน้าที่เพื่อคำแปลจะได้ไม่โดนตีกลับ" ยกตัวอย่างเช่น มีอยู่วันหนึ่ง เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเกิดอาการสับสนกับคำว่า marriage กับ married  เพราะมันมีแบบฟอร์มอยู่อันหนึ่งจากสถานทูตไต้หวันที่ชอบเอามาแปล และมันมีรูปแบบการใช้งานว่า marriage with เช่น her marriage with him ซึ่งก้อมีคนเขียนว่า her marriage to him (จริงๆแล้วมันใช้ได้ทั้ง 2 อย่าง เราเคยถามฝรั่งที่เป็น subeditor หนังสือพิมพ์ และเคย google เจอมีคนใช้ทั้ง 2 อย่าง) เราใช้รูปแบบที่ 2 ไป แล้วโดน จนท ตีกลับมา แล้วแก้เป็น her marriage with him ที่นี้ก้อเกิดปัญหาว่า ถ้าเขียนไปว่า she is marred to him ซึ่งมันถูกแหงๆ กับถ้าเขียนไปว่า she is married with him ซึ่งแบบนี้มันผิดแหงๆ จนท จะตีกลับแบบไหน...555+++.... ตกลงวันนั้นร้านแปลแถวๆ ถ. เพลินจิต กับ ถ. วิทยุ โทรบอกต่อๆกัน ให้ทุกคนจงใจเขียนผิด grammar เป็น she is married with him กันหมดทุกร้านเพื่อจะได้ไม่โดนตีกลับ ก้อเลยวันนั้น ร้านแปลย่านนั้น นัดกันเขียนภาษาอังกฤษผิด grammar กันหมด เพื่อเอาใจเจ้าหน้าที่ รู้สึกจะเป็น จนท คนเดียวกันที่เราเล่าไว้ใน คคห 4 ในกระทู้ข้างล่างนี้ คือ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10373460/K10373460.html ที่เขาตีกลับวลีที่ว่า It appears that .... แล้วแก้มาเป็น It is appeared that...ซึ่งเป็นการแก้จากถูกเป็นผิด และวันนั้นร้านแปลแถวๆ ถ.วิทยุ กับ ถ.เพลินจิต จะโทรหากันนัดกันให้ทุกร้านตั่งใจเขียนอังกฤษผิด grammar ตาม จนท คือเขียนเป็น It is appeared that... เพื่อป้องกันการโดนตีกลับ บ่อยครั้่งที่ จนท จะ quibble over a word คือเขาชอบคำไหน เขาก็จะออกเป็นกฎให้ทุกคนเขียนตามที่เขาชอบ  ยกตัวอย่างเช่นมีอยู่สมัยหนึ่งมี จนท รายหนึ่งเกิด "ไม่ชอบ" คำว่า "district" ที่ใช้กับ "อำเภอ" เขาเลยตั้งกฎของเขาเองขึ้นมาว่า ถ้า "อำเภอ" อยู่ต่างจังหวัด ให้ใช้ "district" ถ้า "เขต" อยู่ กทม  ให้ใช้ "area" เคยบ้าอยู่พักหนึ่ง (รู้สึกเดี๋ยวนี้จะเลิกไปแล้ว) เขียนคำไหน (ผิดถูกไม่สำคัญ) เขาไม่ชอบใจเขาก้อตีกลับมา "ร้านแปลก้อต้องโทรบอกต่อๆกันว่าวันนี้ จนท ไม่ชอบคำศัพท์คำไหนบ้าง" เพื่อไม่ให้เสียเวลา เพราะค่ามอเตอร์ไซค์ไปกลับ มันแพง การโดนตีกลับทีหนึ่งเป็นต้นทุนที่สูงมากๆ จริงๆแล้วเมื่อเกือบๆ 20 ปีมาแล้ว เอกสารแต่งงานที่แปลจากพัทยาโดยโรงเรียนสอนภาษาแถวๆนั้น แปลไทยเป็นอังกฤษ ทุกบรรทัดเขียนผิด grammar หมดเลย แต่ จนท สมัยก่อน (มีพวกเช้าชามเย็นชาม ที่ไม่รู้ว่ามีคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เรียกว่า Sri Lankan แบบที่เล่าให้ฟังข้างบน) เคยให้ผ่านหมด ขอให้ใช้คำให้ถูกใจ แต่ผิด grammar ไม่ว่า เพราะจริงๆแล้วตัว จนท ก้ออ่อน grammar เองด้วย แต่เริ่มต้นตั้งแต่ช่วง 10 กว่าปีมาแล้ว จนท รุ่นใหม่เก่ง grammar ขึ้นมาหน่อย เลยจับผิดตีกลับจนร้านแปลแถวๆพัทยาหมดอาชีพไปเลย  จากนั้น จนท เกิดอาการ "ฮึกเหิม" เริ่มแก้ grammar ฝรั่งเจ้าของภาษา (ที่อ่านภาษาไทยรู้เรื่อง) ที่แปลไทยเป็นอังกฤษ แล้ว จนท แก้ภาษาอังกฤษของเจ้าของภาษาให้กลายเป็นผิด grammar ไปเลย   ที่เรารู้เพราะเมื่อก่อนเรากับฝรึ่งทำงานที่เดียวกันช่วยกัน edit ตรวจแก้คำแปลไทยเป็นอังกฤษ และบางทีฝรั่งก้อแปลพวกจดหมายจากที่ว่าการอำเภอจากไทยเป็นอังกฤษ แล้วโดน จนท แก้มาบอกผิด grammar บ่อยๆ ทำให้พวกเราได้ต้องมีเรื่องจี้เส้นกันในที่ทำงาน... คือหลังจากปราบโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่สอนและแปลเอกสารให้ผู้หญิงบาร์จนโรงเรียนพวกนั้นหมดอาชีพแปลเอกสารไปแล้ว (เพราะโดนตีกลับผิด grammar หมด) จนท ภูมิใจ จนถึงขั้นที่เรียกว่า They overreached themselves!  เลยบางทีแก้ไม่ดูตาม้าตาเรือ... บางทีจะเอาตรงตัวเด๊ะๆให้ได้ ยกตัวอย่างเช่นคำแปลของเรา ใน คคห 3 "คู่สมรส" เราแปลเป็น "the applicants" เพราะเป็นคู่ที่่ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรส ซึ่งมันดีกว่าแปลตรงๆตัวว่า "marriage partners" (อย่างที่ จนท แก้มา) เพราะจริงๆแล้วพวกเขายังไม่ได้แต่งงานกัน แค่กำลังยื่นขอจดทะเบียนสมรส   โอเคเมื่อ จนท แก้มาเป็น marriage partners แต่ จนท ก้อมาพลาดอีกหลายๆจุด คือ 1. สอบปากคำ มาแก้เป็น interrogating มันเว่อร์ไป อันนี้เข้าข่ายเด็กหัดแปลใหม่ๆ  ซึ่งมักจะ "โดนภาษาไทยหลอกเอา ให้งง"   2. มาแก้ be fully competent to register marriage ให้เป็น  be fully quailified to register marriage ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตัว จนท เองไม่เข้าใจภาษาอังกฤษดีพอ จึงไม่รู้ว่ามันเขียนพลิกแพลงได้หลายอย่าง แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 54 21:19:42 แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 54 21:18:53 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 54 01:29:48

ความคิดเห็นที่ 11 มันน้ำลายหกเลยคุณ หมดดู ขอบคุณมากๆครับ สงสัยคนกรมกงศุลมาอ่านคงจับไข้ไปหลายรายแล้วแหงเลย (ไม่ได้เขียนให้สะใจ แต่เป็นแค่สมมติฐานพื่้นๆ และมีโอกาสเป็นไปได้สูง) จากคุณ : คนใต้กำมะลอ เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 54 17:58:45 A:110.169.26.157 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 12 ^ เมื่อคืนพยายามแก้ไขข้อความที่พิมพ์ผิดแต่ระบบ pantip เสีย เลยแก้ไม่ได้ เพิ่งแก้ไขเมื่อกี้่นี้เอง ส่วนเรื่องที่คุณพูดว่า "สงสัยคนกรมกงศุลมาอ่านคงจับไข้ไปหลายรายแล้วแหงเลย" เราคิดว่า "ไม่นะ" เพราะเห็น คุณออมซิลล่า ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนจากกรมการกงสุลมาให้ gift คุณ specto (ซึ่งอาจจะเป็น จนท กรมการกงสุลด้วยกัน) ในคคห 8 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวก จนท ไม่เคยดูข้อพกพร่องของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การใช้อำนาจโดยทางมิชอบ เที่ยวตีกลับเอกสารชาวบ้าน ทั้งๆที่ตัว จนท เอง ผิดเต็มประตู" แต่สิ่งที่เราอยากเห็นก้อคือ ให้นักแปล และร้านแปลทุกคน และทุกแห่ง เก็บสะสมงานแปลที่โดน จนท กรมการกงสุลตีกลับ ที่คิดว่า จนท กรมการกงสุลผิดเต็มประตู เอาไว้เป็นหลักฐาน ยิ่งเอามีตีพิมพ์เผยแพร่ก้อยิ่งดี  ทั้งนี้ เพื่อ 1. นำมาใช้ในการเรียนการสอนการแปลในระดับปริญญาโท 2. นำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบ การปรับเปลื่ยนกฎระเบียบว่าด้วยการทำงานของ จนท ของรัฐ เพื่อความ ยุติธรรมและความโปร่งใส จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 54 21:36:53

ความคิดเห็นที่ 13 Another big applause to another real guru of translation (to me)! กระนั้น ผมไม่เข้าใจ rationale ของการร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหาปลายเหตุอย่างเช่น "และวันนั้นร้านแปลแถวๆ ถ.วิทยุ กับ ถ.เพลินจิต จะโทรหากันนัดกันให้ทุกร้านตั่งใจเขียนอังกฤษผิด grammar ตาม จนท คือเขียนเป็น It is appeared that... เพื่อป้องกันการโดนตีกลับ" นั่นหมายถึงว่า หากเขามีอำนาจ เราเขียนถูก เขาสั่งให้เราเขียนผิด (แต่ไม่ยอมเซ็นชื่อ หรือออกเอกสารกำกับ ว่าตนเป็นคนสั่ง) และยังมีตราประทับประเภท "การแปลที่ผิดผลาดเป็นความรับผิดชอบของผู้แปลและเจ้าของเอกสารนั้นๆ" แล้วเราซึ่งรู้ภาษาอังกฤษดี ยังต้องไปเขียนผิดๆ ตามคนพันธุ์นี้ด้วยหรือครับ สำหรับผม ผมไม่อยากแน่ หากจะให้แก้ กรุณาเซ็นชื่อคนที่บอกให้แก้มาด้วย จะได้เป็นหลักฐานมัดตัวว่า เอกสารที่แปลดีแปลถูกแล้ว ยังต้องผ่านการพิจารณาแบบไร้ความรับผิดชอบให้กลายเป็นของเสีย ทางเจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ผมถือว่าบรรทัดฐานก็ต้องเป็นบรรทัดฐาน พวกลัทธิตามใจฉัน มันไม่เคยปรากฏในคอนเซ็ปต์ผม ถ้าความเห็นของผมแรงส์์์์์์์์แรงไปนิด ก็กรุณาให้อภัยกันด้วยนะครับ จากคุณ : คนใต้กำมะลอ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 54 02:56:19 A:110.169.77.159 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 14 ขอเคลียร์นิดหนึ่งนะครับ เดี่ยวคนเข้าจะเข้าใจผิด Another big applause to another real guru of translation อันนี้หมายถึงคุณ Fortunerunner นะครับ (to me หมายถึงในสายตาหรือความเห็นของผม)! จากคุณ : คนใต้กำมะลอ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 54 02:57:59 A:110.169.77.159 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 15 ในรอบ 10 กว่าปี คงเกือบๆ 20 ปี เราเคยเดินเข้าๆออกๆร้านแปลเอกสาร เพราะรับงานแปลจากพวกเขา ก้อเลยเห็นตัวอย่างเอกสารโดนตีกลับค่อนข้างมาก แต่ตอนนี้โชคดีที่ไม่ค่อยได้แปลงานไปให้ จนท กรมการกงสุลรับรอง เพราะส่วนใหญ่แปลหนังสือให้ สนพ กับ แปลงานให้ลูกค้าประเภทไม่ต้องไปรับรองที่ กรมการกงสุล คือพวกงานโฆษณาสินค้า หรืองานวิทยานิพนธ์ภาษาอังกฤษ อะไรทำนองนั้น แต่นี่ก้อยังคิดจะกลับไปรับงานแปลหนังสือราชการใหม่อีกเพราะเป็นงานที่ตัวเองถนัดมากที่สุด แต่ก้อเสียวๆกลัวต้องมาปวดหัวกับการยื่นเอกสารให้กรมการกงสุลรับรองอีก  เพราะกลัวมีปัญหา คือตามที่เล่ามาแล้วใน คคห 3 ที่ว่า มีลูกค้าเอา dictionary ไปเปิดให้ จนท กรมการกงสุลดูเพื่อพิสูจน์ว่า คำว่า Sri Lankan มีจริงๆใน dictionary ไม่ใช่ไม่มีตามที่ จนท กล่าวหาในการตีกลับเอกสาร ผลปรากฎว่านักแปลคนที่เซ็นชื่อในเอกสารที่โดนตีกลับ คราวต่อไปแปลอะไรไปยื่นก้อโดน จนท คนนั้นตีกลับหมด จนร้อนถึงเจ้าของบริษัทต้องไปจัดงานเลี้ยงเพื่อพินอบพิเทา จนท...!!! แต่จะยังไงก้อตามกรณีการโดน จนท กรมการกงสุลตีกลับไม่ยอมรับรองเอกสารให้นักแปล ซึ่งเป็นรายที่จี้เส้นที่สุด คือรายนี้ จะเล่าให้ฟัง เป็น คำพูดของเจ้าของร้านแปลแห่งหนึ่งใน ถ. เพลินจิตที่เล่าให้เราฟัง เรื่องมันเป็นงี้ (คำว่า “ป้า” คือเจ้าของร้านเรียกตัวเอง) เรื่องมันเดินแบบนี้ (เป็นเรื่องจริง) เมื่อประมาณกลางๆสัปดาห์ที่แล้ว (แต่เรื่องจริงมันนานกว่านี้) มีผู้หญิงผู้ชายฝรั่งคู่หนึ่งเดินเข้ามาในร้านป้า แล้วก้อจะทำเรื่องแต่งงานกันในเมืองไทย กะจะจดทะเบียนสมรสในไทย วันส่งตัวเจ้าสาวเข้าเรือนหอจะมีขบวนแห่แล้วมีการถ่ายทำบันทึกเหตุการณ์ลง video ก่อนจะไป honeymoon กันที่ไหนซักแห่ง   พอลูกค้าเอาเอกสารให้แปลคือ affidavit จากสถานทูตประเทศของผู้ชายรับรองว่าเป็นโสด มีฐานะการเงินโอเค บล๊าบๆๆ....รวมทั้งเอกสารต่างๆจากทั้งสองคนที่จะต้องแปล  ก้อคุยกันตกลงกันเป็นมั่นเหมาะว่าวันจันทร์จะได้คำแปลที่ได้รับการรับรองและพร้อมที่จะไปจดทะเบียนสมรสกัน ณ ที่ว่าการอำเภอแห่งที่เราให้เด็กของเราพาลูกค้าไปจดทะเบียนสมรสบ่อยๆที่คุณรู้นั่นแหละ   แต่ก่อนออกจากร้านผู้ชายฝรั่งพูดกับป้าเชิงขู่ติดตลกว่า “Remember that I must get married on Monday.  If you don’t have all the documents ready, I’ll smash up your shop, ha, ha, ha!” ป้าก้อคิดว่า “ไม่น่ามีทางพลาดได้” ก้อยิ้มๆแล้วตอบไปว่า “OK” และแล้วเหตุการณ์อันน่าระทึกใจก้อเกิดขึ้น คุณรู้ไหมว่าเวลาที่พวกเราแปลวันเดือนปีกันน่ะ ถ้าของฝรั่งเป็นตัวเลข เราก้อแปลเป็นตัวเลขตามนั้น เพียงแต่ต้องระวังว่าเอกสารมันมาจากประเทศไหน   ยกตัวอย่างเช่น 27-04-2009 จากอังกฤษ เราก้อแปลเป็นไทย  27-04-2552 หรือถ้าแปล 04-27-2009 จากอเมริกา เราก้อแปลเป็นไทย  27-04-2552  นักแปลของป้าก้อแปลไปแบบนั้นนั่นแหละ และแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันก้อคือ “คำแปลของเราโดน จนท กรมการกงสุลตีกลับมา แล้วแก้เป็น 27 เมษายน 2552....!!!” พอเอกสารเราโดนตีกลับ เรายื่นใหม่ไม่ทันซะแล้ว มันเป็นวันจันทร์ ตามที่นัดกับฝรั่งไว้  และแล้วขบวนแห่ของพวกเขาพร้อมด้วยตากล้อง video ก้อมาถึงร้านป้า...ป้าใจไม่ดี ตกใจมากๆ ไม่รู้ว่าจะทำไงดี หันไปมองหน้าลูกน้องตัวเองทุกคน  แล้วต่างก้อสบตากัน ต่างก้อทำหน้าจ๋อยๆซีดๆกันทุกคน...พูดอะไรไม่ออก...ไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร  คุณรู้ไหมว่าป้าทำยังไง (และแล้วป้าก้อหยุดไปยาวให้เรากระเหี้ยนกระหือรืออยากจะรู้ซะเต็มที่....555+++...) ..... (เล่าต่อ) ป้าก้อเลยโทรไปที่ที่ว่าการอำเภอ (ไม่ระบุชื่อ อ่านๆไป แล้วจะรู้ว่าเพราะอะไร)  ป้าพูดกับนายอำเภอว่า “วันนี้จะพาฝรั่งคู่หนึ่งมาจดทะเบียนสมรส เอกสารยังไม่พร้อมทุกใบ แต่มีความจำเป็นต้องจดทะเบียนสมรสเร่งด่วนมากๆจริงๆ ขอความกรุณาอนุโลมให้พวกเขาจดทะเบียนสมรสไปก่อนในวันนี้ แล้วทางเราจะหาเอกสารที่ได้รับการรับรองจากกรมการกงสุลมายื่นให้ในวันหลัง....(แล้วพูดข้อความที่รู้ๆกัน นั่นก้อคือ “มีเงินยัดใส่ซองให้เพื่อเป็นการตอบแทน)   แล้วป้าก้อให้เด็กพาฝรั่งไปจดทะเบียน โหวันนั้นรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด หัวใจแทบจะวายตายแน่ะ....555+++...แต่แหมมันมีหลักการอะไรหรือกฎระเบียบอะไรในเรื่องการแปลวันที่ ทำไมไม่เขียนเป็นกฎให้รู้ๆกันจะๆล่ะ ทำไมถึงอยู่ดีๆก้อตีกลับเอกสารมาแบบฟ้าผ่าแบบนี้...แย่จังเลย...!!!?? ^ เรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องจริงไม่ใช่อิงนิยาย ถามว่า ความเป็น จนท ของคุณที่ลงนามประทับตราซะหรูเลยว่า Diplomatic Officer ให้อำนาจอะไรแก่คุณที่คุณจะมาเที่ยวตีกลับเอกสารชาวบ้านแบบนี้...คราวนี้มันไม่ใช่การแสดงภูมิความรู้ภาษาอังกฤษซะแล้ว แต่มันเป็นกรณีของ “การใช้อำนาจโดยมิชอบ” ซึ่งไม่สมควรที่จะยังมีหลงๆเหลือๆอยู่ในระบบหน่วยงานไทย  ประเทศที่เจริญแล้วไม่มีใครเขาทำอะไรป่าเถื่อนแบบนี้กันหรอก...!!!?? ดังนั้น ก้ออย่างที่เขียนไว้ใน คคห 12 นั่นแหละว่า อยากสนับสนุนว่าให้นักแปล และร้านแปลทุกคน และทุกแห่ง เก็บ (scan ไว้) สะสม งานแปลที่โดน จนท กรมการกงสุลตีกลับ ที่คิดว่า จนท กรมการกงสุลผิดเต็มประตู เอาไว้เป็นหลักฐาน ยิ่งเอามาตีพิมพ์เผยแพร่ก้อยิ่งดี  ทั้งนี้ เพื่อ 1. นำมาใช้ในการเรียนการสอนการแปลในระดับปริญญาโท 2. นำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบ การปรับเปลื่ยนกฎระเบียบว่าด้วยการทำงานของ จนท ของรัฐ เพื่อความ ยุติธรรมและความโปร่งใส แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 54 06:20:14 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 54 06:12:49

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นด้วย เห็นด้วยมั็กๆ ผมเทิดทูนความถุกต้อง โปร่งใส มีหลักการอันเป็นสากล ที่จริงก็มีคนรู้จักเป็นถึงรองอธิบดีกรมหนึ่งในกระทรวงบัวแก้วนี้เหมือนกัน พี่ท่านเรียนมา 5 ภาษา แต่ยังไม่ได้มีโอกาสถามท่านถึงปัญหาดังกล่าว เดียวไปอบรมการแปลและล่ามกับท่านคราวหน้า จะไม่ลืมยกกระทู้นี้ไปถามไปอันขาด จากคุณ : คนใต้กำมะลอ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 54 18:07:17 A:110.169.28.239 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ fortuneteller พูดถูกค่ะ เี่ราทำงานในนั้น เพิ่งเข้ามาทำงานได้เกือบสองเดือนแล้วค่ะ แต่เป็นแค่เจ้าหน้าที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์บ้าง เวียนๆทำงานในห้องรับเรื่องบ้าง แต่คุณ specto นี่ไม่ทราบนะ ว่าทำงานในนั้นด้วยรึเปล่า เท่าที่เรารู้นะคะ เอกสารแปลชิ้นไหนจะถูกแก้มากแก้น้อย ก็ขึ้นอยู่กับคนตรวจเอกสารแต่ละคนด้วย เราเองก็เก็บสะสมความรู้ภาษาอังกฤษจากคุณ fortuneteller ที่เขียนๆไว้ในห้องนี้มาเรื่อยๆ เพราะกำลังเรียนการแปลอยู่ จริงๆก็อยากอ่านเอกสารแปลที่เค้ามายื่นๆกันเหมือนกันนะ แต่ไม่มีเวลาจะอ่าน เพราะเอกสารแต่ละวันเยอะมาก กว่าจะเคลียร์เสร็จก็แทบสลบ แต่ท่าทางคุณ fortuneteller จะอัดอั้นกับกองสัญชาติมากพอดู ดูจากสำนวนที่เขียน ส่วนเราไม่ได้เข้าข้างใคร เราก็มองในมุมของเรา ข้อเสียในกองฯ นี้เราก็เห็นเยอะแยะ แต่พูดมากไม่ได้ พูดไปก็เท่าันั้นแหละ คุณ fortuneteller มีอะไรก็เล่ามาอีกเยอะๆละกัน เี่ราเองก็อยากฟัง รวมถึงความเห็นของอีกหลายๆคนด้วยค่ะ โดยเฉพาะคนที่เพิ่งไปยื่นเอกสารเมื่อเร็วๆนี้ แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 54 22:10:05 จากคุณ : ออมซิลล่า เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 54 22:09:37

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าจะพูดกันตามความจริงแล้วนะ ต้องยอมรับว่า จนท ที่ตรวจคำแปลสมัยนี้เก่งกว่าสมัยก่อนมากๆ เข้าใจว่าทางหน่วยงานรับเด็กรุ่นหลังๆที่มีความรู้ด้านภาษาเข้ามา ไม่เหมือนคนรุ่นก่อนๆที่ทำงานไต่เต้ามาแล้วเช้าชามเย็นชามไม่เคยศึกษาหาความรู้อะไรใหม่ๆ (เหมือนกับรายที่ (ไม่ทันเหตุการณ์ของโลก) ตีกลับคำแปลมาแล้วดันบอกว่าคำว่า Sri Lankan ไม่มีในภาษาอังกฤษ เอาซะเฉยๆ (ทั้งๆที่มันมี) นั่นแหละ) แต่ตัวปัญหาที่แท้จริง มันก้อคือ "ระบบหน่วยงานของรัฐแบบไทยๆ" นั่นก้อคือตั้งแต่กฎระเบียบ การถือปฏิบัติ ไปจนถึงการมีกรณีพิพาทกับมีคดีความกันระหว่างประชาชนธรรมดาๆกับรัฐ หรือ จนท ของรัฐ ระบอบประชาธิปไตยของไทยมันยังไม่เต็มใบ ส่วนใหญ่ทำไง ทำไงรัฐ หรือ จนท ของรัฐก้อชนะเสมอ มันไม่เหมือนสิ่งที่เราเรียนรู้จากการที่เมื่อเร็วๆนี้เราช่วยนักศึกษาที่เรียนมหาลัยต่างประเทศทำ research papers ด้านกฎหมายและกระบวนยุติธรรมในประเทศอเมริกา  มีคดีตัวอย่างระหว่างประชาชนธรรมดาๆกับรัฐมากมาย ที่ประชาชนธรรมดาๆไปฟ้องศาลว่าเขาถูกละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลภายใต้รัฐธรรมนูญ อันมีผลมาจากกฎหมายลูกที่อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ กฎระเบียบ คำสั่ง หรือกระทำของ รัฐหรือ จนท ของรัฐ ศาลสูงสหรัฐให้ความสำคัญกับสิทธิส่วนบุคคลมากๆ จะเปิดรัฐธรรมนูญตีความกันเลย และบ่อยครั้งที่ศาลสูงสหรัฐจะออกคำสั่งยกเลิกแม้กระทั่งกฎหมายที่รัฐออกมา ยกเลิกคำสั่งรัฐหรือ จนท รัฐ หรือศาลสูงสหรัฐจะออกคำสั่งไม่ให้รัฐหรือ จนท ของรัฐ ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส (คือคดีอะไรๆรัฐก้อชนะหมด) จึงไม่มี การที่รัฐ หรือ จนท ของรัฐ รังแกประชาชนเพราะใช้อำนาจในทางมิชอบ จึงไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆในสหรัฐ การที่ประเทศสหรัฐมีประชาธิปไตยเต็มใบได้แบบนี้ มันเป็นเพราะรัฐธรรมนูญของสหรัฐสั้นที่สุดและมีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดในโลก ซึ่งบังคับใช้กับทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้นอีกด้วย  อีกทั้งเขามีระบบ check and balance ซึ่งเป็นการตรวจสอบเพื่อคานอำนาจซึ่งกันและกันระหว่าง executive, judicial and legislative branch (ฝ่ายบริหาร ตุลาการ และนิติบัญญ้ติ) นั่นก้อหมายความว่าศาลสูงสหรัฐกล้าตัดสินให้รัฐแพ้คดีได้บ่อยๆ (ตัดสินให้ประธานาธิปดีแพ้คดีก้อยังได้) เนื่องจากผู้นำรัฐบาลสหรัฐไม่สามารถใช้อำนาจกดดันศาลได้...แต่ในประเทศที่ด้อยพัฒนาด้านประชาธิปไตย สิ่งเหล่านี้คงเป็นไปไม่ได้... ประเทศใดก้อตามที่รัฐบาลพลเรีอนไม่สามารถสั่งการทหารได้ (เพราะสั่งมากเดี๋ยวโดนทหารปฎิว้ติ) ที่ปกครองด้วยประชาธิปไตยโดยมีทหารถืออาวุธสงครามคอยสนับสนุนรัฐบาลอยู่ กลไกมันก้อจะเป็นไปในลักษณะที่ รัฐ หรือ จนท ของรัฐ ก้อจะยังมีอำนาจปกครองเหนือประชาชนธรรมดาๆ อยู่ตลอดไป ถึงแม้ว่า จนท จะใช้อำนาจในทางมิชอบ (อาจด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ หรืออวดรู้ อวดเบ่ง ก้อตาม) ...คือถ้าสายงานถูกกำหนดตัวมาว่า จนท ไหน เป็นเด็กเส้นของใคร ความโปร่งใส 100% ตงเกิดขึ้นได้ยาก  จริงๆแล้วทุกครั้งที่เปลี่ยนรัฐบาล ก้อเห็นมีการเปลี่ยนตัว จนท โดยเฉพาะอย่างยิ่งระด้บหัวหน้า กันบ่อยๆ...ซึ่งหัวหน้าใหม่พอเข้ามาก้อจะแสดงออกต่างๆกันว่า "เขาชอบหรือไม่ชอบคำศัพท์ตัวไหน" ทั้งๆที่จริงๆแล้วการแปล ถ้าแปลถูกต้องตามหลักวิชาการแปล นักแปลควรมีอิสระที่จะใช้คำศัพท์หรือรูปประโยคพลิกแพลงยังไงก้อได้ (ตราบเท่าที่เขาแปลถูกต้องและครบถ้วน) ไม่ใช่แปลให้ จนท ชอบโดยเป็นการส่วนตัว สิ่งที่มันจะทำให้ดีขึ้นได้ในขณะนี้ มันก้อคงจะต้องเป็นตัว จนท เองนั่นแหละ ที่จะต้องทำตัวให้เป็นคนมีจิตใจเป็นธรรม และให้บริการ ให้ความสะดวกแก่ประชาชนซะบ้าง จริงๆแล้วช่วงหลังๆนี้เราไม่ค่อยได้แปลหนังสือราชการไปยื่นให้กรมการกงศุลบ่อยๆหรอก เพราะไม่ทำงานแปลให้บริษัทแปลแล้ว แล้วก้อยังคิดด้วยซ้ำไปว่า จนท รุ่นใหม่ๆ คงหัวทันสมัย ไม่มีเรื่องวุ่นๆเหมือนเมื่อสมัยก่อน แต่พอมีคนมาบ่นว่าเจอเรื่องยุ่งๆ เราก้อยังคิดแปลกใจเลยว่า "เอ๋ยังมีเรื่องแบบงี้ด้วยอีกหรือในสมัยนี้" ก้อเลยเล่าให้ฟังถึงว่าเหตุการณ์มันพัฒนาการมายังไง ตั้งแต่อดีต... แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 54 18:10:29 แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 54 18:09:43 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 18:01:28

ความคิดเห็นที่ 19 รับทราบจ้า จากคุณ : ออมซิลล่า เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 21:45:47

ความคิดเห็นที่ 20 เรียนถามคุณ ออมซิลล่า ด้วยความเคารพนะครับ ขอทราบข้อกฏหมายอันเป็นลายลักษณ์อักษรที่ให้อำนาจผู้ตรวจแก้ภาษาในเอกสารฉบับแปล ว่ามันมีอยู่ในกฏกระทรวง พระราชบัญญัติ ระเบียบ ข้อไหน ฉบับไหน เพราะในตราประทับจากหน่วยงานนี้ มีแต่คำว่า SEEN ไม่เห็นว่ามีคำว่า and Correct(ed) translation เสียหน่อย กล่าวคือเจ้าหน้าที่ไม่เคย "กล้า" ประทับตราหรือเซ็นว่าตัวเองเป็นผู้ให้มีการแก้ไขคำแปลนั้นเลย อย่างนี้เขาเรียกว่ามีความรับผิดชอบหรือเปล่า สั่งแต่วาจา ไร้หลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วจะถือว่านี่คือการใช้อำนาจโดยมิชอบหรือเปล่าครับ จากคุณ : คนใต้กำมะลอ เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 00:51:33 A:110.169.73.194 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 21 คุณคนใต้กำมะลอ ขอโทษทีนะคะตอบช้าไปหน่อย เพิ่งเข้ามาดูวันนี้เอง เรื่องกฎหมา่ยเกี่ยวกับการตรวจแก้คำแปลนี่ เท่าที่เราทราบยังไม่เห็นนะคะ เราคิดว่าคงไม่มีด้วยซ้ำ เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะออกสติ๊กเีกอร์ seen ให้ทำไม อย่างที่บอกอะค่ะ คนตรวจแต่ละคนไม่เหมือนกัน การใช้ภาษาของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนเขาก็ไม่ได้แก้อะไรมาก ดูว่าภาษาโอเค ข้อความและตัวเลข อย่างเช่น วันเดือนปี ในฉบับแปลกับต้นฉบับไม่ผิดเขาก็ให้ผ่าน บางคนไม่ค่อยถูกกับร้านแปลก็มี เคยได้ยินเขาถามๆเจ้าหน้าที่จ่ายงานเหมือนกันว่างานนี้ใครแปล ถ้าผู้ร้องแปลเองเขาจะให้ผ่าน ถ้าร้านแปลแปลเขาจะไม่ให้ผ่าน - -'' ก็ว่ากันไป ถ้าในมุมมองของเรา จะมองว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบก็ไม่เชิง มันเป็นหน้าที่ของเขาที่ได้รับจากเบื้องบนอีกที จริงๆมันก็ไม่ใช่หน้าที่ของเขาโดยตรงนะ เพราะคนรับผิดชอบคำแปลก็คือคนแปล ที่ต้องเซ็น Certified Correct Translation กำกับ ถ้าเราเป็นคนตรวจเราคงดูแค่ข้อความหลักๆ ให้ตรงกับเอกสาร ถ้ามันไม่แย่เกินไปนักก็คงไม่แก้ เพราะภาษามันพลิกแพลงได้อยู่แล้ว คุณลองทิ้ง comment หรือเขียนสิ่งที่คุณสงสัยมาไว้ก็ได้ ลิสต์มาเป็นข้อๆ นะคะ บางอย่างเราก็อยากรู้เท่าๆกับคุณ หลังไมค์มาก็ได้ ว่าแต่คุณรับแปลส่วนตัวหรือเปิดร้านแปลคะ จากคุณ : ออมซิลล่า เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 17:36:13

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่เป็นไรครับ อย่างไรคุณก็ตอบผมแล้ว ก็ต้องขอบคุณมากครับ แต่ทำไมต้องหลังไมค์ด้วยหละครับ จากคุณ : คนใต้กำมะลอ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 01:05:34 A:110.169.76.14 X: TicketID:301976