ความคิดเห็นที่ 1 เพิ่งเข้ามาเหมือนกัน จะช่วยตอบนะครับ 1.(ขอรวมเรื่องเมืองพม่าต่างๆอธิบายไปเลยที่เดียวนะครับแต่จะขอจบแค่ช่วงหงสาวดีเพราะถ้าอธิบายถึงเนปีดอคิดว่าคงยาวมากเกินไป)พระเจ้านันทบุเรงยังปกครองหงสาวดีอยู่ครับ ต่อมาเมื่อสมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปตีหงสาวดีใน พ.ศ.2138 เสด็จไปล้อมอยู่ 3 เดือน เมื่อทรงทราบว่าทัพพระเจ้าตองอู พระเจ้าแปรจะยกมาหนุน พระองค์จึงถอนทัพกลับ ช่วงนั้นตะโดธรรมราชา(พระเจ้าแปร-เป็นโอรสของนันทบุเรง)ได้ทีจึงไม่ยกมาหงสาไปตีเมืองตองอูแทน แต่ไม่สำเร็จจึงยกทัพไปตีหัวเมืองอื่นๆแล้วแข็งเมืองต่อหงสาวดี แถมตอนนั้นในหงสาเองก็เกิดภัยธรรมชาติ(จากหนูและหมาบ้า) พระมหาอุปราชาเมงเยจอสวา(ไม่ใช่องค์ที่ทำยุทธหัตถีนะครับ)ก็กักตุนสินค้าขายประชาชนในราคาแพงอีกด้วย พระเจ้านันทบุเรงก็พยายามให้หัวเมืองต่างๆส่งเจ้านายมาเป็นตัวประกันที่หงสา แต่ก็น้อยเมืองที่ส่งไป ด้วยความไม่พอใจทำให้พระเจ้าตองอูแข็งเมืองไปผูกมิตรกับยะไข่ร่วมกันตีหงสาวดีสุดท้ายพระเจ้านันทบุเรงต้องยอมแพ้โดนคุมไปเป็นเชลยอยู่ที่ตองอู ข้างสมเด็จพระนเรศวรทรงทราบพระเจ้าตองอูจึงถอยกลับเมืองตนเองทิ้งหงสาให้พวกยะไข่ พวกนี้ก็ขนสมบัติจนไม่เหลือจากนั้นก็เผาทั้งเมืองจนวอดวายหมดไม่เหลือซากก่อนพระนเรศวรจะยกมาถึง หงสาวดีก็ล่มสลายแต่บัดนั้น ส่วนพระเจ้านันทบุเรงไปอยู่ที่ตองอูก็ถูกนัดจินหน่องโอรสพระเจ้าตองอูลอบปลงพระชนม์ ต่อมาเจ้าพม่าเชื้อสายบุเรงนองก็ไปตั้งฐานอำนาจอยู่ที่เมืองอังวะแล้วก็สามารถรวบรวมหัวเมืองต่างๆในพม่ากลับเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหนึ่ง 2. เข้าใจว่าอาจเสียหายบ้างแต่ไม่น่ามาก คงมีการบูรณะมาตลอด 3.เป็นธรรมดาครับที่พระมหากษัตริย์จะมีสนมหรือเจ้าจอมเป็นจำนวนมาก สำหรับพระนเรศวรนั้นเท่าทีมีหลักฐานพระองค์มีมเหสีประมาณ 3-4 องค์ ดังนี้       1.พระมณีรัตนา มีกล่าวในคำให้การขุนหลวงหาวัด(ฉบับหลวง)       2.เจ้าขรัวมณีจันทร์ มีกล่าวในจดหมายเหตุวันวลิต (บางคนเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับพระมณีรัตนา)       3.พระเอกกษัตรี ธิดาของพระศรีสุริโยพรรณ ทรงได้เมื่อพระองค์ตีเมืองละแวกได้       4.ธิดาของพระเจ้าเชียงใหม่นรธาเมงสอ ได้เมื่อเชียงใหม่ยอมขึ้นกับอยุธยา ส่วนพระโอรสมีกล่าวในพระราชพงศาวดารตอนหนึ่งเรียกว่า พระเจ้าลูกเธอพระมหาธรรมราชา แต่บางท่านก็สัณนิษฐานว่าเป็นพระโอรสของพระเอกาทศรถเนื่องจากพงศาวดารเรียกพระนเรศวรกับพระเอกาฯรวมๆว่าพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ บางท่านก็กล่าวไปขนาดว่าไม่ใช่พระโอรสแต่เป็นเจ้านายเขมรองค์หนึ่ง หลักฐานของสเปนก็กล่าวว่าได้เห็นพระโอรสของพระองค์ครับ ส่วนพระธิดานั้นไม่มีหลักฐาน ที่อธิบายนี่เป็นแค่ย่อๆ นะครับ เดี๋ยวค่อยมาต่อข้อ 4 (สามารถอธิบายถึงสาเหตุกับเหตุจูงใจรวมถึงสภาพการเมืองต่างๆถึงจะได้ภาพเหตุการณ์อย่างสมบูรณ์ ยาวมากครับต้องย้อนไปไกลทีเดียว)   แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 54 18:36:12 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 54 18:32:19 จากคุณ : ศรีสรรเพชญ์ (Slight06) เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 18:31:41

ความคิดเห็นที่ 2 เดิมทีสมัยโบราณนั้นพม่ากลางเป็นดินแดนของพวกชาติพันธุ์ปยุครับ พวกนี้ก็เหมือนภาคกลางของไทยครับ คือแตกเป็นนครรัฐเล็กๆเต็มไปหมด ชาวปยุคงจะรับอารยธรรมจากทางอินเดียผ่านเส้นทางการค้า และเจริญรุ่งเรืองด้่วยอารยธรรมขึ้นเป็นลำดับ แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่พัฒนากลายเป็นอาณาจักรหน่ะครับ (อารยธรรมของพวกปยุอยู่ในช่วงๆราวๆ สหัสวรรษแรกของคริสตกาลครับ) จนต่อมาเมื่อบรรพบุรุษของชาวพม่าอพยพลงมาจากที่ราบสูงทางทิเบตในราวๆ ศตวรรษที่ 8-9 ก็ค่อยๆรุกรานพวกปยุ และกลืนชาติพันธุ์ชาวปยุจนกลายเป็นพม่าเหมือนกันไปหมด ก่อให้เกิดนครรัฐของพม่าขึ้นมาเยอะแยะในพม่ากลางครับ ส่วนทางพม่าใต้หรือแถบๆปากแม่น้ำนั้น ก็เป็นที่อาศัยของพวกมอญครับ เป็นญาติๆกับมอญทวาราวดีนี่แล แต่อยู่กันคนละฟากของเทือกเขาตะนาวศรี และพัฒนาแยกสายกันไป พวกมอญในพม่าใต้ก็รับอารยธรรมและศาสนาอินเดียผ่านเส้นทางการค้าเหมือนกัน และเจริญรุ่งเรืองขึ้นเหมือนพวกปยุ จนตอนหลังเกิดอาณาจักรมอญที่เรืองอำนาจขึ้น เรามักจะเรียกว่าอาณาจักรมอญแห่งเมืองสะเทิม ครับ พวกมอญกับพม่าก็คงตีกันไปตีกันมาตามเรื่องเป็นปกติ จนถึงยุคหนึ่ง มีกษัตริย์หนุ่มของแคว้นพุกามได้รวบรวมเอานครรัฐพม่าทั้งหลายในพม่ากลางมาเป็นปึกแผ่นได้ครับ พระองค์มีพระนามว่าพระเจ้าอโนรธามังช่อ (ครองราชย์ในช่วงปี 1044-1077) และก็ขยายอำนาจลงมาทางใต้จนปราบอาณาจักรมอญที่สะเิทิมได้ราบคาบ ทางตะวันออกก็ขยายอำนาจไปสยบหัวเมืองไทใหญ่ทั้งหลายจนหมด สร้างจักรวรรดิพม่าที่ 1 ที่เรียกว่า จักรวรรดิพุกามขึ้นมาครับ จักรวรรดิพุกามก็ปกครองดินแดนส่วนใหญ่ของพม่าในปัจจุบันเรื่อยมา จนมาล่มสลายเอาเมื่อถูกกองทัพมองโกลเข้าทำลายครับ ทำให้เกิดสุญญากาศทางอำนาจขึ้นมาในพม่า ในช่วงหลังจากสิ้นจักรวรรดิพุกามนั้น พวกไทใหญ่ก็เรืองอำนาจขึ้นมาครับ และเข้ามาอาศัยกัีนมากมายในดินแดนพม่ากลาง รวมถึงพวกมอญที่กลับมาแตกเป็นนครรัฐอีกรอบรบแย่งอำนาจกันอุตหลุต และก็มีนครรัฐของขุนศึกพม่าที่ตั้งตนเป็นอิสระอีกมากมาย จนมาถึงราวๆปี 1364 ก็มีเจ้าพม่าที่เมืองอังวะ ได้อ้างตนว่าสืบเชื้อสายมาแต่พุกาม และหวังจะสร้างจักรวรรดิใหม่ขึ้นมาครับ ด้วยความเข้มแข็งของอังวะ ทำให้สามารถสยบนครรัฐพม่าคู่แข่งต่างๆได้ และกลายเป็นหัวหน้าหรือผู้นำนครรัฐพม่าทั้งปวง (อังวะกับไทใหญ่ถือว่าใกล้ชิดกันมากครับ เพราะอังวะต้องอาศัยอำนาจของพวกไทใหญ่ในการหนุนหลัง กษัตริย์อังวะมักจะต้องมีมเหสีเป็นลูกสาวเจ้าฟ้าไทใหญ่เสมอๆ เพื่อดำรงซึ่งความสัมพันธ์) ส่วนทางพม่าใต้ พระเจ้าฟ้ารั่วหรือมะกะโท ก็รวบรวมหัวเมืองมอญแถบเมาะตะมะ ก่อตั้งอาณาจักรมอญขึ้นมาเช่นกันครับ ก่อนที่ในยุคหลังจะย้ายเมืองหลวงจากเมาะตะมะไปหงสาวดี และกลายเป็นอาณาจักรมอญหงสาวดีไป แต่นั้นมา หัวเมืองพม่าที่มีอังวะเป็นหัีวหน้า กับหัวเมืองมอญที่มีพระเจ้าหงสาวดีเป็นหัวหน้าก็ตีกันประจำเพื่อแย่งชิงอำนาจเหนือหัีวเมืองต่างๆครับ จนเป็นที่มาของตำนานศึกระหว่างพระเจ้าราชาธิราชและพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องนั้นแล ในช่วงปลายรัชกาลของพระเจ้าราชาธิืราช หลังจากเสร็จศึกมังมหานรธาแล้ว ทางอังวะและหงสาวดีก็พักรบกันไปพักหนึ่งครับ สองฝ่ายเลยสงบกันไปได้สักครู่ ทางด้านอังวะ พอสิ้นพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง ก็เริ่มเสื่อมอำนาจลงครับ เพราะหัวเมืองไทใหญ่เริ่มตีจาก (ให้ผมเดาเพราะว่าตอนนั้นทางล้านนาในสมัยพระเจ้าติโลกราชกำลังรุ่งเรืองมากครับ ทำให้พวกไทใหญ่เริ่มตีจากอังวะ) อำนาจที่เคยอยู่เหนือหัวเมืองพม่าทั้งปวงก็อ่อนแอลง จนเกิดนครรัฐยุคใหม่ขึ้นมาแข่งอำนาจ 2 แห่งได้แก่ เมืองแปร และเมืองตองอูครับ แปรนี่อยู่ทางใต้ใกล้่พวกมอญมาก ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เป็นมอญปนพม่า และเนื่องจากอยู่บนเส้นทางการค้าจึงมั่งคั่งและรุ่งเรืองด้วยอารยธรรมมาก ส่วนตองอูตั้งอยู่ลึกไปทางตะวันออก ใกล้พวกไทใหญ่ มีเจ้าเมืองคนแรกคือพระเจ้าเมงกะยินโย เนื่องจากเมงกะยินโยนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นนักรบครับ ทำให้มีคนดีมีฝีมือมาสวามิภักดิ์จำนวนมาก ตองอูเลยกลายเป็นเมืองนักรบไป พอเมงกะยินโยตาย ลูกชายคือมังตรา หรือเมงตะยา ก็ขึ้นครองราชสมบัติแทน และขยายอำนาจของตองอูไปปราบทั้งแปรและอังวะจนราบคาบ รวมหัวเมืองพม่ามาได้อีกรอบ ก่อนจะขยายอำนาจลงมาปราบพวกมอญที่หงสาวดีและเมาะตะมะเอาไว้ได้ในอำนาจครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 18:56:45

ความคิดเห็นที่ 3 4. ต้องย้อนไปถึงสมัยพระเจ้าปราสาททองสักหน่อย(อาจได้การเปลี่ยนราชวงศ์พระร่วงเป็นราชวงศ์ปราสาททองด้วย) ก่อนพระเจ้าปราสาททองจะครองราชย์ พระองค์เป็นขุนนางมาก่อนและได้บัลลังก์จากการก่อรัฐประหารล่มกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วง(พระเชษฐาธิราช)โดยอ้างว่าพระองค์ถูกปองร้ายก่อนจากนั้นพระองค์ก็ได้เป็นผู้สำเร็จราชการมีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินโดยมีพระอาทิตยวงศ์เป็นหุ่นเชิด ไม่นานก็ร่วมมือกับขุนนางอื่นๆเชิญพระอาทิตยวงศ์ลงจากราชสมบัติ พระเจ้าปราสาททองได้ครองราชย์เป็นการสิ้นสุดราชวงศ์พระร่วงเท่านี้    จากนี้จะอธิบายเหตุที่นำไปสู่การเปลี่ยนราชวงศ์อีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าปราสาททองทรงเล็งเห็นว่าหากขุนนางมีอำนาจมากเกินไปก็สามารถควบคุมจนถึงล้มเจ้าได้(เหมือนที่พระองค์ทำมาแล้ว) พระองค์จึงพยายามลดอำนาจของขุนนางลงด้วยวิธีเก็บภาษีมรดก 1 ใน 3 จากขุนนางบ้าง ทรงเปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่ขุนนางบ่อยๆเพื่อไม่ให้เกิดความมั่นคง มีการประหารขุนนางหลายหนรวมถถึงขุนนางที่ช่วยให้พระองค์ได้ครองราชย์ ที่สำคัญคือให้ชาวต่างชาติเข้ามารับราชการในระบบราชการมากขึ้นเพื่อคานอำนาจกับขุนนางส่วนกลาง    ขุนนางพยายามจะกลับมามีอำนาจอีกหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าปราสาททอง เมื่อพระศรีสุธรรมราชาได้ราชสมบัติมีขุนนางส่วนกลางอยู่ข้างพระองค์มาก(กล่าวกันว่าพระองค์ค่อนข้างอ่อนแอเหตุนี้จึงทำให้ขุนนางสามารถควบคุมพระองค์ได้ง่าย) จนกระทั่งเกิดการแตกหักระหว่างพระองค์กับพระนารายณ์ซึ่งใช้กำลังที่มีชาวต่างชาติอยู่ด้วยมากก่อการกบฎล้มบัลลังก์พระศรีสุธรรมราชาลงได้     พระนารายณ์ยังคงยึดตามนโยบายของพระเข้าปราสาททอง เพิ่มอำนาจให้ชาวต่างชาติ ลิดรอนอำนาจขุนนางไทย จนแทบไม่มีขุนนางไทยยศสูงๆเลย ทรงมอบอำนาจให้กับคนที่พระองค์วางพระทัยเท่านั้น คนหนึ่งคือออกญาโกษาธิบดี(เหล็ก) ให้คุมการคลังกับต่างประเทศ ภายหลังจากท่านอสัญกรรมคนที่มีอำนาจต่อมาคือ คอนสแตนติน ฟอลคอน ขุนนางชาวกรีก ซึ่งช่วยสนองนโยบายของพระองค์เป็นอย่างดีและเพิ่มชาวต่างชาติเข้ามาในส่วนกลางมากขึ้น จนถึงปลายรัชกาลจึงได้เป็นออกญาวิไชเยนทร์ว่าที่สมุหนายก     อำนาจของชาวต่างชาติที่มากเกินไปก่อให้เกิดความหวาดระแวงในหมู่คนไทย โดยเฉพาะเมื่อมีทหารฝรั่งเศสมาพร้อมกับคณะทูตจากฝรั่งเศสยิ่งทำทำกันให้ระแวงไปว่าฝรั่งเศสจะมายึดกรุงศรีอยุทธยา ประกอบกับฟอลคอนวางแผนพยายามจะแทรกแซงระบบราชการจนเชื่อกันว่าเขามีแผนจะชิงบัลลังก์โดยอาจอาศัยพระปีย์(โอรสเลี้ยงของพระนารายณ์)เป็นหุ่นเชิด     ด้วยเหตุนี้กลุ่มขุนนางไทยนำโดยออกพระเพทราชา กับออกหลวงสรศักดิ์(พระเจ้าเสือ) จึงวางแผนขับไล่อำนาจของชาวต่างชาติไปจากไทย อีกนับหนึ่งก็ถือเป็นการพยายามกลับสู่อำนาจของขุนนางอีกด้วย โดยพระเพทราชาได้แนวร่วมจากทั้งพระสงฆ์(ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์ไม่วางพระทัยว่าเคยช่วยเหลือพระศรีสุธรรมราชา) กับประชาชน ทั้งหมดได้ร่วมกันบุกยึดพระราชวังที่ลพบุรี สุดท้ายพระนารายณ์ก็ถูกกักบริเวณอยู่ในตำหนัก พระเพทราชาได้อำนาจแล้วก็ลวงพระปีย์กับฟอลคอนไปฆ่า และสำเร็จโทษพระอนุชาอีก 2 องค์ของพระนารายณ์ด้วย จากนั้นก็ดำเนินนโยบายขับไล่ฝรั่งเศส     สมเด็จพระนารายณ์ก็สวรรคตระหว่างที่ถูกกักบริเวณอยู่เป็นการสิ้นสุดราชวงศ์ปราสาททอง พระเพทราชาก็ได้ครองราชย์สมบัติเป็นการสถาปนาราชวงศ์บ้านพลูหลวงขึ้น จากคุณ : ศรีสรรเพชญ์ (Slight06) เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 19:29:58