|  | 
ผมว่าอาจารย์บางคน คนเก่าบางคน หรือผู้ทำหน้าที่ในการบัญญัติคำใหม่ๆ ไม่ตริตรองให้ถี่ถ้วน ไม่ให้ความสำคัญกับลักษณะคำไทย ซ้ำยังไม่เปิดใจรับคำไทย ที่คนรุ่นใหม่ๆสร้างขึ้นมามากกว่า 
 อย่างเช่นมีความเชื่อที่ว่าถ้าเป็นภาษาไทยต้องยาวๆ ลองดูให้ดีๆครับ
 คำไทยก่อนๆ นั้น มักมีคำที่ยาวๆไหม ไม่ค่อยจะมีไม่ใช่หรือครับ จุดเด่นของคำไทยนั้น คือ คำสั้นๆ คำที่มีเสียงคล้องจองกัน การนำคำอื่นมารวมกัน เพื่อให้ได้คำใหม่ไม่ใช่หรือครับ ตัวอย่างเช่น
 
 กะจุก,กะจุกกะจิก,กะง่อนกะแง่น,กะโอดกะโอม,กะเจิดกะเจิง,
 
 ผมก็ไม่รู้ว่าการสร้างเป็นความเชื่อที่ว่าถ้าเป็นภาษาไทยจะต้องยาวๆ นี้ ทำไมจะต้องยึดแบบนั้นด้วย และที่ยึดแบบนั้นเพราะไม่เปิดใจรับคำที่คนรุ่นใหม่สร้างขึ้นมามากกว่า
 
 ตัวอย่างคำไทยใหม่ที่ลูกหลานไทยสร้างขึ้น
 
 ทำเนียน,จิตตก,ซกมก,ชิวชิว,โป๊ะเชะ,แอ๊บแบ๊ว,หงุ๊งหงิ๊ง
 
 เป็นคำใหม่ลักษณะคำไทยยังสืบทอดมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ผู้ใหญ่ที่หลงตัวเองว่ารู้ภาษาไทยดีกลับไม่ค่อยอยากจะยอมรับ ซ้ำบางครั้ง ยังหาว่า ภาษาวิบัติอีก
 
 แต่ถ้าหากให้ผู้ใหญ่สร้างคำไทยคำใหม่แต่ว่าให้ใช้คำไทย ก็จะต้องสร้างเป็นคำยาวๆ เป็นประโยคไปเลย นี้หละครับ คือ ความไม่ฉลาดและไม่สามารถถ่ายทอดพันธุกรรมภาษาไปได้ (ให้สร้างคำที่มีความหมายแบบคำด้านบนนั้น อาจารย์ภาษาไทยคงสร้างออกมาเป็นประโยคๆ เลยมั้ง)
 
 ผมไม่ได้ว่าปฏิเสธการยืมคำมาจากภาษาอื่นนะ ภาษาใหม่ๆที่มีส่วนนำมาจากภาษาอื่นก็มีมากมาย แต่เขาก็สร้างในลักษณะทำไทย ซึ่งอาจารย์ก็ไม่ยอมรับอีก
 
 และผมก็ไม่ได้ปฏิเสธภาษาบาลีโดยสิ้นเชิงนะครับ เพราะก็ยอมรับว่าถึงเดียวนี้แล้วภาษาบาลีบางคำมันเป็นภาษาของเราแล้ว เพียงแต่ถ้าจะสร้างคำใหม่ๆอย่าไปขุดศัพท์ภาษาอื่นเก่าๆที่เขาไม่นิยมใช้แล้วกลับมาใช้เท่านั้นเอง
 
				 
				
					| จากคุณ | : 
ดีดี |  
					| เขียนเมื่อ | : 
22 เม.ย. 54 21:15:23
A:180.210.216.131 X: TicketID:184596 |  
					|  |  |  |  |