ตอนนั้ยังเด็ก แต่ก็อ่านหนังสือพิมพ์แล้วค่ะ เล่าไม่ละเอียดนะคะ (เลยรู้อายุเลย) หลังได้เอกราช เขมรไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง มีการแย่งชิงอำนาจจากหลายฝ่าย แต่พอถึงประมาณเดือนเมษายน ปี 2518 เขมรแดงเข้ายึดพนมเปญได้โดยพอล พต เป้นผู้นำกองกำลังเขมรแดง ได้เข้ายึดอำนาจปกครอง เปลี่ยนแปลงเป็นสังคมนิยมสุดขั้ว
ยังจำได้ถึงพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์บ้านเรา "พนมเปญแตก" แล้วก็มีภาพชาวเขมรอพยพเดินกันมาหลายหมื่นคน เข้าสู่ชายแดนไทย
สิ่งที่พอลพตทำ ก็คือ กำจัดฝ่ายตรงข้าม ได้แก่พวกนิยมเวียดนาม และนิยมเสรี โดยจับผู้คนนับหลายพันมาไต่สวนหรือฆ่าทิ้งเพียงเพราะคิดว่าเป็นศัตรู คนที่เป็นชนชั้นสูงหรือนักศึกษามักโดนก่อนเพราะทัศนของคอมมิวนิสต์คือเป็นนายทุนน้อย เอาเปรียบคนอื่น
อีกส่วนหนึ่งถูกเกณฑ์/ กวาดต้อนให้ไปใช้แรงงานในชนบท บ้างถูกทรมานจนตาย เด็กๆ ที่ทำงานไม่ได้ถูกฆ่าจำนวนมาก ในบริเวณที่เรียกว่าทุ่งสังหาร (มีหลายแห่งในเขมร) ประมาณว่า ชาวเขมรที่เสียชีวิตครั้งนั้น ตลอดเวลาประมาณสี่ถึงห้าปี (พ.ศ. 2523) ราว 1.8 ล้านคน
ตลอดเวลาที่เขมรแดงปกครอง แทบไม่มีข่าวหลุดรอดออกมาว่าชาวเขมรอยู่กันอย่างไร กว่าที่ชาวโลกจะรู้ก็เกือบๆ จะสิ้นยุคเขมรแดงเป็นใหญ่ ต่อมาเฮง สัมรินที่ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามเข้าปกครองเขมรส่วนใหญ่ไว้ได้ในราวปี 2525 (จำไม่ได้ชัดเจนนะคะ แต่ราวๆ นี้)
ชาวเขมรอพยพเข้าสู่ประเทศไทยเป้นจำนวนมาก นับหลายแสนคน ไทยได้จัดค่ายผู้อพยพ โดย UN ได้ช่วยสนับสนุนไทยในเรื่องนี้ จำได้ว่า มีซิสเตอร์ (เราเรียน รร.คริสต์) ต้องย้ายไปช่วยที่ค่ายผู้อพยพ ที่มีอยู่ตลอดแนวชายแดนไทย-เขมร ที่จำชื่อได้แม่นคือ เขาอีด่าง อาจจะที่จันทบุรีหรือปราจีนไม่ค่อยแน่ใจค่ะ แล้วก็อยู่กันหลายปีทีเดียว และมีการขอรับบริจาคไปช่วยชาวเขมรมากมายในตอนนั้น
ระหว่างนั้น สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงไปเยี่ยมผู้อพยพเหล่านั้นอยู่เสมอ มีข่าวบ่อยมาก มีหน่วยแพทย์ไปดูแล และจนช่วงท้ายๆ ก็ได้ดำเนินการประสานงานประเทศที่สามให้ผู้อพยพเหล่านั้นได้เดินทางไปอยู่
ไม่ใช่แค่นั้น ไม่ว่าจะอย่างไร ในสมัยของพลเอกชาติชาย ยุคเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า กล่าวได้ว่า ไทยเป็นตัวจักรสำคัญที่ประสานให้เขมรทุกฝ่ายที่กำลังรบไม่ลืมหูลืมตาได้มาพบปะพูดคุย เจรจากัน จัดที่ทางการประชุมให้ และรับเป็นเจ้าภาพในหลายครั้ง และลงแรงเพื่อให้เกิดสันติภาพตามนโยบายนี้ ซึ่งในที่สุดก็สามารถนำไปสู่การเลือกตั้งในเขมรได้ (จัดโดย UN) ได่้นายกมาสองคนคือเจ้ารณฤทธิ์และฮุนเซน ต่อมาฮุนเซนก็กำจัดเจ้ารณฤทธิ์ออกจากเส้นทางการเมืองของเขาได้สำเร็จ จึงได้ครองอำนาจมาจนทุกวันนี้
ที่สุดแล้วก้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่า เพราะอะไรเขาจึงลืมเลือนสิ่งเหล่านี้ได้เร็วนัก ที่จริง ไทยในฐานะเพื่อนบ้านได้ทำสิ่งที่สมควรทำไปมาก แม้ไม่นึกว่าจะเป็นบุญคุณกันเพราะหลายอย่างก็เป็นหน้าที่ แต่ความสัมพันธ์ที่ดีก็น่าจะนึกกันสักหน่อย แม้ว่าหลายๆ คนอาจนึกเหยียดทางชาติพันธุ์ แต่คนไทยที่เป็นคนดีๆ น้ำตาไหลเมื่อเห็นชาวเขมรตกทุกข์ได้ยากในคราวนั้นจริงๆ
โตมาไปเที่ยวเขมร ได้คุยกับไกด์ที่ผ่านเหตุการณ์ตอนนั้นมา ครอบครัวเขาถูกฆ่าหมด เหลือน้องชายคนเดียว เขาก็รู้สึกดีกับคนไทยเพราะเขาหนีมาไทย ได้เรียนหนังสือ ได้มีอาชีพ คิดว่าในระดับประชาชนก็ดีต่อกัน
จากคุณ |
:
ชาวบ้านทานทน (ชาวบ้านทานทน)
|
เขียนเมื่อ |
:
2 พ.ค. 54 00:53:35
|
|
|
|