อีก case หนึ่งที่เป็นเรื่องจริง
เมื่อ 20 ปีที่แล้วเราเก็บผู้หญิงคนหนึ่งมาจากข้างทาง เธอป่วยเป็น bipolar disorder (manic depression) และเป็นโรคกระเพาะอย่างหนัก เธอเพิ่งเรียนจบมาแต่หางานทำไม่ได้เพราะอาการป่วยทางจิตของเธอทำให้เธอทะเลาะตีรันฟันแทงกับชาวบ้าน
เราเห็นเธอยกดื่มนมวัวทีหนึ่งเป็นขวดๆ แล้วก้องัดยารักษาโรคกระเพาะมากิน เธอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะอย่างหนักตั้งแต่อยู่ ม.6 จนเรียนปริญญาตรี 4 ปีที่จุฬา (คนป่วยทางจิตมักจะเรียนเก่ง) เธอเป็นคนไข้ประจำที่โรงพยาบาลจุฬา เพื่อนเธอที่ีเรียนหมอที่มหาลัยเดีนวกันแล้วทำงานโรงพยาบาลจุฬาก้อช่วยๆก้นรักษาเธอ(แต่เธอเรียนครุศาสตร์เอกการสอนดนตรี และเป็นนักดนตรีที่เก่งเกินธรรมดามากๆ) แต่ 4-5 ปี ผ่านไป หมอก้อยังรักษาโรคกระเพาะของเธอไม่ได้ เธอจึงต้องกินยาระงับอาการปวดกระเพาะเป็นประจำ
เราฟังเรื่องเธอแล้ว เราทำเฉยๆ ไม่ตื่นเต้นอะไร ได้แต่คว้าขวดยาเธอกับขวดนม แล้วเทยากับนมทั้งหมดลงชักโครก เธอแหกปากร้องเสียงหลง บอกว่า
"รู้ไหมว่ายาพวกนั้นมันแพงแค่ไหน แล้วฉันก้อไม่มีงานทำด้วย ถ้าฉันไม่มียาโรคกระเพาะฉันต้องตายแน่ๆ"
เราใช้ข้าวกล้องกับผัก organic และสารธรรมชาติอีกหลายชนิดทำอาหาร macrobiotic ทิ้งไว้ให้เธอกินทุกวันก่อนที่เราจะออกไปทำงาน
3 เดือนผ่านไปโดยที่เธอไม่ได้กินนมและไม่ได้กินเนื้อสัตว์เลย (เธอจำใจต้องกินแต่อาหารเจแบบ Zen Macrobiotics เพราะเธอไม่มีเงิน) เธอไปตรวจกระเพาะใหม่ที่โรงพยาบาลจุฬา ทั้งแพย์เล็กแพทย์ใหญ่ทั้งเพื่อนเธอที่เป็นแพทย์ ต่างก้องุนงงว่า
"เธอไม่ได้มารับการรักษาและไม่ได้มาเอายาที่โรงพยาบาลตั้ง 3 เดือน แล้วอยู่ดีๆแผลในกระเพาะของเธออันตรธานหายไปหมด ได้ยังไงกัน...??!!!"
arguments ที่น่าสนใจ
เธอบอกเราว่าที่เธอต้องซัดนมเข้าไปทีละเป็นขวดๆ (เผลอๆหลายๆขวดทุกวัน) ก้อเพราะว่า "เธอคิดว่านมมันไปเคลือบแผลที่กระเพาะเธอแล้วจะทำให้เธอหายปวด"
แต่เราแย้งเธอว่า "กรดที่แรงๆของนมมันทำให้แผลในกระเพาะของเธอ ไม่มีวันหาย ต่างหากล่ะ"
แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 54 12:45:20
แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 54 00:42:58
แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 54 00:39:23
แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 54 00:37:15