ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าอยากจะทำบริษัทกฎหมายก็ดูหลายอย่างนะคะสถาบันที่จบก็มีผลแต่ที่มีผลมากกว่าคิดว่าเป็นเกรดนะ ลองแบบนี้ก่อนสิคะ ถ้ากำลังจะสมัครก็คิดว่าเพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการกฎหมาย พอเรียนซักปีสามตอนซัมเมอร์ก็เอาเลยค่ะลองไปฝึกงานดู Law Firm หลายที่เปิดรับนักศึกษาฝึกงานภาคฤดูร้อนค่ะ walk in เข้าไปลองสัมภาษณ์ว่าเป็นยังไง ตามประสบการณ์ส่วนตัวตอนซัมเมอร์ก็ได้มีโอากาสไปฝึกงานในบริษัทกฎหมายแห่งหนึ่งใกล้ ๆ สีลมค่ะ ก็ไม่ได้มีแต่นิสิตจุฬานักศึกษาธรรมศาสตร์นักศึกษาจากม.รามและเอแบคก็มีค่ะ ดังนั้นถ้าเกรดโอเคพอเรียกสัมภาษณ์ทดสอบความรู้และภาษาแล้วผ่านก็มีโอกาสได้ฝึกงานในบริษัท และ ถ้าเห็นว่าเรามีผลงานที่ดีก็มีโอกาสได้เข้าทำงานที่นั่นด้วย ได้ทราบข่าวคราวจากเพื่อนที่ทำงาน Law Firm มาว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะรับเด็กจบป.ตรีซักเท่าไหร่ ส่วนมากก็เป็นคนที่จบโทมาแล้วค่ะ คือ มหาวิทยาลัยดังไม่ดังคิดว่าอาจจะไม่สำคัญมากเท่าภาษาและเกรดนะคะ ยังไงพอเข้ามาทำงานแล้วก็ต้องเรียนรู้กันไป เพราะ กฎหมายหลักที่ใช้มักจะเป็นอะไรที่เราไม่เคยเรียน (ฮา) พวกกฎหมายเฉพาะแบบนั้นก็ต้องไปปรับจูนกันอีกทีค่ะ ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : วรินทร์รตา เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 18:56:21

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วที่เค้ารับคือต้องจบโทนอกมาหรือโทในไทยก็ได้ครับ หรือถ้าเราจบตรีแล้วเราไม่ต่อโทแต่เราไปต่อเนแบบไหนเค้าจะรับมากกว่าครับ จากคุณ : mama456 เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 19:04:38

ความคิดเห็นที่ 3 อีกเรื่องที่สำคัญมีแนะนำที่เรียนภาษาอังกฤษมัยครับ สำหรับเด็กมหาลัยมัยครับ จากคุณ : mama456 เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 19:08:44

ความคิดเห็นที่ 4 ตอบทีละเรื่องแยกประเด็นนะ การทำงาน international law firm น่ะ มันอาจจริงที่เขาเลือกเอาคนจบมหาลัยรัฐดีๆ แต่ก้อต้องแยกแยะนะว่าเข้าจ้างไปทำอะไร? ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจระดับความสามารถทางด้านภาษาว่ามันแตกต่างกันมากน้อยขนาดไหน 1. คนจบนิติจากมหาลัยของรัฐดังๆแต่ไม่เคยไปเติบโตมาในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 1 international law firm ถึงจ้างไป ก้อจ้างให้บินไปว่าความในสหรัฐหรืออังกฤษไม่ไหวหรอก เพราะยังไง ยังไงก้อแพ้ทนายฝรั่งด้านภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ในมุ้งแล้ว 2. คนจบนิติจากมหาลัยของรัฐดังๆแต่ไม่เคยไปเติบโตมาในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 1 แล้วไปเรียนต่อนิติปริญญาโท (ต่อให้เรียนจบนิติปริญญาเอก) ในอังกฤษหรืออเมริกา กลับมาเป็นผู้พิพากษาได้ เป็นอาจารย์สอนมหาลัยได้ ทำงาน international law firm อาจหลุดเข้าไปได้ แต่ยังไง ยังไง international law firm ก็ไม่ส่งคุณไปว่าความในศาลสหรัฐหรืออังกฤษ หรือในศาลโลกหรอก เพราะยังไงยังไงก้อแพ้ทนายฝรั่งด้านภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ในมุ้งอยู่แล้วเนื่องจากภาษากฎหมายเป็นภาษาอังกฤษมันโหดมากๆ (ขนาดฝรั่งเจ้าของภาษาอ่านภาษากฎหมายเป็นภาษาอังกฤษยังมึนหัวเลยหละ...ถึงกับต้องจ้างนักกฎหมายมาตีความ และนักกฎหมายที่มาตีความให้ เขาก้อคิดค่าตีความเป็นรายชั่วโมงด้วย...!!!) จบตรีในไทยแล้วเรียนโทจนจบเอกในเมืองนอก อีกแค่ 1-5 ปี ยังไง ยังไง ภาษาอังกฤษที่คุณเขียนก้อยังคงมี syntactic errors in the writing of second language learners (ข้อผิดพลาดทางด้านไวยากรณ์ในภาษาเขียนของคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2) อยู่ดีนั่นแหละ ซึ่งมันจะเป็นอุปสรรคที่ปิดกั้นไม่ให้คุณโกอินเตอร์ได้ง่ายๆนัก ณ จุดที่คุณเรียนตรีนิติในไทยแล้วจบโทนิติเมืองนอกมานั้นกว่าคุณจะเก่งภาษาอังกฤษด้วยการเรียนอย่างหนักให้เขียนภาษาอังกฤษเป็นภาษากฎหมายทาบรัศมีนักกฎหมายฝรั่งเจ้าของภาษาได้ คุณต้องเรียนภาษาอังกฤษอย่างหนักจนอายุปาเข้าไปเกิน 50 ปีแล้ว เว้นเสียแต่ว่าคุณเป็นอัฉริยะทางด้านภาษาจริงๆ คุณอาจไปถึงดวงดาวได้ตอนอายุประมาณ 38 อย่าลืมว่าหม่อมเสนีย์ ปราโมช เรียนกฎหมายแล้วเขียนภาษากฎหมายทาบรัศมีนักกฎหมายฝรั่งได้ นั่นก้อเพราะว่าท่านไปเรียนประเทศอังกฤษตั้งแต่ระดับมัธยม และเรียนปริญญาตรีที่นั่น ถ้าคุณจบตรีเมืองไทย แล้วไปต่อโทต่างประเทศ (ต่อให้ต่อปริญญาเอกด้วย) กว่าคุณจะเขียนภาษาอังกฤษได้ขนาดนั้น ก้ออย่างที่เราพูดไว้นั่นแหละ ก้อพอดีคุณอายุปาเข้าไป 50 กว่าๆ...เผลอๆ 50 กว่าๆยังทำไม่ได้เลย ถ้าไม่เรียนหนักจริงๆ...เพราะภาษาอังกฤษที่ใช้ในวิชากฎหมายมันโหดมากๆ ถึงโหดสุดๆ ถ้าคุณไม่เคยลิ้มรสมันคุณจะหาว่าเราพูดเกินความจริง.... คือเราพยายามจะบอกคุณว่า international law firm ที่มันจ้างนักกฎหมายไทย ให้บินไปว่าความต่างประเทศหรือในศาลโลกน่ะ นักกฎหมายที่เก่งขนาดนั้นที่เขาจ้างน่ะ ส่วนใหญ่เป็น 1. คนไทยที่ไปโตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 1 เช่นในอังกฤษหรืออเมริกา และเรียนจบกฎหมายที่นั่น 2. จบตรีนิติในไทย แล้วต่อนิติต่างประเทศ แล้วหัดเขียนภาษาอังกฤษจนแทบเป็นบ้าจนอายุปาเข้าไปกว่า 50 ไปแล้ว และคร่ำหวอดจริงๆ 3. เรียนกฎหมายในไทย แต่เป็นอัฉริยะทางด้านภาษา อายุแค่ 30 ปลายๆก้อเก่งภาษาอังกฤษทาบรัศมีนักกฎหมายฝรั่งได้ แต่คุณไม่ต้องท้อใจ จบกฎหมายในไทย ไม่เก่งอังกฤษมากนักคุณก้อหาเงินได้ตั้งมากมาย ห่างจากบ้านเราไปไม่ไกลนักเราไปมีเพื่อนเป็นนักกฎหมายคนหนึ่ง จบนิติรามฯ ภาษาอังกฤษเขาไม่กระดิกหูเลย แต่เขามีงานว่าความดีๆ มีเงินใช้สบายๆ เพราะอะไร? ตอบ เพราะเขาไม่ได้เป็นลูกจ้างใคร แต่เขาทำงาน freelance มีลูกความของตัวเองโทรมาจ้างให้ทำงานเป็นชิ้นๆบ่อยๆ มีรายได้พออยู่ได้อย่างสบาย มีเงินกินเบียร์ มีรถดีๆขับ มีปัจจัยอื่นๆเอื้ออำนวยความสะดวกสบาย ให้มีความสุข ได้อีกมากมาย แต่เขาหาลูกความส่วนตัวมายังไง? คุณต้องศึกษาประเด็นนี้ ให้ดีๆ มันมีทางไป...ไม่ตันหรอก... ส่วนถ้าคุณอยากโกอินเตอร์จริงๆ คุณก้อต้องพยายามอย่าเป็นลูกจ้างสำนักงานกฎหมายที่ไหน (ไม่แน่นะ เพื่อนเราอาจลองเป็นลูกจ้างดูแล้วศึกษาลู่ทาง หรือดึงลูกความจากสำนักงานกฎหมายเหล่านั้นมาก้อได้)   คือถ้าคุณหาลูกความส่วนตัวได้ มีรายได้แน่นอนเหมือนเพื่อนเรา แล้วคุณค่อยๆเรียนภาษาอังกฤษไป คุณก้อไปถึงดวงดาวได้ แต่อายุมากหน่อยเท่านั้นเองกว่าจะร่างสัญญากฎหมาย เขียนคำฟ้อง หรือว่าความเป็นภาษาอังกฤษในศาลต่างประเทศได้...แบบคร่ำหวอดจริงๆ...แต่กว่าจะถึงวันนั้นคุณก้อคงมีเงินมีทอง (จากรายได้ที่ได้จากลูกความส่วนตัว) มากพอที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้... แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 20:38:33 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 20:36:08 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 20:28:21 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 20:23:25

ความคิดเห็นที่ 5 แค่อยากทำงานใน Law Firm เฉยๆอะครับแตคงไม่ถึงขั้นไปสู้คดีในต่างประเทศหรอกครับ เอาแค่คดีในประเทศพี่คิดว่ามีโอกาสเข้าได้มัย จากคุณ : mama456 เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 21:16:56

ความคิดเห็นที่ 6 ^ เราอ่านคำถามคุณแล้วตีความผิด ก้อถ้าคุณไม่ได้หมายถึง international law firm แต่หมายถึงทำงานกับสำนักงานกฎหมายธรรมดาๆที่ไหนสักแห่งหนึ่งในประเทศไทย ใครๆจบกฎหมายแล้วต้องการทำงานกฎหมาย ก้อต้อง 1. ทำงานกับสำนักงานกฎหมาย 2. เปิดสำนักงานกฎหมายของตุัวเอง 3. หาลูกความเองโดยเป็นการส่วนตัวเหมือนเพื่อนเรานั่นแหละ ภาษาอังกฤษไม่จำเป็นด้วยซ้ำไป แต่ถ้าเก่งภาษาอังกฤษม้นก้อช่วยได้เยอะ แล้วคุณจะไปกังวลทำไมกัน มันไม่ได้ทางใดก้อต้องได้ทางหนึ่งนั่นแหละ ใครเรียนเอกอะไรถ้าคิดในเชิงบวกซะอย่างมันก้อต้องประกอบอาชีพสำเร็จจนได้นั่นแหละ...ขนาดคนเรียนจบแค่ระดับมัธยมมาเขายังหาทางประกอบอาชีพจนร่ำรวยได้เลย... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 23:36:33

ความคิดเห็นที่ 7 ทำไมต้องไปเรียนที่ต่างประเทศด้วยครับ หรือว่าต้องไปว่าความที่ต่างประเทศด้วย สมมติว่า เป็นคนเขมร อูกันดา แล้วจบปริญญาเอกที่อเมริกา แล้วจะว่าความที่อเมริกาได้ป่าวคับ จากคุณ : นักเรียนชายชั้น ม.5 เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 01:56:19 A:58.9.86.25 X: TicketID:308413

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าคุณเป็นคนชอบพบปะผู้คน เก่งในเรื่องการใช้คำพูดและการเจรจา (การใช้ภาษาควรต้องดีมากทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) ชอบวิเคราะห์วางแผนแก้ไขปัญหาให้คนอื่น และทนทาน/อึดต่อสภาพแรงกดดันและความเครียดจากงาน + พร้อมที่จะพักผ่อนน้อยๆ(เพราะงานมันหนัก) คุณก็เหมาะกับการทำงานด้านนี้ครับ (เงินดีจริงแต่เหนื่อยมากๆนะครับขอบอก...จากการที่ศึกษาข้อมูลด้านนี้มา) ส่วนการเรียนป.ตรีกฎหมาย + เนติบัณฑิต + เรียนป.โทกฎหมาย + เรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นใดซึ่งเป็นกระบวนการทั้งหมดให้เก่งๆดีๆเพื่อที่จะได้มาซึ่งคุณสมบัติของการทำ Law Firm หรืองานดีๆทางด้านกฎหมายคุณก็ไม่ควรมองข้ามเพราะทั้งหมดนี้มันกินเวลาอย่างน้อยๆก็ 7 ปีเผลอๆนานกว่านั้น ต้องอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อยๆ 4-5 ชั่วโมงทุกวัน(เนื้อหาที่ต้องเรียนมันเยอะมาก) อีกทั้งตอนนี้คนเรียนกฎหมายเยอะมากๆ แทบทุกมหาวิทยาลัยเปิดหลักสูตรนิติศาสตร์ไปทั่ว (ทั้งๆที่สาขานี้เมื่อก่อนไม่กี่ปีที่ผ่านมาเป็นสาขาที่แทบไม่มีคนอยากเรียน) ดังนั้นการแข่งขันถือว่าสูงมากๆ ถ้าไม่รักมาทางนี้+ไม่อึดจริงรับรองไปไม่รอด ขอให้โชคดี จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 09:41:51

ความคิดเห็นที่ 9 ว่าความเป็นภาษาไทยให้เก่งยังยากเลยครับ เทคนิค ลูกล่อลูกชนมากมาย ภาษาอังกฤษยิ่งไปกันใหญ่ ส่วนตัวเห็นว่า ไม่ว่าคนจบกฎหมายจะเยอะแค่ไหน ถ้าเก่งจริงซะอย่าง ยังไงก็มีงานรอรับ (จริงๆ มันก็ทุกสาขาวิชานั่นแหละครับ) จากคุณ : praphrut608 เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 20:30:19

ความคิดเห็นที่ 10 อยากจะรอดปากเหยี่ยวปากกาและสบายหน่อยในวงการกฎหมายเมืองไทย เดี๋ยวนี้แนะนำให้เรียนจนถึงปริญญาโทกฎหมาย "เป็นอย่างน้อย" ค่ะ จากคุณ : ปราณธร เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 20:58:52

ความคิดเห็นที่ 11 จริงๆแล้วทางไปมันมีมากกว่า 3 ทางที่เราบอกไว้ใน คคห 6 ซะอีก อีกทางหนึ่งก้อคือจบนิติมาแล้วรับราชการยังไงล่ะ พ่อเราเรียนเตรียมธรรมศาสตร์รุ่น 5 แล้วต่อนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ จบมาแล้วก้อรับราชการ ตอนนี้เกษียณอายุแล้ว รุ่นเขาตอนจบมาใหม่ๆมีด้วยกันทั้งหมด 800 กว่าคน ตอนนี้ยังมีชีวิตเหลืออยู่แค่ 300 กว่าคนเอง (คนที่ยังมีชีวิตอยู่ส่วนใหญ่ก้ออายุป้าเข้าไปตั้ง 90 แล้ว) จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 21:32:08

ความคิดเห็นที่ 12 โว้ว มารอฟัง อยากทำงาน law firm เหมือนกันครับ ตอนนี้ก็เบนเข็มมาเรียนนิติศาสตร์ ภาคบัณฑิตเหมือนกัน อิอิ สู้ๆนะครับ อย่างน้อยผมคิดว่าการทำงานด้านกฎหมาย ความรู้กฎหมายต้องแน่นละครับ ตั้งใจเรียนก่อนละกันน้องชาย ;) จากคุณ : ship9960 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 21:48:17

ความคิดเห็นที่ 13 International law firm ไม่ได้ทำงานเฉพาะไปสู้คดีต่างประเทศนะครับ เพราะมันมีหลายฝ่าย ไม่ใช่มีแต่ทำหน้าที่ว่าความเท่านั้น และสาเหตุที่จำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษ ก็เพราะผู้ที่เข้ามาปรึกษานั้นส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งมีทั้งเข้ามาให้เราช่วยจัดการทางคดีความ หรือเข้ามาปรึกษาข้อกฎหมายในการวางแผนธุรกิจ เป็นต้นครับ International lawfirm ในไทยนี่ ไม่ใช่ว่ามาสมัครทำงานแล้วไปสู้คดีเมืองนอกนะครับ ไม่ได้ไปขึ้นศาลโลก หรือศาลในต่างประเทศ แต่สู้กันในไทยนี่แหละครับ ตรงนี้อาจทำให้เข้าใจสับสนกันได้ ส่วนตัวเเล้วยังเรียนอยู่ชั้นปริญญาตรี ก็พอรู้มาเพียงเท่านี้แหละครับ ส่วนที่ว่าการแข่งขันในวงการนี้สูงมั้ยอยากจะบอกว่าสูงมากจริงๆครับ นิติ ที่ธรรมศาสตร์สมัยนี้มีแต่เด็กสายวิทย์เก่งๆสอบเข้ามาได้ ไม่ก็เป็นเด็กสายศิลป์ที่ภาษาดีมากๆ ถ้าจะมาสายนี้แล้วต้องเรียนรู้ตลอด กฎหมายลำดับรอง เช่นพวก พรบ. ออกใหม่ทุกวัน ต้องก้าวตามให้ทัน ไม่เฉพาะประมวลกฎหมายแพ่งเเละพาณิชย์เท่านั้น แต่ขอรับรองว่าถ้าเรียนแล้วเก่งไม่ตกงานครับ เพราะกฎหมายเป็นสิ่งที่อยู่กับสังคมตลอดไป สังคมต้องการนักกฎหมายเสมอในทุกระดับครับ แต่ถ้าเห็นว่างาน Lawfirm มันอาจดูหนักไป ก็อาจลองหาข้อมูลเกี่ยวกับงาน In house ดูก็ได้นะครับ งานคล้ายกัน แต่เบากว่า(เท่าที่ฟังจากรุ่นพี่นะครับ) สู้ๆนะครับ และยินดีต้อนรับสู่วงการนักกฎหมายนะครับ ยังไงก็อย่าท้อซะก่อนนะครับ เพราะเส้นทางนี้มันหนัก และเหนื่อยจริงๆ จากคุณ : audikung@gmail.com เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 21:55:20 A:203.131.208.198 X: TicketID:316292