ความคิดเห็นที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10528308/K10528308.html จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 07:10:20

ความคิดเห็นที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10539490/K10539490.html จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 07:11:18

ความคิดเห็นที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10475456/K10475456.html จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 07:14:25

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่อยากเป็นครู อยากแต่จะขายของก็น่าจะลาออกไปทำจริงๆจังๆซะนะ ครูเดี๋ยวนี้ หลายคนไม่มีใจรักวิชาชีพเหมือนก่อน คิดแต่จะทำธุรกิจ หลงแต่วัตถุ อยากรวย เฮ้อ...ประเทศไทย จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 12:14:33

ความคิดเห็นที่ 5 เราอยากเป็นครูนะ อยากเป็นมาก  ยิ่งเป็นครูต่างจังหวัดนะ  ความฝันเราเลย เพราะเราชอบภาษาอังกฤษมาก อยากสอนภาษาอังกฤษ เคยฝันว่าจะไปสอนภาษาให้เด็กต่างจังหวัด ไม่เคยคิดจะเป็นครูที่กรุงเทพ  เพราะเด็กเหล่านั้นมีค่อนข้างพร้อมขึ้นอยู่กับตัวเค้าจะเอาหรือเปล่า แต่ตามต่างจังหวัดเราคิดเองว่า  น่าจะมีครูน้อย ยิ่งคนเก่งภาษาอังกฤษยิ่งน่าจะเข้ามาหางานในกรุงเทพกันหมด คือเพื่อนเราที่มาจากต่างจังหวัดค่อนข้างจะมีปัญหานี้ เราเลยอยากช่วย  โดยเฉพาะเด็กที่ไม่ค่อยมีโอกาสอาจจะด้วยปัญหาทางการเงินหรืออะไรก็แล้วแต่   แต่ทำไงได้  เราจบเศรษฐศาสตร์มา  เพราะตอนนั้นยังไม่มีข้อกำหนดอะไรแบบนี้ กะว่าจะทำงานอื่น  เลี้ยงแม่ดีๆก่อนแล้วจะไปทุ่มสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆตามชนบท แต่พอกฎหมายนั้นออกมา  ต่อให้อยากทำแค่ไหนเค้าก็ไม่ต้องการซะแล้ว จากคุณ : PanGuN เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 12:24:18

ความคิดเห็นที่ 6 คนที่มาเป็นครู  ก็เห็นแก่เงินไม่แพ้อาชีพอื่นค่ะ ใจจริง  ถ้ามีโอกาสก็อยากประกอบอาชีพที่ได้เงินเดือนละหลายหมื่นหลายแสนเหมือนกัน  แต่ไม่มีปัญญา เลยลืมหน้าที่หลักของตัวเอง  มาเบียดบังอาชีพครูหาเงิน (ขายตรง  ทำแต่ผลงานหาเงิน ฯลฯ) อยากให้หน่วยงานรัฐทบทวนเรื่องเงินวิทยฐานะจัง...ว่ามันคุ้มกับที่ลงทุนไปรึเปล่า จากคุณ : ruralcrue เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 13:52:50

ความคิดเห็นที่ 7 คห.5 ลองเป็นครูสอนพิเศษก็ได้ค่ะ บางท่านสอนฟรีที่บ้านก็มี คนมีใจสอนแต่ไม่มีโอกาสสอนเราว่าน่าเสียดาย จากคุณ : ขวัญ (khumchalong) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 13:57:42

ความคิดเห็นที่ 8 อยากกดให้คะแนนครับ  แต่คะแนน gift ของผมไม่มีเหลือเลย   ขอส่งกำลังใจนะครับ :) จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 18:50:51

ความคิดเห็นที่ 9 ประเด็นที่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่า ครูอยากร่ำรวยเป็นความผิดหรือไม่ อยากร่ำอยากรวยมันก็เป็นกันได้ทุกคน ใช่ว่าเป็นครู ต้องมีคุณธรรม แต่อยู่อย่างอดๆ อยากๆ เงินเดือนต่ำต้อยติดดิน  อาชีพทุกอาชีพต้องมีคุณธรรมและได้รับค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผล เมื่อไม่พอกินทุกคนก็ต้องดิ้นรนไปตามธรรมดา อยากได้นั่นได้นี่ มันผิดเหรอ ครูก็คนมีกิเลสมีตัณหา พอๆกับทุกคนทุกอาชีพ ขึ้นกับว่าเราจะสนองตัณหากันอย่างไร ประเด็นคืออะไร เขาทำธุรกิจเสริม ไปด้วยแล้วเขาได้ทำหน้าที่ของครูเต็มที่หรือยัง ใช่หรือไม่ ในเวลา 8 ชม ที่อยู่โรงเรียนในแต่ละวัน ครูจะมีทั้งชั่วโมงที่รับผิดชอบสอนและชั่วโมงที่ว่างจากการสอน เขาอาจจะต้องนั่งตรวจการบ้านเด็ก  นั่งทำข้อสอบ นั่งเตรียมบทเรียน นั่งอ่านหนังสือ หรือจะทำเรื่องขอวิทยฐานะ หรือนั่งแคะขี้ฟัน มันก็ทำได้ทั้งนั้น เพราะเป็นเวลาที่เขาว่างจากการสอน แต่จริงๆ ครูส่วนใหญ่สอนเยอะ และรับผิดชอบ เยอะแยะไปหมด จนบางคนไม่มีแม้แต่เวลาจะกินข้าวเที่ยง สิ่งที่ควรจะมีในวัฒนธรรมครูคือ ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม (เงินเดือนสูงๆ) แลกกับการรับผิดชอบงานเต็มที่ต่างหาก นี่อะไร ให้เงินเดือน เดือนละหมื่นกว่าบาทอยากหวังผลอะไรๆ ก็เลิศๆๆๆไปทุกอย่าง  เลิศกับอะไรหล่ะ แค่คิดอนาคตก็ไม่เห็นทาง เอ้ย เงินเดือนเพื่อนวัยเดียวกันวิ่งไป สองสามหมื่นแต่ตรูต้องมาอยู่หมื่นกว่าๆ อยู่นี่ อีกกี่ปี หนทางที่จะฐานเงินเดือนขึ้นเร็วๆ หนึ่ง เรียนป.โท สอง ทำอาจารย์สอง สาม เป็นคุณๆจะทำไหม คุณธงคุณธรรมมันกินได้ไหม ไม่หรอก ใครจะคิด บ้านก็อยากมีรถก็อยากขับ ถ้าไม่มีรถมีบ้าน บ้านพักครูก็รอเป็นสิบชาติกว่าจะได้ ถ้าจะแก้ เอาเลย ครูจบใหม่ เงินเดือน สตาร์ท สามหมื่น(ปัจจุบัน)  บวกค่าครองชีพขึ้นกับพื้นที่ กันดารให้เยอะๆ สนับสนุน จริงๆ ไม่ใช่เฉพาะครู ทุกอาชีพต้องการค่าตอบแทนที่เหมาะสม ในเมื่อมันไม่สะท้อนความต้องการ เราก็ต้องทำทุกวิถีทาง สังคมมันเปลี่ยนไปแล้วครับ  ต้องมีเงินหล่อเลี้ยง ถ้าให้เงินน้อย ก็อย่างที่บอก ใครจะอยากได้หล่ะ จริงไหม คุณธรรมมันไม่ได้หล่อเลี้ยงครูให้ตายตาหลับตอนแก่ กันทุกคน ถ้ามีโอกาส ได้เงินเดือนสูงๆ อาชีพไหนหล่ะ เป็นทางเลือกที่ดี ที่มั่นคง แน่นอน ครู ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี แน่ๆ จากคุณ : cheychai เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 21:59:12

ความคิดเห็นที่ 10 คห 6 แรงมากค่ะ จากคุณ : hereIcome เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 22:32:53

ความคิดเห็นที่ 11 คห.๖ ก็เป็นครูนี่แหละค่ะ...! จากคุณ : ruralcrue เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 18:20:46

ความคิดเห็นที่ 12 มันก็คล้ายกับใบประกอบวิชาชีพอื่นๆนั่นแหละครับ ยกตัวอย่างง่ายๆก็เช่น ใบประกอบโรคศิลป์  การให้ใบประกอบโรคศิลป์ก็ใช่ว่าจะไม่มีความผิดพลาดอะไรเลย แต่ต่างกันตรงที่การสอบวัดคุณสมบัติอาจจะทำได้ง่ายกว่า  เช่นการตรวจสอบว่าคนๆนั้นมีคุณสมบัติในการวินิจฉัยโรคหรือไม่ เย็บแผลเป็นหรือไม่ ฯลฯ (อันนี้ไม่รู้นะครับว่าเขาสอบกันอย่างไร) แต่ว่ามันวัดได้ง่าย ผ่าน ไม่ผ่านเห็นกันชัดเจน ส่วนใบประกอบวิชาชีพครูนั้น การวัดคุณสมบัติอาจจะไม่ง่ายเท่าใดนัก เพราะเราก็ตอบไม่ได้ว่าสอบแบบใดที่ถูกต้องที่สุด  ดังนั้นความผิดพลาดย่อมจะมีเยอะกว่าตามหลักการครับ   อีกประเด็นหนึ่งก็คือเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องใหม่มาก ครูเก่าที่เขาทำงานมานานแล้วก็สามารถขอใบประกอบวิชาชีพครูได้เลย ซึ่งการที่เขาได้ใบประกอบวิชาชีพมาไม่ได้ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปสักเท่าใดนัก (คือคนที่ดีก็ดีอยู่แล้ว คนที่ไม่ใส่ใจเท่าที่ควรก็คงไม่ได้มีผลทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน)  คงต้องรอจนกว่าจะหมดยุคซึ่งคงต้องค่อยเป็นค่อยไป และใช้เวลาค่อนข้างยาวนานครับ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนมากๆครับคือคะแนนคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ สูงขึ้นมากครับ นี่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนจุดแรกที่เห็นเป็นรูปธรรมครับผม จากคุณ : Okanail เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 05:12:26

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าจะด่าตัวเองก็ระบุไปด้วยก็ดีนะคะ ว่าเฉพาะตัวเองที่ไม่มีปัญญา คนเป็นครูแต่ไม่รักในอาชีพตัวเองมันก็น่าสมเพช ปล. ก่อนบรรจุเข้ารับราชการ ได้งานที่ได้เงินเดือน 30000 ค่ะ แต่เลือกรับ 7940 และเป็นครู รร บ้านนอกที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ดิฉันภาคภูมิใจในอาชีพนี้มากกว่าหลายๆ คน ที่เข้ามาอาศัยอาชีพนี้ ส่วน จขกท เป็นอะไรมากมั้ย??? นึกว่าจบไปแล้ว และเขาก็ยุบ รร อย่างที่คุณอยากให้ยุบแล้วค่ะ จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 13:21:01

ความคิดเห็นที่ 14 ผมเจ้าของกระทู้ครับ.. ผมเป็นอะไรมากมั้ย??????  คำตอบคือเป็นมากครับ ผมเป็นพ่อของลูก เป็นอาของหลาน เป็นน้าของหลานหลายคนที่จะหรือกำลังเข้าเรียนประถมต้น ประถมปลาย และมัธยม ??? และที่สำคัญเป็นพลเมืองไทยคนหนึ่งที่ห่วงอนาคตของชาติ ...พอไหมครับ แค่นี้ ผมรับและทนต่อสภาพนี้ไม่ได้จริงๆ คนอื่น ครูอาจารย์บางท่านอาจทนได้ แต่ผมทนไม่ได้ เพราะมันคือผักชี คือความจอมปลอม คือภาพลวงตา คือการหลอกคนส่วนใหญ่  ผมอยากจะให้ ยกเลิกเงินค่าวุฒิ เงินประจำตำแหน่งครู ยกเลิกกฎที่ว่าด้วย ใบอนุญาตวิชาชีพอะไรนั่น เพราะมันไม่จริง มันลวงตา   คุณ][NuUnAn...ฯลฯ  ตอบคำถามผมหน่อยได้ไหมว่า  1. คุณเคยเห็นป้ายโฆษณา รับเขียนปรับวุฒิครู ปรับเงินค่าวิชาอะไรนั่นตามป้ายรถเมลล์หรือเสาไฟฟ้าไหม ตอบให้ชัดๆว่า เห็นหรือไม่เห็น   2. คุณคิดว่าปรับวุฒินะ ตรงไหตรงมา หรือจ้างกันเขียน หรือเป็นจริงไหม..    3. คุณคิดว่า ทั้งโรงเรียนะ เงินเดือนเดือนละ 5-6 แสน แต่ไม่มีเงินซ่อมโต๊ะซ่อมกระดานดำนะ ถูกไหม    4. กฎใบอนุญาตครูนะ มันคัดสรรคนดีเข้ามาได้ไหม     5. ใครเป็นคนออกกฎ ก็คนรุ่นนี้หรือรุ่นไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าคน ไม่เก่ง คนโง่ อะไรทำนองนี้ สอบเอ็นทรานซ์ไม่ติดมาเป็นครู แล้วออกกฎ.. แล้วจะดีไหม   แค่นี้ก่อนนะครับ จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 11:42:12

ความคิดเห็นที่ 15 มาให้กำลังใจ จขก.ครับ แต่แต้มผมไม่มีเลย  ขออภัยด้วยนะครับ  เดือนนี้ทั้งเดือนกดไม่ได้ครับ :-)  จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 20:46:48

ความคิดเห็นที่ 16 เฮ้อ ... พูดไม่ถูกอ่ะ อยากจะบอกว่าอย่าโทษแต่ฝั่งครูซิครับ โทษฝั่งทางบ้านบ้างซิ ไม่ใช่อะไรๆก็ความผิดครู นักเรียน 30 คน แต่ให้ครูรับผิดชอบคนเดียว คิดดูถ้าคุณมีลูก 30 คนแล้วรับผิดชอบคนเดียว ไหวมั้ย?? ของอย่างนี้มันต้องร่วมมือกันไม่ใช่โทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยิ่งทุกวันนี้เทคโนโลยีกระโดดมากจะให้ครูคนเดียวเป็นผู้ให้ทุกอย่าง เป็นไปไม่ได้ครับ ปล.ไม่ได้เป็นครูน่ะ แต่เคยฝึกสอนมาแล้วเจออะไรเยอะ ปล2.คนเอ็นทรานส์ไม่ติดนี่คือคนโง่ทุกคนใช่มั้ยครับ จขกท. แล้วคนเอ็นทรานส์ติดทุกคนนี่คือคนฉลาดทุกคนใช่มั้ยครับ จขกท. ผมก็เอ็นทรานส์ไม่ติดแต่ผมเป็นสอนงานให้กับคนจบมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของประเทศครับแต่เด็กที่จบจากมหาวิทยาลัยต้นๆของประเทศกากกกกกกกกมากครับ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 54 02:26:44 จากคุณ : นั่นดิ (ไม่รู้ใครอ่ะ) เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 02:20:11

ความคิดเห็นที่ 17 เงินวิทยฐานะ ไม่ใช่ว่าอยากจะทำก็ทำได้ง่ายๆ ดิฉันเองยังไม่มีสิทธิ์ที่จะทำเลย คนเป็นครู ต้องเป็นครู 24 ชม ต้องดูแลรับผิดชอบลูกคุณตลอดเวลา ถ้าลูกคุณมาอยู่ในความรับผิดชอบของดิฉัน คนเป็นครู หากรับงานพิเศษอื่นๆ หรือเอาเวลาที่ควรจะสอน ไปหางานพิเศษที่ได้เงินเพิ่ม ก็กลายเป็นคนที่ไม่มีจรรยาบรรณวิชาชีพ แต่คนเป็นครูก็เป็นคนเหมือนกับคุณ ที่ก็ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว ก็เป็นคนที่ต้องใช้ชีวิตเหมือนคนในสังคมทั่วๆ ไป และการที่ให้มีเงินวิทยฐานะ ก็เพื่อให้ครูไม่เอาเวลาไปทุ่มเทกับงานพิเศษเพื่อหาเงินมากไป ก็เลยให้ทำงานที่เกี่ยวกับครู เพื่อให้ได้ค่าตอบแทน ที่สามารถทดแทนกันได้ ซึ่งมันก็ไม่ได้ง่ายซะจนแบบว่า อยู่ดีๆ ก็ได้ และต้องมีหลักเกณฑ์มากมายที่จะทำได้ คุณจะมองแค่ความไม่เป็นธรรมในส่วนมุมมองของคุณ โดยไม่คิดถึงหลักความเป็นจริงบ้างเลยนั้น มันก็ดูจิตใจคับแคบไปนะคะ และครูที่ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณบอก ก็มีเยอะแยะ ไม่ใช่ 100% ครูเป้นแบบนั้น ขนาดวันนี้มีเงินวิทยฐานะ ครูที่เก่งๆ ที่พวกพ่อแม่ผู้ปกครองอยากได้ เด็กเก่งๆ เขายังไม่อยากมาเป็นครูกันเลย เพราะค่าตอบแทนมันน้อย รับผิดชอบสูง และก็ไม่ได้ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตอะไรมากมาย คนเรามันจะให้ดี เต็มร้อย มันก็คงยากค่ะ ขนาดคุณเอง ลองถามตัวคุณดูสิว่า คุณเป็นพ่อเต็มร้อยหรือยัง... ส่วนดีมันก็มีขอบเขตค่ะ และที่ดิฉันถามว่า เป็นอะไรมากมั้ย เพราะเหมือนคุณจะอิจฉาที่ครูมีเงินวิทยฐานะ ซึ่งมีไม่กี่ % ของครูทั้งหมดที่ได้เงินนั้น หากยกเลิกเงินวิทยฐานะไป สงสัยคุณคงต้องเปิดโรงเรียนสอนหนังสือเอง เพราะครูใหม่ๆ คงลาออกไปทำงานอื่นกันหมด เพราะว่าไม่มีแรงจูงใจ จะเหลือแต่ดิฉัน จะส่งลูกมาเรียนด้วยมั้ยคะ??? (แซว ขำๆ ค่ะ อันนี้) ถ้าคุณมองว่า ครูที่มีวิทยฐานะบางคนไม่สอน ไม่ทำงาน สู้คุณไปเรียกร้องให้มีการประเมินเพื่อคงวิทยฐานะไม่ดีกว่าเหรอคะ ตอนนี้มันก็มีอยู่แล้ว ก็ไปทำให้มันเป็นมาตรฐาน และมีคุณภาพไปเลย น่าจะดีกว่า ซึ่งมันก็พอจะดูสมเหตุสมผล และมีเหตุผลบ้าง จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 06:21:39

ความคิดเห็นที่ 18 อืม ขอบคุณคุณ][NuUnAn-- ที่มาตอบครับ  ประเด็นของเรื่องนี้มี สองส่วนที่สำคัญ คือ 1.ส่วนที่ 1. เรื่องเงินวิทยฐานะ  ผมไม่ได้อิจฉาหรือเป็นแบบ เป็นอะไรมากไหมครับ ผมก็เพิ่งเข้าใจความหมายนี้ แรกคิดว่าคุณหมายถึง เป็นอะไรมากไหมครับ ที่อึดอัดหดหู่กับระบบการศึกษา จริงๆเงินวิทยฐานะเนี่ ผมยกตัวอย่างมาให้เห็นว่า โรงเรียนหนึ่ง มีครูอยู่ 13 คน เป็นครู คส.เสีย 11  ผมก็สงสัยว่าเขาเขียนปรับกันได้ไงเนี่ย โรงเรียนวัดมีอาคารสองตึก ตกเรียนกับตึกธุรการที่ใช้เป็นห้องพักครู ห้องสมุดอะไรด้วย เด็กก็น้อยมาก ที่สำคัญ "งบประมาณแผ่นดินที่ต้องจัดสรรให้กับเงินวิทยฐานะ" มันเป็นก้อนเดียวกันกับเงินอื่น คืองบประมาณของกระทรวงศึกษา เขาเรียกว่าเงินค่าใช้จ่ายประจำ.  ค่าใช้จ่ายประจำ..คือเงินดือน วิทยฐานะ ค่ารักษาพยาบาลฯลฯ อะไรเนี่ย ถ้ามากก กระทรวงก็ต้องผลักเบียดมาจากค่าปรับปรุง ซ่อมแซม หรืออะไรอื่นๆ หมายถึงจะไม่มีเงินซ่อมแซมกระดานดำ โต๊ะ เก้าอี้นักเรียน  เงินวิทยฐานะยิ่งมาก นักเรียนยิ่งนักเรียนแย่ คุณภาพนักเรียนตกต่ำลง  2. ประเด็นที่สอง เรื่องใบประกอบวิชาชีพฯ ผมเล่าประสบการณ์ครั้งหนึ่ง ตอนเรียนมัธยม มีครูท่านหนึ่งย้ายตามสามีที่เป็นนักปกครองชั้นสูงมาอยู่ที่จังหวัด ท่านตามมาเป็นแม่บ้าน มาสอนวิชาเกี่ยวกับภาษานี่แหละ ท่านรอบรู้สอนดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ถามอะไรขยายความรู้หมด ท่านจบอักษรฯจุฬา    เดิมปีก่อนนี้ครูคนหนึ่งจบวิทยลัยฯ... บอกคำเดียว ห่วยมาก  ถามว่า ถ้าต่อไป พวกที่จบอักษรฯ จบวิทยาศาสตร์ จบวิศวะ จะมาเป็นครูได้ไหม พวกนี้จะต้องไปเรียนเพิ่มอีก 1 ปีหรือไปอบรมอะไรก่อนมาสอบใช่ไหม .. เขาจะมาไหม.. ทำไมไม่ให้เขามา....กีดกัดทางสังคม ละเมิดสิทธิมนุษยชนพื้นฐานไหม  แค่นี้ก่อนครับ จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 09:09:36

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่แน่ใจว่าเข้าใจคุณถูกหรือเปล่านะคะ ในความหมายคุณคือ ครูที่น่าจะได้วิทยฐานะ น่าจะอยู่โรงเรียนที่มีคุณภาพของโรงเรียนดีๆ เช่น สภาพแวดล้อม ของโรงเรียนจะต้องพร้อม ถูกมั้ยคะ คือจะอธิบายว่า ผลงานของครู ที่ยื่นขอ คศ.3 คศ.2 นั้น คือผลงานที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ผลงานที่เกิดขึ้นกับนักเรียนคืออะไร คือ รางวัลต่างๆ ที่ครูผู้สอน ส่งเด็กเข้าแข่งขันทักษะวิชาการ แล้วเด็กชนะ ทั้งระดับโรงเรียน เขตพื้นที่ ภาค และประเทศ คะแนนก็ลดหลั่นกันไป และก็ต้องทำนวัตกรรม สำหรับ คศ.3 เพื่อใช้ในการเรียนการสอน โดยมีการวิจัยด้วยว่า หากสอนโดยใช้นวัตกรรม ชิ้นที่ทำขึ้นนี้ เด็กจะมีพัฒนาการการเรียนที่ดีขึ้นกว่าการสอนแบบไม่ใช้นวัตกรรม และสภาพแวดล้อมของโรงเรียนที่ว่ายังไม่ดี ไม่น่าจะขอผลงานได้นั้น มันคนละเรื่องกันค่ะ สภาพแวดล้อมมันอยู่ที่การบริหารงานของผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนมันก็มีหลายด้านที่ต้องพัฒนา ทั้งวิชาการ และอาคารสถานที่ ในส่วนของงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ถ้าเป็นอาคารสถานที่ โรงเรียนจะต้องดำเนินการของบประมาณเพื่อสร้างอาคารไปยังต้นสังกัด (เท่าที่รู้นะคะ) ไม่ใช่เอาเงินงบประมาณจากเงินที่ได้รับจัดสรรจากรัฐ ที่เป็นเงินอุดหนุนรายหัว ไม่สร้างอาคารหลังใหญ่โต ทำได้ก็คือซ่อมแซม ปรับปรุง   และเงินงบประมาณใช่ว่าจะเยอะ เด็กน้อย งบที่ได้จัดสรรก็น้อย เด็กเยอะ ก็ได้จัดสรรเยอะตามจำนวนเด็ก โดยคิดเป็นช่วงชั้นค่ะ ว่าช่วงชั้นนี้จะได้เงินอุดหนุนรายหัวเท่าไรต่อคน เช่น ประถมต้น 1700 ประถมปลาย 1900 ม.ต้น 3500 ม.ปลาย 3800 ต่อปี (ข้อมูลเก่านะคะ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ปรับขึ้นหรือยัง) และงบประมาณที่ใช้สำหรับการสร้างอาคารสถานที่ กระทรวงก็กันงบประมาณไว้สำหรับก่อสร้างอยู่แล้ว ซึ่งมันคนละส่วนกันกับเงินวิทยฐานะ การใช้เงินของส่วนราชการ จำเป้นต้องมีโครงการเพื่อจัดสรรงบประมาณว่าจะให้กับโครงการอะไร เท่าไร ไม่ใช่ว่าอยากจะให้อะไรก็ให้ได้ค่ะ ----------------- ส่วนเรื่อง การกีดกันทางสังคม ในการส่งเสริมให้เรียนครู ส่วนตัวแนนเอง แนนจบ วท.บ. เทคโนคอมพิวเตอร์มา ไม่สามารถยื่นขอใบอนุญาตฯ ได้ เพราะว่าไม่ได้เรียน ค.บ. มา ก็ไปเรียน ปว.ค. ในสมัยอยู่ ปี 4 ซึ่ง ณ เวลานั้นไม่ทราบว่า หลักสูตรนี้ไม่รับรองแล้ว ณ วันนั้นก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้ใบอนุญาตฯ โดยการยื่นเทียบโอนมาตรฐานวิชาชีพที่เรียนมาให้ผ่านมากที่สุด และสอบมาตรฐานวิชาชีพในมาตรฐานที่เหลือค่ะ ณ วันนั้นภาคภูมิใจในตัวเอง และวันนี้ก็มีศักดิ์และสิทธิ์ของคำว่าของครูเต็มตัวเสียที หนทางมันมีอยู่ หากต้องการมาเป็นครู อยู่ที่ว่าคุณมีปัญญาเพียงพอที่จะแก้ปัญหาได้ไหม ให้มันสมเหตุสมผลที่เขาเหล่านั้นกล่าวอ้างว่าเขาเก่งวิชาการหรือเปล่า คนเป็นครูจะเก่งแต่วิชาการแต่ไม่มีวิชาชีวิต แล้วจะสอนคน สอนเด็ก ให้ใช้ชีวิตเป็นได้อย่างไร คนเป็นครูนอกจากจะสอนคนอื่นให้เป็นคนมีความรู้แล้ว ต้องสอนให้เขาใช้ชีวิตเป็น แก้ปัญหาชีวิตเป็นด้วย ไม่ใช่เป็นแต่เรียกร้อง ก่อม็อบ หาความเป็นธรรมโดยการยืนอยู่นิ่งๆ โดยที่ไม่ลองแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน ครูที่ดีต้องสอนคนมากกว่าหนังสือ ใช่เพียงถือชอล์กปากกาพาเขียนอ่าน ต้องอุทิศชีวิตจิตวิญญาณ ให้เก่งงานปลูกฝั่งในทางดี (คณะศึกษาศาสตร์ - มหาวิทยาลัยนเรศวร) ...ดิฉันเพิ่งกลับจากการอบรมเพื่อที่ต่อไปจะเป็น Master Teacher (Master Teacher คือ ครูที่ผ่านการทดสอบสมรรถนะครูทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 7-8 เมษายน 2553 แล้วได้คะแนนอยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศคิดเป็น 10% ของครูที่เ้ข้ารับการประเมินทั้งหมด) ณ มหาวิทยาลัยรัฐ แห่งหนึ่ง เขตภาคกลาง ซึ่งมีชื่อเสียงมาก วิทยากรที่อบรมก็เป็นอาจารย์ประจำคณะฯ ประจำวิชาเอกของดิฉัน ..ในการอบรม 4 วัน สอบอีก 1 วัน ซึ่งใน 4 วัน เปลี่ยนวิทยากร 4 คน ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ว่า "คนเก่งนั้น ไม่ใช่ครูที่สอนเก่งเสมอไป" ครูที่ดี ครูที่เก่ง ต้องเป้นครูที่สอนคนอื่นเขาเข้าใจ มีความรู้ นั่นจึงจะเป็นตัวบอกได้ว่า การที่คุณเป็นคนเก่งนั้น คุณเป็นครูที่มีคุณภาพหรือไม่???? ดิฉันอาศัยน้องนักศึกษาที่เข้ามาช่วยวิทยากร ต้องคอยสอบถามเขา และน้องนักศึกษาต้องไม่เก่งเท่าอาจารย์ของเขาที่เป็นวิทยากรสอนดิฉันอยู่แล้ว แต่.. "ดิฉันเข้าใจที่น้องเขาสอนดิฉันมากกว่า" ในขณะที่อีกห้องหนึ่ง (แบ่งผู้เข้้ารับการอบรมเป็น 3 ห้อง) บอกดิฉันว่า วิทยากรสอนดีมาก เข้าใจทุกบรรทัดของคำสั่งในโปรแกรม อธิบายที่มาที่ไป แต่ในขณะที่ห้องดิฉันที่อบรม กลับไม่เป็นแบบนั้น... ---------------------------------------- ใครจะมาเป็นครู จะจบจากมหาวิทยาลัยดังๆ หรือแต่ มรภ. จะเก่ง จะอ่อน ...แต่คุณภาพของครูจริงๆ มันอยู่ที่ว่า สอนเด็กแล้ว เด็กเข้าใจไหม มีความรู้ไหม มากกว่า "และที่ดิฉันเจอมา ก็บ่งบอกได้ว่า คนเก่งไม่ได้หมายความว่าจะเป็นครูที่ดีที่เก่ง" --------------------------------------- และคนเก่ง.. จบมหาลัยดังๆ ก็คงไม่ยากจนเกินไป หากเขาจะไปสอบมาตรฐานวิชาชีพ 9 มาตรฐาน ให้ผ่านเพื่อจะได้เป็นครู เหมือนอย่างที่เขามั่นใจว่าเขาเก่ง เขาคงจะไม่กากอย่างที่ คห. ด้านบนบอก แต่ส่วนตัว ก็คิดว่าคนที่เรียนครูมาโดยตรง ก็น่าจะสอบมาตรฐานวิชาชีพเหมือนกัน จะได้วัดว่ามหาลัยที่คุณเรียนมาผลิตบัณฑิตได้มีคุณภาพ และตรงตามหลักสูตรหรือไม่ และมันก็จะเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด เหลือแค่เพียงประสบการสอนเท่านั้น ที่ ค.บ. โดยตรงน่าจะได้เปรียบกว่า เพราะว่าฝึกสอนช่วงยังเรียนอยู่แล้ว และครูอย่างดิฉันก็เห็นว่าดี หากต้องสอบสมรรถนะอยู่ตลอด จะได้มีความเป็นมาตรฐาน จะได้ไม่ต้องมาว่ากันได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ทำ เขาทำ แต่ไม่รู้กัน และไม่เข้าใจกันต่างหาก จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 10:14:15

ความคิดเห็นที่ 20 ขออธิบายเพิ่มเติมนะคะ ตกไปเรื่องอาคารสถานที่ หากโรงเรียนสภาพแวดล้อมไม่ดี โรงเรียนก็จะไม่ผ่านการประเมินคุณภาพภายนอก ค่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม่มีผลต่อการประเมินวิทยฐานะค่ะ แต่ต่อไปเกณฑ์ใหม่ โรงเรียนไหนที่ไม่ผ่านการประเมินคุณภาพภายนอก ครูจะไม่มีสิทธิ์ยื่นขอ และในเรื่องอาคารสถานที่ มันเกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารมากกว่าครู เพราะหน้าที่หลักของครูคือสอนหนังสือ ไม่ใช่ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเป็นหน้าที่หลัก ส่วนอื่นก็แค่ส่วนประกอบค่ะ จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 10:19:47

ความคิดเห็นที่ 21 อ้อ.. เพิ่มเติม จากเด็กที่เรียนเก่งจริงๆ เช่น สายวิทย์ คณิต เคมี คอมฯ ทาง สพฐ ก็มีจัดสอบเพื่อให้ทุนเรียนซึ่งเรียกว่า สควค เมื่อเรียนจบแล้ว 2 ปี ก็จะได้บรรจุเป้นข้าราชการครู โดยไม่ต้องผ่านการสอบบรรจุเข้ารับราชการครู แต่อย่างใด ทาง สพฐ เขาก็ไม่โครงการอยู่ แต่มันอยู่ที่ว่า คุณจะสอบได้ไหม คุณมีคุณสมบัติไหม เพราะเด็กทุน จะต้องมีเกรดเฉลี่ยที่ดี และจบมาไม่เกินกี่ปี หากไม่เข้าเกณฑ์ ก็ต้องเดินตามทางอื่นเหมือนคนอื่นค่ะ ส่วนมาก ปัญหาที่พูดๆ ถึง กระทรวงก็ใช่ว่าจะตัดแข้งตัดขา เขาก็มีทางออกไว้ให้ แต่คนเก่งเหล่านั้นเขาไม่รู้มากกว่า ถ้าหาข้อมูล ศึกษาบ้าง ก็น่าจะไม่พลาดสิทธิ์ต่างๆ จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 10:33:40

ความคิดเห็นที่ 22 ขอเล่าตามประสบการณ์ของตัวเองนะค่ะ พ่อของดิฉันเป็นครูสอนที่โรงเรียนเล็กๆ แถวบ้านมีเด็กนักเรียนราวสองร้อยปลายๆ มีครู 18 คน ตอนนี้พ่ออายุห้าสิบกลางๆ ทางโรงเรียนมีนโยบายแกมบังคับให้ครูต้องทำผลงานทางวิชาการเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ เพื่อตัวเลขครูค.ศ.3 จำนวนมากจะเป็นหน้าเป็นตาให้โรงเรียน แน่นอนว่าพ่อของดิฉันต้องทำ แต่พ่อก็เป็นครูรุ่นเก่าที่สอนเด็กตามที่เราว่ากันว่าแผนเก่านั่นแหละ (มีตีก้นเด็ก เสร็จแล้วทายาให้ด้วย) พอไปอบรมเรื่องผลงานทางวิชาการพ่อดิฉันงงมาก แต่ยังดีหน่อยที่พ่อพอใช้อินเตอร์เน็ตเป็นบ้าง เลยสอบคุรุออนไลน์ผ่านไม่ยากเท่าไหร่ แต่ครูลุงๆ เพื่อนๆ พ่ออีกหลายคนแทบใช้คอมฯ ไม่เป็น สุดท้ายตัวผลงานก็ต้องมาเป็นหน้าที่ของดิฉัน (ที่ไม่ได้จบศึกษาหรือครุ) ส่วนครูสูงวัยท่านอื่นๆ ส่วนมากก็ไม่มีกำลังพอจะมาทำ จ้างเค้าทำทั้งนั้น อ่อมีป้าแม่ของเพื่อนท่านหนึ่งท่านทำเอง แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ผ่านเครียดจนต้องพบจิตแพทย์ เรื่องผลงานทางวิชาการนี้ดิฉันก็คิดว่าดีนะ ได้ทำนวัตกรรมใหม่ๆ เอาไปสอนเด็ก ครูก็มีแผนการสอนที่แน่ชัด แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันหนักหนาสาหัสเกินไปสำหรับครูรุ่นเก่าที่ไม่คุ้นเคยกับการทำวิทยานิพนธ์ แล้วก็ผ่านการอบรมวิธีทำแค่ไม่กี่วัน ดิฉันทำวิทยานิพนธ์ยังต้องเรียน ต้องปรึกษาอาจารย์เป็นปีๆ เลย สอนเรื่องการสอนของพ่อถึงเป็นแบบเก่า ดิฉันก็ว่าใช้ได้อยู่ พ่อจบพละศึกษา แต่สอนมาแล้วทุกวิชา (เมื่อก่อน รร.นี้มีพ่อเป็นครูคนเดียว) วันก่อนดิฉันสอนเลขหลานสอนตั้งนานหลานก็ไม่เข้าใจ จนดิฉันมึนตึบแทน แต่พ่ออธิบายนิดเดียวก็เข้าใจ  ดิฉันชมพ่อ  พ่อเลยเล่าให้ฟังว่าตอนแรกไม่รู้มาเป็นครูได้ไง ไม่รู้จะสอนเด็กยังไง แต่ก็สอนไปเรื่อยๆ พอเข้าใจเด็กก็อธิบายเด็กรู้เรื่องเอง ตอนนี้พ่อสอนวิชาสุขศึกษาและพลศึกษาอย่างเดียว โดยไม่ใช้หนังสือแบบเรียน เด็กไม่ต้องมีสมุดจด (ไม่ได้ตามหลักการเลย) ดิฉันก็เคยประท้วงพ่อ แต่พ่อให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้พ่อแม่เด็กเสียเงินซื้อ วิชาแบบนี้สอนให้เด้กเข้าใจแล้วเอาไปทำก็พอแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่า คนเก่งไม่ได้เป็นครูที่ดีเสมอไป อันนี้ความจริงค่ะ แต่คนที่ไม่เก่งก็ไม่ได้เป็นครูที่ดีเสมอไปเหมือนกันนิค่ะ ดิฉันจึงว่าไม่แปลกถ้าจะเลือกคนเก่งมาเป็นครูก่อน ดิฉันเชื่อ(แม้บางอาจไม่จริงก็ตาม)ว่าถ้าลองได้เป็นครูแล้ว ไม่อยากสอนเด็กให้ได้ดีก็ให้รู้ไป จากคุณ : primmatt เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 13:39:52

ความคิดเห็นที่ 23 ความคิดเห็น ศ.นพ.ประเวศ วะสี ค่ะ เคยอ่านเจอ น่าสนใจดี ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และกรรมการปฏิรูปประเทศไทย กล่าวว่า ควรยกเลิกระบบผลิตครูของประเทศไทยในปัจจุบัน ที่มีคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ ของสถาบันอุดมศึกษาผลิตบัณฑิตออกมาเป็นครูโดยเฉพาะ การผลิตครูแบบนี้เหมือนการเลี้ยงต้อย ไม่ได้คนที่อยากเป็นครูจริงๆ มาเรียนวิชาชีพครู หรือไม่ได้ผู้ที่มีความรู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แต่ละด้านจริงๆ มาเป็นครูจริง ได้แต่คนที่ไม่รู้จะเรียนอะไรก็เลยมาเรียนครูแทน สุดท้ายก็เกิดปัญหา ครูไม่มีคุณภาพ ครูขาดแคลนในวิชาต่างๆ โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ "ในบางประเทศ เช่น ฝรั่งเศส ออกกฎหมายยกเลิกการผลิตครูแบบนี้แล้ว เปลี่ยนไปใช้วิธีให้บัณฑิตที่จบสาขาวิชาอื่น แต่มีความสนใจอยากเป็นครู มาเรียนต่อวิชาด้านการศึกษาแล้วมาเป็นครูแทน วิธีนี้จะได้คนที่อยากเก่งและเชี่ยวชาญในวิชานั้นๆ มาเป็นครู และได้คนที่อยากเป็นครูจริง แต่ระบบผลิตครูของเราในปัจจุบัน ได้แต่คนที่ไม่รู้จะเรียนอะไรแล้วถึงมาเรียนครู" นพ.ประเวศ ตั้งข้อสังเกต ศ.นพ.ประเวศ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จะต้องเร่งสร้างแรงจูงใจในรูปแบบต่างๆ เพื่อดึงดูดคนเก่ง คนดี ให้มาเป็นครูด้วย โดยเฉพาะอัตราเงินเดือนครู ต้องได้มาตรฐานเหมือนในประเทศที่เจริญแล้ว เช่น ญี่ปุ่น จะให้อัตราเงินเดือน ครู ตำรวจ และคนเก็บขยะ สูงกว่าอาชีพอื่น เพราะถือว่าเป็นอาชีพที่มีความสำคัญและเสียสละ ที่สำคัญต้องเลิกตีค่าคนจากใบปริญญา แต่ตีค่าที่ความรู้จริงที่แต่ละคนมี ถ้าเป็นเช่นนี้ ชาวบ้านก็สามารถเป็นครูในวิชาที่เกี่ยวข้องกับเขาได้ แล้วเราจะได้มีครูเต็มไปทุกสาขาวิชา สามารถเรียนรู้ได้จากทุกคนที่มีความรู้ ไม่ต้องมาพะวงกับปัญหาขาดแคลนครูอีกต่อไป ที่มา : http://www.komchadluek.net/ จากคุณ : primmatt เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 13:46:00

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านข้อความที่ 23 แล้วเห็นด้วยริงๆค่ะ อยากให้คนที่อยากมาเป็นครูได้เป็นครูจริงๆ อยากให้ประเทศไทยได้พัฒนาจริงๆ จากคุณ : mazzo (MaZZO) เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 20:20:24

ความคิดเห็นที่ 25 ขอยกบางส่วนที่ผมโพสตั้งกระทู้มาให้อ่านเล่นนะครับ  คิดว่าน่าจะสนับสนุนความไม่เหมาะสมของการกำหนดให้ครูทำผลงานวิชาการครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10539490/K10539490.html ดญ.สมศรี  ใฝ่ฝันอยากเป็นครู  ตั้งแต่เป็นเด็ก   พยายามดิ้นรนศึกษา  หาที่สอบ  ที่เรียน  จนจบมาได้เป็นครูสมใจนึก  ครูสมศรีถูกส่งไปสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง  ให้สอนชั้น ป.3  วันแรกที่เริ่มสอน  ครูสมศรีรู้สึกช็อค  “โอยตายละ  เราจะทำอย่างไรดี  อุตส่าห์อ่านหนังสือเตรียมการสอนมาอย่างดี  แต่เท่าที่ลองเช็คความรู้ของเด็ก  มีพอรู้เรื่องระดับตำราป.2 ที่เด็กสอบผ่านมาแล้ว มีไม่ถึงครึ่งห้อง  อ่านหนังสือไม่ออกก็แยะ   เวลาผ่านไป...ครูสมศรีพยายามสอนเด็กกลุ่มที่พอเรียนรู้เรื่อง  พยายามเข็นเด็กที่ไม่ยอมรู้เรื่อง  เข็นมากเด็กพวกที่พอเรียนรู้เรื่องก็เบื่อ  แล้วพวกที่อ่านไม่ออกเลยจะทำไงดี  สู้ไปๆๆๆ  จนครบปี เด็กสอบไม่ผ่านมีครึ่งห้อง   ถามครูคนอื่นๆ  เขาก็บอกว่าก็ให้เด็กผ่านๆขึ้นไปนั่นแหละ  ใครๆเขาก็ทำแบบนี้  ขืนให้มีเด็กสอบตก  ครูคิดเหรอว่าอีก 1 ปี เด็กพวกที่สอบตกจะเรียนรู้เรื่อง  ครูก็สอนพวกนี้มาตั้งปีแล้วนี่ครูน่าจะรู้  และถ้าให้เด็กตก  ครูโดนเฉ่งแน่นอน  ครูสมศรีก็เลยให้เด็กสอบผ่านยกชั้น              พอทำครั้งแรกได้  ปีถัดไปก็ง่ายที่จะใช้วิธีเดิม  ครูสมศรีรู้สึกหมดศักดิ์ศรีไปเรื่อยๆ เริ่มมีเสียงชาวบ้านที่ลูกหลานที่มาเรียนแล้วแต่ไม่ได้มีวิชาความรู้จากโรงเรียนมาเข้าหู  “ไอ้แดงเหรอ  ปีที่แล้วก็ครูสมศรีไง  เป็นครูประจำชั้น  จบป.3มาแต่ยังอ่านหนังสือไม่ออก”  ครูสมศรี รู้สึกเก็บกด  อารมณ์ร้ายขึ้นเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว  ความฝันที่จะเป็นครูแบบที่เคยวาดฝันไว้ก็ถอยห่างไปเรื่อยๆ  แล้วความก้าวหน้าล่ะ  ก็ต้องมี  ตามอายุราชการ   และเบื้องบนยังมีทางออกส่งเสริมความก้าวหน้าให้อีก  โดยการทำผลงานทางวิชาการ  ผลงานแบบนี้ทำอย่างไรล่ะ..............(ส่วนใหญ่ทำอย่างไร  ท่านที่อยู่ในวงการคงจะพอรู้นะครับ)  ครูสมศรีเคยได้ยินอาจารย์พูดถึงวิธีทำตอนสมัยเรียนครู  เลยไปลุยลองทำดู  ลุยลงไปทำแล้วโอ...มันยากและใช้เวลามากเลย    อ้าวแล้วลูกศิษย์ล่ะ  พวกที่พอจะเข็นได้บ้าง  เอาไว้ก่อนละกัน  ครูสมศรีขอก้าวหน้าก่อนนะ  รุ่นน้องแซงไปหลายคนแล้ว    เรื่องราวก็ดำเนินไปตามครรลองขอให้เพื่อนๆพอจะนึกต่อไปเองนะครับ  แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 54 21:54:15 จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 21:53:18

ความคิดเห็นที่ 26 ก็จ้างเขาทำ หรือทำชุ่ยๆ หรือทำแบบข้อมูลหลอก หรือไม่จริง ปรุงแต่งข้อมูล รายงานเท็จใส่ในรูปเล่นเสนอผลงานเป็นเท็จ แล้วก็ได้ปรับวุฒิไปได้เรื่อยๆ เหมือนๆกัน เป็นแบบเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ใครคิดต่างหรือเปิดเผยเรื่องไม่ชอบมาพากลก็กลายเป็นคนแปลก ใช่ไหมครับ.. จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 22:15:42

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นกระทู้เกี่ยวกับครูเป็นต้องเข้ามาดู  ทุกครั้งที่เห็นคือ คนธรรมดามากมาย ใช่ครูบ้าง ไม่ใช่ครูบ้าง พ่อแม่ลุงป้า   ต่างอยากทำให้ครูมีคุณภาพ การศึกษาไทยดีขึ้น มีความคิดอ่านดีๆ มากมายในการพัฒนา  ชาวบ้านธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ รู้ว่าปัญหาคืออะไร ที่มาที่ไป สะสมอยู่ตรงไหน แก้ยังไง  คำถามคือ ผู้มีหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องงานการศึกษาจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้อาวุโสทั้งหลาย เขาจะไม่รู้หรอกหรือ  ....แล้วคำถามต่อไป คือ ทำไมไม่ทำ จากคุณ : โจแดง เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 54 00:15:07

ความคิดเห็นที่ 28 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 08:02:27 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 08:01:47 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 07:54:00 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 17:56:13

ความคิดเห็นที่ 29 http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/education/20101109/361835/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A1.%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B47%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5.%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%B8%E0%B8%92%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%90..html จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 17:57:09

ความคิดเห็นที่ 30 ฤดูหาเสียง  :( จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 21:20:28

ความคิดเห็นที่ 31 ได้ยินมาจากครูบนดอยคนหนึ่งว่า เด็กชั้นมัธยมโรงเรียนบนดอยหลายคนยังอ่านหนังสือไม่ออกด้วยซ้ำ เพราะเป้าหมายไม่มีใครคิดจะเข้ามหาลัยซักคน คนที่เข้าได้ถือว่าเทพเลยทีเดียว จากคุณ : Dulce de Leche เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 23:53:08

ความคิดเห็นที่ 32 ขนาดนักเรียน ม.6 อยากเป็นครูเต็มเลยเพราะว่า อัตตราการเกษียรงานครูเยอะในปี 2558-2559 เพราะว่าจบมา ยังก็ไม่ต้องตกงานมีงานทำ จากคุณ : ชวนพิศชวนฝัน เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 00:07:11

ความคิดเห็นที่ 33 บทความของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ในคห.ที่23 ก็ถือว่าตรงจุดดีครับ ถ้าเลือกได้คนเก่งๆ (ไม่ใช่เรียนเก่ง แต่พูดเก่ง สอนเก่ง สอนเรื่องยากให้กลายเป็นง่ายได้) ไม่เลือกเป็นครูแน่นอน ยิ่งเป็นคนที่เป็นสายเฉพาะทางด้วยแล้วนะ จะทำให้คุณภาพครูต่ำลงอีกต่างหาก แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 01:22:49 จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 01:14:01

ความคิดเห็นที่ 34 ที่แย่คือฐานเงินเดือนครูมันต่ำมาก การขึ้นเงินเดือนแบบจิ๊บจ๊อย เช่น8000เป็น9000 ก็ไม่มีประโยชน์ สร้างแรงจูงใจไม่ได้ เพราะอุดมการณ์มันกินไม่อิ่มท้อง ประเทศเราปล่อยให้สิ่งที่ควรทำชะงักมาหลายปี พอจะปฏิรูป มันเลยต้องให้ยาขนานแรง อย่างน้อยๆ ต้องสตาร์ทที่ 15000บาท(สำหรับครูที่ผ่านการทดสอบความสามารถในการสอนแล้ว) แล้วก็วัดผลการสอนแบบจริงจังไม่ใช่เรียนไม่รู้เรื่องก็ผ่าน รู้เรื่องก็ผ่าน ไม่งั้นก็หาคุณภาพไม่เจอกันต่อไป เอวัง ด้วยประการละฉะนี้ จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 01:20:14

ความคิดเห็นที่ 35 ความคิดเห็นที่ 31 ได้ยินมาจากครูบนดอยคนหนึ่งว่า เด็กชั้นมัธยมโรงเรียนบนดอยหลายคนยังอ่านหนังสือไม่ออกด้วยซ้ำ เพราะเป้าหมายไม่มีใครคิดจะเข้ามหาลัยซักคน คนที่เข้าได้ถือว่าเทพเลยทีเดียว จากคุณ : Dulce de Leche =========== ไม่เฉพาะบนดอยหรอกครับ  ดูที่นี่นะครับ ========== http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10401230/K10401230.html .................................................................................................................... จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 12:51:11

ความคิดเห็นที่ 36 คห.34  ครับ ฐานเงินเดือนไม่ได้ต่ำหรอกครับ  ขนาดนั้นยังแย่งกันเข้าจะเป็นจะตาย อัตราจ้างหลายๆแห่งเงินเดือนแค่ห้าพันกว่าบาทยังจ่ายกันเป็นแสน ปัญหามันอยู่ที่วิธีคิดครับ จบครูมา  มีใบประกอบวิชาชีพ  สอนได้ทุกชั้นเรียน  บ้าดีไหมครับ ผมเคยอ่านเจอหนังสือเล่มหนึ่งเขาบอกว่า นักวิชาการการศึกษาชอบพูดให้ฟังยาก  เรื่องตรงๆ พูดตรงๆไม่เป็น 555 ....................................................................................................... จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 12:57:58

ความคิดเห็นที่ 37 คห.๒๗ “ผู้มีหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องงานการศึกษาจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้อาวุโสทั้งหลาย เขาจะไม่รู้หรอกหรือ ....แล้วคำถามต่อไป คือ ทำไมไม่ทำ” อาจจะเป็นเพราะว่า ไม่อยากทำ หรือกลัวว่าถ้าทำไปแล้วเจอตอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย ยิ่งถ้ามันไม่ใช่เป็นนโยบายประชานิยม ไม่มีใครกล้าพูดอยู่แล้ว ทั้งๆที่มันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีก็ได้ พูดตรงๆว่าตอนนี้พวกเราเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งครู นักเรียน พ่อแม่ผู้ปกครอง ชาวบ้านตาดำๆ ไม่ต้องให้บอกนะว่าใครเป็นผู้กระทำ ถามว่าเราหดหู่ไหมกับประเทศไทย ไม่เฉพาะการศึกษานะ เกือบทุกเรื่อง สิ่งเดียวที่เราไม่หดหู่คือ จิตใจดีงามของคนไทยเท่านั้น ความจริงเราน่าจะหดหู่มากกว่าคนไทยทั่วไปด้วยซ้ำ เช้าๆเราจะฟังข่าวจีน ได้เห็นความคิดที่ก้าวหน้ามากกว่า ความกล้าในการบริหารประเทศและปกป้องตนเองของจีนทุกวัน ไทยเหรอ? นโยบายประชานิยม อะไรที่เข้าท่าๆส่วนมากมาจากเอกชน หรือเป็นโครงการเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่มีอนาคตเติบโต จีนแสดงออกมาเกือบทุกๆทางที่เราเข้าไปสัมผัส ทั้งคน ข่าว นโยบาย ละคร ฯลฯ มักมีจุดแข็งที่เราอิจฉาและแอบหวังว่าประเทศไทยจะเป็นแบบนั้นบ้าง สักครึ่งก็ยังดี เราคิดแบบนี้ทุกวันเช้าเย็น จนช่วงหลังๆหมดหวังไปแล้ว จีนเขารัฐบาลนำประชาชน นอกจากเสียงบ่นถึงความเข้มงวดแล้ว ส่วนมากจะเป็นเสียงแห่งความหวัง ถามว่าเรื่องโกงกินมีไหม มีแต่น้อยกว่าไทยมาก และเขามีแผนที่เป็นรูปธรรมมากกว่าไทยมากนัก เราไม่อยากคิดว่า ถ้ามีวันหนึ่งเราฟังภาษาอังกฤษได้ดีเท่าภาษาจีน ฟังข่าวฝรั่งทุกวันจะหดหู่ไปกว่าเดิมไหม เราเห็นด้วยกับความคิดที่ว่า อุดมการณ์กินไม่ได้ ในโลกที่เต็มไปด้วยโฆษณา บริษัทต่างๆจ้องทำกำไรให้มากกว่าปีที่แล้วทุกปี ทั้งๆที่เค้กมันก็มีเท่าเดิมน่ะ แต่ก็โลภได้ทุกปี แสดงออกมาทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นลดราคาอย่างหลอกๆ ลดคุณภาพหรือปริมาณสินค้า สารพัด อย่างไม่มีจิตสำนึก ยังมีการแข่งขันที่ขยายไปทั่วโลก สารพัดชาติเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์จากไทย ครูก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งย่อมได้รับผลกระทบเป็นธรรมดา จะมาบอกว่าครูต้องรู้ทันทุกเรื่อง ไม่ตกหลุมพรางคงไม่ได้ เรื่องนั้นคงไม่มีใครทำได้หรอก ความโลภของครูก็เพิ่มขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย ในเมื่อระบบตอบสนองไม่ได้ ครูก็ต้องหาทางออกเอง เงินเดือนที่ขึ้นให้ครูนั้นน่าจะเพิ่มอย่างน้อยเจ็ดเปอร์เซ็นต์ทุกปี อย่างน้อยๆก็ห้าเปอร์เซ็นต์ ให้มันมากว่าอัตราเงินเฟ้อก็ยังดี(ล่าสุดที่ได้ยินสามเปอร์เซ็นต์กว่าๆ) เด็กล่ะ? ยิ่งต้องการเงินมาสนับสนุน แต่เด็กไม่ค่อยมีปากมีเสียง อย่างมากก็ผ่านพ่อแม่ พ่อแม่ไม่ได้อยู่ในวงการศึกษาก็ไม่รู้อะไรมาก ปล่อยได้ก็ปล่อยไป หลายเป็นปัญหาหมกหมัมมานาน คห.๓๔ พูดได้ตรงใจเราจุดหนึ่งคือ ประเทศเราปล่อยให้สิ่งที่ควรทำชะงักมาหลายปี พอจะปฏิรูป มันเลยต้องให้ยาขนานแรง เราขอเพิ่มว่า ต้องใช้ยาหลายขนานด้วย เขียนที่นี่ไม่หมดหรอก ในความคิดเรา มันไม่ใช่เรื่องเงินอย่างเดียวและเป็นทั้งวัฏจักร จากคุณ : ขวัญ (khumchalong) เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 15:22:21

ความคิดเห็นที่ 38 แม่เราก็เป็นครูนะคะ อยู่ในแวดวงนี้ตลอด เราก็อยากให้รัฐบาลคิดเรื่องนี้ดีดี ปีนี้คนที่จบครู 5 ปีเนี่ย เราเรียนเกษตรนะคะ เพื่อนเราเรียนคณะศึกษาฯ ปีนี้ใครได้เกรดดีดีจะได้บรรจุ ส่วนคนที่เกรดไม่ดีจะต้องสอบ โอเคอันนี้เข้าใจค่ะ แต่ว่า เพื่อนเราได้ 3.2 นะ ยังไม่ได้ลงเลย รู้ไหมคะ เพราะอะไร ก็ไม่ได้อยากจะว่าอะไรหรอก คือเพือนเราบอกว่ามีแต่ราชภัฎทั้งนั้นเลย ม.อื่นไม่ค่อยได้เพราะอะไร ????? มีคนแถวบ้าน เรียนไม่เก่งเลย เกเรมากก แต่พ่อค่อนข้างใหญ่พอสมควร ไม่มีอะไรทำ มาเป็นครู (เอาไรคิดเนี่ย) มาสอนก็มานั่งเล่นเฟซบุค (แม่บอกนะคะ คือประมาณว่า เค้าจ้างให้มาสอนคอม แล้วสอนเวียนในกลุ่มโรงเรียนค่ะ) ใส่ขาสั้นมาสอน พอบอกก็เถียงแบบ เค้าสอนเก่งจะตาย ประมาณนั้น แต่เด็กยังใช้คอมกันไม่เป็นเลยนะ เข้าใจว่าเป็นแต่ละลักษณะบุคคลค่ะ แต่เราว่าถ้าใครไม่พร้อมจะมาเป็นครูเนี่ย อย่าเลยนะ อย่าเลือกอาชีพสุดท้ายมาเป็นครูเลย แบบคิดว่า ไม่มีงานทำ มาเป็นครูดีกว่า อย่าเลยค่ะ แก้ไขคำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 16:10:26 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 16:09:40 จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 16:09:09

ความคิดเห็นที่ 39 เรื่องเงินก็สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือทำงานอย่างไรให้คุ้มค่าเงินที่ได้มา ต้องทำใจว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ถ้าสถานะและฐานะของครูดีขึ้น อนาคตการศึกษาของเด็กในภาพรวมน่าจะดีขึ้น น่าจะเกิดการสร้างแรงจูงใจให้เด็กเรียนเก่งเลือกเรียนครูมากขึ้น เพระปัจจุบันวิชาชีพอื่นก็มองเงินเดือนครู แล้วเลือดกำเดาแทบไหลด้วยความอิจฉา ..น่า..เพื่ออนาคตเด็กไทยและศักดิ์ศรีของพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ ยอมๆกันหน่อย คุณครูทั้งหลายก็ช่วยๆพัฒนาคุณภาพการสอนให้มันคุ้มค่ากับที่รัฐให้ความสำคัญ อย่าให้ใครว่าเอาได้  เป็นไปได้ไหทนี่ จากคุณ : mangpongja (mangpongja) เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 17:00:38

ความคิดเห็นที่ 40 คิดว่าทำได้ดีกว่าจงทำเสียแต่วันนี้ คุณเริ่มได้ทันที ความรู้ที่คุณร่ำเรียนมา กับความตั้งใจที่คุณมี คุณสามารถเข้าไปแทนทีครูที่คุณผิดหวังกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี สมัครเรียน วิชาชีพครูเสียวันนี้ และไปสอบเป็นครู... จากคุณ : ดอกไม้เล่าเรื่อง เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 17:08:06

ความคิดเห็นที่ 41 มีอุทาหรณ์เรื่องหนึ่งในอดีตกล่าวคือ ...สมัยหนึ่ง ท่าน รมต.ศึกษาฯก็เล็งเห็นความสำคัญของครู(ไม่รู้จะเล้งเห็นเป็นแบบฐานเสียงหรือเล็งเห็นจริงๆ)ก็ไปปลดลํอคไปเพิ่งซี เพิ่มเงินเดือนให้กับ่ครูให้ได้เงินเดือนมากขึ้น ซีมากขึ้น ..ก็คงในสมัยสิบกว่าปีที่ผ่านมานะครับ รุ่นที่ซี 7 ขั้นพิเศษขาดตลาดไม่พอขาย จนต้องสั่งจองกัน .. สิบกว่าปีมาแล้วที่เงินเดือนมากขึ้นๆๆๆ .. แล้ววันนี้มีอะไรที่ดีกว่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว.. มีอะไรพัฒนาไปอย่างเห็นได้ชัด จนมีนัยสำคัญ.   ลองคำนึง ตรึกตรองดูนะครับ...  เฮ่อ..หดหู่น๊ะ จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 19:13:20

ความคิดเห็นที่ 42 ใจเย็นครับ กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายจากครูรุ่นเก่า สู่ ครูรุ่นใหม่ ในอีก 5 ปี นับจากนี้ไป เรามาดูกันใหม่ ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างกับการศึกษาไทย โดยส่วนตัว คิดว่า... ต้องดีขึ้น จากคุณ : zenzen เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 23:05:52

ความคิดเห็นที่ 43 ผมว่ากระทู้ของคุณสุดเดียวดาย กระทู้นี้ อตร.มากนะครับ น่าจะขอให้ WM ลบทิ้ง 555 ถ้าประเทศคู่แข่ง  หรือประเทศที่ไม่หวังดีเขามาเห็น แล้วเขาไปใต้โต๊ะ  จ้างให้คนมีอำนาจในกระทรวงอื่นๆเอาอย่าง  ประเทศเราจะแย่เอานะครับ ลองคิดดู  สมมติพี่ๆน้องๆพยาบาล - คุณหมอ พากันทำผลงานวิชาการ  อั๊บเงินเดือนขึ้นกัน             ข้าราชการหน่วยอื่นๆ  พากันทำ  ประเทศเรากระเป๋าฉีกแน่เลย  จะเอาเงินที่ไหนมาพัฒนา               มีงบเท่าไร  ต้องเอาไปจ่ายเงินเดือนหมด 555   ===============ล้อเล่นนะครับ============== ========= เด๋วจันทร์หน้าจะกด "โหวต" ให้ใหม่ครับ=========   ............................................................................................................................. แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 54 15:03:47 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 54 15:02:56 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 54 14:53:55 จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 14:28:31

ความคิดเห็นที่ 44 ผมเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งครับที่เกิดขึ้นเมื่อ 7-8 เดือนที่แล้วนี่เอง กล่าวคือ ในจังหวัดทางภาคกลาง 2-3 จังหวัด(อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยนะครับ ลองเช๊คได้เอง) ครูในระดับมัธยมประจำจังหวัด ได้ต่างพาเหรดกัน เออร์รี่ รีไทน์กันไปเป็นจำนวนมากๆ อายุแต่ละทาน อยู่ในระดับ 50-55 แทบทั้งสิ้น เป็นครูที่เก่งๆทั้งนั้น..  จนผู้ใหญ่ในจังหวัดแต่ละจังหวัดให้ ชี้แจงว่าเหตุใดจึงทำให้ครู เออร์รี่กันเยอะมาก ถ้าแบบนี้ใครจะสอนหนังสือกัน เริ่มแย่มากแล้ว บางจังหวัดนักการเมืองคนสำคัญก็ได้ตัดพ้อกับ รัฐบาลว่า ครูเออร์รี่มากๆนี่ จะแย่นะ " คำตอบที่พาเหรดกันออกคือ--- เบื่อระบบ..." เงินเพิ่ม เงินค่าวุฒิ ยังเอาไม่อยู่เลยนะครับ...ขอให้อีกมุมนี้ด้วย จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 15:23:47

ความคิดเห็นที่ 45 ที่เห็นๆ คือครูไม่ค่อยมีเวลาสอน ไม่ใช่เพราะมัวขายตรงนะครับ แต่ตัวเนื้องานมันไม่เป็นสัดส่วน ครูคนนึง ไม่ได้สอนอย่างเดียว แต่งานธุรการ พัสดุ บริหาร ทุกอย่าง ครูทำหมด เหมือนพนักงานออฟฟิศ แต่สอนด้วย คิดว่าจะสอนได้ดีไหมล่ะครับ แล้วไม่ได้สอนน้อยๆนะครับ ครูคนนึงสอนกันหลายวิชา หลายชั้น ต้องเตรียมการสอนกันขนาดไหน? มันต่างกับอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่เตรียมการสอนได้เต็มที่ มีความสุขกับการสอน ใครมีพ่อแม่เป็นครู ลองถามๆ ดูเถอะ บางคนอายุเยอะแล้ว แต่ทำหน้าที่เกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ อย่าว่าแต่ไปขายตรงเลย เอาเฉพาะเคลียร์งาน ก็กลับ 6 โมงกว่า ทุกวันอยู่แล้ว อยากเตรียมการสอนดีดี สอนให้เด็กสนุก แต่มันเอาเวลามาทำแบบนั้นไม่ได้ งานอื่น (ในโรงเรียน) มันรออยู่ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 17:13:12

ความคิดเห็นที่ 46 มาช่วยกันพัฒนาดูนะคะ มาสมัครเป็นครูดู ^^ จากคุณ : มาดามชะนี เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 20:06:19

ความคิดเห็นที่ 47 ผมไม่เชื่อว่าอีก 5 ปีครูรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาแล้วจะดีขึ้น ครูรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบันมีลักษณะนิสัยเป็นแบบค่านิยมของเด็กสมัยนี้ คือเห็นแก่ตัว เอาตัวรอด ทำหน้าที่เป็นแค่ผู้สอน ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นครู ครูรุ่นเก่าๆ จะมีจิตวิญญาณความเป็นครูอยู่สูง การเป็นครูต้องเป็นตลอดเวลา มีเมตตา มีจิตวิทยา ซึ่งผมว่าครูรุ่นเก่าๆมีอยู่เต็มเปี่ยม แล้วที่ครูยุ่งไม่มีเวลาสอน ส่วนหนึ่งก็มาจากนักวิชาการ(บ้าบอ) ที่นั่งอยู่ในห้องแอร์ แล้วคิดนโยบายต่างๆมากมาย ทั้งประเมินภายใน-นอก ประเมินครู จับครูไปสอบ ไปเข้าค่าย จัดแข่งขันทางวิชาการเด็ก บางที่ต้องทำโรงเรียนในฝันอีก ซึ่งไม่ได้มาสัมผัสจริงๆว่ามันเป็นอย่างไร บางท่านทำธุรการ วิชาการ แล้วจะมีเวลาได้อย่างไร ส่วนเรื่องการทำผลงาน อาจารย์ 3 ระดับ 7 เดี๋ยวนี้ใครๆก็ทำครับ แล้วเท่าที่ทราบมารุ่นใหม่ๆจำนวนมากที่จ้างกันทั้งนั้น ผลงานยกเมฆกันมา ต่างกับรุ่นเก่าๆก่อนปีอะไรผมจำไม่ได้ ที่ครูทุกคนทำเอง คิดเองเขียนเอง ทดลองใช้จริงๆกับเด็ก แล้วนำมาปรับเขียนแผน แรงจูงใจที่สำคัญที่ทำให้ครูแทบทุกคนทำอาจารณ์สามในยุคปัจจุบัน ผมว่ามันเกิดมาจาก การที่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีคนส่งผลงานกันมาก แล้วตรวจไม่ทัน ตกค้างอยู่นานมาก แล้วมีการให้ผ่านของเกือบทั้งหมดที่ส่ง(ครูเค้าเรียกกัน"รุ่นเทกระจาด") ถ้าทำแล้วผ่านเงินเดือนเพิ่มเป็นหมื่น ใครๆก็ทำครับ แล้วอีกปัญหา หนี้สินครู ที่รัฐบาลหลายชุดพยายามแก้ไข ทำไมครูจำนวนมากเป็นหนี้เยอะ ทั้งๆที่เงือนเดือนสูง(อายุราชการเยอะ) ผมว่าเพราะสังคมครู ครูต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีบ้าน มีรถ มีสงคมที่ต่างจากชาวบ้านออกไป ต้องแต่งตัว ต้องคัดผ้าไหม ลูกต้องเรียนโรงเรียนดี เรียนมหาวิทยาลัย ไม่ใช่ว่าครูฟุ้งเฟ้อนะครับ แต่สภาพสังคมมันบีบบังคับให้ควรจะเป็น จะมาซอมซ่อ สกปรกไม่ได้ชาวบ้านจะดูถูกตายเลย เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ครูทำอาจารย์3 แล้วเรื่องที่คุณ สุดเดียวดาย พูดเรื่องครูเออร์รี่ รีไทน์ ครูดีๆเก่งๆจำนวนมากครับที่เออร์รี่ รีไทน์กันหมด เพราะเบื่อระบบ เบื่อผู้บริหาร-ผู้อำนวยการ ที่ผมรู้จักนี่ก็เกือบ10แล้ว ทั้งเออร์รี่ รีไทน์ เพราะเบื่อระบบ ทั้งเออร์รี่ รีไทน์ หนีผู้บริหาร ผู้บริหารก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ครูหมดกำลังใจทำงาน การมีระบบให้ขั้น จริงๆน่าจะเป็นแรงจูงใจให้ครูขยัน แต่เท่าที่เห็นจำนวนมากที่ผู้บริหารไม่ดี คนทำงานจริงไม่เคยได้ คนทำงานด้วยปาก ทำงานหาเงินเข้ากระเป๋าผู้บริหารมักจะได้ดีเสมอ คนทำงานก็หมดกำลังใจ จริงๆผมว่าครูน่าจะเกษียนที่ 65 ด้วยซ้ำเสีบดายครูดีๆ เก่งๆ ที่ต้องออกไปจำนวนมากเลย คนอยากบรรจุเป็นครูเยอะครับ แต่คนเก่งๆดีๆ มีมาสอบซักกี่คน เงินเดือนต่ำ ระบบมีปัญหา ถ้าจะแก้จริงๆ คงต้องรื้อทั้งระบบเลยมั้งครับ จากคุณ : Cellophane เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 06:30:53 A:125.26.59.211 X: TicketID:317670

ความคิดเห็นที่ 48 ขอตบมือให้คุณ Cellophane ครับ ตรงประเด็น ใจกว้าง กล้าพูด ยอมรับความจริง..มีความสุจริตใจ..เยี่ยมครับ ..ขออนุญาต copy ไปไว้ในอีกกระทู้นะครับ.. จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 07:03:20

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุึณคุณ สุดเดียวดาย ที่ copy ความเห็นของคุณ Cellophane มาให้อ่านนะคะ พักนี้ได้รับหลังไมค์บ่อย แต่ก็ดีค่ะ ถือว่าแลกเปลี่ยนกัน แนนเห็นด้วยกับคุณ Cellophane นะคะ ที่บอกว่า ครู 5 ปี ที่เข้ามา ก็ใช่ว่าจะดีขึ้น และแนนได้เคยพูดไว้ในกระทู้ก่อนหน้านี้แล้วในกระทู้ของคุณ ครับผม ว่าปัญหาเกี่ยวกับเรื่องครูนั้น มันอยู่ที่ทุกฝ่าย มันไม่ใช่แค่ส่วนใดส่วนนึง และเพราะคนส่วนนึงที่ทำให้ทุกอย่างมันเสียไปหมด เพราะผลประโยชน์ส่วนตัวของเขา และขออ้างอิงจาก ความเห็นที่ดิฉันเคยกล่าวไว้ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10475456/K10475456.html#100 ปัญหา องการศึกษาไทย มันจะมามองแค่ส่วนหนึ่งส่วนใด กลุ่มคนทำงานกลุ่มใด หรือเพียงแค่ระบบการบริหารเท่านั้นก็คงจะไม่ได้ เพราะว่าบางปัญหาก็เกิดจากหลายๆ อย่างสะสมมา จนบางเรื่องมันกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร และเห็นด้วยกับ คห. ด้านบนๆ ที่ว่า ปัยหามันอยู่ที่คนมากที่สุด เพราะต่อให้ระบบดีแค่ไหน แต่คนมันไม่ดี มันก็คงพัฒนายาก คนในบางคนก็ใช่ว่าจะดีเหมือนอย่างคนนอกว่า ส่วนคนนอกบางคนอยากเ้ข้ามาเป็นคนในเหลือเกิน ก็ตะเกียกตะกายเข้ามาสาดใส่ตีแผ่กระจายเยอะแยะ แต่แล้วยังไง หากได้เข้ามาแล้ว ก็คงไม่แตกต่างจากเขาที่ทำอะไรไม่ได้ ... ผู้ บริหารชั้นฟ้าบางคน ไม่เคยเข้าอกเข้าใจครูที่อยู่ตามบ้านนอกเป้นอย่างไร ไม่เคยรู้ต้นทุนชีวิตของเด็กๆ ยากจนที่มีเยอะกว่าเด็กที่เพียบพร้อม คนที่ไม่เคยอยู่ ไม่เคยเห็นสภาพปัญหา จะบริหารและเขียนวิสัยทัศน์ให้ชาติพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ยังไง มีแต่ขายฝัน ละเมอเพ้อพบว่าอยากได้อย่างนั้น อยากได้อย่างนี้ แต่ไม่ลืมตาดูบ้าง ว่าบริบทของเรามันเป็นได้แค่ไหน และทำอะไรได้บ้าง แม้แต่ผู้ปกครอง ยังไม่เห็นความสำคัญของการศึกษา และจะปลูกฝังยังไงให้เด็กได้อย่างที่เพ้อฝันไว้ มันจะต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปี กว่าจะสร้างวัฒนธรรมทางความคิดได้ใหม่ ที่ไม่หลงและตกเป็นทาสความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการปรับตัวให้เข้ากับการ เปลี่ยนแปลงของสังคม อย่าว่าแต่การศึกษาระดับขั้นพื้นฐานเลย.. ระดับอุดมศึกษา ก็ย่ำแย่พอกัน ขายใบปริญญา ผลิตคนที่ไม่น่าจะเป็นครูออกมา เฮ้อ.. สมัยนี้คิดแค่เงินและรายได้เท่านั้น ถ้าไม่มีเปิดสอบเป็นข้าราชการ ประเทศคงแย่กว่านี้ เพราะคนที่อยากเป็นครู คงมีน้อยกว่าตอนนี้หลายเท่า วัดได้จากจิตใต้สำนึกการเรียนครูตั้งแต่จบชั้น ม.6 เศร้าค่ะ.. ขอไว้อาลัยให้กับคนเล-วๆ ในสังคม ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาติตกต่ำ เพียงเพราะความอยากได้ อยากมี อยากเป็น และผลประโยชน์ส่วนตัว ---------------------- แนนเองก็ไม่ได้ว่าครูดีไปหมดทุกคน แนนมองว่าระบบยังไม่ดี และที่แย่กว่านั้นคือ คนก็ทำให้ระบบแย่ลง ทุกอาชีพก็ย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดี แต่ในปัจจุบัน ไม่ว่าอาชีพไหน คนไม่ดีก็เยอะกว่าคนที่ดีอยู่ดี ส่วนตัวก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะดีอะไรมากมาย แต่ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ที่มันผิดจรรยาบรรณวิชาชีพก็เพียงพอ ไม่ได้สอนพิเศษ ไม่ได้มีธุรกิจขายตรง หรือทำอะไรที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวและเบียดเบียนเวลาราชการ เรื่องผลงานทางวิชาการ จะจ้างเขาทำ หรือจะลอกใครเขา คนที่ควรแก้ปัญหา ก็น่าจะเป็นฝ่ายบริหารชั้นฟ้า ที่ควรจะต้องกำหนดโทษให้กับคนที่รับจ้างมากกว่าตัดสิทธิ์ึคนอื่นเสียหมด และดิฉันก็เคยพูดไว้แล้วว่า น่าจะมีการสอบวัดความรู้ครู เพื่อคงไว้ซึ่งวิทยฐานะและเงินเดือนต่างๆ เพื่อให้เกิดการกระตุ้น และตัดปัญหาการปล่อยเกียร์ว่าง ของครูที่ใกล้เกษียณแล้วบางคน ส่วนเรื่องพฤติกรรมนั้น จะวัดกัน ครูใหม่ครูเก่า ครูเก่ง ครูไม่เก่ง ก็คงเอาอะไรมาวัดไม่ได้ เพราะมันอยู่ที่จิตสำนึกของแต่ละคน เกณฑ์ต่างๆ มันก็ทำได้แค่วัดจากภายนอก จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 11:14:59

ความคิดเห็นที่ 50 #47 คุณ][NuUnAn-- ครับ .......น่าจะมีการสอบวัดความรู้ครู เพื่อคงไว้ซึ่งวิทยฐานะและเงินเดือนต่างๆ เพื่อให้เกิดการกระตุ้น และตัดปัญหาการปล่อยเกียร์ว่าง ของครูที่ใกล้เกษียณแล้วบางคน .... ผมกลับมองว่าทุกองค์กร  แทนที่จะตรวจเช็คความรู้ของคนในองค์กร  ควรจะตรวจเช็ค สภาพจิตใจ มากกว่าครับ ทำงานเดียวซ้ำๆ  หลายๆปีเนี่ย เพี้ยน ได้ง่ายๆนะครับ .............................................................................................................................................................. จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 12:53:59

ความคิดเห็นที่ 51 สำหรับครูื มันจำเป็นค่ะ คุณ ครับผม เพราะว่า ครูคือผู้ให้ความรู้ จะได้ไม่ต้องให้ผู้ปกครองมาดูถูกครูได้ว่า ขนาดครูยังไม่มีความรู้ แล้วจะไปสอนคนอื่นได้ยังไง เพราะครูไม่เก่ง มันก็เลยทำให้เด็กโง่เหมือนทุกวันนี้ คนเป็นครู ได้ยินแบบนี้มันก็สะเทือนใจค่ะ แต่ไม่ใช่ว่า สภาพจิตใจ ไม่สำคัญนะคะ แต่ตอนนี้คนนอกเล่นเรื่องสมรรถนะเรื่องความรู้ของครูกันซะเยอะ ก็อยากให้ัมันเป็นมาตรฐานไปเลย ส่วนสภาพจิตใจนั้น ยิ่งแย่หนักกว่าความรู้อีกค่ะ 555+ เพราะว่าข้าราชการเลือกเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ได้อยู่กับผู้บริหารดีก็ดีไป เพื่อนร่วมงานดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ ก็ต้องทำใจหน่อย ซึ่งมันก็มีทุกที่ เลียแข้งเลียขา ป้อยอ เฮ้อ.. การพิจารณาความดีความชอบ โดยให้อำนาจผู้บริหารนี่ ทำให้วัฒนธรรมองค์กรของครูเสียหมดค่ะ ...ขอไว้อาลัย 1 นาที เห็นสภาพแก่งแย่งชิงดีของพวกครูด้วยกันแล้ว ก็อนาจใจ ปากกัดตี-นถีบกันเหลือเกิน (กัดเพื่อดึงคนอื่นไม่ให้เหนือกว่า และถีบคนอื่นไม่ให้ขึ้นมาเสมอตัวเอง) ทำงานเด่น สอบสมรรถนะได้เป็น Master Teacher ผู้บริหารชื่นชม อิจฉากันจัง... ส่วนนี้ไม่รุ้จะพัฒนาอย่างไร เพราะมันกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรไปแล้ว ที่สืบทอดมารุ่นสู่รุ่น ยิ่งกว่ามรดกคุณยายเสียอีก... เฮ้อ... *แก้คำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 54 13:52:49 จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:50:54

ความคิดเห็นที่ 52 ปูเสื่ออ่านไปเรื่อยๆ จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 19:01:38

ความคิดเห็นที่ 53 ผมมีเรื่องเรียนให้ทราบอีกเรื่องหนึ่ง ลองพิจารณาดูนะครับ... "วันนี้ก็เลยลองสอบหาข้อมูลดูครับว่า ปีนี้ครูในจังหวัดๆหนึ่ง ที่อยู่ใน 3 จังหวัดที่ผมได้กล่าวไว้ข้างบน จะมีครูยื่นเออร์รี่ รีไทร์ อีกไหม???" ปรากฎว่า เท่าที่ทราบกัน จะมีครูในระดับมัธยมของโรงเรียนประจำจังหวัดดังกล่าวยื่นเออร์รี่ รีไทร์ มากเหมือนปีที่แล้ว แต่ปีนี้มีข้อสังเกตุคือมีสองช่วงอายุ คือ ครูที่ีมีอายุ 55ขึ้นไป ที่ผิดหวังหรือไม่ได้โควต้าของปีที่แล้ว จะมีจำนวนมาก กับอีกพวกหนึ่งก็ราวๆ 50 กว่าๆนิดหน่อย มีไม่มาก ที่สำคัญ ครูที่ยื่นฯนี้ จะเป็นพวกที่สอนวิทยาศาสตร์ คณิตฯและภาษาอังกฤษ " จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 19:13:45

ความคิดเห็นที่ 54 เอ่อ เท่าที่อ่านดูเนี่ย ครูรัฐบาลทั้งนั้นเลย ไม่เห็นมีใครพูดถึงครูเอกชนบ้างเลย  ครูรัฐบาลเงินเดือนขึ้น มีเงินเพิ่มพิเศษ มี คส. มีนู่นมีนี่ มีสวัสดิการ แต่ครูเอกชน เงินเดือนน้อยกว่าเยอะ บางคนทำมา 20 ปี เงินเดือนพึ่ง 13,000 บาท  เศร้านะเนี่ย  ถ้าครูรัฐบาลยังบอกว่าไม่ไหว ครูเอกชนขอผูกคอตายก่อนเลยค่ะ งานเราก็ต้องทำเหมือนกัน ปัญหาเด็กราก็เจอเหมือนกัน แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงเราบ้างเลย จากคุณ : เด็กหญิงไข่ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 21:30:06

ความคิดเห็นที่ 55 เอ่อ เท่าที่อ่านดูเนี่ย ครูรัฐบาลทั้งนั้นเลย ไม่เห็นมีใครพูดถึงครูเอกชนบ้างเลย  ครูรัฐบาลเงินเดือนขึ้น มีเงินเพิ่มพิเศษ มี คส. มีนู่นมีนี่ มีสวัสดิการ แต่ครูเอกชน เงินเดือนน้อยกว่าเยอะ บางคนทำมา 20 ปี เงินเดือนพึ่ง 13,000 บาท  เศร้านะเนี่ย  ถ้าครูรัฐบาลยังบอกว่าไม่ไหว ครูเอกชนขอผูกคอตายก่อนเลยค่ะ งานเราก็ต้องทำเหมือนกัน ปัญหาเด็กราก็เจอเหมือนกัน แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงเราบ้างเลย จากคุณ : เด็กหญิงไข่ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 21:30:50

ความคิดเห็นที่ 56 กระทู้นี้  ดุเดือดด้านข้อมูลและเหตุผลจริง แต่ก็มีแง่มุมที่หลากหลายที่เป็นประโยชน์ครับ   เชื่อว่า  คนและหน่วยที่เกี่ยวข้องคงได้แง่คิดและมุมมอง  ต่าง ๆ เป็นแน่ จากคุณ : นกมีหูหนูมีปีก (ฮกกงจื้อ) เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 21:29:14

ความคิดเห็นที่ 57 ความคิดเห็นที่ 13     ถ้าจะด่าตัวเองก็ระบุไปด้วยก็ดีนะคะ ว่าเฉพาะตัวเองที่ไม่มีปัญญา คนเป็นครูแต่ไม่รักในอาชีพตัวเองมันก็น่าสมเพช ================================================= เพิ่งกลับมาอ่านเจอ...อืมม...มีสมเพชกันด้วยนะนั่นน่ะ  ก็เข้าใจว่าคุณน่าจะหมายถึงดิฉันนะคะ  เพราะ คห.แรกดิฉันว่าคนมาเป็นครู  แล้วมาคห.หลังมาบอกว่าเป็นครู...๕๕๕+ ก็แค่กลับมารับรองค่ะ...ว่าไม่ได้ว่าตัวเองแน่ๆ  เพราะมีปัญญาเรียนอย่างอื่น (ไม่อยากจะเล่าค่ะ  เดี๋ยวเล่าไปแล้วถึงจะบอกว่า "ไม่ได้โม้" ก็คงไม่มีใครเชื่อ...ฮา) ไม่เคยแลอาชีพอื่น  ไม่เคยทำงานอย่างอื่น  มุ่งมั่น  มั่นใจ มั่นคงที่จะเป็นครูมาตั้งแต่ต้น  เลือกนะคะไม่ใช่บังคับเลือก  เลือกมาตั้งแต่ยังไม่จบ ม.๖  เลือกเพราะปรัชญาของอาชีพ  ไม่เลือกเพราะความมั่นคงของอาชีพ...มันเป็นอุดมการณ์ส่วนตัวน่ะค่ะ แต่ใครจะเพิ่งมามีอุดมการณ์ภายหลัง  เพิ่งอยากเป็นครูเงินเดือนน้อยก็ไม่ใช่เรื่องผิดนะคะ...เรื่องแบบนี้ว่ากันไม่ได้ ที่ว่าไปใน คห.๖ เป็นเรื่องจริงที่เห็นค่ะ...ที่ดิฉันเห็นนะคะ  ซึ่งนั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คุณเห็น   และการเห็นไม่เหมือนกัน  ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนเป็นครูจะมาคิดสมเพชกันแต่ประการใด...(ฮาอีกที) ก็อย่างที่บอกไปในความเห็นที่ ๖ แล้วก็เหมือนกับที่ นพ.ประเวศท่านตั้งข้อสังเกต คือ  "...ระบบผลิตครูของเราในปัจจุบัน ได้แต่คนที่ไม่รู้จะเรียนอะไรแล้วถึงมาเรียนครู" ที่ใครต่อใครพูด  ว่าคนมาเป็นครู (ส่วนใหญ่) คือคนที่ไม่รู้จะเรียนอะไร  สอบอะไรไม่ได้  เรียนอะไรไม่ได้  หาอาชีพที่มั่นคงในสายที่ตัวเองเรียนมาไม่ได้ แล้วจึงหันมามองอาชีพครู...สิ่งเหล่านี้มันคือความจริงค่ะ...แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม ดังนั้น...หากมีใครพูดเรื่องที่มาของคนเป็นครู  มันไม่ใช่เรื่องรักอาชีพครู  หรือไม่รักอาชีพครูหรอกค่ะ...เพราะเค้าก็แค่พูดความจริงที่เค้าเห็นก็แค่นั้น จริงอยู่การพัฒนาการศึกษา  ไม่ใช่เป็นเรื่องของครูฝ่ายเดียว แต่ถ้าวงการศึกษาได้ครูเก่ง (นิยามส่วนตัว คนเก่งไม่ใช่แค่ท่องเก่ง  จำเก่ง  มันมีอะไรมากกว่านั้นอีกเยอะแยะ  เขียนไปมันจะยาวววว...) และดี (มีคุณธรรมทั้งหลายแหล่)  อะไรๆ ในวงการศึกษาก็น่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่ แม้จะรู้สึกแปลกๆ กับการเอาเงินมาล่อคนเก่ง ล่อคนดี...แต่จะว่าอย่างไรได้  ก็เงินคือพระเจ้านี่เนาะ  แล้วก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยด้วยค่ะ   อย่างน้อยๆ...พอเงินเดือนครูสูงขึ้น  แถมมีความมั่นคงกว่าอีกหลายๆ อาชีพ  บางทีอาจจะทำให้คนเก่งกลับมาสนใจอยากเป็นครูกันขึ้นมาบ้าง ก็ถือว่ายังดีกับเด็ก  กับวงการศึกษาของไทยล่ะค่ะ แต่อย่าว่าแต่วงการครูเลย  วงการอื่นๆ ยังหาคนเก่งและดียากเลยเนอะ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 54 22:18:07 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 54 22:08:47 จากคุณ : ruralcrue เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 22:04:32

ความคิดเห็นที่ 58 แล้วระบบและสังคมนั้น มันไม่ได้เกิดจากคนหรอเนี่ย ตราบใดที่ยังมีคนที่เห็นแก่ตัวมีอำนาจอยู่ และคนที่เน้นความเรียบง่าย สบายๆ แต่มั่นคง ครูเก่งไปสอนพิเศษกันหมดแล้ว แต่ก็เพราะการเกิดเหตุการณ์ที่สามารถเรียกเงินได้มากมายนั้น ทำให้ครูเก่งไม่เกิดการพัฒนากันแล้ว ไม่พิจารณาถึงความเหมาะสมของเด็กอีกแล้ว ดูเอาแค่ว่าเด็กสอบผ่าน สอบได้คะแนนสูงเป็นพอ เก่งจริงหรือป่าว ตั้งใจเรียนหรือป่าว ไม่สนใจ หรือแม้แต่คนทั่วไปเองก็ตามจะคิดหาทางเลี่ยงภาษีต่างๆให้ได้มากที่สุดที่ไม่ใช่การบริจาค (ผมเห็นคนรอบตัวด้วยตัวเอง ฟังไปก็เศร้าอนาคตประเทศไทย) สรุปว่า ทุกคนนั้นล้วนมีส่วนการส่งเสริมการคอรับชั่นอย่างไม่รู้ตัว เพราะมันเคยชินกันอยู่บ่อยแล้ว และส่วนใหญ่เห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติกัน อย่างที่ รายการ เจาะข่าวตื้น บอกว่า คนโกงไม่ได้โกงกันเริ่มต้นที่พันล้านกันได้เลยที่ไหน มันต้องสะสมหัดโกงกันมาตั้งแต่ต้น ผมเองก็กำลังคิดหนักเรื่องๆนึงอยู่เลยว่า เป็นคนเก่งแล้วให้ช่วยเหลือคนอ่อนกว่านั้นจะมีสักกี่ % กัน ?? นักเรียนที่เก่งเริ่มจะถูกปลูกฝังการกั๊กความรู้กันมากขึ้นแล้ว และข้ออ้างมากที่สุดคือ "ขี้เกียจ" นั่นเอง เฮ่ออออ รอโลกแตกกันดีกว่าครับ 5555 จากคุณ : RakRok12 เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 22:52:27

ความคิดเห็นที่ 59 กำลังจะเปลี่ยนแปลงเนื่องจากกรอบคุณวุฒิวิชาชีพของ สกอ ครู จบอนุบาล ก็สอน ได้แค่อนุบาลนะ ครูประถมศึกษา ก็สอนได้ไม่เกิน ประถมศึกษาปีที่ หก (สอนได้ทุกวิชา) วิชาเอกเฉพาะเช่น ไทย สังคม คณิต สอนตั้งแต่ ม 1-6 ยกเว้น วิทยาศาสตร์ สอน ม1-3 วิชาเอกคู่เช่น ไทย-สังคม สอน ป1-ม3 สพป และ สพม เริ่มบังคับใช้วิชาเอกที่ขาดมาบรรจุก่อนแล้วครับ ส่วนระบบวิทยฐานะนั้นผมเห็นว่า ถ้ายกเลิกของครู ก็ยกเลิกไปทั้งหมดเถอะ ข้าราชการทุกประเภท แต่ถ้ายกเลิกเฉพาะของครูก็ยิ่งแย่หนักเพราะ ข้าราชการอื่นๆ เขาก็มีระบบวิชาการ และไม่ต้องรับผิดชอบอนาคตของใคร และไม่ต้องแบกรับคำด่าท่อทั้งๆที่เราก็ร่วมกันจัดการศึกษาให้บุตร หลานๆ ขอเปรียบเทียบภาระงาน ข้าราชการอื่น เช่น นวชก เขาก็รับเท่าครู แท่งเดียวกัน ไม่ต้องมาเจ็ดโมง ไม่ต้องตรวจการบ้าน เขียนโครงการสักชิ้น ประเมินโครงการแล้วส่งก็ได้ตำแหน่งมาง่ายๆ ส่วนครู งานสอน 18 คาบต่ำๆ โรงเรียนเล็กนี้เอาไปเลย 24 คาบ เวลาเตรียมสอนอีก 1 เท่า (ตรวจการบ้าน เตรียมสื่อ PPT ถ่ายเอกสาร เตรียมอุปกรณ์แลปรวม 36-48 คาบ) หมดแล้ว ห้าวัน เสาร์อาทิตย์เป็นวัดหยุด ไม่ๆไม่ได้นะ สมศจะมาประเมิน รับผิดชอบ โครงการเยี่ยมบ้าน โครงการวิทยา คณิต ส่งเสริมความเป็นเลิศ โครงการอื่นๆร่วมกับ อบจ อบต หมดแล้ว 7 วัน ยังไม่หมด ขณะที่สอน ผอ โทรตาม รับพัสดุ ส่ง ตรวจ เดินไปให้คนโน้นเซ็นต์ ทำบัญชี ร้านกระจก รับเหมามาเบิกเงิน งานประกันคุณภาพ งานวิชาการ ประกาศเรียกเด็ก เข้าแถว ชุมนุม โครงงานตามความสนใจ ปลายๆเทอม ปพ ระเบียนสะสม รายงานส่งผอ สมศจะมาตรวจ ไหนๆงานวิจัย วิจัยคนละ 1 ชิ้น ถ้าเป็นโรงเรียนประถมตอนเที่ยง ตักข้าว ปรุงอาหาร สารพัด ก่อน 6.00 ซื้อสิไปซื้ออาหารกลางวัน ยังไม่รวมงานที่ต้องไปส่งที่เขตพื้นที่ ก่อนเปิดเรียน หนังสือละเด็กคืนครบยัง ค่าชุมเบิกมายัง ผู้ปกครองเอกสารพิมพ์รึยัง ชี้แจงหน่อยทำไมเด็กคนนี้มีปัญหา วันไหนมีประชุมที่ โรงเรียนก็อยู่นะ เวรกลางคืน บ้านพักครูชำรุด รับเด็กตอนเช้า ส่งเด็กตอนเย็น สารพัด งานล้น ล้น ล้น ล้น ล้น ที่สุด ในสภาพแบบนี้ถ้าให้ครูทำแบบไม่ผักชีคงจะยาก แต่ในเมื่อ งบจ้างเรามีแค่นี้ (รัฐบาลบอก) ทำๆไปนะ อย่าไปเทียบกับมหาลัยสิ อาจารย์ สาย ก งานสอนน้อยลง งานบริหารมากขึ้น บริหารมากๆ งานสอนเพิ่ม รับไปเลย รวมๆ แสน งาน สาย ขไม่ต้อง มีเลขาประจำตัว สาย ข ก็ นวชก นวชกอื่นๆ ทำงานแบบตรงสมรรถนะ สบายๆ มีคนเตรียม พร้อม สาย ค ก็มี เตรียมอื่นๆ วัสดุ พัสดุ การเงิน โรงเรียนละ ??????? ครู ทำไปเถอะ สอน วิจัย งานสาย ข ครูวัดผลมีไหม???ไม่มีหรอก ครูเทคโนโลยีและนวัตกรรมละ ? มีๆ 1 คนไง ? = ='' เยอะมาก เป็นครูทำหมด คาบสอนเท่าเดิมไม่ได้ลดลงแต่อย่างใดและงานอื่นๆข้างบน ปัญหาแรก ครูต้องกิน คนโง่ มาเรียนครูอาจจะใช่ แต่ทุกคนพัฒนาได้(ต้องเชื่อบ้างอะไรบ้าง)ไม่ใช่สอบ ไม่ได้แล้วจะโง่ตลอดไป คงไม่ใช่มั้ง คนเก่ง ? จะเป็นหรอ ครู เรียนต่อ ป โท ป เอก ไม่ดีกว่าหรอ เป็นข้าราชการ กพ ไม่ดีกว่า ? ความคาดหวังครู 5 ปี ก็เริ่มดีขึ้น ครูในระบบทำไมขี้เกียจ ? ดูจากงานข้างบน ใจไม่รักเลย ไม่เสียสละ เอาแต่หางานนอก กรีดยาง สอนพิเศษ ? ครูมีหนี้สิน ใช่ มี เพราะอะไร ? เงินแรกบรรจุไง ความที่ครูก็ออกลูกได้ มีพ่อมีแม่ มีกระเพาะอาหาร รถก็อยากมี บ้านก็อยากอยู่ ไม่อยากอยู่วัดหรอก ??แล้วครูทำยังไง กู้ไง เธอ กู้ๆๆๆๆๆๆ เพราะเงินเดือนตอนครูบรรจุแรก ก็แค่ 1800 เอง เยอะปะละ เยอะเชียว ไม่กู้จะให้ซื้อสด ห้าๆๆๆๆ ลูกก็มี ลูกต้องกิน อ้าว อย่ามาพูดนะ ครูอะ คศ อะไร เยอะแยะ 40000-50000 เยอะนะ อ่อหนี้ บ้าน รถ ยังไม่หมดอะ ลูกก็ต้องเรียนอะ ทำไงดี ทำไงๆ เหลือไม่กี่บาทเองเธอ อ่อ แบบนี้นี้เอง แล้วรัฐบาลช่วยรึป่าว ? ก็เห็นว่าจะช่วยนะ แล้วทำไมไม่หมดไปอะ ? ก็ระบบไง อิอิ กว่าจะ เงินเดือน 40000 รอไปสิ รอไปๆ 15 ปี อย่างต่ำ จากนี้เริ่มบรรจุเธอก็รับ 9140 ไปก่อนนะ แล้วก็ปรับไปเรื่อยๆ วกกลับมาเรื่องวิจัย ครูทำเป็น ? เรียนมาหรอ ทำวิจัยเนี่ย ปีละเรื่องนะเธอต้องส่งนี้นโยบายรัฐบาล ครูทำ ครูต้องทำ ครูไม่ทำไม่ใช่ครูที่ดีนะ องค์กรอื่นเขาก็ทำ นานาชาติก็ทำ ครูไทยทำไหม ? ทำ ทำวิจัยเป็นหรอครับ ตอบ ไม่เป็น อ้าวแล้วทำไมถึงทำ ก็แรงกดดันอะ ผู้ใหญ่สั่งให้ทืำก็ต้องทำ อ่อครับแล้วรัฐบาล กระทรวงส่งเสริมหรือสอนเรื่องวิจัยรึเปล่า ? ไม่มี มีก็น้อย ครูทำไง? ดี ลอก ก็อป อื่นๆ จ้าง เพราะ ครูจบ ป ตรี ไม่มีทุนอื่นๆเหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัย อบรมไม่ได้ผล ? ครูคิดว่าเรื่องระเบียบวิธีวิจัย กับเรื่องการสังเคราะห์แบบนี้ มันควร จะต้องเรียนสัก ปี นะ หนู อบรมกินงบไม่ได้ผลหรอกนะ !!!!!ครูของครูก็มีนะ!!!!!! ศึกษานิเทศก์ ไง ท่านควรจะทำอะไร? สอนครู อ่านข้อความรู้ใหม่ๆ นิเทศก์ครู ช่วยครูคิด ร่วมกันช่วยครูๆ โดยปกติแต่ละโรงเรียนจะมี ท่านๆเหล่านี้อย่างน้อย 1-3 ท่าน แต่อย่าพึ่ง ท่านประจำอยู่ใน เขต ชาตินึงจะมาเจอครูครั้ง ปีหนึ่งทำอบรม ขึ้นมา สามครั้ง ก็พอแล้ว แล้วก็ประเมินความพึงพอใจ แล้วท่านก็อยู่ได้ แล้วครูละ ครูจะหวังพึ่งใคร ตอบ ไม่มี สิ่งที่อยากฝาก ครูงานเยอะ เยอะมาก เอางานบางงาน แบ่งไปหน่อย ครูสมัยก่อนเก่งมากเพราะ เด็กมีวินัย กลัวครู มีไม้เรียว งานเอกสาร สาย ข ครูไม่ต้องทำมากเท่าปัจจุบัน การเรียนรู้ไม่ได้อยู่ที่ ห้องเรียน อยู่ที่บ้านและสังคม ร้อยละ 90 กระทรวงก่อนจะเอาอะไรจากนอกมาใช้หรือให้ครูทำแนะนำ ทำการ ทดลองใช้หรือวิจัยนำร่องไปก่อนนะว่ามันเหมาะป่าว ครูสนับสนุนอยากให้มีเยอะๆกว่านี้ ที่ไม่ต้องสอน อยากให้ทุกคนในสังคมช่วยกันหล่อหลอมเด็กๆเพราะครูคนเดียว ไม่สามารถทำให้เด็กมีความรู้ เจตคติและทักษะรวมทั้งจริยธรรม คุณธรรม ได้ตามที่ควรจะเกิดในพลเมืองโลกและพลเมืองไทยได้ แน่นอน คำถามตัวเอง : แน่ใจหรอจะเป็นครู ? ตอบได้ตรงนี้ แน่ใจ เพราะอะไร? เพราะเราชอบ สอน เราชอบดูพัฒนาการเด็ก อยากเห็นเด็กเติบโตทั้งกายใจ สติปัญญา ชอบมาก ตอนเด็กๆ อ๋อ!!!! 55+ คำถามสะท้อน : เอ็นท์ไม่ติดละสิ แอดมินชั่นติด เรียน วทบ สองปีแล้วค้นพบตัวเอง เลยโอนไป มหาวิทยาลัยเปิด เรียนครู ตอนนี้เริ่มฝึกสอน แล้ว แม่เป็นครูบ้านนอกนั้นแหละ มาเทียบงาน โรงเรียนแม่และสาธิต ก็ไม่ต่างนะ 55+ สิ่งที่ต่างกันชัดๆ คือ ผู้ปกครองเขาเอาใจใส่เด็กมากกว่า ประชุม มาตลอด ติดตามการเรียนเสมอๆ หากไม่สุภาพประการหรือคำผิดประการใดหรืออ่านยากก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ จากคุณ : อืม (npassmall) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 11:24:50

ความคิดเห็นที่ 60 ^ คุณ npassmall เทอมนี้ 1/2554 แนนสอน 29 คาบค่ะ จากที่ 1 สัปดาห์มีชัวโมงเรียนทั้งหมด 35 คาบ เพราะครูไม่พอ ต้องทนสอนกว่าครูใหม่จะมา ซึ่งไม่รู้ว่าเมือไร??? สัปดาห์นึงได้มี ชม พักแค่ 6 ชม วันศุกร์นี่ สอนเต็มๆ 7 คาบ ไม่มีพัก คาบพักกลางวันก็ต้องพักแค่ 30 นาที อีก 30 นาทีที่เหลือ ต้องมานั่งเปิดห้องคอมให้เด็กต้องศึกษาค้นคว้า และได้ใช้ตามสิทธิ์ของเขา และช่วงเย็นตั้งแต่ 15.30 - 17.00 ทำแบบนี้มา 2 ปี แล้วค่ะ ยกเว้นวันที่ไปอบรม เพิ่งบรรจุได้ 2 ปี ไม่รู้ทำงานคุ้มกับเงินเดือนข้าราชการหรือเปล่า พูดได้ถูกใจแนนมากมาย ตรงที่ เป็นครูก็ออกลูกได้ 555+ และครูก็อยากมีรถ ใช่ค่ะ และนี่คือรถแนนที่ขับอยู่ วันนี้ก็เพิ่งขับไปกินข้าวอีกหมู่บ้านนึง ระยะทางไปกลับ 16 กม จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 21:58:16

ความคิดเห็นที่ 61 เรา เข้าใจปัญหาของครู เช่นเดียวกับเข้าใจปัญหาของข้าราชการหน่วยอื่นเหมือนกัน เมื่อได้คุยกับตำรวจ ก็จะมีปัญหานานัปการเช่นกัน คุยกับหมอพยาบาลก็ปัญหาหนักเช่นกัน แต่ถ้าเรานำปัญหาของบุคคลมาบังปัญหาของระบบเช่นที่ผม หรือคุณครับผมยกมา แล้วคำถามต่อมาคือ สรุปจะแก้ปัญหาของเรื่องนี้อย่างไร การศึกษาจะเป็นแบบนี้หรือเลวลงกว่านี้ เพราะตัวตนครูก็มีปัญหา... ใช่ไหม จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 15:33:14

ความคิดเห็นที่ 62 เรื่องวิธีการเรียนการสอน การสอบ ทำไมไม่มีใครเห็นปัญหาอย่างที่คุณครับผมยกมา เด็กขึ้นป. 3 ป. 4 อ่านหนังสือไม่ออก ผมยังไม่เจอ แต่ผมเห็นเด็ก ม.-3 จับสาระตัวเลขมาเทียบปัญญัตไตรยางค์ไม่เป็น เคยเห็นจริงๆ โห เด้กไม่รู้ว่าจะเอาตัวไหนเทียบกับตัวไหน..ตายละ ไปใช้แบบเก่าจะดีกว่าไหม   วิธีการเลื่อนขั้นเลื่อนเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ที่บอกว่าก็มีทุกหน่วย.. ทุกหน่วยมีจริง แต่... แต่เขามากันตามความจริง เช่นทหารก็มีค่าปีก ค่าฝึกหนักต่างๆเรียกว่าค่าเข็ม พยาบาลตึกหนึ่งจะมีซี8ซักกี่คน แต่ครู..บางทีทั้งโรงเรียนเล็กๆมีเป็นสิบ อย่างที่ผมยกตัวอย่างข้างบน จนชนกันตาย ปัญหาคือเงินประจำตำแหน่งเอามาจากไหนเยอะแยะกันนะ ก็เอามาจากงบซ่อมแซม ปรับปรุงห้องเรียน อุปกรณืการศึกษาของเด็กๆ  ทำให้ห้องเรียนเก่า อุปกรณ์เก่าทรุดโทรม แต่เงินเดือนครู คนละ ห้า หกหมื่น . แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 20:57:59 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 15:44:02

ความคิดเห็นที่ 63 แล้วการประเมินเลื่อนขั้น เอาเงินประจำตำแหน่งเงินวุฒิ ประเมินกันอย่างไร???? พูดซ้ำกันก็หลายรอบ ยิ่งฟังยิ่งละอาย แล้วครูไม่ละอายหรือ จ้างเขาทำ จ้างเขาลอกเกือบทั้งนั้น ยกกระบิ เทกระจาด มีแต่ครูที่ยกกระบิ มีปัญหามากๆแล้วจะให้เชื่อถือกันอย่างไร ครูเอง ถ้าระบบเขาดี การให้ขั้น ให้ตำแหน่งถ้าดี เขาคงไม่ early retired กันมากมายขนาดนี้ ปีที่แล้วเผาหลอก ปีนี้คงเผาจริง ..ครูเก่งๆออกไป ได้ครูมาใหม่ 5 ปีนั้น จะมีประโยชน์อะไร ..คนดีๆเดินหนีออก..ไม่ใช่เรื่องเงินเดือนใช่ไหม.   ผมทราบและรับรู้ปัญหา แต่ผมไม่เห็นด้วยที่จะนำมาเป็นข้ออ้างในเรื่องความตกต่ำของการศึกษา มันคนละประเด็นกันเลยนะครับ จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 15:50:28

ความคิดเห็นที่ 64 คิดอีกมุมนะคุณสุดเดียวดาย เงินใครก็อยากได้ มันเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งยวดของมนุษย์ แต่ถ้ามีการคิดวิธีการเพื่อให้ผลงานวิชาการนั้นมีความเชื่อถือได้มากขึ้น เช่น มีการตีพิมพ์ลงวารสารที่เชื่อถือได้ ผลงานนั้นจึงจะได้รับการพิจารณาจากกรรมการ  ไม่ใช่ให้คณะกรรมการตรวจประเมินอย่างเดียว  ซึ่งอาจเอื้อให้มีการใต้โต๊ะเพื่อให้ผลงานตนเองผ่าน การตีพิมพ์เพื่อให้สาธรณชนรับทราบและนำไปอ้างอิงได้ น่าจะช่วยให้ผลงานวิชาการนั้นมีคุณภาพมากขึ้น ตรวจสอบได้ว่าได้มีการทำจริงหรือไม่ นำเสนอแค่นี้ก่อน   จากคุณ : mangpongja (mangpongja) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:26:36

ความคิดเห็นที่ 66 เรื่องหนี้สินครู..ใครจะโต้แย้งหรือปฏิเสธ ก็ยินดีฟังทุกกรณี แต่ผมก็จะบอกที่เห็นว่า..ครูเป็นกลุ่มคนที่ใช้เงินเกินตัวที่สุด ซื้อรถมา เมื่อมี model change เปลี่ยนรุ่นมาก็ต้องเปลี่ยนแทบทุกคนไป เพราะต้องอวดข่มกัน ทั้งที่คันเก่าก็ยังดี . จัดกรู็ฟทัวร์ไปเที่ยวเมืองนอกกันบ่อยมาก ปีนึ่ง 2-3 หน หนละ 3-4 หมื่น ชอบกันจริงๆไปเที่ยวเมืองนอก เงินก็ไม่มี /รัฐก็บากหน้าเข้าไปช่่วยมากกว่าคนอื่น นี่แหละความไม่เท่าเทียมกันของข้าราชการ ครูได้มากกว่าคนอื่นอีกเช่นเคย...ทั้งรีไฟแนน์ ทั้งดอกถูก จิปาถะ .ครูก็ออกรถใหม่กันเข้าไป ..กินอยู่นะ คนหนึ่งไม่เท่าไหร่หรอก แค่อื่มนะ มื้อหนึ่ง วันหนึ่งจะกี่่ตังค์ ลูกคนอาชีพอื่นก็เรียน เสื้อผ้าคนอื่นเขาก็ใส่ ..เฮ่อ.. จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:09:02

ความคิดเห็นที่ 67 ก็จริงนะ น้าเราเป็นครูสอนประถม ปิดเทอมใหญ่รวมตัวกันไปยุโรป ไปเที่ยวต่างประเทศตลอด จากคุณ : caleste (caleste) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 15:38:46

ความคิดเห็นที่ 68 เฉพาะปีนี้ครูโรงเรียนที่กล่าวถึง ไปเที่ยวเมืองนอกกัน คนละ 2-3 ครั้ง แล้วรัฐจะไปช่วยอะไรกันนัก ข้าราชการอื่น เขาจะรู้สึกอย่างไร อีกเรื่อง เงินค่าวุฒิหรือประจำตำแหน่งครู คส.3 ที่คนละ หมื่นกว่าเนี่ย มีแต่เพิ่มขึ้นๆๆๆๆๆ มีครูที่ได้เพิ่มๆๆขึ้น ถ้าวันหนึ่งครูที่เป็น คส.3 สักแสนคน(ถ้าไม่ควบคุม)  เดือนละ พันล้าน ปีละหมื่นล้าน... ถลุงกันไป ก็เบียดมาจากเงินยอดของกระทรวงศึกษาฯ  หรือเอางี้เลยไหม ยุบงบของตำรวจ หมอพยาบาล ผู้พิพากษา อัยการ ฯลฯ มาเพิ่มให้ครูอีกสัก สองแสนล้าน จึงจะพอใจครู จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 20:54:57

ความคิดเห็นที่ 69 กะเข้ามาอ่านอย่างเดียว เพราะคิดว่า ข้อมูลของคุณสุดเดียวดายอาจคลาดเคลื่อนไป แต่เพิ่งได้เห็นบัญชีการเลื่อนเงินเดือน และค่าตอบแทนของครู ตาม link นี้ http://202.143.147.131/e-officekk4/docs4frontend/19-04-2011-15-20-5320110419151829-32064.pdf อยากบอกว่า ครูประถมเป็นชำนาญการพิเศษ กันเยอะมากๆๆ เงินเดือนแต่ละคนไม่น้อยเลยนะครับ แต่ทำไมผลการสอนเด็กประถมของเรา ไม่แปรผันตามความรู้ความสามารถของครูชำนาญการพิเศษนะ เห็นด้วยกับคุณ mangpongja ว่าในมุมของคนภายนอกมองว่า การประเมินผลงานของครูนั้นไม่รัดกุม มีคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ ทางกระทรวงศึกษาธิการ ควรปรับปรุง จากคุณ : ความจำที่ลางเลือน เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 22:36:18

ความคิดเห็นที่ 70 #19 ผมเคยได้ยินแต่ว่า "ในขณะที่เรียน ลูกศิษย์ ไม่มีทางจะดีกว่าครูที่สอนได้" เอาคน "ไม่เก่ง" มาสอน ผล??? เด็กจะเก่งเกินครู??? เป็นไปได้หรือครับ ที่สมัยเรียนครูเองก็งูๆปลาๆ วิชาการไม่แม่น ภาษาไม่ได้ เมื่อสอนมาสอนเด็กแล้วเด็กจะทำได้ดีกว่าสมัยที่ครูเรียน จริงอยู่ครูที่สอนเก่ง อาจจะทำให้เด็กเข้าใจสิ่งที่ครูพยายามจะสื่อได้ แต่แน่ใจหรือครับ ว่าที่สอนมามันเพียงพอ และก็ถูกต้อง ตัวชี้วัดง่ายๆ ถ้าครูในโรงเรียนทุกวันนี้มันดีพอ เด็กจะต้องขวนขวายไปเรียนพิเศษทำไม โรงเรียนที่ครูเก่งพอนี่ ทั้งประเทศมีถึงยี่สิบโรงหรือเปล่าผมยังไม่มั่นใจเลยครับ ***ถ้าคำนิยามของ "ครูที่ดี" ของคุณ ][NuUnAn-- หมายถึง ความเอาใจใส่ การอุทิศตน หรือความสามารถในการสอน*** ผมเชื่อนะครับว่าคุณ ][NuUnAn-- คือครูที่ดีท่านหนึ่ง นักเรียนคงไม่เสียมือถ้าจะกราบไหว้ แต่คำว่าครูที่ดีนี่ ไม่ได้แปลว่าสอนแล้วนักเรียนจะดีด้วยนะครับ ถ้าครูไม่เก่งพอ ***ทำไมเราจะต้องเอา "วิชาชีพ" (อันศักดิ์สิทธิ์) มากีดกันคนเก่งๆไม่ให้เป็นครู*** การไปเรียนเพื่อใบวิชาชีพ (อันไร้สาระ) เพิ่มอีกหนึ่งปี มันก็เป็นต้นทุนนะครับ ต่อไปคนเก่งๆที่ไหนจะอยากมาเป็นครู ***การได้ใบวิชาชีพ ไม่ได้หมายถึงคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้นสักหน่อย ก็แค่ "ข้ออ้าง" ไม่ให้คนอื่นๆเข้ามาแข่งขันในตลาดอาชีพครูก็เท่านั้น*** ย้ำอีกครั้งครับว่า ***เข้าใจมากกว่า ไม่ได้แปลว่า เข้าใจเพียงพอ*** จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 54 02:02:12

ความคิดเห็นที่ 71 ความดี ความเก่ง เอาอะไรมาวัดกันได้บ้างล่ะเนี่ย ?? คนเก่งใช่ว่าจะสอนได้เก่ง คนเก่งใช่ว่าจะเข้าใจผู้เรียนได้ดีกว่า แม้สถาบันที่สอนพิเศษก็ตามมีใครมานั่งติดตามนักเรียนรายบุคคลกันบ้าง? สอนตามบทไปเรื่อยๆ สอนเสร็จก็เลิก ไม่สนใจแล้ว สิ่งที่เด็กอยากเรียนพิเศษ มีหลากหลายเหตุผลมากมาย และการเปลี่ยนแปลงที่คนสอนก็ไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อยู่ดี ทั้งสังคม ค่านิยม ถ้าจะเข้าใจถึงปัญหา เคยเข้าไปศึกษาค้นคว้าถึงปัญหากันอย่างแท้จริงหรือป่าว เช่นสอบถามถึงการเรียนกับนักเรียน สอบถามครูผู้สอน สอบถามไปยังผู้บริหาร สอบถามไปยังผู้ปกครอง ไปสังเกตการเรียนการสอนในห้องเรียน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียน ปัญหาจริงๆเป็นแค่ที่ครูจริงหรือไม่? ครูเป็นสาเหตุหลักของปัญหาจริงหรือไม่? สามารถแจกแจงถึงสาเหตุของปัญหาเหล่านั้นได้หรือไม่? แน่นอนว่า ถ้ามองแค่ในมุมในห้องเรียน ก็จะเห็นแค่ครูและนักเรียน และปัจจัยภายนอกห้องเรียนต่างๆที่ยังไม่เคยเห็นมาก่อน เคยได้ศึกษามันด้วยหรือยัง พอวัดถึงความแตกต่างได้ชัดเจนว่าสาเหตุของปัญหาอะไรที่สำคัญที่สุดที่ควรจะต้องแก้ไขก่อน ซึ่งอาจจะเป็นครูที่มีปัญหามากที่สุดก็ได้ หรืออาจจะเป็นตัวครอบครัวทางบ้านที่มีปัญหามากที่สุดก็ได้ จากคุณ : RakRok12 เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 54 10:10:38

ความคิดเห็นที่ 72 ถ้าไม่มีระบบที่เชื่อถือได้ ขีดกำหนดเพดาน ค่าวุฒิ เงินประจำตำแหน่งจะเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจาก คส.3 แล้ว ยังมีพวก ซี 7 ที่เงินวุฒิระดับ 3000 -7000 บาทอีกนับแสนคน... ค่าวุฒิจะตกประมาณ 50,000 ล้านบาทต่อปีในอนาคตอันใกล้นี้.. นักเรียนก็จะไม่ได้รับอนิสงฆ์อะไรจากประเทศนี้เลย นอกจากเป็นข้ออ้างเพื่อให้รัฐสนับสนุนช่วยเหลือครูมากขึ้นๆไม่มีสิ้นสุด จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 54 10:47:39

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณมากครับ คุณความจำที่ลางเลือน ... เปิด link ดูแล้วครับ .. เฮ่อ.. อนิจา.. http://202.143.147.131/e-officekk4/docs4frontend/19-04-2011-15-20-5320110419151829-32064.pdf แต่ผมก็ทราบมานานแล้วครับ ในเรื่องนี้ จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 54 10:56:04

ความคิดเห็นที่ 74 เงินเดือนตั้งมากมาย  แต่สอนได้คุณภาพแค่เนี้ย! ไรประสิทธิภาพสุดๆ เป็นเอกชนเค้าคงไล่ออกไปแล้ว ปัญหาก็มากกว่าเดิม ครูก็แก้ตัวแต่เรื่องเดิมๆ โทษนู่นโทษนี่ โยนขรี้พ้นตัวไปวันๆ รายได้มากขึ้น รายจ่ายก็มากตาม ครูก็มัวแต่ก้มหน้าหาตังไม่มีที่สิ้นสุด รัฐบาลหน้าเข้ามาก็ขึ้นเงินเดือนให้อีก หวังจะหาเสียง ไม่ได้ด่าเอามัน แต่ความจริงก็เห็นๆอยู่ จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 54 17:48:43

ความคิดเห็นที่ 75 #70 คุณ 30Seconds2Dreams แน่ใจว่าค่ะ ว่าแค่ครูที่สอนเก่ง สอนเ้ข้าใจได้ มันเพียงพอ และดีกว่าคนที่เก่งเป็นเลิศ แต่ไม่มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ให้คนอื่นเข้าใจได้ นั่นหมายถึงว่า ไม่มีคุณภาพมากกว่า แล้วทำไมไม่คิดบ้างว่า ที่การศึกษาแย่อยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะว่าครูไม่มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ตอนสอบบรรจุเขาสอบวัดแค่ความรู้ แต่ไม่ได้ทดสอบการถ่ายทอดความรู้ นั่นคือ ได้คนเก่งมา แต่ถ่ายทอดไม่เป็น??? และที่เป็นปัญหา เกี่ยวกับการขายวุฒิ ป.บัณฑิต ก็สมควรที่จะปิดไป คนที่จะมาเป็นครู แต่ซื้อ วุฒิ มา มันไม่สมควรที่จะมาเป็นครู ถูกมั้ยคะ ส่วนคนเก่งๆ อยากจะมาเป็นครูนั้น ถามจริงๆ เถอะ มันเป็นเพราะว่าทุกปีมันมีการสอบบรรจุครูหรือเปล่า ถึงเรียกร้องอยากจะมาเป็นครูกันจัง แต่ไม่มีสิทธิ์สอบเพราะไม่มีใบอนุญาตฯ มันก็จะเข้าข่าย เก่งก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะถ่ายทอดเก่ง จริงๆ หนทางมันมีอยู่ ก็คือไปสอบมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อให้ได้มีใบอนุญาตฯ คนเก่งจะสอบไม่ได้เชียวหรือ หรือว่าคนเก่งไม่มีความอดทนและทำไม่ได้ที่จะเดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย ... คนเป็นครูถ้าไม่ทำตามกฎหมาย จะไปสอนคนอื่นให้มีคุณธรรมจริยธรรมได้ยังไง ถ้าคิดว่ากฎนี้มันห่วย แต่ทำไม มีคนเป็นล้าน สามารถทำตามกฎหมายได้ ซึ่งมันก็ไม่ได้แย่หรือยากขนาดที่ว่าสอบไม่ได้ และดิฉันเองก็เป้นหนึ่งในนั้น เอ.. น่าแปลกที่ไม่กี่คน ทำไม่ได้ เก่งจริงหรือว่ากากมาจากสายตรง แต่ไปกร่างสู้เขาไม่ได้ เลยมากร่างในสายครู โดยอวดอ้างแค่ความเก่ง (ขออ้างอิงประโยคนี้จากเพื่อนๆ ในห้องนี้ค่ะ) จริงอยู่ ที่คุณว่า มีไปทำไมใบอนุญาตฯ แต่ทำไมคนเก่งถึงจะไปสอบเพื่อให้ได้มันมาไม่ได้ แน่นอน มันใช้ระยะเวลานาน และต้องอดทน แต่เพราะคุณเลือกที่จะเดินไปทางอื่น แล้วคิดจะมาทางนี้ ก็ต้องทำตามกรอบตามระเบียบ ที่คนส่วนใหญ่เาทำกัน ไม่ใช่อ้างเหตุผลมากมาย เพื่อให้ตัวเองได้ตามคำเรียกร้อง ตอนนี้เขาก็ยังมีให้เรียน ป.บัณฑิตค่ะ แต่เป็นสายที่ขาดแคลน ซึ่งสอบได้ก็ได้บรรจุเลยด้วยซ้ำ แต่คุณสมบัติคุณต้องถึง คือเกรดเฉลี่ย นั่นคือเก่งจริง เขายังเปิดและยังทำอยู่ แต่คัดกรองคนให้มากขึ้น ซึ่งคนที่จะทำได้ ก็คือคนที่เก่งจริงๆ อย่างที่คุณบอกค่ะ ว่าทำไมไม่เปิดโอกาสให้คนเก่งๆ มา เปิดอยู่ค่ะ แต่ถ้าทำไม่ได้มันก็ไม่เก่งแล้วค่ะ เค้าเรียกแค่กากๆ แต่ทำเป็นกร่างว่าเก่ง ... จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 54 11:06:10

ความคิดเห็นที่ 76 ผมไม่อยากให้คุณ][NuUnAn-- สนทนาหรือถกเถียงในเรื่องประเด็นย่อยนะครับ แต่ขอให้คุณ][NuUnAn-- ลองสนใจประเด็นเหล่านี้และหาทางแก้หน่อยนะครับว่า ทำไมเด็กไทยสมัยนี้จึงอ่านหนังสือไม่ออก ถอดsquare root ไม่เป็น ทำไมจึงต้องออกระเบียบใบอนุญาต..อะไรนี่ มีที่อื่นในโลกเขามีกีชาติที่ทำงี้ เท่าที่ผมพบและมีข้อมูล ประเทศที่เจริญแล้ว เขาใช้คนจบบัณฑิตในแบบสหวิทยาการ ภาษาทางการคือ Interdisciplinary แล้วมีข้อกำหนดเช่นต้องมีประสบการณ์กี่ปี มีชั่วโมงสอนกี่ชั่วโมง จึงจะเข้าสู่วงอาชีพครูได้. ทำไมเมืองไทยทำอย่างนี้ ทำอย่างนี้ในขณะที่ครูไม่มีคุณภาพ กฎหมายที่ออกมาจะมีคุณภาพหรือไม่???  เงินเดือนครูมากขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ทำไมโรงเรียนก็ดี การสอนก็ดี วิทยาการความรู้ต่ำลงๆๆๆๆๆ  การปรับเลื่อนขั้นของครู ทำไมล้มเหลว ไร้ขื่อแปสิ้นดี มีการยกกระบิ เทกระจาด ลอก จ้างกันอย่างนี้  เงินเดือนปหรืองบประมาณของกระทรวงที่มากขึ้น ใครเป็นคนได้ประโยชน์ ครูเท่านั้นใช่ไหมครับ น่าสงสารยุวชน นักเรียน เด็กตาดำของชาติ ไม่ได้รับเงินงบประมาณอะไรของชาติเลย อดอยากหิวโหยเช่นเดิม ครูอู้ฟู้ ร่ำรวย ฟุ้งเฟ้อ มากขึ้นๆๆๆ  คุณ][NuUnAn รู้สึกอย่างไรกับ link ที่ปรากฎครับ เงินเดือนครูชำนาญการพิเศษมากมายมหาศาลเหลือเกินทั้งประเทศ บางอำเภอ 80% ของครูอนุบาลเป็น คส.๓   สงสารเด็กคนจนๆ ของไทยไหมครับคุณ... จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 54 17:43:11

ความคิดเห็นที่ 77 รร แนน ไม่เห็นมีสักคนนี่คะ คศ.3 จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 54 21:09:27

ความคิดเห็นที่ 78 ผมหมายถึงรู้สึกยังไงกับ link ที่ใหม่ดูครับ อ้อ ของผมข้างบ้าน ได้กันเกือบทั้งโรงเรียนครับ คส.3 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 54 21:37:27