ความคิดเห็นที่ 1 ไม่เคยตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษเลยเกรดภาษาอังกฤษไม่ได้เลอเลิศ(แต่ก็ไม่ได้อ่อนอะไรนะ) แต่อยากอ่านหนังสือหลายเล่มพออ่านมากๆเข้ามันก็รู้เรื่องไปเอง จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 23:39:11

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนสิบขวบ (ก็ไม่กี่ปีก่อนนะ) ได้ดู Star Wars หลงหนังเรื่องนี้ อยากไปเรียนทำหนังที่เมืองนอก (10ขวบจริงๆนะ) จริงๆ เป็นเด็กสอบตกอังกฤษ แต่กลายเป็นตั้งใจเรียน ขยันขึ้นมาทันตา แล้วก็เริ่มชอบอ่านนิยายภาษาอังกฤษ อ่านไปเรื่อยๆ ยาวๆ แล้วก็ค่อยๆซึมไปเอง  โตขึ้นมาชอบหนังแต่เบื่อซับมั่วก็เลยปิดเสียงซะ แล้วพอติดนิยาย Romance (ตอนนี้ขยับไปอีกดีกรี) ภาษาไทยมันก็มีไม่จุใจ ต้องรอเวลาเล่มออกอีก ไม่ได้ใจ เลยอ่านภาษาอังกฤษไป ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไปเรียนเมืองนอกอย่างที่ฝัน แต่ดันเป็นนักแปลไปแล้ว....หวังว่าจะได้ไปนอกกับเขาบ้างนะเนี่ย สรุป มันก็คือความต้องการ ความฝันของเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ คนหนึ่งที่พบว่าภาษาคือกุญแจให้ไขไปหาสิ่งที่เรารักและผูกพัน อย่างหนัง และหนังสือ เวลาเรียนจึงรู้สึกว่าไม่ถูกบังคับ บีบคั้น กดดัน สนุก และรู้สึกว่ายิ่งเก่ง ยิ่งทำให้เราไปสู่จุดที่ต้องการได้ จากคุณ : kurika เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 23:59:08

ความคิดเห็นที่ 3 อยากไปเรียนต่อต่างประเทศครับ ถ้าเราไม่เก่งภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ไปนะซิ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขยัน ไปๆมาๆกลายเป็นว่าสนุกกับมันซะงั้น :)) จากเดิมที่โง่ภาษาอังกฤษมาตลอด ก็เริ่มปรับตัวตอนมหาวิทยาลัย  แล้วตอนหลังๆได้ เข้ามาศึกษาวิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากห้องนี้อีก รู้สึกว่าทักษะภาษาอังกฤษพัฒนาดีขึ้นครั จากคุณ : ship9960 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 00:03:58

ความคิดเห็นที่ 4 Want to study overseas on a scholarship. จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 00:49:15

ความคิดเห็นที่ 5 อาจารย์ใจดีน่ารัก ^^ ถ้าตอนนั้นอาจารย์โสดอยู่จะเรียกน้าชายไปจีบมาเป็นน้าสะใ้ภ้เลยเนี่ย เสียดายเราเจอกันช้าไป....อาจารย์ลูกสองเสียแล้ว (และก่อนหน้านั้นที่เกลียดภาษาอังกฤษก็เพราะเจออาจารย์ดุ ขี้โมโห) จากคุณ : หลั่นฉง เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 01:48:27

ความคิดเห็นที่ 6 I just like it (very much so) without knowing why since I started learning this language. จากคุณ : Chini เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 02:20:05

ความคิดเห็นที่ 7 For me, I think it was music. When I was a kid, Thai music was not popular. The only "string" band I liked was "The Impossible" (not sure if the band had broken up or not. I just listened to my sister's cassettes). Most songs were from America. I liked to sing so I would sing those English songs without knowing the lyrics. I guess after that I wanted to know what I was singing. I would sing Chinese songs from TV series too but they didn't teach Chinese at my school so... จากคุณ : Genuine XXX เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 02:38:55

ความคิดเห็นที่ 8 ถีบจักรยานเที่ยว  แล้วเจอคนแก่ใจดี อายุ ๖๐ กว่าปี ที่พูดไทยไม่ได้  เพราะลุงเป็นคนมาเลย์  อยากคุยกับลุงคนนี้ อือ...ณ จุดนั้น  ทำให้รู้ว่า ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรียนเพื่อเอาคะแนน แต่มันจะช่วยเป็นสะพานให้เราสื่อสาร ให้เราได้คุยกับคนที่เราอยากคุยด้วย คนที่ดูท่าว่า มีน้ำใจให้กัน  จากนั้นเลยสนใจอยากพูดภาษานี้ค่ะ จากคุณ : ต้นจั่น เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 02:57:37

ความคิดเห็นที่ 9 1. When being a student : getting good grade and want to maintain and maintain the grade.  Also , the teacher admired in a translation  class that my English translation to Thai is Good. 2. When being accountant :  It's necessary to contact  foreigners - boss, colleague ,friends etc.. So I have to read Eng. newspaper and listen to foreign news regularly in order to improve and not forget  the language. แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 54 06:39:48 จากคุณ : accytu46 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 06:39:08

ความคิดเห็นที่ 10 จะเรียนต่อโท แล้วต้องสอบภาษาอังกฤษด้วย ก็เลยต้องเอาแกรมม่ามานั่งทวน สมัยเรียนไม่ได้ชอบวิชานี้เลย เคยติด 0 ด้วยตอน ม.ปลาย > < ไม่ได้เกลียดนะ แต่เรียนแล้วหลับ สอบวิชานี้ตอนเอ็นท์ยังนั่งหลับเลย อ่านข้อความยาว ๆ แล้วง่วง ขนาดไปสอบโทก็ยังหลับ ทำไม่ทันด้วย พอได้เข้ามาเรียนโทจริง ๆ ก็ต้องใช้เยอะ ทั้งพูด ฟัง เขียน อ่าน ก็เริ่มพัฒนาขึ้น แล้วพอไปติดหนัง เพลงฝั่งญี่ปุ่นก็ต้องหาข้อมูล คุยกับชาวบ้านในเว็ปบอร์ด ต้องใช้ภาษานี้มากขึ้น แล้วยังมีเรื่องที่อยากอ่านแต่ไม่มีในภาษาไทยอีกเยอะ ก็ต้องใช้มากขึ้น ตอนนี้เริ่มสนใจลามไปภาษาญี่ปุ่นด้วย จากคุณ : molecularkitten เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 07:26:07

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ได้มี inspiration อะไรเลย...ความจำเป็นล้วนๆ จากคุณ : tnu เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 10:42:39

ความคิดเห็นที่ 12 เราไม่เคยชอบวิชาภาษาอังกฤษเลย เราเรียนมันเพราะความจำเป็นอย่างที่เฮีย tnu พูดไว้ใน คคห 11 นั่นแหละ แต่เผอิญในกระทู้ pantip เก่าๆเราเคยโดนคนที่เรียนมาทางด้านภาษาอังกฤษพูดจาข่มขู่เราเรื่องความเก่งกาจของพวกเขา จนบางทีต้องมีการทำศึกน้ำลายตบตีกันยกใหญ่ เราก้อเลยเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองเพื่อแข่งขันกับพวกเขาเล่นสนุกๆ... ถ้าเราเรียนด้วยตัวเองแล้วเอาชนะคนเรียนจบด้านภาษาอังกฤษวุฒิสูงๆได้ เราจะดีใจมากๆ...เพราะเราเป็นพวกคนป่วยโรคจิต...ที่พัฒนาแต่ iq เพื่อหวังเรียนศาสตร์ต่างๆได้อย่างรวดเร็วเกินมนุษย์มนา แต่พัฒนาไป พัฒนามา มันกลายเป็นว่า eq เราหายหมด...555+++... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 11:23:48

ความคิดเห็นที่ 13 The knowlege base of the world today is english language,I think !! จากคุณ : ชะโดทะเล เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 11:59:15

ความคิดเห็นที่ 14 Scholarship!!!! จากคุณ : คนไทยในต่างมุม เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 13:26:34

ความคิดเห็นที่ 15 ผมเป็นเด็กเรียนน่ะครับ inspiration ของผมคืออยากเรียนทุกวิชาให้ดีที่สุด เพื่อว่าเวลาสอบจะได้ทำได้ดี บังเอิญผมชอบฟังเพลงสากลตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม ก็เลยชอบฟังเพลงสากลทางวิทยุพร้อมกับดูเนื้อร้องในหนังสือเพลงไปด้วย ต่อมาในชั้นมัธยมเคยเขียน essay ได้คะแนนสูงสุดจนครูเอามาอ่านให้เพื่อนๆฟังทั้งชั้น แล้วเจอครูอีกคนอ่าน essay ของผมแล้วเขียน comment ว่า "You did not write this by yourself, or did you?" เป็นทำนองว่าไม่เชื่อว่าผมเขียน essay ด้วยตัวเอง คงต้องมีคนอื่นช่วยเขียนแน่เลย inspiration ของผมคงมาจากความชอบส่วนตัว ประกอบกับมีผลการสอบที่ดีตามที่อยากได้ มีครูชมบ้าง สบประมาทบ้าง ก็เลยเพิ่มความอยากเรียนให้เก่งมากขึ้น จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 14:11:02

ความคิดเห็นที่ 16 1st -> I wanted to study abroad. 2nd -> I got the university. I felt that I carried the image of Thailand with me too (Also I was the only Asian student in my MSc class.) I didn't wanna be the worst student in my class. So i worked hard day&night... จากคุณ : The Starry Night เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 14:14:31

ความคิดเห็นที่ 17 ภาษาอังกฤษงูๆปลาๆมาตั้งแต่สมัยมัธยม เพราะเรียนโรงเรียนวัด แถมอาจารย์ดุโพดดด  ไม่หนุกเลยกับการเรียน พอมาตอนนี้อยากฟังออก อยากร้องเพลงได้เยอะๆ  แรงบันดาลใจหน่ะหรอ 555+  อิอิ  ทุกคนต้องมีนั่นแหละ แต่ไม่บอก กรั่กๆ แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 54 14:42:49 จากคุณ : เชรี-ที่รัก เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 14:42:17

ความคิดเห็นที่ 18 การอ่านนิยายกับเล่นเกมส์ค่ะ จากคุณ : ซาละเปาไส้ครีม เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 16:25:13

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนเรียนประถมที่โรงเรียนคริสต์ในเบตงเราเคยตกภาษาอังกฤษเพราะเรียนไม่เป็น จริงๆก็เรียนไม่เป็นทุกวิชาน่ะแหละแต่ติดศูนย์ภาษาอังกฤษวิชาเดียว เป็นเด็กเซ่อๆบื้อๆน่ะ พอมากเรียนกรุงเทพก็ยังเรียนไม่เป็นอยู่ดี แต่พอได้เรียนภาษาอังกฤษกับหนังสือนอกเวลาเราก็เริ่มเรียนเป็น ตอนนั้นครูสอนบทความเรื่องนกกีวี ครูบอกศัพท์ที่เราไม่รู้บางตัว พอได้ซักประโยคสองประโยคครูก็ให้ลองจับใจความดู พอครูเฉลยเราก็ เฮ้ย เราจับใจความถูกด้วยแฮะ เราดีใจมากทั้งๆที่เราไม่รู้เรื่องไวยากรณ์เลย เราก็คิดว่าภาษาอังกฤษมันไม่ยากเลยนี่นา จากนั้นเราก็เรียนด้วยความสนใจ เราสนุกกับมัน เราชอบอ่านพวกบทความมาก หาหนังสือพิมพ์ง่ายๆมาอ่าน ซื้อหนังสืออ่านเพิ่ม เราได้รู้เรื่องไวยากรณ์เพิ่ม เริ่มหัดเขียน หัดพูด ตลอดเวลาเราไม่รู้สึกว่าเรากำลังเรียนภาษาอังกฤษเลยเพราะถ้าเรียนมันต้องรู้สึกเบื่อรู้สึกว่ากำลังบังคับตัวเองและไม่เป็นอิสระใช่มั้ย แต่นี่ไม่เลย มันสนุกน่ะ นั่นหล่ะแรงบันดาลใจของเรา ตอนนี้เราก็ไม่ได้พัฒนาตัวเองในด้านภาษาอังกฤษแล้วเพราะเราสนใจภาษาฝรั่งเศสกับอิตาเลี่ยนมากกว่า แต่ภาษาอังกฤษก็ถือว่าอยู่ตัวแล้ว อาจจะลืมศัพท์ลืมสำนวนบ้าง เขียนไม่สวยหรูเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ถือว่าเข้าถึงมันน่ะนะ จากคุณ : piscellino เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 18:38:18

ความคิดเห็นที่ 20 อยากยกระดับตัวเองให้ดูดีขึ้นและอยากเพิ่มออฟชั่นให้ตัวเองเวลาสมัครงาน จากคุณ : พิษปลาปักเป้า เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 20:07:35

ความคิดเห็นที่ 21 อย่างที่นายชัย ความคิดเห็นที่ 15 ว่าไว้... ก็เกิดขึ้นกับผม แต่ไม่ใช่ essay และไม่ใช่ที่เมืองไทย กลับเป็นที่ อังกฤษ ในเรื่องไวยากรณ์ ซึ่งผมก็ไม่ได้เก่งขนาด หรือว่าเลอเลิศ เพียงแค่ทำ test ได้ และผ่านก็แค่นั้น...ก็พอใจแล้ว สมัยรุ่นผม (ปลายๆ 2490 ต้นๆ 2500) ครูที่สอนภาษาอังกฤษ จะเน้นไวยากรณ์มาก ถึงแม้จะไม่สนใจมากนัก มันก็ซึมเข้าไปบ้างเหมือนกัน ผนวกกับในยุคนั้นเล่นเพลง ฟังเพลง แล้วก็จัดเพลง ได้เนื้อเพลงมาก็แปลเป็นไทย ผิดบ้าง ถูกบ้าง ช่างมัน แล้วเขียนเป็นกลอนจีบสาว ครั้นไปเรียน GCE อยู่ที่ South Shields ตอน test ถูกปรับโทษ หาว่าลอกเพื่อนคนอังกฤษ เราทั้งสองคนก็เลย ถูกจับไป test ใหม่ ด้วยข้อสอบใหม่ ปรากฏว่าผมผ่าน แต่เพื่อนไม่ผ่าน ...ครูก็งง ไอ้หมอนี่มันพูดภาษาอังกฤษ แทบจะไม่เป็นสับปะรด แล้วมันผ่านไวยากรณ์ ได้อย่างไร จากนั้นเป็นต้นมาก็จำเป็นที่จะต้องรักษาเครดิต ก็เลยสมัครเข้าชมรม Scrabble แล้วก็เริ่มหัดทำ Crosswords เข้า Pub...ทำทุกอย่างเพื่อให้ภาษาดีขึ้น มันก็ดีขึ้น แต่ก็ไม่เคยเคลมว่าเก่งภาษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งไวยากรณ์ เคยโดนพวกที่เรียนมาทางด้านภาษาอังกฤษ พูดข่มเรื่องความเก่งกาจของพวกเขา ในกระทู้ pantip ในห้องนี้ละ เหมือนกับคุณ fortuneteller ในความคิดเห็นที่ 12 มาแล้วหลายครั้งเหมือนกัน แต่ว่า ego ของผมมันจิ๊บๆ ก็เลยไม่อยากตอแยด้วย เป็นใบตองแห้งดีกว่า จากคุณ : tnu เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 20:16:17

ความคิดเห็นที่ 22 ^ เราสังเกตเห็นพี่่ใช้ภาษาอังกฤษได้สวยงามเป็นธรรมชาติมากๆ นั่นก้อเพราะความใฝ่รู้และประสบการณ์อันยาวนาน (แต่พี่ไม่ค่อยได้อวดภูมิความรู้จริงๆด้วยดิ...555+++...) เราอ่าน คคห15 เรื่องนายชัยเป็นเด็กเอาใจใส่ในการเรียน แล้วสะท้อนคิดถึงเรื่องที่เราเป็นเด็กเกเรไม่เอาถ่านที่เราเล่าให้ฟังไว้ในอีกกระทู้หนึ่งคืออันนี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10532145/K10532145.html จริงๆแล้วเราไม่เอาไหนเลยเรื่องการเรียนไม่ว่าจะเป็นวิทย์ คณิต หรือภาษาอังกฤษ ตอนอยู่เมืองไทยหนีโรงเรียนไปอ่าน wuxia (นิยายกำลังภายใน) ตอนอยู่อังกฤษก้อหนีเรียนไปเล่นหมากรุก แล้วก้อเรียนหนักแต่เรื่องนอกมหาลัยอย่างเช่นโยคะหรือการแพทย์ทางเลือก...ไม่เคยนึกเคยฝันเลยว่าตอนอายุมากๆเราจะมาเริ่มเรียนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นวิชาที่เราเกลียดมากๆกะอีแค่อยากแข่งขันกับคนเก่งๆภาษาอังกฤษเท่านั้นเอง...ในกระบวนการเรียนรู้จาก google ล้วนๆ เรากลายเป็นได้ digital media ที่ใช้ในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษชั้นเยี่ยมมาตั้งมากมาย ค้นพบความลับในการเรียนภาษาอังกฤษอีกตั้งมากมาย แต่เรียนๆไปแล้วเกิดเบื่อหน่าย เพราะใจไม่รักภาษาอังกฤษจริงๆ เลยลงเอยบางทีเราเรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีมั่ว (แบบเรียนลัด) แต่ประโยชน์ที่ได้รับจากการค้นข้อมูล นั่นก้อคือ เรากลายเป็นเซียน google ไปจนเอาไปใช้ทำอะไรอย่างอื่นได้ตั้งมากมาย ตอนนี้เรากลายเป็นไม่ค่อยได้เรียนภาษาอังกฤษซะแล้ว แต่กลับไปเรียนศาสตร์อื่นๆที่เรารักจริงๆอย่างเช่นโยคะและการแพทย์ทางเลือก หรือแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์ แล้วก้อนานๆทีก้อเรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีมั่วต่อไป...555+++... ในกระบวนการเรียนรู้ที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆนี้เราค้นพบว่าเราเรียนอะไรได้รวดเร็วกว่าสมัยตอนเป็นเด็กมาๆ จนเกือบจะหลวมตัวไปเรียนต่อเพื่อเอาวุฒิการศึกษาสูงๆมา แต่เราพยายามหักห้ามใจไว้ ไม่ยอมไปเรียนต่อ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการฝึกพลังจิตให้มีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่า "เราจะต้องเรียนรู้สิ่งที่มีค่ามากที่สุดด้วยตัวเองจากมหาลัยชีวิต แล้วเก่งกว่าคนเรียนจบสูงๆให้ได้" เราว่าชีวิตแบบ wuxia (นิยายกำลังภายใน) มันก้อดีเหมือนกันนะ วันๆได้แต่ฝึกกำลังภายใน ฝึกขว้างมีดบินหรืออะไรทำนองนั้น แทนที่จะต้องมาเรียนเรื่องอะไรเพื่อเอาไปใช้สมัครงาน... อีกไม่นานนักเราก้อคงจะมีโอกาสที่จะดำรงชีวิตอยู่เฉยๆโดยไม่ต้องทำงานแล้วก้อมีรายได้พอมีกิน เมื่อถึงวันนั้นเราคงจะเรียนศาสตร์เร้นลับแปลกๆที่พิศดารมากกว่านี้อีกหลายๆเท่า...เพราะรู้ว่า "ชีวิตเป็นอิสระแล้ว ไม่ต้องทำงานรับใช้ใคร อยากจะใช้สมองของเราที่คิดแหกคอกไม่ค่อยจะเหมือนใครเรียนรู้เรื่องอะไรที่ชาวบ้านเขาไม่เรียนกัน ก้อย่อมได้..." แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 00:10:29 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 00:05:46

ความคิดเห็นที่ 23 พี่ tnu เราไม่ได้เป็นคน ego สูงโดยสันดานหรอก แต่บางทีเวลาเจอคนตั้ง login ให้ตัวเองโอ้อวดว่าเรียนภาษาอังกฤษระดับสูงๆมา มันก้อทำให้เรา "ของขึ้น" (เพราะหมั่นไส้) อยากท้าลองของได้เหมือนกันนะ...555+++...อย่างเช่นกระทู้นี้เป็นต้น http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10549545/K10549545.html เรื่องตลกก้อคือว่าตอนเราจีบกับแฟนคนปัจจุบันใหม่ๆ เธอถามเราว่าเราไม่ระแวงบ้างหรอกหรือว่าเพื่อนร่วมคณะเธอในสถาบันเธอที่เรียนด้านภาษาอังกฤษส่งเธอมาเป็นไส้ศึกเพื่อมาเรียนท่าเพลงจากเราแล้วเอาไปปราบเราเพราะเห็นเราตบตีกับคนที่เรียนจบวุฒิสูงๆทางด้านภาษาอังกฤษมา เราก้อเลย "อึ้ง" แล้วตอบว่า "จริงๆแล้วเธอน่ารักมากๆ แถมเก่งจริงๆด้วยสิ" เธอเคยตอบกระทู้เรื่องภาษาอังกฤษใน pantip แบบเจาะทะลุทะลวง แล้วอยู่ดีๆเธอก้อเลิกเล่น pantip ไปเลย เพราะคิดเหมือนพี่นั่นแหละคือ "ego ของเธอมันจิ๊บๆ ก็เลยไม่อยากตอแยด้วย เป็นใบตองแห้งดีกว่า" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:38:57

ความคิดเห็นที่ 24 Just coming in to collect data and to say that I only use English for my own survival, that's all. จากคุณ : genf เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 15:24:20

ความคิดเห็นที่ 25 I just like it, for reasons I could not fathom :) จากคุณ : Ambrdude เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 18:28:37

ความคิดเห็นที่ 26 Fathom...it's a very fancy word indeed. จากคุณ : tnu เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 23:52:50

ความคิดเห็นที่ 27 ตอนอยู่มัธยมคะแนนภาษาอังกฤษอยู่ที่เกือบได้ตลอด ดีสุดก็เกือบตก เพื่อน ๆ ที่สอบได้คะแนนดีคือพวกหนักทำการบ้าน แกรมม่าแข็งแรง เพราะสอบแต่ข้อเขียน เอาแกรมม่าเป็นหลัก เรื่องพูดหรือฟัง ไม่มีใครเก่งกว่าใคร เพราะไม่มีใครพูดอังกฤษให้ฟัง ขนาดครูสอน คำว่า  He อ่านว่า ฮี แล้ว The ก็ต้องอ่านว่า ท-ฮี น่ะซี  แล้วนักเรียนจะขนาดไหน ต่อมาได้มีโอกาสอ่านหนังสือท่องเที่ยว ดูเหมือนของท่านอาจารย์โกวิท ตั้งตรงจิตร เขียนเรื่องไปเที่ยวฮ่องกง อ่านสนุกจนคิดจะไปเที่ยวมั่ง เที่ยว ตปท ก็ต้องใช้ภาษ ตปท แต่ภาษา ตปท เราแย่มาก ทำไงดี บังเอิญช่วงนั้นมีอาจารย์จากหน่วยงาน  peace corps จากอเมริกามาสอน เลยเข้าไปคุยด้วย แรก ๆ ออกทะเลเลย ถามว่า how are you เราตอบว่า I am sixteen years old  อาจารย์สั่นหัวแล้วเดินหันหลังกลับ   คือตอบไปก่อน เราทำหน้าที่ตอบแล้วนี่ ทีนี้เป็นหน้าที่ของคนฟัง ฟังไม่รู้เรื่องก็ถามใหม่ เราจะตอบให้ใหม่ เป็นการฝึกความกล้าที่จะตอบ ถาม ๆ ตอบ ๆ อยู่หลายเดือน จนเริ่มเข้าใจกัน รู้สึกว่าการสื่อสารไม่ยาก แต่ภาษายาก ก็เริ่มสนใจเรียนภาษาอังกฤษให้มันเข้ารูปเข้ารอย ตอนนี้ก็พอใช้ได้ จากคุณ : กื้อ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 54 00:46:08

ความคิดเห็นที่ 28 อยากร้องเพลง Woman in Love ของ Barbara Streinsand กับเพลงของ The Bee Gees อีกหลายต่อหลายเพลง เลยหันมาแกะเนื้อเพลงตอนเรียนอยู่ มศ 5 กับเวลาดูหนังของ Disney มาตั้งแต่เด็ก่ก่อนเข้าโรงเรียน ก็อยากรู้เรื่องว่าเขาพูดอะไรกันในหนัง เลยสนใจภาษาอังกฤษ ในชีวิตดุูหนังไทยน้อยมาก (ไม่ได้ว่า ว่าคุณภาพไม่ดี แต่มันไม่ค่อยโดนรสนิยมของตัวเองเท่านั้น) เพลงไทยก้ฟังน้อย (ไม่ได้รังเกียจ แต่เพลงดีๆคุณภาพเด่นๆมันหาฟังยาก นอกจากรุ่นลูกกรุงเช่นสุนทราภรณ์ หรือเพลงไทยเดิมเป็นต้น) ภาษาปะกิตมันก็เลยซึมเข้ามาในตัวง่ายหน่อย นอกจากนั้นยังชอบเพลงภาษาสเปน อิตาเลียน และภาษาอื่นอีกด้วย ก็เลยต้องขวนขวายไปเรียนภาษานั้นๆ จากคุณ : คนใจร้ายหมายดี เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 04:59:39 A:110.169.72.228 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 29 ไปเมืองนอกแล้วรู้สึกเป็นใบ้ เมื่อโลกเปิดกว้างขึ้นสำหรับตนเอง รู้ถึงความจำเป็นที่ต้องติดต่อโลกภายนอก เดี๋ยวนี้ยิ่งคิดว่าถ้ารู้มากกว่า 3 - 4 ภาษาก็ยิ่งดีใหญ่ generation นี้ถ้าจะทำงานก้าวหน้าควรมีภาษาเสริม ภาษาจีน สเปนหรือแม้แต่อาหรับเป็นอีกภาษาที่ควรรู้ ช่วยเป็นคุณสมบัติพิเศษในการทำงาน นี่คิดตามจำนวนประชาชาติที่ใช้ภาษาเหล่านึัค่ะ จากคุณ : granny เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 15:33:40