ข้อท้าทายที่ผู้แปลต้องเผชิญ
เราจะแปลหนังสือที่ไม่มีตัวเขียนได้อย่างไร? ครับ ผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลจำนวนมากเผชิญปัญหาเช่นว่านี้แหละ. อุลฟิลัสแห่งศตวรรษที่สี่ ส.ศ.ได้เริ่มต้นแปลไบเบิลเป็นภาษาหนึ่งซึ่งในเวลานั้นเป็นภาษาทันสมัยแต่ไม่ใช่ภาษาเขียน นั่นคือภาษากอท. อุลฟิลัสเอาชนะข้อท้าทายนั้นด้วยการประดิษฐ์อักษรกอท 27 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเขาอาศัยอักษรภาษากรีกกับลาตินเป็นหลัก. เขาแปลไบเบิลเกือบทั้งเล่มเป็นภาษากอทเสร็จก่อนปี 381 ส.ศ.
ในศตวรรษที่เก้า ชายที่พูดภาษากรีกสองพี่น้องคือ ซีริล(เดิมชื่อคอนสแตนติน)กับมิโทเดียส เป็นทั้งผู้คงแก่เรียนและนักภาษาศาสตร์ที่โดดเด่น ต้องการจะแปลไบเบิลสำหรับประชาชนที่พูดภาษาสลาฟ. แต่ภาษาสลาโวนิก-ซึ่งเป็นต้นตอของภาษาสลาฟในปัจจุบัน-ไม่มีตัวเขียน.ดังนั้ สองพี่น้องจึงประดิษฐ์อักษรขึ้นเพื่อผลิตฉบับแปลไบเบิลฉบับหนึ่ง.
ในศตวรรษที่ 16 วิลเลียม ทินเดลตั้งใจจะแปลไบเบิลจากภาษาเดิมเป็นภาษาอังกฤษ แต่เขาเผชิญการต่อต้านอย่างรุนแรงจากทั้งคริสจักรและรัฐ. ทินเดล ซึ่งเคยศึกษาที่ออกซฟอร์ด ต้องการผลิตฉบับแปลที่แม้แต่ "เด็กที่ถือคันไถ" ก็เข้าใจได้. เพื่อจะทำการนี้ให้สำเร็จ เขาจำต้องหนีไปเยอรมนี ที่ซึ่ง "พันธสัญญาใหม่" ภาษาอังกฤษของเขามีการพิมพ์ขึ้นในปี 1526. เมื่อมีการลักลอบนำฉบับแปลนี้เข้าอังกฤษ พวกเจ้าหน้าที่โกรธแค้นมากถึงขนาดที่พวกเขาเริ่มเผาฉบับเหล่านั้นในที่สาธารณะ. ต่อมาทินเดลถูกทรยศ. ก่อนเขาถูกรัดคอและศพเขาถูกเผา เขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ด้วยเสียงอันดัง: "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโปรดเปิดพระเนตรกษัตริย์แห่งอังกฤษเถิด".
การแปลไบเบิลดำเนินต่อไป ไม่อาจหยุดยั้งผู้แปลทั้งหลายได้. พอถึงปี 1800 อย่างน้อยส่วนต่างๆของไบเบิลได้ "เรียนพูด" 68 ภาษา. จากนั้นด้วยการก่อตั้งสมาคมต่างๆเกี่ยวกับไบเบิล-โดยเฉพาะสมาคมบริติชแอนด์ฟอรีนไบเบิล ซึ่งตั้งขึ้นในปี 1804-ไบเบิลก็ได้ "เรียน"ภาษาใหม่ๆมากขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว. คนหนุ่มๆเป็นร้อยอาสาไปยังต่างแดนในฐานะมิชชันนารี หลายคนไปด้วยมีจุดมุ่งหมายในการแปลไบเบิลเป็นสำคัญ.
ในปี 1800 มีภาษาเขียนแค่สิบสองภาษาในแอฟริกา. ภาษาอื่นๆอีกหลายร้อยภาษาจำต้องรอจนกว่ามีผู้ประดิษฐ์ระบบการเขียนขึ้นมา. พวกมิชชันนารีมาและเรียนภาษาต่างๆโดยไม่มีหนังสือแบบเรียนเบื้องต้นหรือพจนานุกรมช่วย. จากนั้นพวกเขาได้ทำงานหนักเพื่อคิดประดิษฐ์รูปแบบการเขียน และหลังจากนั้นพวกเขาได้สอนผู้คนให้รู้วิธีอ่านตัวอักษรนั้น. พวกเขาทำเช่นนี้ก็เพื่อว่าสักวันหนึ่งผู้คนจะอ่านไบเบิลได้ในภาษาของตนเอง.
หนึ่งในมิชชันนารีเหล่านั้นก็มีชายขาวสกอตชื่อโรเบิร์ต มอฟฟัต.ปี 1821 ตอนอายุ 25 ปี มอฟฟัตเริ่มงานท่ามกลางผู้คนที่พูดกภาษาทซวานาแอฟริกาใต้. เขาต้องคลุกคลีผู้คนเหล่านั้นที่ไม่มีตัวเขียนของตนเอง นานแปดปีก็แแปลกิตติคุณลูกาเสร็จ.ผู้ว่าราชการอนุญาตให้ใช้แท่นพิมพ์ของรัฐ โดยเขาต้องเรียงพิมพ์และพิมพ์เอง ในปี 1857 เขาแปลไบเบิลทั้งเล่มเป็นภาษาทซวานาเสร็จสมบูรณ์.
ต่อมามอฟฟัตพรรณาถึงปฏิกิริยาของชาวทซวานาเมื่อมีกิตติคุณลูกาให้พวกเขาเป็นครั้งแรก. เขากล่าวว่า "ผมได้รู้จักบางคนที่มาเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อจะได้สำเนากิตติคุณของลูกา....ผมเห็นพวกเขาได้รับส่วนต่างๆของกิตติคุณลูกาและร้องไห้กับสำเนานั้น กอดไว้แนบอก และหลั่งน้ำตาด้วยความขอบคุณ จนผมบอกมากกว่าหนึ่งคนว่า-คุณจะทำให้หนังสือของคุณเสียเพราะน้ำตาคุณนะ-."
ด้วยเหตุนี้ พวกผู้แปลที่อุทิศตนเหมือนมอฟฟัตได้ทำให้ชาวแอฟรกาจำนวนมาก-ซึ่งบางคนในตอนแรกเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีภาษาเขียน-มีโอกาสติดต่อสื่อสารด้วยการเขียนเป็นครั้งแรก. แต่เหล่าผู้แปลเชื่อว่าพวกเขากำลังให้ของขวัญที่มีคุณค่ามากกว่านั้นอีกแก่ประชาชนในแอฟริกา นั่นคือไบเบิลในภาษาของพวกเขาเอง. ปัจจุบัน คัมภีร์ไบเบิล ทั้งที่ครบชุดหรือบางส่วน "พูด" ภาษาของชาวแอฟริกามากกว่า 600 ภาษา.