Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ทำไมเด็กไทยอ่านหนังสือไม่ออก คิดเลขไม่ได้ มาฟังคำอธิบายของอาจารย์กัน (ขอปิดนามสถาบัน){แตกประเด็นจาก K10539490} ติดต่อทีมงาน

ปัจจุบันนี้ ปัญหาเด็กไทยอ่านหนังสือไม่ออก คิดเลขไม่ได้นั้น เป็นปัญหาที่ขยายวงกว้างกว่าสมัยก่อนมาก  เมื่อมองถึงต้นตอของปัญหานั้น หลังจากที่ผมได้สัมภาษณ์อาจารย์ท่านหนึ่งที่สอนด้านพัฒนศึกษา ท่านได้ตอบว่าประเด็นปัญหาสำคัญอยู่ที่สังคม  ทีนี้ผมจะต้องอธิบายต่อนะครับว่าสังคมปัจจุบันนี้เป็นปัญหาอย่างไรบ้าง

ครอบครัวปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก  จากเดิมครอบครัวเราเคยเป็นครอบครัวขยาย แต่ปัจจุบันแทบจะเลือนหายไปจากสังคมแล้ว  เด็กเล็กๆนั้นจะเดิมจะได้รับการดูแลจากครอบครัวมาเป็นอันดับแรก  แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงเป็นทุนนิยม  เวลาในการดูแลบุตรหลานก็ลดลงไปตาม ทำให้เกิดเป็นปัญหาต่างๆตามมาหลายด้าน ไม่ใช่เพียงแค่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้

เมื่อเทียบกับสมัยก่อนนั้น เด็กอยู่ที่บ้าน พ่อแม่ขับรถพาไปเที่ยวแล้วลองให้อ่านป้ายข้างทาง หรือคุณตาสายตาไม่ดี (ไม่รู้ว่าแกล้งหรือจริง) แล้วให้เด็กอ่านหนังสือให้ฟัง  รวมไปถึงพ่อแม่ให้ลูกอ่านข่าวแล้วก็ชื่นชม ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กมีพัฒนาการในการอ่านสูงมาก  คำที่อาจารย์ใช้คือวิธีการที่เรียกว่า "สอนให้ทำ ย้ำให้คิด"

เมื่อเทียบกับปัจจุบัน การอ่านเขียน คิดเลข สังคมส่วนใหญ่เหมือนจะมองว่าเป็นหน้าที่หลักของโรงเรียน ซึ่งนั่นคือความจริง แต่ไม่มีทางที่จะเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดได้เลยหากครอบครัวไม่เข้ามามีส่วนร่วม  อาจารย์พูดตรงๆเลยว่า หากมีใครอ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้  คิดเลขไม่เป็น  แล้วโทษโรงเรียน ให้ถามเขากลับไปเลยว่า แล้วคุณทำอะไรบ้างล่ะ

การศึกษาเป็นหน้าที่ของสังคมที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน  และไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลยหากจะผลักภาระไปไว้ที่โรงเรียนเพียงอย่างเดียว  โดยเฉพาะเด็กเล็ก  ซึ่งพัฒนาการส่วนใหญ่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากครอบครัวมากกว่าโรงเรียน

เมื่อสังคมเปลี่ยนไปเช่นนี้ เราจะทำอะไรได้บ้าง ไม่ต้องตอบก็คงจะรู้นะครับว่า หันกลับไปใส่ใจ  หันกลับไปมีส่วนร่วมในการดูแลบุคคลรอบข้าง ดูแลการศึกษาของคนใกล้ตัว  เป็นสิ่งที่เราต้องร่วมมือกัน  

อาจารย์ได้พูดต่อถึงโครงการที่ชื่อว่า start book ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกที่จะแจกให้กับแม่  โดยหนังสือเล่มนี้จะไม่ใช่หนังสือที่มีแต่ตัวหนังสือ แต่เป็นหนังสือที่มีลูกเล่น นั่นคือมีเสียง มีภาพ มีอุปกรณ์ประกอบ  ซึ่งตรงกับพัฒนาการของเด็กตรงที่ว่าจะรับรู้เอาสื่อเคลื่อนไหว มากกว่าสื่อตัวหนังสือ  แต่จะมีแม่กี่คนที่รับรู้และเข้าร่วมโครงการนี้ ถ้าเราไม่ช่วยกัน

ในขณะเดียวกัน นอกเหนือไปจากผู้ปกครอง และโรงเรียน แล้ว สังคมในส่วนอื่นก็ต้องเข้ามามีบทบาทด้วย  ทุกวันนี้เด็กเรียนรู้จากคอมพิวเตอร์  เกมส์  มากกว่าหนังสือ เพราะเหตุผลข้างต้น  ซึ่งคนที่ดูแลตรงนี้ก็คงต้องมีบทบาทที่จะเข้ามารับผิดชอบในการผลิตรายการ สร้างสรรค์ ส่งเสริมปัญญาไปด้วย  แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ต้องทำแบบนั้นแข่งขันกับสังคมทุนนิยมในทุกวันนี้  แต่หากสักแต่ว่าจะได้  ก็จะได้  แต่ได้จากคนอื่นนั่นเอง

แล้วคนที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสื่อ เกี่ยวข้องกับครอบครัว เกี่ยวข้องกับโรงเรียนเลยล่ะ ทำอะไรได้บ้าง  ทุกวันนี้มีโครงการ การเปลี่ยนแปลงเยอะมาก  หน้าที่ของเราคือรับรู้ ปรับตัว และสร้างภูมิคุ้มกันตนเอง  (ดังเช่นหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง) และแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ครบทุกด้าน  เราสามารถแบ่งปันวิธีการของเรา  แลกเปลี่ยนกับคนอื่นได้  เช่น การแนะนำโครงการ start book ให้กับคุณแม่มือใหม่นี่ก็เป็นทางหนึ่งที่ไม่เลวเลยครับ

คำถามต่อมาที่ผมถามคือ ทุกวันนี้มีการวิจารณ์นโยบาย การบริหารของรัฐบาลกันมาก ผมควรทำตัวอย่างไร  คำตอบของอาจารย์คือ  รัฐบาลทำงานภายใต้กรอบที่ถูกจำกัดด้วยประเด็นหลายประเด็น  สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ถูกต้องที่สุด  ดีที่สุดแล้วหรือไม่  อาจารย์ตอบเลยว่าไม่  แต่การปรับเปลี่ยนตรงนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป  และแน่นอนว่ามีเรื่องอำนาจ  อะไรอีกหลายอย่างเข้ามาด้วย  ทำไมเราไม่ลองมาทำในสิ่งที่เราทำได้จริง และทำได้ง่ายกว่าก่อนล่ะ  ก่อนที่จะไปทำอะไรใหญ่ขนาดนั้น   เพราะการที่จะไปถึงจุดนั้นได้ไม่ใช่เพียงแค่ว่ารู้ เห็น แต่ต้องเข้าใจ ศึกษาอย่างลึกซึ้ง

อาจารย์ฝากผมเอาไว้ว่าในฐานะนักการศึกษา (ไม่กล้าเรียกตัวเองด้วยซ้ำเพราะผมยังเรียนอยู่) สิ่งที่เราทำได้ก็คืองานวิจัย ที่จะเป็นการสนับสนุน ประกอบการตัดสินใจตามบทบาทของนักวิจัยแต่ละคน

คำถามต่อมาก็คือ มีคนวิจารณ์รัฐบาลค่อนข้างมาก ในกรณีที่ผมไม่เห็นด้วย หรือเห็นแตกต่างออกไป ผมควรทำอย่างไร  อาจารย์ตอบว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนในสังคมอยู่แล้วที่ชอบโทษคนอื่น (ผมขอโทษนะครับ ไม่ได้จงใจว่าใครจริงๆ คืออาจารย์พูดอย่างนี้เด๊ะๆเลย) แล้วที่จะถูกโทษมากที่สุดก็คือรัฐบาล  แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ถูกประเมินอยู่ตลอดด้วยงานวิจัยอยู่แล้ว  ดังนั้นมันไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะต้องไปปกป้องใคร  ถ้าใครอยากวิจารณ์ ให้เขาทำ  ไม่ต้องเก็บมาคิด  เราต้องรู้ว่าสิทธิและหน้าที่ของเรา  สิ่งหลักที่เรากำลังทำอยู่คืออะไรและทำมันให้ดีที่สุดก่อน  เพราะทุกอาชีพแม้แต่กรรมกรก่อสร้างก็ส่งผลต่อการศึกษา  ถ้าเขาทำงานของเขาไม่ดี  ย่อมส่งปัญหามาแน่นอน

คำถามสุดท้ายคือ ในฐานะที่ผมรู้เห็น ได้เรียนมามากกว่าคนทั่วไปที่ไม่ได้เรียนทางการศึกษา ผมควรทำอย่างไรกับกระทู้ในลักษณะนี้  คำตอบของอาจารย์คือเข้าไปชี้ทางเลือกตามที่ทราบ  เข้าไปศึกษาหาความรู้และให้คำแนะนำ อาจารย์เน้นย้ำว่าต้องรู้และศึกษามาก่อนเหมือนที่อาจารย์ตอบผมถ้าอาจารย์ไม่ได้ศึกษามาก่อนอาจารย์ก็จะตอบผมไม่ได้  

อาจารย์บอกว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติทุกคนได้ด้วยการพิมพ์ตัวหนังสือ  แต่เราควรเอาเวลาไปลงมือปฏิบัติเสียมากกว่า

อาจารย์ยังพูดติดตลกกับผมอีกว่า นี่ไปเถียงกันเรื่องระบบรัฐบาลเป็นเดือน ทั้งๆที่รู้ตัวอยู่ว่าตัวเองทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน  เอาเวลาไปทำวิทยานิพนธ์คงเสร็จไปละ  น่าจะมีประโยชน์กว่าด้วย (โดนดุเลย)

นี่เป็นข้อคิดดีๆจากอาจารย์นะครับ  ผมเห็นว่ามีประโยชน์มาก ส่วนโครงการ Start book ผมก็แอบไปค้นข้อมูลมาให้ละครับ http://www.bookandreading.com/bookstart/ นี่เลยครับ

จากคุณ : Okanail
เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 12:37:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com