ความคิดเห็นที่ 1 ข้อดีข้อด้อยของโรงเรียนสอนภาษาในประเทศไทยไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อโรงเรียนมากนัก เพราะส่วนใหญ่ครูที่สอนก้อเปลี่ยนงานบ่อย คือ 1.เป็นฝรั่งนักท่องเที่ยวสอนชั่วคราว แล้วก้อเดินทางไปประเทศอื่น 2. คนไทยที่สอนก้อไม่มีใครสอนอยู่หลายปี อาจสอนตอนจบใหม่ๆ หรือตอนตกงาน สอนประจำนานๆไม่ค่อยมี เว้นเสียแต่จะเปิดโรงเรียนสอนเองเป็นธุรกิจของตัวเองเท่านั้น เพราะไปเป็นลูกจ้างเขาเงินมันน้อย ดังนั้นคุณภาพจะเหมือนเลือกซื้อสินค้าที่วางขาย นั่นก้อคือ "ใครตาดีได้ ตาร้ายเสีย" แต่ตาดีตาร้ายไม่ได้ตัดสินที่ลักษณะการแต่งตัวของคนสอนอย่างเดียวนะ ยกตัวอย่างเช่นตัวเราเองเป็นต้น ตอนสมัยเราเริ่มสอนภาษาอังกฤษใหม่ๆ เราแต่งตัว conservative มากๆ ใส่เสื้อกางเกงรีดเรียบ ผมเผ้าสุั้นเรียบร้อย เพิ่งให้นักเรียนเลื่อมไส แต่สมัยนั้นเราสอนไม่ค่อยเก่งหรอก แต่กาลเวลาผ่านไปอีกหลายสิบปี เราค้นคว้าเรื่องการสอนภาษาอังกฤษและเราเรียนภาษาอังกฤษก้าวหน้าไปมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า แต่เรากลายเป็นสอนภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะเราไว้ผมยาวและแต่งตัวรุงรังเหมือน rock singer ถ้าไปสอนตามโรงเรียนหรือมหาลัยละก้อนักเรียนนักศึกษาหนีหมด สถาบันไหนจ้างเราก้อเจ้งเปล่าๆ...เราเลยเปลี่ยนอาชีพไปเป็นหมอดู...555+++... แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 54 21:25:25 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 21:22:55

ความคิดเห็นที่ 2 คุณใบนท ในฐานะที่เราก็เป็นครูสอนพิเศษอยู่ที่สถาบันแห่งหนึ่ง เราขอเสนอแนะว่า 1.สถาบันที่คุณจะเอาลูกไปลองเรียนนั้น ให้ลงเป็นคอร์สสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมงเพื่อการทดลองเรียนก่อน อย่าไปจ่ายเงินหนักเป็นก้อน เป็นปี ลูกไม่ดีขึ้นแล้วจะเสียตังค์แถมเสียใจ 2. การเรียนพิเศษนั้น เป็นไปอย่างคุณ fortuneteller กล่าวที่ว่า "1.เป็นฝรั่งนักท่องเที่ยวสอนชั่วคราว แล้วก้อเดินทางไปประเทศอื่น "2. คนไทยที่สอนก้อไม่มีใครสอนอยู่หลายปี อาจสอนตอนจบใหม่ๆ หรือตอนตกงาน สอนประจำนานๆไม่ค่อยมี เว้นเสียแต่จะเปิดโรงเรียนสอนเองเป็นธุรกิจของตัวเองเท่านั้น เพราะไปเป็นลูกจ้างเขาเงินมันน้อย" ดังนั้นคุณภาพจะเหมือนเลือกซื้อสินค้าที่วางขาย นั่นก้อคือ "ใครตาดีได้ ตาร้ายเสีย" เพราะฉะนั้นถ้าอาจารย์กับลูกศิษย์สอนไม่เข้าขากัน ลูกไม่พัฒนาขึ้น ให้ขอเปลี่ยนอาจารย์โดยให้ดูอย่างน้อยหนึ่งเดือนว่าลูกคุณพัฒนาขึ้นบ้างไหมค่ะ จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 10:40:54

ความคิดเห็นที่ 3 ^ เป็นคำแนะนำที่ดีนะ เรื่องทดลองเรียนแล้วถ้าไม่ได้เรื่องก้อเปลี่ยนครูเนี่ย แต่เรื่อง "อาจารย์กับลูกศิษย์สอนเข้าขากัน" เนี่ย เราเจอด้วยตัวเองแล้วอายมากๆเลยหละ สมัยเพิ่งหัดสอนภาษาอังกฤษใหม่ๆ เคยไปสอนนักเรียน ม.ต้นที่บ้านเขา เรารู้สึกว่านักเรียนชอบเราและอยากเรียน (ทั้งๆที่เขาไม่ชอบวิชาภาษาอังกฤษ) เราก้อลังเลว่าจะใช้ตำราจากต่างประเทศที่เราใช้สอนตอนสอนในโรงเรียนภาษาแถวๆสยามดีหรือเปล่า? เพราะมันทันสมัยดี มันน่าจะบรรลุเป้าหมายเหมือนใช้หนังสือที่โรงเรียนสอนเขา (แล้วมันสนุกกว่า ไม่น่าเบื่ออีกด้วย) สุดท้ายแล้วเราไม่กล้าเสี่ยง เราเอาหนังสือเรียนที่โรงเรียนสอนเขาคือกะหวังผลสอบได้คะแนน แต่เรียนๆไปแล้วตอนสอบเขาทำไม่ค่อยได้ เขาบอกว่า "มันจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเราสอนเขาเอง แต่เขาจำไม่ได้" จริงๆแล้วเราว่าเรา "พลาดท่า" น่าจะใช้ตำราและเทป (สมัยนั้นไม่มี CD/DVD) จากต่างประเทศสอนเขาให้ซึ่มเข้าไปแบบธรรมชาติซะมากกว่า แต่ทั้งตัวนักเรียนและตัวแม่นักเรียนต่างก้อพอใจให้เราสอนต่อ เพราะคิดว่ามันยากและนักเรียนต้องพยายามอีกเยอะ ไม่โทษติวเตอร์อย่างเรา แต่เรารู้สึกไม่ดีมากๆอีตรงที่ว่า "เรารู้ตัวว่าได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจ (แบบเลื่อมใส) นั่นก้อเพราะว่าเราแต่งตัวดี แล้วพูดจาเรียบร้อย (เสแสร้งทำ เพราะจริงๆแล้วเราไม่เคยแต่งตัวเรียบร้อยและพูดจาเรียบร้อยเลย)" แต่อีกหลายปีต่อมาตอนเราเรียนรู้วิธีการสอนภาษาอังกฤษได้ดีกว่านั้นอีกตั้งหลายเท่า เรากลายเป็นไว้ผมยาวเกือบถึงเอวและแต่งตัวตามสบายและพูดจาไม่ค่อยจะเข้าหูคน ตามแบบฉบับของเรา ซึ่งก้อคงทำให้ไปสอนใครไม่ได้อีกต่อไป...555+++... แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 54 02:39:17 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 02:37:13

ความคิดเห็นที่ 4 เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันดียังไง  แต่ที่รู้ๆส่วนใหญ่โรงเรียนสอนภาษาครูที่สอนจะเป็นวัยรุ่นซะส่วนใหญ่  เดินทางท่องเที่ยว  แล้วก็หาเงินใช้ไปด้วย แต่เรารู้จักชาวต่างชาติคนนึงอยู่เมืองไทยมานานมากแล้วรับสอนภาษาอังกฤษ  เป็นชาวอังกฤษ คุณจะได้ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ สำเนียงถูกต้อง ไม่มีแสลง  สอนตัวต่อตัว  ไม่ผูกมัด  มาเรียนก็จ่ายเงิน  จ่ายเงินตามชั่วโมงที่เรียน  ราคาไม่แพง ย้ำไม่แพง  คุณครูพูดไทยไม่ได้เลยนะคะ  เพราะฉะนั้นหมดโอกาสพูดไทยค่ะ อยู่แถวสะพานควายค่ะ จากคุณ : ternary เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 07:58:09