ความคิดเห็นที่ 1 คุณ Flowery และคุณ joechou เรียนอยู่ ลอง search หาข้อมูล และ ดู blog เค้าได้ครับ ลองน๊อกๆ ไปดู จากคุณ : TVC เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 16:51:40

ความคิดเห็นที่ 2 แฟนเราเรียนปริญญาโทการแปลจุฬารุ่นแรกหลังจากที่เธอสอบข้อเขียนปริญญาโทการแปลธรรมศาสตร์ผ่านแต่สอบสัมภาษณ์ตกเพราะตอบ tricky question พลาด คือพอโดนถามว่า "ถ้าเข้าปริญญาโทการแปลธรรมศาสตร์ไม่ได้จะทำยังไง" เธอตอบว่า "กลับไปเรียนปริญญาโทที่จุฬาสาขาอื่น (ที่คิดงั้นเพราะเธอจบอักษรศาสตร์จุฬามาแต่ตอนนั้นจุฬายังไม่มีหลักสูตรปริญญาโทการแปล)" พอสอบสัมภาษณ์ตกที่ธรรมศาตร์เธอก้อโชคดีเพราะที่จุฬาเผอิญเปิดปริญญาโทการแปลรุ่นแรกมารอรับตัวเธอไปเลย...555+++... ตอนเรียนปริญญาโทการแปลที่จุฬาแฟนเราเคยพูดให้รุ่นน้องฟังเรื่องวิทยานิพนธ์ว่า "ทำให้มันพอดีๆกับความสามารถตัวเอง จะได้จบออกไปทำงานไวๆ อย่าพยายามทำอะไรให้มันอลังการเกินไป" หลังจากนั้นอีกหลายปีมีคนเรียนปริญญาโทการแปลจุฬาแล้วทำวิทยานิพนธ์อลังการมากๆ แล้วแทบเรียนไม่จบ พอออกแรงต่อสู้จนเรียนจบมาได้ก้อกลายเป็นป่วยเข้าโรงพยาบาลเอาชีวิตแทบไม่รอด แต่ก้อน่าสรรเสริญว่าดิ้นรนจนเรียนจบ แต่ (เรา) ถามว่า "มันคุ้มกันหรือเปล่าที่จะเอาชีวิต จิตประสาทไปเสี่ยงแบบนั้น" ไปอ่านเรื่องราววิทยานิพนธ์ที่ยากโหดๆที่นักศึกษาปริญญาโทการแปลจุฬาคนหนึ่ง (คนที่เรารู้จักเอง) ทำไปแล้ว พอจบมาก้อป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล แทบจะเอาชีวิตแทบไม่รอด ได้ที่กระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10551015/K10551015.html แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 54 00:22:41 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 54 18:43:55 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 18:42:27

ความคิดเห็นที่ 3 คลิกเข้ามาเพราะถามเรื่องหลักสูตรนี้โดยเฉพาะ ตอนแรกกะเก็บไว้ตอบวันหลังเพราะพรุ่งนี้จะไปเที่ยว เลื่อนกระทู้ลงมา เห็นคุณ TVC เอ่ยชื่อเราด้วย แหะ ๆ งั้นตอบก่อนไปนอนละกัน ตอนแรกเข้ามาหาข้อมูลในพันทิป หาไปหามา สนใจ ลองไปสอบ แล้วก็สอบติด ก็เลยได้เรียน เรียนไปเรียนมา ผ่านไป 2 ปี ตอนนี้ก็จบแล้วค่ะ ^__^ เราจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันที่ 8 ก.ค.นี้ค่ะ จริง ๆ เคยจะเขียนเรื่องการเรียนในแต่ละวิชาลงใน blog นะคะ แต่งานยุ้งยุ่ง ก็เลยไม่ได้เขียนสักที เอาย่อ ๆ + บอกเล่าผ่านภาพละกันนะคะ เริ่มจากชุดครุยที่เพิ่งไปรับมา จะได้เป็นแรงบันดาลใจให้อยากเรียนเข้าไปอีก จากคุณ : Flowery เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 21:41:45

ความคิดเห็นที่ 4 คำถามที่ว่าเรียนยากมากไหม และการบ้านเยอะหรือเปล่า ตอบว่า ขอบอกว่ายาก ส่วนตัวเราจบสายวิทย์มานะ เราเรียนสายวิทย์มาตั้งแต่มัธยมฯ เรียนปริญญาตรีก็สายวิทย์อีก เรียนภาษาอังกฤษแค่ 6 หน่วยกิตเท่านั้น เมื่อมาเรียนแล้วต้องปรับตัวเยอะมากค่ะ มุมมองวิธีคิดค่อนข้างแตกต่างกัน อย่างตอนที่เรียนเกี่ยวกับวรรณคดี แล้วอาจารย์ให้ตีความ ปรากฏว่า ตีความแทบไม่ตรงกับที่อาจารย์เฉลยเลย จริงๆ เพื่อนที่จบสายภาษามา ก็ตอบไม่ค่อยตรงเหมือนกัน คืออาจารย์จะวิเคราะห์เชิงลึกมากค่ะ หลังจากเจอข้อบกพร่องเข้าไป ก็ไม่ท้อค่ะ พยายามเข้าห้องสมุด อ่านหนังสือเยอะ ๆ ในรูปคือกองชีทบางส่วนที่เรียนมาตลอด 2 ปี ... แค่บางส่วนนะคะ 555+ อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ เรียนได้ค่ะเรียนได้ จากคุณ : Flowery เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 21:51:20

ความคิดเห็นที่ 5 ทุกท่านที่เข้ามาตอบ ไม่ทราบว่าเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย หรือว่าเรียนอย่างเดียวค่ะ ถ้าทำงานไปด้วย จะมีอุปสรรคกับการเรียนคณะนี้หรือไม่ค่ะ แล้วตอนเรียนที่นี่เคยมีความรู้สึกท้อกันหรือเปล่า แล้วไม่ทราบว่าเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนกันมามีแบบเรียนไม่จบกันบ้างไหมค่ะ ขอบคุณมากๆนะค่ะที่ช่วยเข้ามาตอบ จากคุณ : pomme aae เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 21:57:15

ความคิดเห็นที่ 6 มีทุกแบบค่ะ คุณ pomme aae ทั้งเรียนอย่างเดียว เรียนด้วยทำงานด้วย บางคนทำงาน full-time ต้องทำ OT บ่อยด้วย ก็ยังผ่านมาได้ค่ะ อยู่ที่ความรับผิดชอบของแต่ละบุคคลค่ะ เรื่องจบนี่่ ก็เรียนจบกันทั้งนั้นค่ะ อยู่ที่ว่าตั้งใจทุ่มเทและมีเวลากับสารนิพนธ์มากน้อยแค่ไหน บางคนจบใน 2 ปี บางคน 2 ปีครึ่ง บางคน 3 ปี บางคนก็ 4 ปีเต็มค่ะ จากคุณ : Flowery เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 22:02:32

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องการบ้านก็แล้วแต่วิชาค่ะ บางวิชาก็มีการแปลทุกสัปดาห์ บางวิชาก็นาน ๆ ทีแต่เป็นโปรเจ็คท์เลย ไม่ต้องกลัวการบ้านค่ะ ยิ่งได้ฝึกแปลเท่าไหร่จะยิ่งเก่งค่ะ แบ่งเวลาดี ๆ ก็ทำได้ค่ะ เพิ่มเติมที่ถามว่า ความรู้สึกท้อมีหรือเปล่า มีกันทุกคนอ่ะค่ะ แบบว่า บางทีเรียน ๆ ไป ก็จะบ่น ๆ ว่า ทำไมการบ้านเยอะจัง ทำไมเราต้องเรียนทฤษฎีด้วย ทำงานส่งไม่ทันแล้วนะ โอ้ย วิเคราะห์ทฤษฎีอะไรนี่ งงจัง สารพัดคำบ่นค่ะ ก็ปลอบใจกัน ก้าวเดินไปด้วยกัน ช่วย ๆ กันติวค่ะ แล้วก็จะผ่านกันไปได้ ^__^ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 54 22:09:51 จากคุณ : Flowery เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 22:06:11

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ จขกท สนใจเรื่องการแปล ลองไปอ่านกระทู้เรื่องปัญหาในการแปลได้ที่กระทู้เหล่านี้ ปัญหาในการตีความเพื่อการแปลนิยายสมัยใหม่ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10576808/K10576808.html#4 วิธีการแก้ปัญหาการแปลนวนิยายภาษาอังกฤษที่ตรงตัวเกินไป http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10556457/K10556457.html การแปลตรงตัวบางทีทำให้กลายเป็นแปลผิด http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/06/K9353525/K9353525.html การใช้ google ทำให้แปลไทยเป็นอังกฤษแล้วเครียดอย่างแรง...!!!!! http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/09/K9640831/K9640831.html การแปลหนังสือราชการแล้วต้องไปงัดข้อกับเจ้าหน้าที (diplomatic officer) ที่กรมการกงสุล http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10467441/K10467441.html ภาษาไทยแปลยากเพราะคนไทยชอบพูดหรือเขียนเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/03/K7593415/K7593415.html แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 54 00:11:04 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 23:48:11

ความคิดเห็นที่ 9 อืม........ อ่านวนไปวนมา แล้วก็คิดอยู่นานค่ะ ว่าจะตอบยังไงดี 555 ลักษณะการเรียน จะเป็นอย่างที่พี่ Flowery ตอบไปแล้วแหละค่ะ แต่จะขอเสริมอีกหน่อยว่า สไตล์ที่นี่จะค่อนข้างเป็นวิชาการ จะวิเคราะห์อะไรก็มักต้องอิงกับทฤษฎี ก็ไม่เชิงว่าจะยากมากต่อการจำนะคะ แต่คือบางวิชา(โดยเฉพาะวิชาบังคับตัวนึง)เนี่ย จะต้องการให้เราจำได้ถูกต้องและครบถ้วน เพื่อการตอบข้อสอบ เท่าที่ฟังๆเขามา ถ้าเทียบกับหลักสูตรการแปลของที่อื่นๆ จะมีอยู่ที่นึงที่เขาเน้นฝึกในทางปฎิบัติจริงมากกว่าทฤษฎีน่ะค่ะ ความแตกต่างจากที่อื่นอีกอย่าง เท่าที่เรารู้มา คือถ้าของมธ.เนี่ยเขาจะมีวิชาบังคับเป็นการแปลภาษาไทย-อังกฤษด้วย ส่วนจุฬาจะเป็นวิชาเลือก ถ้าพูดจริงๆ เราเห็นว่า สำหรับคนที่ทำงานประจำไปด้วย เรียนไปด้วยเนี่ย จะค่อนข้างหนักและเหนื่อยมาก การบ้านส่วนใหญ่ไม่หินมากค่ะ ปานกลางๆ แต่ต้องทำให้ครบ เลยต้องสามารถแบ่งเวลามาทำด้วยค่ะ แล้วก็ ในเมื่อเรียนวันส.-อา. ฉะนั้นจะไม่มีเวลาหยุดแบบปกติชาวบ้านกัน 5555 ถ้างานประจำต้องมีการเดินทางไปตจว.ในวันสุดสัปดาห์ ก็ต้องดูด้วยน่ะค่ะว่าต้องขาดเรียนไปเยอะมั้ย มีเพื่อนเราคนนึง จบรุ่นเดียวกันแต่เข้าเรียนก่อน เขาต้องเดินทางด้วยเรื่องงานบ่อย เลยขาดเรียนจนลำบากน่ะค่ะ และมีเรื่องขัดข้องอื่นๆในชีวิตด้วย สุดท้ายเกรดหล่นจนเรียนต่อไม่ได้ เราเองก็เรียนจบได้2ปี เจอความลำบากบ้าง แต่ต้องบอกว่าโชคดีมากที่ได้เพื่อนร่วมห้อง พี่ๆน้องๆคอยช่วยเหลือกันมาตลอดค่ะ ^^ อยากพิมพ์ยาวๆกว่านี้ แต่ต้องไปละ ไว้จะกลับมาตอบเพิ่มละกันนะคะ จากคุณ : Reiko-lion เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 00:08:28

ความคิดเห็นที่ 10 ยินดีกับคุณ Flowery ด้วยนะครับ ^^ จากคุณ : friday:fineday เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 11:43:12

ความคิดเห็นที่ 11 มีพี่ที่รู้จัก จบอักษรฯ จุฬาฯ เค้าบอกว่าถ้าเรียนเล้วอยากเอาวุฒิป.โทไปเป็นอาจารย์ เรียนสาขานี้ดีมาก ทฤษฏีปึ้กได้ไปสอนคนต่อ ไม่จำเจเหมือนพวกป.โทการสอนภาษาอังกฤาโดยตรง เต่ถ้าเรียนเพื่อไปเป็นนักเเปล ไม่ต้องเรียนก็ได้ เพราะการเเปลบางทีมันไม่ต้องเรียน ขอมีความรู้ภาษาอังกฤษ พรสวรรค์+พรเเสวง เเบบความสามารถทางภาษาดี ก็เเปลได้ ไม่ต้องเรียน เค้าบอกว่าที่เค้าเเปลหนังสืออังกฤษ-ไทยได้ทกวันนี้ มาจากความชอบทางภาษาเอง+อ่านนิยายเยอะ ไม่ได้มาจากที่คณะเท่าไหร่ เพราะที่คณะชอบสอนเเต่ทฤษฏี หรือพี่คนนี้เค้าเก่งอยู่เเล้วไม่รู้นะ เลยพูดเเบบนี้ - -" ปล.พี่เค้าบอกว่าเป็นนักเเปล ถ้าเก่งจริงได้เงินเยอะค่ะ อย่างพี่คนนี้ทำงานประจำอยู่ที่องคืกรเเห่งนึงเเต่เเปลงานเสริมนิดๆหน่อยๆยังได้ดือนนึงเกือบ 20000 จากคุณ : เเนน เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 14:08:07 A:124.122.49.254 X: TicketID:317920

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าเรียนเพื่อไปเป็นนักเเปล ไม่ต้องเรียนก็ได้ ... เเบบความสามารถทางภาษาดี ก็เเปลได้ ไม่ต้องเรียน" เอ อันนี้ขอความกรุณาให้ความกระจ่างหน่อยนะครับ ว่าจำคนอื่นเขามาพูด หรือว่าเป็นทัศนะคติส่วนตัว คือว่าการแปลมันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์นะครับ (ไม่ได้พูดเองนักทฤษฏีการแปลเช่น Newmark, Reiss, Delisle, etc เขียนไว้เช่นนั้น) ดังนั้นจะบอกว่าไม่ต้องเรียนก็ได้ อันนี้ผมว่าถ้าเป็นนักแปลมืออาชีพ เขาคงไม่กล้าอวดสรรพคุณขนาดนี้ การค้นคว้า อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับงานที่จะแปล การสอบถามผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งเป็นการเตรียมตัวก่อนลงมือแปล นั่นก็ถือวาเป็นการ "เรียน" อย่างหนึ่งแล้ว เพราะนักแปลไม่ใช่เทพ จึงต้องค้นคว้าเตรียมตัวมาอย่างดี เช่นเดียวกับล่ามที่ต้องเตรียมการก่อนเข้าห้องประชุมฉันใดก็ฉันนั้น เข้าใจว่า การ "เรียน" ที่คุณว่ามานั้น คงหมายถึงการเรียนแบบในห้อง แบบเป็นทางการ แบบผ่านสถาบัน แบบได้ใบประกาศรับรองใช่ไหมครับ แต่ถ้าอยากพัฒนาความสามารถในการแปล ในวิชาชีพของตน และหากมีเวลา ผมว่านักแปลมืออาชีพเขาก็อยากเรียนครับ เพราะมันจะทำให้เขาสามารถถ่ายทอดความรู้ของตนให้ผู้อื่นรู้ได้อย่างเป็นระบบ เป้นวิชาการ ไม่ใช่แบบครูพักลักจำ เพราะนักแปลหลายท่านแปลเก่ง แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมตนจึงเลือกแปลเช่นนี้ไม่แปลเช่นนั้น การแปลในเมืองไทย จึงได้รับการยอมรับให้เข้ามาในระบบการศึกษาระดับสูงหรืออุดมศึกษา เพื่อให้มีการพัฒนา ต่อยอด สร้างคนที่จะไปประกอบอาชีพนี้อย่างเปี่ยมความรู้ความสามารถทั้งทฤษฏีและปฏิบัติ ในเมืองนอกเมืองนาเขาทำระดับปริญญาโท-เอกด้านนี้กันมาเกือบครึ่งศตวรรษแล้วครับ จากคุณ : คนใจร้ายหมายดี เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 15:08:04 A:49.49.110.195 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 13 อันนี้ผมว่าถ้าเป็นนักแปลมืออาชีพ เขาคงไม่กล้าอวดสรรพคุณขนาดนี้ .... Are you sure? Khun fortuner is a professional translator. He often says that being a professional translator needs no formal training in a university enviroment. If you don't believe me, look at those famous translators, none ever enrolls in such courses in Chula or TU or anywhere else. Even a Seawrite recipient Jiranun, she is a famous movie translator because of her skills from practical experience, not from studying at Chula. จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 18:29:32

ความคิดเห็นที่ 14 การแปลในเมืองไทย จึงได้รับการยอมรับให้เข้ามาในระบบการศึกษาระดับสูงหรืออุดมศึกษา เพื่อให้มีการพัฒนา ต่อยอด สร้างคนที่จะไปประกอบอาชีพนี้อย่างเปี่ยมความรู้ความสามารถทั้งทฤษฏีและปฏิบัติ ในเมืองนอกเมืองนาเขาทำระดับปริญญาโท-เอกด้านนี้กันมาเกือบครึ่งศตวรรษแล้วครับ ... I wonder if those who graduate with a Master Degree in such esteemed universities can translate something like this? The following translation is the work of someone who studied in science stream in high school. His regular job is IT support person. คืนอันเป็นนิรันดิ์ (รักแห่งสยาม OST) เหมือนว่าเราจะมอง ไม่เห็นหนทางใด ตกอยู่ในความมืดบอด ตกอยู่ในห้วงใจที่อ่อนไหว เหมือนจะเป็นกลางคืนอันยาวนาน เมื่อฟ้าไม่มีแสงใด มองไปรอบกาย หัวใจก็พลัน หวาดกลัว ว่าเหตุใดคืนที่ยาวนาน ไม่ผ่านไปเสียที จากนี้จะมีหนทางอื่นอีกไหม Endless Night (translation) As if seeing nothing, seeing no way As if being blinded, heart quivering As if into the long night, in the dark sky Looking around, heart suddenly panicking Don't know when the long night is to end Don't know if there is any other way out แต่อย่างไรก็ตามยังมีตะวันยังที่ฉายในวันต่อไป แต่ไม่รู้ต้องรอเมื่อไหร่ หรือใจเราคงจะอยู่กับคืนอันเป็นนิรันดร์ ว่าเหตุใดคืนที่ยาวนาน ไม่ผ่านไปเสียที จากนี้จะมีหนทางอื่นอีกไหม Yet there is still sunshine the next day Don't know how long to wait, maybe my heart still buried in endless night Don't know when the long night is to end Don't know if there is any other way out แต่อย่างไรก็ตามยังมีตะวันยังฉายในวันต่อไป เมื่อเรามีเช้าวันใหม่ หวังใจว่าจะมีหนทาง เมื่อทุกข์ในวันเมื่อวานคืนกลับมาหาใจอันอ่อนแอ เหตุที่ใจแพ้ เพราะเราต่างหากที่แพ้ใจ ความทุกข์จึงเป็นกลางคืนอันยาวนาน แล้วมันจะผ่านไป ตราบใดเวลายังหมุนผ่าน ความทุกข์จะผ่าน เพราะไม่มีคืนใดเป็นนิรันดร์ วันคืนต้องผ่าน นั่นคือเวลาอันเป็นนิรันดร์ Yet there is still sunshine the next day When there's a new morning, a new hope may spring When yesterday suffering returns to haunt the weakened heart Heart suffers, cause one allows it to Suffering is akin to the endless night, yet it will pass As long as time moves, suffering will pass, cause there is no endless night Day and night shall pass, only eternal is time. ------------------------------------------------ Or even this? พอดีว่า เพื่อนป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายค่ะ แล้วเพื่อนอยากแปลเพลงนี้เป็นภาษาอังกฤษให้แฟนเค้าที่เป็นชาวต่างชาติ รบกวนช่วยแปลให้ทีได้ไหมคะ เพราะเพื่อนใกล้จะไปเต็มทีแล้ว ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ ------------ บินไปเดียวดาย..กลางสายลมแปรปรวน... เพียงทะเลครวญ....ฟังคล้ายเป็นเพลงเศร้า... ค่ำคืนนี้ฉันเพลีย..ฉันเหนื่อย..ฉันหนาว และเหงาเหลือเกิน... Fly alone through stormy wind Sea cries the sad song Tonight, I am exhausted, shivering And very lonely. ไม่เคยมีใคร..มีรักแท้จริงใจ... จ้องมองทางใด..ดูเคว้งคว้างว่างเปล่า... ฝ่าลมฝนลำพัง...มากี่ร้อนหนาว.... จนล้า...สิ้นแรง... None’s had true love Any where looking, void and barren Living through many seasons So tired and weary. * ไม่อยากเห็นภาพใด..แม้แต่ท้องฟ้า... อยากจะพักดวงตา...ลงชั่วกาล.... จะไปซุกตัวนอนซ่อนกายในเงาจันทร์... จะหลับฝันไม่ขอตื่น..ขึ้นมา..... Don’t want to see any more even the sky Want to rest my eyes, forever Want to hide and lie in the moon’s shadow Sleep, dream, never to wake up. คงจะมีเพียง...ลมหายใจรวยริน.... เอนกายบนดิน...ยอมรับความแพ้พ่าย.... ปีกของฉันมันหนัก....บินต่อไม่ไหว.... จะขอพักกายชั่วกาล..... There exists only a short breath Lie on the earth, accept defeat My wings are too heavy, can’t fly on Want to rest mine, forever. แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 54 20:37:43 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 54 19:09:51 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 19:05:13

ความคิดเห็นที่ 15 อีั้งอ่ะ เราคงไม่มีความสามารถขั้นเทพถอดบทกวีนั้นๆออกเป็นภาษาต่างประเทศได้ ตอบคุณเคซีเนียร์นะครับ ผมคงไม่ได้หมายความว่าคนที่มีปริญญาบัตรด้านการแปลแล้ว จะเป็นนารายณ์อวตารแปลงานได้ทุกประเภทนะครับ เพราะการแปลต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้วย เพราะตัวบทแต่ละชิืนมันมีลักษณะและปํญหาที่ต้องแก้แตกต่างกัน แต่คนเรียนมาจะพอมองเห็นแนวทางวิธีการค้นหาคำตอบ หรือการแก้ปัญหาอย่างมีระบบและรวดเร็วได้ ไม่ต้องงมเข็มในมหาสมุทร พุดง่ายๆคือเราไปเรียนเอาทางลัดที่นักแปลมืออาชีพเขาต้องใช้เวลาค้นหาอันยาวนานกว่าจะได้มา มันก็เลยราคาแพงพอสมควรกว่าจะเรียนจบหลักสูตร แต่อย่างไรผมก็ว่าคุ้มค่ามากนะครับกลับการลงทุน และผมก็ไม่ได้บอกว่าจะเป็นนักแปลที่ดีต้องผ่าน formal training เท่านั้นนะครับ เหตุผลเหมือนอย่างข้างบนที่กล่าวมาแล้ว จากคุณ : คนใจร้ายหมายดี เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 00:52:35 A:49.49.110.195 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่านักแปลมืออาชีพเขาก็อยากเรียนครับ เพราะมันจะทำให้เขาสามารถถ่ายทอดความรู้ของตนให้ผู้อื่นรู้ได้อย่างเป็นระบบ เป้นวิชาการ ไม่ใช่แบบครูพักลักจำ เพราะนักแปลหลายท่านแปลเก่ง แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมตนจึงเลือกแปลเช่นนี้ไม่แปลเช่นนั้น ... Never heard any professional translators want to enroll in such courses. If a person who can translate songs/poems like that, why should he/she want to enroll in a translation course even at Chula? What for? Pray tell? They are not translation instructors. There is no need for them to explain to anyone how they translate it this and that way. They are professional translators, busy translating for money. Why should they spend money/time to enroll in such a course? I can't imagine even a single reason. จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 01:22:54

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องที่คุณคนใจร้ายหมายดีกับคุณ K.Senior ถกกันน่ะ เราจะอธิบายแบบเป็นกลางไม่เข้าข้างใคร โดยจะบอกว่ามันมีประเด็นปลีกย่อยที่จะต้องพิจารณามากมาย จะลองตอบเป็นประเด็นแยกๆกันไปนะ เช่น 1. คนเรียนปริญญาโทการแปลจะเรียนลัดในเวลาอันสั้นๆเพื่อรู้วิธีการแปลที่ถูกต้องซึ่งนักแปลมืออาชีพต้องคลำหาแบบลองผิดลองถูกมาตั้งหลายปีได้หรือไม่? คำตอบก็คือ เราไม่ตอบ yes หรือ no แต่ตอบให้ไปคิดเอาเอง คือเราชอบคิดวิธีการสอนภาษาอังกฤษใหม่ๆเป็นงานอดิเรก(just to satisfy my curiosity) เราก็เลยคิดว่าการสอนการแปลเขาทำไงกัน แล้วก็สรุปออกมาได้ว่าการสอนการแปลที่ดีที่สุดไม่ใช่ "สอนการแปล" แต่เป็นการ "สอนให้ผู้เรียน รู้วิธีเรียนการแปลได้ด้วยตนเอง" นั้นก็เพราะว่าการแปลมีมากมายหลายสาขา เหมือนๆกับเทคโนโลยี ใครไปสอนเทคโนโลยีหลายสาขามัน impossible ดังนั้นต้องสอนพื้นฐานที่จำเป็น และสอนวิธีค้นข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทฤษฎีว่าด้วยการสอนการแปลของเรา (ซึ่งแหกคอกไม่มีใครสอนในมหาลัย) สร้างขึ้นจากวิชา probability ที่ Mikhail Moiseyevich Botvinnik (อดีตแชมป์โลกหมากรุกฝรั่งชาวรัสเซียที่เป็น computer programmer) ใช้เขียน flowchart เพื่อแปลงออกมาเป็น computer program สอนคอมพิวเตอร์เล่นหมากรุกฝรั่ง ในยุคแรกๆ ไปดู concepts ทฤษฎีการสอนการแปลของเราได้ที่กระทู้นี้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/06/K7934208/K7934208.html 2. นักแปลมืออาชีพที่ไม่เคยเรียนปริญญาโทการแปลตอบได้หรือไม่ว่าแปลแบบนี้เพราะอะไร ตอบ บางคนตอบได้บางคนตอบไม่ได้ แต่เราตอบได้เพราะเราเรียนการแปล(ด้วยตัวเอง)โดยการคำนวณ permutations ของความเป็นไปได้ในการ "ชำแหละ(แยกส่วน)ประโยค" และช่วงหลังๆเรากัดฟันเปิด textbook วิชา syntax เรียนรู้ (ด้วยตนเอง) เรื่องการแยกส่วนประโยคที่ไล่ลงมาเหมือนกิ่งก้านสาขาต้นไม้ เลยยิ่งมองเห็นทางสว่าง 3. คนเรียนปริญญาโทการแปลกับไม่เรียนใครแปลเก่งกว่ากัน และเรียนปริญญาโทช่วยให้แปลเก่งขึ้นหรือไม่ ตอบ เราว่ามันแล้วแต่ individual case นะ แต่โดยทั่วไปแล้วคนแปลเก่งอยู่แล้วเรียนปริญญาโทการแปลมันก็ทำให้เป็นเสือติดปีก แต่ในทางกลับกันคนแปลไม่เก่งเรียนปริญญาโทการแปลจบมาอาจไม่ทำให้แปลเก่งขึ้นมากนัก แล้วถามว่างั้นเรียนไปทำไมกัน ตอบว่า "ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆเอาไปเป็นใบเบิกทางหรือขึ้นเงินเดือนได้" ลองมาเปรียบเทียบนักแปลบางคนกัน ทักษะการแปลนิยายอังกฤษเป็นไทย เราเคยแข่งกับแฟนเราแล้วเราแพ้เธอขาดกระจุยเลย ถามว่าเพราะเธอเรียนปริญญาโทการแปลมาหรือ ตอบ ไม่เกี่ยวเลย ถึงไม่เรียนเธอก็ชนะเราอยู่ดีเพราะเธอมีทักษะ reading comprehension มากพอๆกับเราแต่มีทักษะการเขียนภาษาไทยที่เหนือชั้นกว่าเราหลายเท่า เนื่องจากงานอดิเรกเธอคือเลิกงานก็เช่าหนังสือแปลมาอ่านทีละมากๆ อ่านๆไปตาอันแหลมคมของเธอจับได้ว่าแปลผิดตรงไหนบ้างโดยที่ไม่ต้องดูต้นฉบับภาษาอังกฤษเลย ซึ่งเราพยายามเรียนการแปลนิยายแต่เราก็เรียนไม่ทันแฟนเราสักทีด้วยเหตุผลอันง่ายๆก็คือว่า "เราไม่ชอบอ่านหนังสือภาษาไทย ทักษะการเขียนภาษาไทยเราจึงไม่พัฒนามากนัก" พอเรายอเธอว่าแปลนิยายเก่งเธอย้อนกลับมาว่ามีเด็กอักษรศาสตร์จุฬารุ่นน้องเธอเรียนเอกเยอรมันไม่ใช่เอกอังกฤษแต่แปลนิยายอังกฤษเป็นไทยได้เก่งกว่าเธอโดยไม่ต้องเรียนปริญญาโทการแปลหรือปริญญาโทอะไรเลย! อะโหฟังแบบนี้แล้วไม่อยากเจอตัวเลยแฮะ...เก่งแบบนี้ขออยู่ห่างๆเพราะกลัวความเก่งอ้ะ...555+++... ทักษะการแปลหนังสือราชการและเอกสารกฎหมายจากไทยเป็นอังกฤษ อันนี้เราชนะแฟนเราขาดลอยเลยเพราะมันเป็นอาชีพหลักเรามานานกว่า 15 ปีแล้ว เราเคยพยายามสอนแฟนเราแต่เธอไม่ยอมรับเลย พอเห็นงานแบบนี้เธอจะขว้างมันทิ้งไปไกลๆเลยหละ ที่แรกเราหลงคิดว่าแฟนเราแปลไทยเป็นอังกฤษไม่เก่งแต่พอไปเห็นเธอแปลจดหมายรักแบบเว่อร์ๆแล้วภาษาอังกฤษออกมาเหมือนฝรั่งเขียนนิยายรัก และเห็นเธอแปลโฆษณาเสื้อผ้าเครื่องสำอางจากไทยเป็นอังกฤษแบบเพ้อฝันแล้วภาษาอังกฤษมันออกมาสวยงามดี เราเลยได้ข้อสรุปว่าเราเรียนวิทย์เราเลย "แปลเรื่องราวที่ไร้อารมณ์แต่ใช้ precise logic เช่นภาษากฎหมาย ได้ดี"  แต่ในทางตรงกันข้ามกันแฟนเราเรียนด้านภาษามาเลย "แปลเรื่องราวที่ใช้อารมณ์เช่นนิยายรักและจินตนาการเพ้อฝันอย่างเช่นเขียนโฆษณาเว่อร์ๆได้ดี" ซึ่งเรา 2 คนมีทักษะการแปลที่ตรงกันข้ามกัน 4. การสอนการแปลทำให้ผู้เรียนรู้วิธีลัดได้หรือไม่ ตอบ เราเคยคิดท่าเพลงที่เราเรียกมันว่า repertoires เอาไว้สอนคนที่เพิ่งเรียนการแปล (แต่ไม่เคยสอนใคร เพราะจริงๆแล้วเราคิดมันขึ้นมาสอนตัวเราเองเท่านั้น) ให้เอาไปใช้เป็นแนวทางได้ (ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าปริญญาโทการแปลเขาสอนอะไรแบบนี้บ้างหรือไม่)  ซึ่งสาธิตให้ดูในกระทู้เก่าในห้องยำภาษา ลองไปอ่านดูว่ามันจะช่วยให้นักแปลหน้าใหม่เรียนลัดได้บ้างหรือเปล่า http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/07/K9424799/K9424799.html แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 54 06:24:22 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 54 05:58:19 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 05:52:23

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นด้วยกับคุณหมอดูทุกประเด็น ไม่กล้าเถียง และไม่รู้จะเอาอะไรมาเถียงกับเซียนแปลระดับเหยียบเมฆขนาดนี้ ขอคารวะจากใจจริง ทว่าผมจะรบกวนของ mail address ของคุณหมอดูได้ไหมครับ คือบางประเด็นมันอาจจะเกี่ยวกับการค้าขาย ก็เลยกลัวโดนตำรวจหรือเจ้าหน้าที่เซ็นเซอร์แถวนี้ ของผม wachirael_99@yahoo.co.uk ขอบคุณล่วงหน้าครับ จากคุณ : คนใจร้ายหมายดี เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 16:33:39 A:49.49.110.195 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณค่ะคุณ friday:fineday  ^_^ จากคุณ : Flowery เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 17:40:06