ความคิดเห็นที่ 1 A reconstruction of the city walls of Nineveh,capital of Assyria. จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 00:59:20

ความคิดเห็นที่ 2 A frieze from the palace of King Sennacherib,at the Assyrian capital of Nineveh.Scribes list the booty and the number of dead from a Babylonia. จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 01:04:06

ความคิดเห็นที่ 3 อีกภาพ..... จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 01:05:38

ความคิดเห็นที่ 4 คุณแนะนำ The Bible มาหลายกระทู้แล้ว คราวนี้ขอเราแนะนำคัมภีร์อื่นและแนวคิดในศาสนาอื่นที่สำคํญบ้าง ลองอ่าน Mahanirvana Tantra ดู ถ้าอ่านไม่ดีจะ (โดนหลอกให้) หลงผิดคิดว่าเป็นแค่บทสนทนาระหว่าง Shiva กับ Shakti (ซึ่งแท้จริงแล้วบทสนทนาอันยาวมากๆนั้นเป็นเพียงแค่ symbolic representations ของ The entire universe!) แต่ถ้าอ่านดีๆคุณจะเข้าใจว่า God สร้างโลกและสร้างมนุษย์ขึ้นมาได้อย่างไร แล้วลองกลับมาอ่าน The Bible คุณจะเข้าใจมันลึกซึ้งมากกว่าพวก jahovah witnesses ที่เที่ยวไปชักชวนคนให้เข้ารีต ครั้งหนึ่ง jahovah witness คนหนึ่งเคาะประตูบ้านเราใน London แล้วพยายาม preach เราให้มาเข้ารีต เราฟังเขาพูดอยู่นาน พอเขาหยุดพูด เราถามเขาว่า Could you walk on water and turn water into wine the way Jesus did?  เขาทำหน้างงๆ แล้วเราก้อบอกเขาว่า Bodhidharma (菩提达摩) and Zhang Sanfeng (张三丰) could do all these things. (ผู้บรรลุมรรคผลหรือเป็นเซียน (หรือ saints) 2 ท่านนี้ คนไทยเรียก "ตั๊กม้อ" กับ "จางซันฟง") แล้วเราก้ออธิบายให้ jahovah witness คนนั้นฟังว่า There are no such things as miracles.  What you see are only unknown laws. I studied Zen, Daoism and Hinduism in order to understand The Bible.  Why don't you do the same? This is the way of Zen: Instead of coming here to preach me you should go home and meditate while saying to yourself "I am the center of the universe." Try to see yourself as a microcosm. It will help you attain enlightenment. Being such a divine being, you will understand the way of The Creator. แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 54 02:16:30 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 54 02:12:05 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 02:08:38

ความคิดเห็นที่ 5 ยินดีครับ คุณfortuneteller  หากคุณมีอะไรดี  ก็ว่ามา  แต่ก่อนจะคุยกัน ผมกับคุณควรจูนคลื่นให้ตรงกันก่อน  ไม่งั้นจะเหมือนกับหลายๆท่านที่เอาแต่เถียงกัน เสียเวลาครับ  ผมส่งบทความเข้าห้องสมุด หลายท่านคิดว่าเป็นการเผยแพร่ศาสนา  ซึ่งอาจจะใช่บ้างแต่ไม่เน้นครับ ผมมีบทความในห้องศาสนาอยู่แล้วคุณก็เห็นและคงได้อ่านแล้ว และคงเข้าใจในบทความดี    ห้องไร้สังกัดผมก็เข้า แต่พูดเรื่องศาสนาน้อยมากแทบจะไม่มี   คุณจะพบบทความล่าสุดที่หว้ากอ  อยากให้คุณพิจารณาบทความที่ผมส่งเข้ากระทู้ต่างๆ  แล้วขอความเห็นบ้างว่าเข้าใจว่าอย่างไร รวมทั้งความคิดเห็นทั้งหลายที่อ่านบทความผม      อนึ่ง ขอเปิดตัวก่อนว่า ผมไม่ได้เป็นพยานพระยะโฮวา  แต่พอเข้าใจเรื่องพระเจ้าพอสมควร  อย่างนี้ดีกว่าคลื่นคุณกับคลื่นผมยังไม่ทราบว่าจะตรงกันไหม  หากไม่ตรงกันก็สมควรให้เรื่องมันผ่านไป คุณพบบทความผม-สงสัยก็ถามได้  ไม่สงสัยแต่ไม่เชื่อก็เงียบ  ผมไม่เคยกระทุ้งบทความของใคร  ใครเชื่อไม่เชื่อเป็นเรื่องส่วนตัว  ใครจะเชื่อสิ่งก็ว่าเขาไม่ได้  ต่างประเทศก็มีลัทธิซาตานนานแล้วก็ไม่เห็นมีเรื่องต้องมาเถียงกัน  แน่จริงลองพลังกันไม่ดีหรือ  ในไทยมักพูดกันว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่  แต่คุยกับผม  เรื่องลบหลู่ผมไม่ถือครับ        เรื่องการอัศจรรย์ต่างๆก็เช่นกัน หากคุณไม่เชื่อ  คุณทำmeditationเพื่ออะไร  ช่วยอธิบายด้วย   เรื่องzen-เต๋า คุณรู้ละเอียดดีหรือ ช่วยลงบทความมาสิ  ผมสังเกตุมีคนสนใจมาก  เรื่อง เต๋า  ผมฝึกยูโดมา ไอคิโดบ้าง  ไท้เก็กกับอจ.หลิว พอจะเข้าใจสิ่งที่คุณว่านะ  ผ่านมาแล้วรำมาแล้ว ได้พลังจริง แต่ไม่ใช่พลังเดินบนน้ำนะครับ  ตามที่คุณแนะนำให้พยานพระยะโฮวาศึกษาเรื่อง เซน เต๋า ฮินดู  คุณทราบไหม ทางกลุ่มเขามีตำราสรุปไว้มากกว่าที่คุณมีก็แล้วกัน   คุณกลับบอกให้เขาศึกษาสิ่งที่คุณเชื่อ  ในขณะที่เขาส่วนใหญ่ทิ้งสิ่งที่คุณมีไปแสวงหาความจริงกันแล้ว   ครับคุณลองบอกคลื่นของคุณก่อน  เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ(ช้ำใน)ตามความเชื่อของผู้ฝึกวรยุทธสายจีนไม่ว่าจะ少林-太极  หรือคุณจะคุยเรื่องวรยุทธก็ย่อมได้นะครับ ยินดีแลกเปลี่ยน  สิ่งที่คุณนั่งmeditateก็คือการเข้าหาพระเจ้านั้นแหละ  แต่ถึง omnipotence of  จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 23:09:36

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ที่คุณถามว่า "เรื่องการอัศจรรย์ต่างๆก็เช่นกัน หากคุณไม่เชื่อ  คุณทำmeditationเพื่ออะไร  ช่วยอธิบายด้วย" ^ คำถามนี้เกิดจากความเข้าใจผิดประโยคนี้ There are no such things as miracles.  What you see are only unknown laws. ^ จริงๆแล้วประโยคนี้เราตั้งใจจะสื่อว่า "เรื่องอัศจรรย์ต่างๆทั้งหลายอย่าไปเรียกมันว่า "อัศจรรย์" เลย แต่ให้เรียกมันว่า (เป็นปรากฎการณ์จาก) กฎเกณฑ์ต่างๆที่เรายังไม่เข้าใจ" คนในรูปที่คุณแปะไว้เราไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ความเป็นญี่ปุ่นของเขาทำให้เราคิดถึง Koichi Tohei ผู้เป็นศิษย์เอกของ Morihei Ueshiba ตอนที่ Morihei Ueshiba ตาย Koichi Tohei เป็น chief instructor อยู่ที่ Hombu Dojo และเขามีแนวคิดที่จะสอน aikido ด้วยหลักการของ Zen Meditation และ ki จนทำให้เกิดความขัดแย้งกับ instructors รายอื่นๆ และกับ Kisshomaru Ueshiba ซึ่งเป็นลูกชายของ Morihei Ueshiba จนกระทั่ง  Koichi Tohei ถูกขับไล่ออกจาก Hombu Dojo จากนั้นมา Koichi Tohei ก็อ้างว่าเขามีสิทธิที่จะสอน aikido ตาม concepts ของเขาได้ที่อื่นแห่งไหนก็ได้ในโลกนี้ ซึ่งเขาก็ทำเช่นนั้นจริงๆ จากแนวคิดของ Koichi Tohei ที่พยายามอธิบายว่าสิ่งที่ชาวพุทธเรียกว่าพระพุทธเจ้า มุสลิมเรียกมุฮัมมัด หรือนักพรตเต๋าเรียกเต๋า หรือชาวคริสต์เรียก God (เขาพูดเปรียบเทียบแบบ "หลวมๆ" ไม่เข้มงวดเหมือนการแทนค่าในสมการ) นั้น ทั้งหมดคือสิ่งเดียวกันคือ "universal force" เพียงแต่ผู้คนในแต่ละศาสนาเรียกชื่อไม่เหมือนกัน   ^ จากแนวคิดของเขาทำให้เราเริ่มคิดว่าศาสนาหลายๆศาสนาล้วนมาจากแหล่งกำเนิดอันเดียวกัน ดังนั้นในเมื่อเราเห็นคุณสนใจ The Bible (ซึ่งเราก็สนใจด้วยเช่นกัน) เราจึงแนะนำให้คุณลองศึกษา Mahanirvana Tantra ดู เหมือนๆกับที่เราแนะนำให้ jahovah witness คนนั้นหยุด preach เรา แล้วกลับบ้านไปฝึกด้วยวิธีการที่ไม่ต้องแสดงตนว่าตนเองเป็นคนศาสนาไหนหรือนิกายใด แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 54 02:32:09 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 02:28:33

ความคิดเห็นที่ 7 อาจจะไม่เกี่ยวกับหัวข้อ และประเด็นที่กำลังสนทนากันอยู่นะคะ.... แต่อยากขอบคุณที่คุณ SURAWISH เอ่ยถึง การจารึกประวัติศาสตร์สมัยอัสซีเรียค่ะ อยากขอคุยเรื่องนี้เพิ่มสักนิด ว่า การจารึกถึงความพ่ายแพ้ของกษัตริย์ในสมัยอัสซีเรีย   ที่กล่าวถึงกษัตริย์พระองค์หนึ่งไว้ มีพระนามว่า Sardanapalus   ซึ่งเอ่ยถึงความพ่ายแพ้ที่กลายเป็นความรุนแรง  เพราะเมื่อพระองค์แพ้สงครามจากกษัตริย์ บาบิโลน ก็ตัดสินพระทัยทำลายข้าวของทุกอย่างในพระราชวังของตัวเองและเมืองทั้งหมดลง ทั้งชายา ลูกหลาน นางบำเรอ  ข้าทาสบริวาร  ม้า สิ่งมีชีวิตถูกพระองค์สั่งประหาร  และ เผาเมืองของพระองค์ พร้องพระองค์เองทั้งเป็น...เป็นที่มาของ ภาพวาดฝีมือ  ยูยีน เดอลาครัวส์ ที่ชื่อ The Death of Sarnapalus   ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยค่ะ เพราะเคยอ่านคร่าวๆว่ากษัตริย์พระองค์นี้มีพระนามในไบเบิลแต่ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า จากคุณ : โตมิโต กูโชว์ดะ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 05:58:45

ความคิดเห็นที่ 8 ก็ตราบเท่าที่จุดประสงค์ของคุณ SURAWISH ถ้าต้องการจะก่อให้เกิดประเด็นทางวิชาการมันก็ดี เพราะก่อให้เกิดการต่อยอดขององค์ความรู้ไปได้อย่างเเพร่หลาย เเต่ไม่ว่าจะเป็นเจตนาหรือไม่ก็ตาม ผลที่ได้รับก็คือ มันเป็นการเผยเเพร่ศาสนาทาง"อ้อม" จากคุณ : อวิหา เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 11:50:28

ความคิดเห็นที่ 9 There are no such things as miracles.  What you see are only unknown laws ครับ คุณ fortunetellerที่นับถือภาษาอังกฤษผมยอมแพ้ครับ  แต่ประโยคบนถ้าแปลแบบไทยๆ มันทำให้เข้าใจว่า ไม่มีการอัศจรรย์อย่างที่ว่าครับ   สิ่งที่เห็นเป็นกฎธรรมชาติที่ไม่รู้จะสรุปอย่างไร    ถ้าเป็นผม ผมจะพูดตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมว่ามันคือการอัศจรรย์ของพระเจ้านั่นแหละ  เพราะคุณ Koichi Tohei ก็ให้ความเห็นเช่นเดียวกับคุณ  ว่าเป็นพลังจากธรรมชาติ โดยสามารถเรียกได้ตามความเชื่อของศาสนาต่างๆ  ถ้าอย่างนั้น ผมก็เสียเวลาเปล่าประโยชน์ที่จะประกาศความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียว   คุณมีความรู้เรื่อง ประวัติของผู้แต่งหนังสือ AIKIDO ไม่น้อย  ในหนังสือดังกล่าวได้ลงลึกถึงพลังธรรมชาติที่เราสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันโดยการฝึกตามวิธีของท่าน Morihei Uyeshiba แล้วคุณฝึกถึงขั้นไหนแล้วครับ    เรื่อง BIBLE นั้น ผมเชื่อว่า ถ้าคุณได้อ่านและเข้าใจที่มาที่ไป  คุณคงไม่ให้ผมหันไปอ่าน Mahanirvana Tantra เป็นแน่   เอาละไหนๆก็แนะนำผมมาแล้ว  จะให้ดี คุณช่วยแบ่งปันเรื่องดังกล่าวใน Pantip น่าจะดีกว่า เพราะมีอีกมากที่ยังไม่ได้อ่าน  ผมเองก็อ่านเอกสารภาษาอื่นไม่คล่องนัก เดี๋ยวจะเข้าใจคลาดเคลื่อน         ครับผมดีใจและยินดี  ที่มีเพื่อนเพิ่มอีกหลายคนในห้องสมุดนี้ ... ต้องขอบคุณ คุณโตมิโต..ที่แบ่งปันภาพมาให้ชาวห้องสมุดได้ชมกัน และขอบคุณ คุณอวิหาที่เข้าใจผมถูกต้อง   การประกาศความจริง(ศาสนา)เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง  ศาสนาอื่นอาจคิดว่าความเชื่อเป็นเรื่องส่วนตัว  ครับ ผมพูดความจริง  ขออย่าได้คิดว่าผมยัดเยียดความคิดให้นะครับ  ทุกคนมีสมองที่จะวินิจฉัยเองได้  มันขึ้นอยู่ที่ตัวเราว่ามีจุดยืนและกล้าที่จะพูดสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่เท่านั้น         จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 21:04:25

ความคิดเห็นที่ 10 Prof.  Morihei  Uyesahiba  ปรมาจารย์ไอคิโด.... จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 21:06:39

ความคิดเห็นที่ 11 About the author.......... จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 21:08:15

ความคิดเห็นที่ 12 ถูกต้องแม่นยำในรายละเอียด....      ในการพิจารณาคดีที่ศาล  บ่อยครั้งความน่าเชื่อถือของคำให้การของพยานจะรู้ชัดโดยอาศัยข้อเท็จจริงปลีกย่อย.  ความสอดคล้องกันในรายละเอียดปลีกย่อยอาจพิสูจน์ว่าคำให้การนั้นถูกต้องและซื่อตรง  ทว่าความแตกต่างอย่างร้ายแรงอาจเผยให้เห็นว่าคำให้การนั้นเป็นเรื่องที่กุขึ้น.  อีกด้านหนึ่งคำให้การที่ถี่ถ้วนเกินไป-คือคำอธิบายที่มีการเตรียมรายละเอียดทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี-ก็อาจเผยให้เห็นคำให้การอันเป็นเท็จ.      เหล่าผู้จารึกพระคัมภีร์ไบเบิลแสดงถึงความสอดคล้องกันอย่างน่าทึ่ง.  มีความสอดคล้องแม้แต่ในรายละเอียดปลีกย่อย.  กระนั้น ความสอดคล้องกันนั้นไม่ได้มีการจงใจจัดทำขึ้น  ซึ่งคงจะทำให้สงสัยว่ามีเจตนาสมรู้ร่วมคิดกัน.  ปรากฎชัดว่าไม่มีการวางแผนในเรื่องความสอดคล้องต้องกัน  เหล่าผู้เขียนมักเขียนตรงกันโดยไม่ได้ตั้งใจ.        ฉะนั้น  คัมภีร์ไบเบิลไว้วางใจได้ไหม?  พวกนักโบราณคดีได้ขุดพบสิ่งประดิษฐ์มากพอจะยืนยันว่า  คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงผู้คนที่มีจริง,สถานที่จริง,และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง.  ถึงกระนั้น  ที่มีพลังยิ่งกว่านี้ก็คือ  หลักฐานที่พบภายในคัมภีร์ไบเบิลเอง. ผู้จารึกที่ซื่อตรงไม่ได้เว้นข้ามใครสักคน  แม้แต่ตนเอง  ในการบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงความจริง.  ความสอดคล้องกันภายในของข้อความต่างๆ  รวมทั้งความสอดคล้องต้องกันโดยไม่ได้มุ่งหมายจงใจนั้น  ให้ "คำให้การ"ถึงลักษณะที่เด่นชัดของความจริง.  ด้วย "เครื่องหมายรับรองความเชื่อถือได้"ดังกล่าว  คัมภีร์ไบเบิลจึงเป็นหนังสือที่คุณสามารถไว้วางใจได้จริงๆ.... จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 13:37:57