|  | 
^ตอบคุณ เค็ง
 
 ประเด็นหลักที่ว่าครูไทยส่วนใหญ่อาจไม่พร้อม 100% เนื่องจากยังพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องเท่าฝรั่งเจ้าของภาษา แต่นั่น "ไม่ใช่อุปสรรค์" ในการสอน conversation กับ grammar พร้อมๆกันด้วยวิธีการใหม่ๆแบบที่เราเสนอ เพราะอะไรเราจะบอกให้
 
 ใน workshop ที่ครูสอนภาษาอังกฤษเก่งๆจัดขึ้นในโรงเรียนสอนภาษาที่เราเคยทำงานตามที่พูดถึงใน คคห3 นั้น พวกเขาทำ brainstorming sessions กันมาหลายเดือนแล้วได้ผลสรุปออกมาว่า
 
 "ถึงแม้ฝรั่งเจ้าของภาษาจะมีการพูดที่ถูกต้องแต่ก็ไม่ใช่ว่าเวลาครูฝรั่งพูดกุับนักเรียนทุกอย่างมันจะราบรื่น 100% นั่นก็เพราะว่าบางทีกลายเป็นทำให้นักเรียนเคยชินกับสำเนียงครูฝรั่งคนใดคนหนึ่งมากเกินจนฟังฝรั่งคนอื่นไม่รู้เรื่อง"
 
 ^
 ซึ่งก็นับว่าเป็นจริงๆ เพราะครูเราชาวอังกฤษคือ Mr.Bishop พูดด้วยสำเนียง RP (แบบสำเนียง bbc) ซึ่งเป็นสำเนียงมาตรฐาน แต่พอเราไปฟังฝรั่งชาวบ้านๆธรรมดาๆพูด เราถึงกับฟังไม่รู้เรื่องเลยซักประโยค!
 
 ดังนั้นพวกครูฝรั่งจะอัดเสียงแลกกันและกันเพื่อเพิ่มความหลากหลายในสำเนียงที่จะให้นักเรียนฟัง แต่นั่นมันเป็นสมัยก่อนโน้น สมัยนี้สื่อการสอนสมัยใหม่มีเสียงฝรั่งหลายหลายมาให้ใน audios ที่รวมมากับหนังสือเรียน
 
 ซึ่งมันจะช่วยครูไทยที่ยังพูดอังกฤษไม่คล่องให้เอาชนะอุปสรรคในด้านทักษะการพูดไปได้ โดยการ
 
 "เปิด audios ให้นักเรียนฟังเสียงฝรั่งเจ้าของภาษา แล้วหัดพูดตามซ้ำๆ (ซี่งเราเรียกว่า drill) ก่อนที่จะเอาประโยคตัวอย่างไป improvise (พูดใหม่โดยดัดแปลงประโยคให้พลิกแพลง)"
 
 ^
 ซึ่งในกระบวนการสอนเช่นนี้ หากครูไทยทำ drill ไปกับนักเรียนครูก็จะพูดอังกฤษคล่องขึ้นทุกวัน ทุกวัน ไปเรื่อยๆ จนครูจะพูดได้โดยไม่มีที่ติ นี่เป็นแนวคิดของเราในเรื่องวิธีปรับปรุงทักษะตนเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนผู้อื่น
 
 ^
 ถึงแม้พ่อแม่เด็กเองจะไม่เก่งภาษาอังกฤษมากนัก แต่ถ้าลงทุนสอนลูกเองและเรียนเองไปพร้อมๆกับลูกโดยเริ่มตั้งแต่ Side by Side เล่ม 1  ที่มันง่ายมากๆระดับ This is a book. ตอนจบพอเรียนครบ 4 เล่ม เผลอๆพ่อแม่เก่งตามลูก และพูดอังกฤษง่ายๆในชีวิตประจำวันได้ไปแล้ว และลูกพิชิต grammar ถึง ม.6 ได้ไปแล้ว!
 
 การใช้ digital media เป็น audios และ/หรือ videos ในยุคนี้ ใช้ต้นทุนต่ำมากๆ เรามี netbook ราคาแค่หมื่นต้นๆ มี hard disk จุ 300 กว่าๆ gb ซึ่งสามารถใส่ digial media (ebooks, audios และ videos การสอนภาษาอังกฤษ) มากพอที่จะสอนภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่ประถม มัธยมไปจนถึงระดับปริญญา (อาจเกินปริญญาตรีด้วย) นานต่อเนื่องกันได้ตั้งหลายปี (เพราะมีเหลือเฟือ) ซึ่งเราสามารถหิ้วไปสอนที่ไหนตัวปลิวได้เพราะมันหนักแค่ประมาณ 1 กก เอง สถานศึกษามีแค่ projector, จอ และลำโพง (ยิ่งมีเน็ตความเร็วสูงได้ยิ่งดี เราจะได้หาตัวอย่างการใช้ภาษาอังกฤษดีๆมาจากเวปให้นักเรียนดูได้)
 
 ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ สถานศึกษาลงทุนไม่มากนักหรอก อย่างมากก็ไม่เกิน 3 หมื่นบาท เพียงแต่ว่าจะมีโรงเรียนไหนยอมปรับเปลี่ยนเป็นสื่อไฮเทคแบบนี้หรือไม่เท่านั้น แต่กรณีที่พ่อแม่จะใช้สอนลูกเอง (ซึ่งทำได้แน่ๆเพราะบทเรียนมันใช้ศัพท์ง่ายมากๆ และสอนตามลำดับขั้นตอน) มีแค่คอมพิวเตอร์กับ digital media ก็พอแล้วไม่ต้องซื้อ projector กับ จอ (ที่ค่อนข้างแพง) หรอก
 
				 
				
					| จากคุณ | : 
fortuneteller       |  
					| เขียนเมื่อ | : 
25 พ.ค. 54 12:34:20 |  
					|  |  |  |  |