ความคิดเห็นที่ 1 ขอสรุปสั้นๆสามคำ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 23:14:20

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าออกจากกงล้อได้จริง ก็ดี เกรงว่า กบเลือกนาย จะเข้าไม่ถึง ชะตากรรม จากคุณ : avata เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 06:27:25 A:58.9.115.197 X: TicketID:147394

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ละคนข้างบน มานำเสนอแบบรหัสยวาทวลี... :) จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 09:25:19

ความคิดเห็นที่ 4 ก็เราเป็นหนูไง จากคุณ : jazz..a.a.minor เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 12:11:16

ความคิดเห็นที่ 5 พออ่าน จขกท. แล้ว ผมคิดเอาว่ากงล้อประชาธิปไตยในแบบไทย ของ จขกท. คงเป็น กงล้อที่เป็นการเมืองแบบไทยๆ ที่เป็นการขึ้นมาของ การเลือกตั้ง--- รัฐบาลโกงกิน --- ปฎิวัติ/รัฐประหาร --- ทหารครองเมือง มันคงเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ในสังคมไทยจริงๆ ในทัศนะ ผม การที่เราจะหลุดจากวงล้อดังกล่าว 1. ไม่ควรเป็นเพียงแค่การปฏิรูปการเมือง แต่เรา (ประชาชนคนไทย) ไม่ได้มีการดำเนินการอย่างจริงจังในการปฏิรูปกองทัพ เราค่านิยมที่มองว่าการเมืองเป็นเรื่องเน่าเหม็น บางครั้งก็ต้องการให้กลุ่มบางกลุ่มมากำจัดอำนาจนั้นซะ (อ้างจาก อ. ท่านหนึ่ง ในรั้วสามย่าน ที่ให้สัมภาษณ์ รายการ Interlegenceนะครับ ซึ่งผมค่อนข้างเห็นด้วยเลย) 2. การเมืองภาคประชาชนต้องมีความเข็มแข็ง ซึ่งในปัจจุบัน การเมืองด้านนี้ค่อนข้างมีผลอย่างมากต่อประชาชนในปัจจุบัน เห็นได้จากการเคลื่อนไหวต่างๆ และการแสดงความคิดเห็นทางด้านประชาธิปไตย ในประเด็นของผม เสนอไว้ 2 ข้อ นะครับ ถ้าคิดยังไงก็ลองๆมาแชร์กันดู อาจจะมีมุมิ่นที่เราน่าจะผ่ากงล้อนี้ไปได้ จากคุณ : nasesus (nasesus) เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 13:26:09

ความคิดเห็นที่ 6 ล้อมีขึ้นมีตก หากออกจากล้อไปไม่ได้ก็เตรียมจุดกระแทกให้เจ็บน้อยที่สุด หากเราไปหมุนเคลื่อนเปลี่ยนล้อ คงไม่ทันเตรียมรับแรงกระแทกแน่ เรื่องที่เป็นไปได้ไม่ใช่การไปหมุนเคลื่อนเปลี่ยนล้อ แต่เป็นการบอกให้คนให้ล้อเตรียมกระแทก หรือออกจากมันไป สรุปสามคำตาม คห.๑ "ออกจากล้อ" อธิบายเพิ่มกันเข้าใจผิด ไม่เปลี่ยนล้อ ไม่หันล้อ ไม่หยุดล้อ ไม่เคลื่อนล้อ จากคุณ : กัมปนัม เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 17:54:09 A:180.180.43.5 X: TicketID:275953

ความคิดเห็นที่ 7 ***แก้คำผิด*** ล้อมีขึ้นมีตก หากออกจากล้อไปไม่ได้ก็เตรียมจุดกระแทกให้เจ็บน้อยที่สุด หากเราไปหมุนเคลื่อนเปลี่ยนล้อ คงไม่ทันเตรียมรับแรงกระแทกแน่ เรื่องที่เป็นไปได้ไม่ใช่การไปหมุนเคลื่อนเปลี่ยนล้อ แต่เป็นการบอกให้คนในล้อเตรียมกระแทก หรือออกจากมันไป สรุปสามคำตาม คห.๑ "ออกจากล้อ" อธิบายเพิ่มกันเข้าใจผิด ไม่เปลี่ยนล้อ ไม่หันล้อ ไม่หยุดล้อ ไม่เคลื่อนล้อ จากคุณ : กัมปนัม เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 17:55:52 A:180.180.43.5 X: TicketID:275953

ความคิดเห็นที่ 8 จุดประสงค์การเปรียบเทียบ ความเป็นจริง เป็นอย่างไร แนวโน้มการเปลี่ยนแปลง กงล้อประชาธิปไตย  เท่ากับ  กงล้อการเมือง  เท่ากับ วงจรอุบาทว์ทางการเมือง (การเลือกตั้ง--รัฐบาลโกงกิน--ทหารทำรัฐประหาร--ทหารร่วมกับนักการเมืองครองอำนาจ) การพิจารณาการเปลี่ยนแปลง   ก็ต้องดูความเป็นมา และ การดำรงอยู่  ถึงจะทำนายอนาคต อย่าลืมว่า   กงล้อการเมืองไทย   มีศูนย์กลาง คือ  กษัตริย์ มีดุมล้อ  คือ  ระบบราชการ  โดยเฉพาะ ทหาร ค่อยพิทักษ์สถาบัน  การปกป้องอาณาเขต ปัจจุบันแทบไม่มีแล้ว ราษฏร  คือ  ขอบล้อที่หมุนในวงกว้าง และถูกบดและเสียดทานกับพื้น เพื่อให้ทั้งประเทศเคลื่อนไปข้างหน้า คนที่ขับหรือกำหนดทิศ  ก็คือ   ชนชั้นปกครองยุคใหม่  ได้แ่ก่  นักการเมือง กลุ่มคนอาชีพนี้   พบว่า   ส่วนใหญ่ขยับเคลื่อนตนเองมาจาก   ข้าราชการหรืออำมาตย์  โดยเฉพาะทหารมาเก่าทั้งสิ้น ไม่ก็ตำรวจ   ดูจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา   น้อยนักที่เป็นสามัญชน   นั่นสะท้อน  การผลิตซ้ำ หรือ ความพยายามเปลี่ยนผ่าน   จากกงล้อแบบขุนนาง  ไปสู่  ปชต. โดยผนึกรวมกับนายทุนเป็นคณะรัฐมนตรี กลายเป็น  การเมืองธุรกิจกึ่งอำมาตย์(อดีตข้าราชการ หรือ การเปลี่ยนโอนจิตสำนึก)   นัยยะคือ  การพยายามรักษาสถานะกงล้อเดิม  หรือ การเป็นชนชั้นข้าราชการเอาไว้ในการเมืองยุคใหม่   เรียกว่า  เป็นการเมืองแบบรักพี่เสียดายน้อง  (กงล้อขุนนาง กับ ปชต.มาตรฐาน) (1) *นักการเมืองปัจจุบัน  ส่วนใหญ่  เป็น พ่อค้า นักธุรกิจ หรือ อดีตขุนนางที่ผันตัวมาเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ แล้วหันมาหากิน กับ งบประมาณเพราะคุ้นชินกับระบบราชการ อันเป็นอดีตของตน นี่ก็คือ ใช้เส้นสายหรือ ระบบอุปถัมภ์เพื่อเข้าถึงทรัพยากรหลวง แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 54 08:11:07 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 54 08:11:07 จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 08:01:07

ความคิดเห็นที่ 9 หักมุมตรงนี้ก่อน จะเห็นว่า  การแก้วงจรอุบาทว์การเมือง  ทำได้ยากมาก ระยะยาว  ต้องแก้ปรับระบบราชการไปเรื่อยๆ ต้องสร้างระบบตรวจสอบที่แข็งแกร่ง จากหลายฝ่าย สกัดการซื้อคนในระบบตรวจสอบด้วย สื่อและภาคประชาชน ต้องเข้มแข็งคอยเป็นหูเป็นตาถ้วนทั่ว  เรียกว่ากระจายจิตสำนึกพลเมือง นั่นเท่ากับ   ต้องทำให้รวยกระจายไปพร้อมกัน  ลดการกระจุกตัวของความจนไปในอีกมิติหนึ่งด้วย ส่วนการโวทโนห้วงนี้   ถ้าทำสำเร็จอย่างมีนัยยะสำคัญ ก็เท่ากับ  การสร้างจิตสำนึกความเป็นพลเมืองได้บังเกิด  หรือ  การผุดบังเกิดขึ้น   จะมากมายก็ยังอยู่ในระยะดำเนินการ ซึ่งเป็นต้นทุนทางสังคม  เพื่อ การเรียนรู้ใส่ภาคประชาชน  ซึ่งก็นับว่าดี ในอีกมิติหนึ่ง จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 08:27:01

ความคิดเห็นที่ 10 ความหมายของ โวทโน คืออะไร ถ้าผลออกมามากพออย่างมีนัยยะสำคัญ   มันก็สะท้อนว่า จิตสำนึกพลเมืองส่วนหนึ่งนั้น  ได้ขบถต่อวงจรอุบาทว์  ซึ่งพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนที่ต้องการมาดำรงตน ในฐานะชนชั้นปกครองยุคใหม่   โดยเฉพาะเจตจำนงแอบแฝงแต่รู้กัน อันเป็นมะเร็งขององคาพยพเอง ภาวะตื่นรู้เช่นนี้   ภายใต้กงล้อปชต.ที่ดำรงอยู่  เป็นการใช้พลังจิตสำนึก มาสร้างการเปลี่ยนแปลงกลับคืน สู่ระบบปชต.    ที่มีหัวหอกเป็นการเลือกตั้ง  ที่ภาวะอำนาจพื้นฐาน คือ  การปกครองตนเองของทุกๆผู้คน แต่ก็นั่่นแหละ   เพราะ  ปชต.คือ มติเสียงส่วนใหญ่ และ ภาวะบัวสี่เหล่า  คือ  ความไม่เท่าเทียมกันตามธรรมชาติ อยู่แล้ว ดังนั้น   สงครามชิงพื้นที่จิตสำนึกจาก มวลชน  จึงคงเข้มข้นอย่างมากในห้วงนี้ จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 08:40:45

ความคิดเห็นที่ 11 คำถามต่อ การดำรงอยู่ของสถาบันทหาร ทั่วโลก ณ ห้วงปัจจุบัน  เศรษฐกิจนำหน้า ใน ความสัมพันธ์ระหว่างนานาชาติ ประเทศชั้นนำ  ระวังเรื่องการก่อการร้ายเป็นอันดับต้นๆ ดังนั้น  ทหารดำรงอยู่เพื่อระแวดระวังสิ่งนี้เป็นด้านหลัก สงครามเชิงอุดมกาณ์หมดสิ้นไปแล้ว ส่วนใหญ่สังคมมนุษย์พ่ายให้กับลัทธิความสะดวกสบาย  อย่างทุนนิยมเสรี แม้ประเทศคอมมิวนิสต์  อย่างจีน รัสเซีย  ก็กลายพันธ์ ปรับเปลี่ยนไปสู่ การยอมรับ อำนาจการแข่งขันเพื่อการพัฒนา ดังนั้น   สังคมนิยมที่เป็นอยู่   จึงเป็น  การปกครองแบบเผด็จการโดยพรรคการเมือง ดังนั้นอีกเช่นกัน   ที่ไม่มีสูตรสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง  และไม่มีอุดมการณ์ที่ไร้ชนชั้นอันมนุษย์ชาติไหนไปถึงในโลกจริง   ทำได้อย่างมาก  ก็แค่  กระจายความเป็นธรรม(ทรัพยากร) คำถามที่ตอบยากหรือยุ่งยากอันหนึ่งของกงล้อปชต. ก็คือ  เหตุผลในการดำรงอยู่ของทหาร เพราะ  ความจำเป็นนั้น ผูกติดกับ แกนกลางของกงล้อ อย่างมาก  เีรียกว่า เหมือนเหรียญอีกด้านก็ว่าได้ ดังนั้น   มันน่าจะคล้ายภาวะย้อนแย้งของการเปลี่ยนแปลง ไปสู่ ปชต(มาตรฐาน) หรือเปล่า? หรือถ้าสังคมไทย  เห็นชอบ  ก็อาจคล้ายกับ  ผู้ป่วยมะเร็ง ที่ไม่อาจห้ามใจต่อรสเค็มและหวานได้ จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 09:27:22

ความคิดเห็นที่ 12 ขอถอดรหัสด้วยคนครับ ประชาธิปไตย มีโครงสร้าง๓ภาคส่วน : ๑.การเมือง+๒.การศึกษา/ความรู้+๓.เศรษฐกิจ หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง คงหมุนไปไม่ได้ การหมุนของวงล้อไปข้างหน้า มีเงื่อนไขที่๑....วิทยาศาสตร์สังคมภายนอกและกายภาพ ก.การเมืองใหม่ ที่นิ่ง พรรคการเมืองเป็นของมหาชน มีการแข่งขันแบบยุติธรรม ไม่ใช่แบบอิจฉาริษยาแพ้ไม่เป็น การกระจายโอกาสทั่วถึงเท่าเทียม สร้างแรงจูงใจประชาชน บนฐาน... ข.การศึกษาใหม่ มุ่งไปสู่การดึงศักยภาพภายในประชาชนในเชิงวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี เพื่อการค้นพบเชิงนวัตกรรม เพื่อสร้างผลิตภาพโดยอาศัยพื้นที่สมอง นำไปสู่การสร้าง... ค. เศรษฐกิจใหม่ ปรับลดสัดส่วนการสร้างผลิตภาพ/ผลิตผล เชิงปริมาณ ที่พึ่งพาธรรมชาติ การเกษตร และอาชีพเกษตรกร-กษัตริย์มากเกินไป โดยเพิ่มสัดส่วนประชากร ด้านการอุตสาหกรรม การค้าพาณิชย์/ในและนอกประเทศ การบริการและนวัตกรรม คือพึ่งพาผลิตภาพ/ผลิตผล เชิงคุณภาพ บนพื้นที่ทางสมองของประชาชนไทยให้มากขึ้นๆ หายใจด้วยจมูกของตนเองยิ่งกว่าการรอบริโภคจากต่างชาติ เงื่อนไขที่๒....วิทยาศาสตร์ภายในจิตวิญญาณ ก.วัฒนธรรมใหม่ เปลี่ยนปรับยานลำเล็ก(หินยานพุทธ) เพิ่มยานลำใหญ่(มหายาน) ลดระบบอุปถัมภ์/การภาวนา/การไหว้พระพุทธรูปเพื่อขอส่วนตัว ลดละหวย/การพนัน เหล้า การฟุ่มเฟือยและค่าใช้จ่ายเชิงเกียรติยศ/หน้าตาจอมปลอมอันแพงยิ่ง สู่การพึ่งพาตนเองอย่างเข้มแข็ง และความเข้าใจในศาสนาอื่น รวมถึงการเคารพระเบียบสังคม การมีวินัย กฏหมาย ให้มีจิตสาธารณะมากยิ่งขึ้น ทั้งความคิดและการปฏิบัติ ข. การมีจิตวิญญาณรับผิดชอบในหน้าที่การงานอย่างเต็มที่ รักษาคำพูด รับฟัง/เคารพสิทธิและความเห็นผู้อื่น รับผิดชอบยิ่งต่อทุกคนรอบด้าน โปร่งใส มีส่วนร่วมทางความคิดและการงานสาธารณะ อย่างจิตอาสา ค.ผู้นำ, ชนชั้นปกครอง ต้องเป็นตัวแบบให้ประชาชน ผู้ใหญ่ต้องเป็นแบบอย่างให้เยาวชน ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 54 16:31:58 จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 16:29:12

ความคิดเห็นที่ 13 รวบเจ้าอาวาส–พระลูกวัดตั้งวงเสพยาบ้า....ข่าวเย็นนี้ จาก อ.เมือง ร้อยเอ็ด บอกสัญญาณอะไรให้เราทราบ...หรือมันเรื่องเล็ก และไม่ใช่เรื่องของเรา? จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 17:34:37

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นแนวร่วมของ.. ภิกษุ v v จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 18:00:11

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ บ่งบอกถึง... ช่วงเวลา...'ลมหายใจ..., แห่งจิตวิญญาณอวิชชา สะท้อนคลื่นเป็นวิกฤตสถาบันศาสนา สะท้อนไปวิกฤตสถาบันพรรคการเมือง, ...สะเทือนถึงกงล้อ(ประชาธิปไตย).' [หรือมันกลับทางกัน?] จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:52:01

ความคิดเห็นที่ 16 ต่อไปนี้คือคำให้การ ของกลุ่มคนไทยรักชาติ ที่ทำมาหากินในอเมริกา สารภาพในFB... [... ปัญหาในเวลานี้  คือ ต่างฝ่าย ต่างคนต่างทำ ทำให้ไม่เกิดผลกระทบได้กว้างขวางหรือเท่าที่ควร เช่น มีการวิพากษ์วิจารณ์การไปดูงานในอเมริกา ของข้าราชการหรือนักการเมืองว่า ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ไม่คุ้มกับการไปดูงาน เพราะจริงๆแล้ว ก็เหมือนเดินทางไปท่องเที่ยวนั่นเอง ไปดูงานที่ลอสแองเจลิส แต่กลับไปเล่นอยู่ในบ่อนที่ลาสเวกัส เรื่องทำนองนี้เป็นที่รับรู้กันทั่วไป และจับได้คาหนังคาเขาหลายต่อหลายครั้งในอเมริกา แต่ก็เหมือนการพูดกันปากต่อปาก ไม่หนักแน่นเท่ากับการตรวจสอบของคณะบุคคลหรือองค์กร หรือเครือข่าย สุดแล้วแต่จะตั้งชื่อกัน...] จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 17:05:20

ความคิดเห็นที่ 17 ปรัชญาการคอร์รัปชั่น   ก็คือ  การเบี่ยงเบนไปจากเป้าหมาย ซึ่งตรงกับ คำว่า บาป  เพราะ บาป แปลว่า การพลาดเป้า การเบี่ยงเบนไปจากเป้า ในงานวิจัย  เครืองมือในสำรวจ เช่น แบบสอบถาม  เขาจะมีการประเมินค่า ในสองมิติ  ได้แก่  ความแม่นตรง(Validity) กับ ความน่าเชื่อถือ(reliability) ความแม่นตรง ก็หมายความว่า  เครื่องมือนั้นสามารถเอาไปใช้ได้ตรงเป้าหมาย  เช่น คำถามที่ถาม แต่ละข้อ ตรงเป้าประสงค์ของการวิจัย   ไม่ได้ถามเบี่ยงเบนไปจากสิ่งที่ต้องการวัดหรือค้นหา   ในแง่การทำงาน  หรือ บริหารงาน  ก็หมายความว่า  บุคคลพึงรู้หน้าที่และความรับผิดชอบ อย่างถ่องแท้ เป็นพื้นฐานของการทำงาน  พูดอีกอย่างหนึ่งว่า  คนในระบบก็เหมือนกลไกตัวหนึ่ง   ย่อมดำรงตนเพื่อทำให้ ทั้งหมดขององค์กรดำเนินไปได้อย่างไร  ก็ทำไปในทิศทางขององค์กร  หรือสังคม  ซึ่งอยู่บนปรัชญาลัทธิ Functionalism การเมืองที่ล้มเหลว   ย่อมส่งผลต่อระดับล่างของสังคมพลอยอ่อนยวบไปด้วย เนื่องด้วย  ชนชั้นนำไม่ได้ประพฤติตนเป็นแบบอย่าง  ส่งผลต่อจิตสำนึกที่เบี่ยงเบน แบบ"ใครๆเขาก็ทำกัน" ในระดับถ้วนทั่ว  กลายเป็นสภาพยอมจำนน  บน ฐานคติสมยอม  มีสภาพดุจมะเร็งที่ทำลายองคาพยพของสังคมเอง เพราะ  มะเร็ง แท้จริงก็คือ เซลของร่างกายนั่นแหละ  แต่มันเบี่ยงเบนไปจากมาตรฐานการเติบโตตามปกติ กลายพันธุ์และเติบโตเตลิดไปอย่างไร้ทิศทาง  จนทำลายสมดุลของร่างกาย ไปเบียดเสียดการทำงานของอวัยวะ ปรกติ จนทำงานไม่ได้  ร่างกายจึงล่มสลายในที่สุด การเมืองที่ล้มเหลว  ก็คือ  การเบี่ยงเบนไปจากเป้า หรือ เป้าหมายของมัน แล้วอันที่จริง  เป้าหมายการเมือง คืออะไรหล่ะ...ท่านผู้ชม จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 20:18:03