ความคิดเห็นที่ 1 เคยอ่านในกระทู้เก่าๆ ก็มีเจ้าลาวพลัดถิ่นอยู่ ตั้งเป็นรัฐบาลพลัดถิ่นนะครับ และก็เป็นการฟิ้นฟูราชวงศ์เกาหลีหลังสงครามโลกแต่ไม่สำเร็จ ที่เห็นๆก็มีสองอันครับ จากคุณ : kingofearth เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 21:14:53

ความคิดเห็นที่ 2 เข้ามารออ่าน จากคุณ : ชาย_วชิร เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 22:01:49

ความคิดเห็นที่ 3 มากมายครับ เช่นราชวงศ์กรีซ และเฮเลน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระราชินีแอนน์ มารี เป็นพระกนิษฐาของพระราชินีนาถแห่งเดนมาร์ก พระองค์ปัจจุบันด้วย ราชวงศ์เบอร์บอนน์ แห่งฝรั่งเศส, ราชวงศ์เยอรมัน, ราชวงศ์โรมานอฟ แห่งรัสเซีย ฯลฯ แม้แต่ราชวงศ์อังกฤษเอง ก็ยังมีการ Claim ว่าพระมหากษัตริย์ที่ทรงราชย์อยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่สายแห่งการสืบราชสันตติวงศ์ที่ถูกต้อง เช่น กล่าวอ้างว่าพระเจ้า Henry VII ไม่มีพระราชสิทธิอันชอบธรรมในการเสด็จขึ้นสู่บัลลังก์อังกฤษ (ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ทรงรบชนะสงครามกุหลาบ และทรงเสกสมรสกับเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ยอร์ค เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่พระองค์และพระรัชทายาทในการสืบราชบัลลังก์) สายนี้จะปฏิเสธความชอบธรรมของกษัตริย์ทุกพระองค์นับตั้งแต่ Henry VII และเนื่องมาจนถึงพระราชินีนาถรัชกาลปัจจุบันด้วย และดังนั้นถือว่า พระราชบัญญัติทุกฉบับที่ตราขึ้นโดยรัฐสภา ไมไ่ด้รับพระราชทานพระบรมราชานุมัติ จึงใช้บังคับเป็นกฎหมายไมไ่ด้ ในส่วนของฝรั่งเศสเองก็คล้าย ๆ กันครับ กล่าวคือ ไม่ยอมรับว่ามีการปฏิวัติล้มล้างระบบกษัตริย์, ไม่ยอมรับว่ากงสุลนโปเลียน โบนาปาร์ต ได้เป็นพระจักรพรรดิ และดังนั้นราชบัลลังก์ย่อมสืบทอดมาโดยไม่ขาดสาย คือตกแก่พระรัชทายาท ดอฟินหลุยส์-ชาร์ลส์ พระราชโอรสของ Louis XVI จะต้องได้ราชสมบัติ เมื่อพระองค์สวรรคตราชสมบัติจึงตกแก่พระราชปิตุลา หลุยส์-สตานิสลาส-ซาเวียร์ (พระราชอนุชา Louis XVI) และน่าสังเกตนะครับว่า เจ้าชายพระองค์นี้ได้ราชบัลลังก์จริง ๆ ด้วย (ในช่วง 100 วันที่ขับไล่นโปเลียนออกไป) และพระองค์ใช้พระปรมาภิไธยว่า Louis XVIII (แสดงว่านับพระราชภาติยะ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง) คงจะต้องกล่าวว่า เป็นธรรมดาของมนุษย์ครับ ซึ่งเมื่อเกิดมาพร้อมกับยศฐาบรรดาศักดิ์แล้ว ไม่อาจยอมรับในความ "ดับไป" ของสิ่งเหล่านั้นได้ เมื่อมันจากไป จึงต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงสิ่งเหล่านั้นกลับมา เจ้านายพระบรมราชวงศ์ใด ๆ ก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น และทำให้หมดสิ้น "วาสนา" ก็ย่อมต้องพยายามจะแย่งชิงเอา "วาสนา" นั้นกลับมา ฉะนั้น คงกล่าวโดยรวม ๆ ได้ว่า มีทุกประเทศนั่นแหละครับที่เคยมีกษัตริย์มาก่อน, แม้แต่ประเทศที่ยังมีระบอบกษัตริย์อยู่แต่เป็นคนละสายกับตนเอง ก็ยังไม่ยอมรับเลยก็มี นี่กระมังครับเลยเป็นเหตุผลที่ ประเทศจีน เวลาล้มล้างราชวงศ์ใด ๆ แล้ว ก็ต้องประหาร "เจ็ดชั่วโคตร" เพื่อป้องกันมิให้มีการกระด้างกระเดื่อง หรือพยายามที่จะฟื้นฟูราชวงศ์นั่นเอง ถ้า จขกท. สนใจ ลองใช้คำว่า Pretender ค้นหาเพิ่มเติมดูครับ ^^ จากคุณ : ohmygodness เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 22:17:31

ความคิดเห็นที่ 4 http://en.wikipedia.org/wiki/Abolished_monarchy#Current_monarchies_that_were_abolished_and_then_restored จากคุณ : hijack02 เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 22:21:35

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่ พระราชวงศ์โรมาเนีย ได้ยื่นมติต่อรัฐสภาในการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยสมเด็จพระราชาธิบดีไมเคิลที่ 1 ได้ทรงสถาปนาพระราชอิสริยยศอย่างเป็นทางการ โดยทรงแต่งตั้งเจ้าฟ้าหญิงมาการิต้า เป็นมกุฎราชกุมารีแห่งโรมาเนียอย่างเป็นทางการ โดยมีประชาชนผู้สนับสนุนพระราชวงศ์ได้มารวมตัวกันถวายพระพรสมเด็จพระราชาธิบดีไมเคิลที่ 1 แห่งสมเด็จพระราชินีแอนน์ ที่พระสีหบัญชร พระราชวังเปเลส จากคุณ : U4704570 เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 22:56:44

ความคิดเห็นที่ 6 นอกจากโรมาเนียแล้ว ยังมีการชุมนุมเรียกร้องของประชาชน เรียกร้องให้มีการฟื้นฟูพระราชวงศ์อีกที่ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีการชุมนุมเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูพระราชวงศ์ออสเตรีย-ฮังการี เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากคุณ : U4704570 เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 22:59:09

ความคิดเห็นที่ 7 อีกรูป จากคุณ : U4704570 เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 22:59:55

ความคิดเห็นที่ 8 เหมือนพระราชวงศ์โปรตุเกสก็มีเหมือนกันนะครับ ถ้าจำไม่ผิด จากคุณ : U4704570 เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 00:46:56

ความคิดเห็นที่ 9 อีกรูป จากคุณ : U4704570 เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 00:47:12

ความคิดเห็นที่ 10 มีหลายประเทศเลยนะครับ น่าสนใจมากครับ จากคุณ : Ace-kung เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 09:39:34

ความคิดเห็นที่ 11 แต่ที่แน่ๆประเทศเรามีพระมหากษัตริย์ที่ทรงคุณอันประเสริฐ เป็นศูนย์รวมใจของประชาชนก็ช่วยๆกันรักษาให้ดีน่ะค่ะ เพราะได้ยินคำพูดบางคำจากคนไทยด้วยกันแล้วปวดใจ จากคุณ : Noopy&Wood เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 14:55:58

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วทางเอเชียหรือทวีปอื่นๆมีไหมครับ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 22:04:55 จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 22:04:44

ความคิดเห็นที่ 13 จากการเคลื่อนไหว ทุกคนคิดว่าจะสำเร็จหรือไม่ครับในอนาคต แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 22:16:48 จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 22:16:19

ความคิดเห็นที่ 14 ระบบมันไม่ได้กำหนดว่าดีหรือไม่ดี แต่มันจะดีหรือไม่ดีมันอยู่ที่ตัวคนมากกว่า ประเทศไทยไม่ได้โชคดีเพราะมีระบบกษัตริย์ แต่ประเทศไทยโชคดีเพราะมีกษัตริย์ที่ดี จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 23:21:24

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่ามันเป็นสัจธรรมของโลกครับ หากระบอบกษัตริย์เป็นพระอาทิตย์พรุ่งนี้ก้อต้องมีวันขึ้นครับ กระแสนักการเมืองในระบอบประธานาธิบดีเห็นได้ชัดว่าการฝากชีวิตไว้กับนักการเมืองบนโลกใบนี้ไม่ได้ดีกว่าทุกระบอบที่ผ่านมาแถมยังอ้างเสียงส่วนมากในการออกกฎหมายเพื่อส่งเสริมการทุจริต หรือละเว้นการลงโทษตัวเองอีกด้วย แต่ยังดีหน่อยที่ระบบนี้มีประโยคทองว่า หากไม่พอใจก็เลือกคนใหม่ได้ ซึ่งผมว่าปัจจุบันนี้ประโยคนี้ค่อนข้างล้าหลัง เพราะหากกุมใจมนุษย์ส่วนใหญ่ที่มักบูชาเงินและความสะดวกสบายมากกว่าจริยธรรมหรือคุณธรรมแล้ว โอกาสที่จะได้เปลี่ยนคนใหม่มันยากส์ ทำให้ต้องแสวงหาอำนาจนอกระบบที่เหนือกว่าเข้ามาจัดการแทน ระบอบที่เสียงส่วนใหญ่อันด้อยคุณภาพสามารถชี้นำความเป็นไปของประเทศได้ ไม่ต่างจากระบอบเผด็จการครับ แค่เผด็จการมันหน้าด้านมากกว่า ระบบไหนดีกว่าตอนนี้ไ่ม่คิดว่ามันสำคัญเท่าไร รู้แต่ว่าผลลัพท์ที่ได้นั้นระบบไหนก่อให้เกิดประสิทธิผลและคุณธรรมควบคู่ไปด้วยกันได้นั้นก็คือระบบที่ดีครับ ส่วนตอนนี้การพึ่งพิงระบบก็คือการหลอกตัวเองว่ามีกติกา แต่จริงๆ แล้วคนส่วนใหญ่เลือกเพราะชอบในตัวคนแต่คนมากกว่า นอกเรื่องมาตั้งนาน สรุปว่ามีโอกาสเป็นไปได้ครับ ยิ่งในช่วงที่คนแสวงหาสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ หลังจากที่หลงไหลในบริโภคนิยมมาเป็นเวลานาน แต่ถ้าจะเริ่มผมว่าเริ่มที่ยุโรปก่อน เพราะคนเอเชียเพิ่งลืมตาอ้าปากได้คงไม่คิดจะฟื้นฟูเท่าไรนัก ตอนนี้ใครก้่อได้ที่ทำให้ท้องอิ่ม อาจมีบ้างหากเป็นเกาหลี โดยเฉพาะหากสามารถทำให้คนเกาหลีเหนือมองเห็นความสำคัญของระบบกษัตริย์ที่เกิดขึ้นก่อนการแบ่งแยกเกาหลี และให้เห็นว่าระบบกษัตริย์จะทำให้เกาหลีรวมตัวกันได้เร็วขึ้น ส่วนยุโรปแม้ว่าผมจะติดว่าน่าจะเกิดขึ้นก่อน แต่ในความเป็นจริงระบอบกษัตริย์ในบางประเทศเพิ่งหมดไปไม่ถึง ๑๐๐​ปี ความฟุ้งเฟ้อและเอาเปรียบจากชนชั้นสูงยังไม่จางหาย รวมทั้งระบอบกษัตริย์ในยุโรปไม่สามารถแสดงออกได้มากกว่าการเป็นสัญลักษณ์หรือของโชว์ในพิพิทธภัณฑ์ครับ ไม่ใช่พวกท่านไม่อยากแสดงออกหรือมีส่วนมากกว่าการเป็นสัญลักษณ์นะครับ แต่ถูกอำนาจอีกระบบกดไว้เพราะคำว่ามาจากประชาชนโดยตรงเท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 23:30:59 จากคุณ : Aeykun เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 23:28:01

ความคิดเห็นที่ 16 ผมมองในประเด็นว่า ทุกประเทศในโลกจะมีความสมดุลในตัวเองมันเอง แม่รูปแบบการปกครองของประเทศ การล้มล้างอำนาจกษัตริย์ของเนปาลสาเหตุสำคัญคือ กษัตริย์เริ่มก้าวข้ามจุดที่ไม่ควรข้ามของสมดุลนั้นหรืออีกนัยหนึ่งก๋คือ จุดสมดุลนั้นเข้าใกล้มาที่ตัวกษัตริย์มากขึ้นแต่กษัตริย์ไม่ยอมเปลี่ยนจุดยืนของตนเอง จึงทำให้ราชาธิปไตยกลายเป็นเผด็จการไปในที่สุด เจ้ามหาชีวิตของลาวต้องสูญเสียอำนาจพยายามดิ้นรนไขว่คว้าจนขายศักดิ์ศรีของประเทศไปเป็นทาสจักรวรรดินิยมอเมริกายอมแม้กระทั่งเป็นศัตรูกับประชาชนของตัวเอง จนสุดได้เรือไม้คร่ำครึจะพังเหล่มิพังเหล่ก็ไม่อาจลอยลำเหนือสายน้ำอันเชี่ยวกรากที่เรียกว่าประชาชนได้ เห็นได้ชัดว่จุดร่วมที่สำคัญของการล่มสลายของระบบอกษัตริย์คือประชาชนและการคงอยู่ของระบอบกษัตริย์ก็คือประชาชน แม้จะมีเมฆหมอก และพายุฝนบดบัง แต่พระอาทิตย์ก็ยังคงอยู่ เหมือนจักรพรรดิญี่ปุ่นที่ยอมเป็นผู้แพ้ยอมอยู่ภายใต้ภาวะที่ไร้ซึ่งอำนาจ แต่จักรพรรดิก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ และการที่สถาบันเป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยย่อมนำมาซึ่งการไม่ไว้วางใจของประชาชนในประเทศการปิดกั้น การตีตนอยู่เหนือประชาชน ย่อมนำมาซึ่งจุดที่เปราะบางที่สุดของราชวงศ์ เช่นกรณีการสิ้นพระชนณ์ของเจ้าหญิงไดอานา ซึ่งพระองค์ได้การเป็นราชินีของประชาชนซึ่งได้มีอำนาจเหนือพระราชินีแห่งอังกฤษไปแล้ว ย่อมชี้ชัดว่า การยึดติดกับอัตตาคร่ำครึย่อมบ่อนทำลายสถาบันเช่นกัน จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 00:20:29

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ เจ้ามหาชีวิตของลาว หรือรัฐบาลลาวฝ่ายขวากันแน่ที่ยอมเป็นเครื่องมือของ"จักรพรรดิ"นิยมอเมริกา จากคุณ : hijack02 เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 09:59:23

ความคิดเห็นที่ 18 ู^ ^ ^ เป็นถึงเจ้ามหาชีวิต แต่ไม่อาจสร้างความปรองดองขึ้นในชาติได้ ปล่อยให้กลไกประเทศถูกแทรกแซง ประชาชนถูกผลักให้เป็นศัตรู ร่มขาว-แดงจึงได้หักลงด้วยฆ้อนและเคียว จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 12:39:42

ความคิดเห็นที่ 19 คุณยองอย่าเอาบทบาทกษัตริย์ลาวไปเทียบกับราชอาณาจักรอื่นเลยมันไม่เหมือนกัน ประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรต่างๆมีที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน ทำให้บทบาทและสถานะของกษัตริย์แต่ละประเทศต่างกันไปด้วย เจ้ามหาชีวิตไม่ได้มีบทบาททางการเมืองเลยนะจ๊ะ พระราชอำนาจก็น้อยมาก (คล้ายๆกษัตริย์เขมรองค์ปัจจุบันในยุคฮุนเซนยังไม่มีบทบาทอะไรเลย) รัฐบาลผสมก็ยังไม่เห็นหัวเลยมัวแต่แต่ตีกันเอง อีกฝ่ายอ้างความชอบธรรมต่อต้านคอมมิวนิสต์ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนข้าไม่สนขอให้ฝ่ายข้าได้รับผลประโยชน์ก็พอ อีกฝ่ายอ้างว่าต่อสู้เพื่อเอกราชซาดลาวต้องปลดปล่อยลาวจากจักรพรรดิอเมริกาใครไม่เห็นด้วยถือว่าเป็นพวกขายซาด ฝ่ายสุดท้ายวางตัวเป็นกลางแต่พอตอนหลังก็เออออกับฝ่ายซ้ายไปด้วย ผลทำให้ราชอาณาจักรลาวเลยล่มสลาย ปล.ประวัติศาสตร์ลาวตั้งแต่เป็นเอกราชจนถึงปี 2518 มันมีเหตุการณ์อะไรต่อมิอะไรมากมายซับซ้อนกว่าสงครามเวียดนามอีก จากคุณ : hijack02 เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 16:01:44

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นว่าประเทศเซอร์เบียก็มีการเรียกร้องให้ฟื้นฟูพระราชวงศ์ด้วยนะครับ ไปหามา แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 17:46:37 จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 17:46:18

ความคิดเห็นที่ 21 อย่างที่ผมบอกไปว่าทุกประเทศย่อมมีความสมดุลของมันอยู่ และหากมองใรมุมสังคมโลกปัจจุบัน สถาบันกษัตริย์ไม่ได้เป็นกลไกหลักในการค้ำจุนประเทศอีกแล้ว แต่เป็นไปเป็นประชาชนแทน มองย้อนไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ประเทศอังกฤษเข้าสู่สงคราม นโยบายบริหารประเทศในขณะนั้นถูกขับเคลื่อนโดยรัฐบาล กษัตริย์สูฐเสียอำนาจทางการปกครองนภาวะสงครามไปโดยสิ้นเชิง สถาบันกษัตริย์อังกฤษเลือกที่จะอยู่เคียงค้างประชาชนแทนการลี้ภัย ทำให้ขณะนั้นสถาบันกลายเป็นสูญรวมความหวังในยามสิ้นหวังของประเทศ ซึ่งหมายความว่าหากกษัตริย์ยังคงอยู่แม้นาซีจะยกพลข้ามช่องแขบอังกฤษมา ประเทศก๋ยังมีความหวัง สรุปคือ ความอยู่รอดของสถาบันไม่ใช้ความอยู่รอดของประเทศชาติอีกต่อไป แต่ความสมดุลที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศและการปรับตัวของสถาบัน เป็นสิ่งที่พิสูจย์ว่า สถาบันจำเป็นต่อประเทศแค่ไหน จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 18:09:22

ความคิดเห็นที่ 22 อืม ผมชอบมุมมองของคุณยองเจียงใหม่ ในเรื่องเส้นสมดุลจังครับ แต่ผมยังไม่คิดว่าประชาชนจะยังเป็นหลักค้ำจุนประเทศได้จริง เพราะประชาชนมีแต่พลัง ยังขาดพลานุภาพ การลุกฮือขึ้นต่อต้านอำนาจใดๆ ยังไม่ได้มาจากประชาชน แต่มาจากอีกขุมพลังอำนาจหนึ่งที่มีกำลังน้อย แต่มีความสามารถที่จะดึงพลังแต่ยังไร้สติมาทำลายสมดุลที่คุณยองเจียงใหม่ว่าครับ จากคุณ : Aeykun เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 20:24:07

ความคิดเห็นที่ 23 การเคลื่อนไหวเพื่อฟื้นฟูซาร์ในรัสเซีย จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 20:57:06

ความคิดเห็นที่ 24 เยอรมนีและปรัสเซีย จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 21:04:17

ความคิดเห็นที่ 25 อิตาลีแบ่งเป็น 2 ฝ่าย จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 21:06:47

ความคิดเห็นที่ 26 อันนี้ทางฮาวายครับ จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 21:12:08

ความคิดเห็นที่ 27 กรีซ จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 21:14:21

ความคิดเห็นที่ 28 จอร์เจียมีการเรียกร้องให้ฟื้นฟูกษัตริย์กว่า 200 ปีแล้ว จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 21:18:23

ความคิดเห็นที่ 29 ลิเบีย จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 21:30:41

ความคิดเห็นที่ 30 ทุกท่านคิดว่าในอนาคต ประเทศใดน่าจะฟื้นฟูราชวงศ์ได้ก่อนครับ จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 22:31:18

ความคิดเห็นที่ 31 พระราชวงศ์รัสเซีย แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ระหว่างแกรนด์ดัชเชสมาเรีย วลาดิเมียรอฟน่า กับเจ้าชาย นิโคลัส โรมานอฟ ถ้ามีการฟื้นฟูพระราชวงศ์อิมพีเรียลรัสเซียขึ้นมา ฝ่ายที่จะมีโอกาสได้ขึ้นมากที่สุดคือแกรนด์ดัชเชสมาเรีย เพราะทรงเป็นสายพระโลหิตโดยตรง ทรงเป็นเหลนโหลนสืบเชื้อสายโดยตรงจากสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ซึ่งเป็นพระอัยกาของสมเด็จพระจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 ซาร์องค์สุดท้าย ถือว่าทั้งซาร์นิโคลัสและแกรนด์ดัชเชสมาเรีย ทรงเป็นพระญาติกัน อีกทั้งแกรนด์ดัชเชสทรงเป็นผู้ดูแลเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเครื่องราชูปโภคของพระราชวงศ์อิมพีเรียลด้วย ส่วนเจ้าชายนิโคลัส พระองค์อ้างพระนามของพระองค์เองว่า Nicholas Romanov, Prince of Russia ทรงสืบเชื้อสายจากสมเด็จพระจักรพรรดินิโคลัสที่ 1 ซึ่งเป็นพระบิดาของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ที่แกรนด์ดัชเชสทรงสืบเชื้อสายมา แต่สายเจ้าชายนิโคลัสนี้ เท่าที่อ่านมา สายนี้ถูกตัดสิทธิ์จากรายพระนามสืบสันตติวงศ์เมื่อนานมาแล้ว เพราะพระอัยกาหรือพระปัยกาไปสมรสกับสามัญชนซึ่งขัดต่อราชประเพณีรัสเซียในสมัยนั้น แต่เจ้าชายนิโคลัสยังอ้างสิทธิ์ในการครองราชย์แข่งกับแกรนด์ดัชเชสจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังได้ตั้ง Romanov Family Association เพื่อชุมนุมพบปะกันระหว่างราชวงศ์โรมานอฟด้วย อย่างไรก็ตาม ชาวรัสเซียที่ยังนับถือระบอบอิมพีเรียล ก็นับถือแกรนด์ดัชเชสมาเรียเสียมากกว่า ถ้าพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ จะทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถองค์ที่ 5 ของรัสเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้มีมาแล้ว 4 พระองค์ ได้แก่ แคทเธอรีนที่ 1, แอนนา, เอลิซาเบธ และแคทเธอรีนที่ 2 เดอะเกรท ตามลำดับ แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 54 00:59:26 จากคุณ : U4704570 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 00:21:50

ความคิดเห็นที่ 32 ตาม คห.30 ผมคิดว่า ประเทศลิเบียน่าจะมีความเป็นไปได้ แต่ต้องถามต่อไปว่าถ้าฟื้นฟูระบอบกษัตริย์และ บทบาทภายในประเทศจะเป็นไปในรูปแบบไหน นั้นก็คือ ราชวงศ์จะมองตนเองภายใต้ราชอาณาจักรลิเบียที่จะเกิดขึ้นอย่างไร จะเป็นเพียงสัญลักษณ์ของประเทศ หรือมีอำนาจตามราชประเพณีอันจะไม่ขัดรัฐธรรมนูญ หรือว่ากุมอำนาจทางการเมืองไว้บางส่วน และที่สำคัญราชวงศ์เองจะต้องไม่ทำตนตามก้นตะวันตกแบบซาอุฯ เพราะบริบททางการเมืองมันต่างกัน จากนั้นก็มาเริ่มหาสมดุล โดยดูจากท่าทีทางการเมืองของประชาชน ถ้าลึกๆประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาลใหม่ต้องการที่จะยังคงเป็นสาธารณรัฐก็จบ แต่ถ้าต้องการราชวงศ์ ที่นี้ก็จะต้องมาดูต่อไปว่าแนวโน้มที่ประชาชนต้องการรูปแบบการปกครองเป็นแบบไหน แต่เชื้อแน่ว่ากษัตริย์ของลิเบียใหม่จะต้องไม่ทำการใดๆที่ซ้ำรอยเดิมอย่างแ่น่นอน จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 00:38:37

ความคิดเห็นที่ 33 ส่วนพระราชวงศ์อิตาลี ราชวงศ์ซาวอยเอง ก็แบ่งฝ่ายในการขึ้นครองราชย์ออกเป็นสองฝ่ายเช่นกัน ระหว่างเจ้าฟ้าชายวิตโตริโอ้ เอ็มมานูเอล เจ้าชายแห่งเนเปิลส์ และเจ้าชายอาเมดิโอ้ ดยุคแห่งออสต้า พระญาติห่างๆ ถ้าถามว่าฝ่ายไหนจะได้ขึ้นครองราชย์เมื่อพระราชวงศืได้รับการฟื้นฟู ขอตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า เจ้าฟ้าชายวิตโตริโอ้ เอ็มมานูเอล จะได้รับสิทธิ์มากที่สุด เพราะทรงเป็นพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวของสมเด็จพระราชาธิบดีอุมแบร์โต้ที่ 2 กษัตริย์อิตาลีองค์สุดท้าย อีกอย่าง พระองค์ทรงดำรงพระราชอิสริยยศ เจ้าชายแห่งเนเปิลส์ ซึ่งเป็นพระยศของมกุฎราชกุมารแห่งอิตาลี (พระยศเต็ม Prince of Piedmont, Prince of Naples, and Duke of Savoy, etc.) ส่วนเจ้าชายอาเมดิโอ้ ทรงเป็นพระญาติห่างๆ โดยทรงสืบเชื้อสายจากกษัตริย์วิตโตริโอ้ เอ็มมานูเอลที่ 2 กษัตริย์องค์แรกของอิตาลี ที่สามารถรวมซาร์ดิเนียและอิตาลีแผ่นดินใหญ่ รวมกันเป็น Kingdom of Italy และเป็น great-great-grandfather ของเจ้าฟ้าชายวิตโตริโอ้ด้วย พระองค์ไม่ใช่สายตรง ไม่มีสิทธิ์ขึ้นแน่นอน อีกอย่าง ทั้งสองพระองค์นี้ทรงบาดหมางกันมานาน เจ้าฟ้าชายวิตโตริโอ้ ทรงเคยเข้าชกต่อย เจ้าชายอาเมดิโอ้ ในงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ พระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าฟ้าชายเฟลิเป้ มกุฎราชกุมารแห่งสเปนเมื่อปี 2004 มาแล้ว จนกษัตริญ์ฮวน คาร์ลอสทรงเข้าเคีลยร์ด้วยพระองค์เอง ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ เจ้าชายอาเมดิโอ้ ประกาศอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์แข่งกับเจ้าฟ้าชายวิตอย่างเต็มตัว โดยประกาศตัวพระองค์เองเป็นดยุคแห่งออสต้า และดยุคแห่งซาวอย พระยศเดียวกันกับเจ้าฟ้าชายวิตด้วย จากคุณ : U4704570 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 00:40:03

ความคิดเห็นที่ 34 เจ้าฟ้าชายวิต พระราชทานพระราชอิสริยยศ เจ้าชายแห่งเวนิสและปีเอตมอนท์ ซึ่งพระยศ Prince of Piedmont เป็นหนึ่งพระยศของมกุฎราชกุมารอิตาลี ให้แก่พระราชโอรสองค์โต เจ้าชายเอ็มนานูเอล ฟิลิเบอร์โต ทรงหวังว่าจะได้ทรงเป็นประมุขพระราชวงศ์อิตาลีองค์ต่อไป HRH Prince Emanuele Filiberto, Prince of Venice and Piedmont จากคุณ : U4704570 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 00:46:03

ความคิดเห็นที่ 35 เพื่อนผมที่นู่นบอกว่า พระองค์ท่านหล่อ และเป็นนายแบบ เคยประกวดเรีบลลิตี้เกี่ยวกับเต้นอะไรซักอย่าง นานมาแล้วด้วย จากคุณ : U4704570 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 00:47:06

ความคิดเห็นที่ 36 ผมคิดว่าที่น่าจะเป็นไปได้น่าจะเป็นเกาหลี (อาจเป็นแค่สัญลักษณ์ของประเทศ) เขมรฟื้นฟูได้แล้ว ชาติอื่นๆไม่แน่ใจเลยว่าจะเป็นอย่างไร จากคุณ : Elizarah เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 15:33:55

ความคิดเห็นที่ 37 ส่วนตัวผมนะครับผมคิดว่าเซอร์เบียน่าจะเป็นไปได้ เพราะถึงกลับประชาชนกว่าแสนเดินขบวนเรียกร้องให้รัฐบาลเชิญพระราชวงศ์เสด็จกลับมาตุภูมิ จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 17:10:20

ความคิดเห็นที่ 38 แต่ฮาวายไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเป็นรัฐของอเมริกาแล้ว จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 17:12:13

ความคิดเห็นที่ 39 แอลเบเนีย จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 17:23:46

ความคิดเห็นที่ 40 ออสเตรีย ผู้อ้างสิทธิทรงมีพระชนมายุ 98 พรรษาแล้ว จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 17:25:46

ความคิดเห็นที่ 41 โปรตุเกส เป็นประเทศแรกในต้นศตวรรษที่ 20 ที่ระบอบกษัตริย์ถูกล้มล้าง ราชวงศ์ได้รับความอัปยศอย่างมาก ปัจจุบันประชาชนหันกลับมานิยมราชวงศ์อีกครั้ง เพราะเบื่อหน่ายในสาธารณรัฐที่ไม่โปร่งใส จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 17:31:44

ความคิดเห็นที่ 42 ตามคหที่ 31 นะครับ ผมคิดว่า แกรนด์ดัสเชสมาเรียจะทรงครองราชย์ได้รึเปล่าครับ ในเมื่อพระเจ้าซาร์พอล ผู้ชิงชังในพระนางแคทเทอรีน ผู้เป็นพระชนนี ซาร์พอลทรงออกกฎห้ามให้สตรีขึ้นมาเป็นใหญ่ในแผ่นดินหรือก็คือห้ามขึ้นครองเป็นซาร์ แต่ผมคิดว่าคงไม่มีใครสนใจกฎนี้แล้วมั้งครับในเมื่อทรงได้รับความนิยมอย่างสูง จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 17:44:27

ความคิดเห็นที่ 43 คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นครับ เพราะรัสเซียก็มีพระประมุขหญิงมาแล้วหลายพระองค์ ถ้าเกิดการฟื้นฟูจริง ประชาชนก็คงจะยอมรับแกรนด์ดัชเชสเป็นพระประมุขได้ ผมเพิ่งดูคลิปของเจ้าฟ้าชายดูอาร์ต ปิโอ้ ดยุคแห่งบรากานซ่า ประมุขพระราชวงศ์โปรตุเกสที่จขกท.โพสไว้ ทำให้ผมนึกถึงพระราชพิธีอภิเษกสมรสของดอม ดูอาร์ต ปิโอ้ กับดอนญ่า อิสซาเบล เมื่อปี 1995 ทำให้ผมเห็นความนิยมและความจงรักภักดีของประชาชนที่ยังมีต่อพระราชวงศ์ถึงแม้จะถูกล้มล้างไปแล้วเกือบร้อยปี ขณะที่ดอมและดอนญ่ากำลังทรงพระดำเนินจากโบสถ์ไปตามท้องถนน ประชาชนจำนวนมากมาถวายพระพรและร้องเพลงสรรเสริญ พร้อมกับโบกธงประจำพระราชวงศ์โปรตุเกสอย่างคับคั่ง และมีเต้นรำฉลองกันเองในหมู่ประชาชนด้วย ผมว่าถ้าเป็นแบบนี้คงมีโอกาสฟื้นฟูพระราชวงศ์โปรตุเกสขึ้นมาใหม่ได้เป็นแน่ ผมก็สนใจเรื่องของพระราชวงศ์ยุโรป ใจจริงแล้วผมก็อยากให้ทุกพระราชวงศ์ในยุโรปได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง และพัฒนากระชับสัมพันธไมตรีในยุคปัจจุบันและอนาคตให้ดีขึ้นกว่ายุคก่อนซึ่งเต็มไปด้วยสงคราม จากคุณ : U4704570 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 22:34:07

ความคิดเห็นที่ 44 ผมคิดว่าการฟื้นฟูราชวงศ์ในประเทศที่เป็นสาธารณรัฐ การกลับมาของราชวงศ์ในทางการเมือง คิดว่าน่าจะมีบทบาทในแบบญี่ปุ่นมากกว่า คือ เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ อำนาจสูงสุดอยู่ที่รัฐสภา ซึ่งคิดว่าถ้าให้มีอำนาจที่เกี่ยวกับการเมืองแบบอังกฤษ หรือไทยคงเป็นไปได้ยาก (กฏหมายในประเทศญี่ปุ่นถ้าผ่านสภาก็เป็นอันจบ จักรพรรดิไม่ต้องเซ็นรับรอง หรือบางประเทศที่กฏหมายผ่านสภารัฐธรรมนูญจะบังคับกษัตริย์ให้เซ็น) จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 00:01:20

ความคิดเห็นที่ 45 ประเทศโปรตุเกสก็มีระบอบกษัตริย์อันยาวนาน และมีกษัตริย์ที่ชาวโปรตุเกสรักมากคือ พระนางมาเรียที่ 2 และพระเจ้าเปโดรที่ 5 จากคุณ : มวลชนผู้ทุกข์ยาก เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 19:45:06

ความคิดเห็นที่ 46 การมี ประชาธิปไตย โดยมี King และ บรรดาขุนนางทั้งหลาย คอยคานอำนาจนักการเมือง จะทำให้ ประชาธิปไตย เจริญ ขึ้น ครับ อย่างอังกฤษและญี่ปุ่น ก็ค่อยๆเติบโต จนเข้มแข็ง ต่างกับฝรั่งเศส ที่ ไม่มี King และขุนนางคอยคานอำนาจ ผลคือ ผู้ร่วมก่อนการยึดอำนาจจากประชาชนเป็นของตัว แล้วประพฤติเยี่ยงเดิม จน นโปเเลียน ยึดอำนาจ แล้วพอหมดนโปเลียน จึงค่อยๆดีขึ้นครับ เห็นไหมครับ ว่า ต่างกันราวฟ้ากับเหวว จากคุณ : X_BM เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 23:49:08