ความคิดเห็นที่ 1 เพราะจากประวัติศาสต์ ความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับ พม่า เป็นลักษณะศัตรูทางการเมืองและการทหาร ส่วน ระหว่างไทยกับเขมรหรือลาว แม้กระทั่งเชียงใหม่เอง เป็นลักษณะ เมืองประเทศราช แล้วก็ต้องยอมรับว่า สมัยก่อนเรามองว่าเราเหนือกว่า ชาติประเทศราชเหล่านี้ จึงมีความ "กระดาก" ที่จะร่วมวงศ์ ด้วยอย่างเชิดหน้าชูตา ต่างจากยุโรปที่ต่างฝ่ายเป็นรัฐอิสระ มีนโยบายขยายอำนาจทางการทูตคือ การแต่งงาน เจ้านาย"ลูกครึ่ง"ในสมัยอยุธยา คิดว่าน่าจะมีนะครับ เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดสมัยรัตนโกสินทร์เป็นแน่แท้ แต่ไม่สามารถหาหลักฐานทางเอกสารได้ ส่วนสมัยรัตนโกสินทร์ที่เป็นที่กล่ายถึงบ่อยๆก็เช่น สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี ในเจ้าจอมมารดาทองสุก (สังเกตได้ว่ารัชกาลที่ ๑ ท่านสถาปนาเฉพาะลูก แต่ก็ไม่ได้สถาปนาแม่ให้มีพระยศ) พระองค์เจ้ากัมพุชฉัตร ผู้นิพนธ์ "นิพพานวังน่า" ในเจ้าจอมมารดานักองค์อี ในกรมพระราชวังหน้ารัชกาลที่ ๑ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าวิมลนาคนภีสี ในพระราชชายา เจ้าดารารัศมี เป็นต้นครับ จากคุณ : Jouette เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 17:48:43

ความคิดเห็นที่ 2 เพราะว่าพระเจ้าแผ่นดินในแถบนี้ มีพระมเหสีของเจ้าจอมหม่อมห้ามได้มากมายหน่ะครับ การถวายเจ้าหญิงหรือเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิงให้กับพระเจ้าแผ่นดินของอาณาจักรข้างๆ เลยเหมือนการถวายบรรณาการหรือบาทจาริกาไปรับใช้ มากกว่าสร้างความสัมพันธ์ทางเครือญาติอันแน่นแฟ้นครับ แต่ทางยุโรปนี่ แต่งงานกันได้แบบ หญิง-ชาย คู่เดียว ดังนั้นของเขาเลยดูแน่นแฟ้นและหวังผลทางการเมืองในระยะยาวได้ มากกว่าทางบ้านเราหน่ะครับ อย่างสมัยสมเด็จพระเพทราชา เสด็จไปห้ามทัพระหว่างพระเจ้าล้านช้างหลวงพระบางและเวียงจันทน์ ก็ได้เจ้าหญิงเวียงจันทน์มาเป็นบาทจาริกา แต่เนื่องจากสมเด็จพระเพทราชาก็มีพระมเหสี-พระสนม เจ้าจอมอยู่ไม่น้อยแล้ว ดังนั้นการได้เจ้าหญิงต่างแคว้นมาเป็นพระชายา ก็เหมือนกันเพิ่มพูนบารมีเท่านั้น จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 19:01:52

ความคิดเห็นที่ 3 ช่วงหลังๆนั้นเริ่มมีความคิดในเรื่องเชื้อชาติปะปนเข้ามา          ทำให้ราชวงศ์ไทยในช่วงหลังๆไม่ค่อยยอมรับการแต่งงานกันคนที่ไม่ใช่ชาวสยาม ตอนรัชกาลที่6ครั้งเป็นมกุฏราชกุมารกลับมาประเทศไทย    ได้พกรูปสตรีชาวญี่ปุ่นมาด้วย     ทำให้มีการเล่าลือกันสะพัด     ว่าร.6มีความคิดที่จะรับเจ้าหญิงในราชวงศ์ญี่ปุ่นมาเป็นมเหสี     เพื่อกระชับความสัมพันธุ์กับญี่ปุ่น      ข่าวนี้ลือกันจนไปเข้าหูของร.5กะบพระนางเสาวภาผ่องศรี     จนทั้งสองต้องรีบเรียกร.6มาถามว่าเป็นความจริงเหรอ      จนกระทั่งร.6เฉลยว่าความจริงรูปสตรีญี่ปุ่นนั้นคือ..... คราวเจ้าฟ้าจักรพงษ์แต่งงานกับหม่อมคัทริน      ร.5เองก็ไม่พอใจมาก   เพราะตั้งใจใหเจ้าฟ้าจักรพงษ์เป็นรัชทายาทอันดับต่อจากร.6 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 20:45:39

ความคิดเห็นที่ 4 เำพราะศาสนาครับ ยุโรปศาสนจักรเป็นใหญ่ แล้วก็เป็นคนจับคู่ราชวงศ์ต่างๆให้ ซึ่งอำนาจในการประกาศการแต่งงานนี้ เป็นการเพิ่มอำนาจให้กับศาสนจักรยิ่งๆขึ้น มีการให้สินบนเพื่อให้พระสันตะปาปาจับคู่ให้ ถ้าจำไม่ผิด มีสตรีจากตระกูลเมดิซีแห่งเมืองฟลอเรนซ์ ยอมเสียเงินไปมาก เพื่อจะให้พระสันตะปาปาจะคู่ให้กษัตริย์ฝรั่งเศส ส่วนของไทย อำนาจกษัตริย์ไม่ค่อยมีอะไรมาจำกัดอำนาจ นอกจากอำนาจของเหล่าขุนนาง ซึ่งก็จะส่งบุตรสาวเข้ามาเป็นนางใน ส่วนความสัมพันธ์กับอาณาจักรข้างเคียง อาจเพราะเกรงเรื่องการอ้างพระราชบัลลังก์ก็เป็นได้ครับ จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 23:11:43

ความคิดเห็นที่ 5 จริงๆ การแต่งงานระหว่างราชวงศ์ก็มีบ้าง แต่ส่วนมากจะเป็นในรูปของประเทศราชส่งเจ้าหญิงมาเป็นบรรณาการแด่ประเทศใหญ่ หรือแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ อย่างพระเจ้าสีป่อ กษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า ก็เป็นเจ้าฟ้าชายในพระมเหสีชาวไทยใหญ่ของพระเจ้ามินดุง หรือสมัยก่อนเสียกรุงครั้งแรก ทางกรุงศรีอยุธยาก็มีความพยายามที่จะเชื่อมสัมพันธไมตรีกับล้านช้าง ด้วยการส่งพระเทพกษัตรีย์ไปแต่งงานกับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชของล้านช้าง แต่ถูกดักจับตัวไประหว่างทาง แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 14:38:08 จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 23:31:07

ความคิดเห็นที่ 6 คุณคห.5 ครับผมขอแก้เป็น พระเทพกษัตรี แทนนะครับ จากคุณ : เขียนบน iPhone (Bryophyta) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 00:28:58

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ขอบคุณครับ แก้แล้ว จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 14:38:23

ความคิดเห็นที่ 8 ฮ่าฮ่า... ในยุโรปช่วงยุคกลาง ความนิยมในการแต่งงานกับเจ้าหญิงต่างเมืองเป็นเพราะเรื่อง dowry ครับ (สินทรัพย์ที่ตระกูลของภรรยาให้กับคู่บ่าวสาว) ลองดูตัวอย่างนี้นะครับ แม่ของกษัตริย์ริชาร์ดใจสิงห์ชื่อเอเลียนอร์ ก่อนจะมาเป็นราชินีอังกฤษนั้นเคยแต่งงานกับกษัตริย์ฝรั่งเศสมาแล้ว 15 ปี มีลูกสองคนเป็นหญิงทั้งคู่ แต่เนื่องจากไม่มีลูกชายและความสัมพันธ์กับสามีไม่ค่อยดี ก็เลยยกเลิกการแต่งงานนั้น (Annulment) กษัตริย์เฮนรีที่สองของอังกฤษ อายุน้อยกว่านางตั้ง 9 ปี ยังขอแต่งงานกับนางเลยน่ะครับ เพราะอะไร...ก็เพราะ dowry ของนางคือแคว้น Anjou, Aquaitaine, Poiters และ Gascogne ครับ ราชวงศ์ฮัปส์เบิร์กของออสเตรียนั้นขึ้นชื่อมากเรื่องการขยายดินแดนด้วยการแต่งงานครับ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 17:24:36

ความคิดเห็นที่ 9 กรณีอ้างสิทธิในดินแดนต่างๆนี่ทางแถบนี้ก็มีนะครับ      ถ้าจำไม่ผิดตอนเชียงใหม่สิ้นราชวงศ์    ก็ต้องไปขอเจ้านายของล้านช้างที่เป็นญาติกันมาครองเมือง   แต่ของเราถ้าจะเคลม   ก็คงต้องให้ราชวงศ์สายหลักหมดสิ้นไปก่อนน่ะ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 18:18:33

ความคิดเห็นที่ 10 ทางยุโรปนั้นตอนสามีได้รับ dowry ก็คือได้เลยนะครับ พ่อของผู้หญิงจะตัดดินแดนส่วนของตนยกให้กับสามีของลูกสาวไปด้วย ไม่ต้องอ้างสิทธิใดๆ เพราะเป็นกรรมสิทธิโดยชอบธรรม ส่วนการอ้างสิทธินอกเหนือจากส่วนของ dowry นั้นก็มีเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อพี่น้องผู้ชายของเจ้าสาวเกิดตายลงไป ไม่มีผู้สืบทอด ลูกของฝ่ายหญิงคนนั้นก็อาจมีสิทธิในมรดกของตา เรียกว่ารับมรดกผ่านทางแม่ แมรีควีนออฟสก๊อตส์ก็อ้างสิทธิเหนือบรรลังค์อังกฤษผ่านทางเชื้อสายของแม่เช่นกัน ถึงมีสงครามชิงบรรลังค์เกิดขึ้นบ่อยในยุโรปครับ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 20:57:40

ความคิดเห็นที่ 11 ทางของบ้านเรานี่ พระเจ้าแผ่นดินมีโอรส-ธิดา มากมายครับ เป็นกรณีที่หาได้ยากมากที่จะให้เจ้านายต่างเมืองมาอ้างสิทธิได้ง่ายๆ ที่ผมเห็นก็มีแต่ทางล้านนาหล่ะครับ ที่พวกเหล่าเสนาบดีไม่พอใจเจ้านายของตน เลยไปเที่ยวเชิญเจ้าจากเมืองโน้นเมืองนี้มานั่งเมืองจนวุ่นวาย เข้าทำนองกบเลือกนายนั่นแล จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 21:27:38

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ: zodiac28 คห.3 คะ ช่วยรบกวนบอกได้ไหมคะว่าตกลงรูปสตรีชาวญี่ปุ่นคนนั้นเป็นใครหรอคะ จากคุณ : น้ำแข็งใสสีฟ้า เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 22:51:09