ความคิดเห็นที่ 1 เคยอ่านเจอว่าคนโบราณที่สักส่วนมากจะเป็นพวกนักโทษน่ะค่ะ จากคุณ : delicious เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 18:02:33

ความคิดเห็นที่ 2 ยากุซ่า จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 18:16:36

ความคิดเห็นที่ 3 ง่า ผมกลัวขาใหญ่ครับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 18:24:04

ความคิดเห็นที่ 4 คิดว่าเป็นอย่างที่ คห.2 กับ 3 พูดค่ะ...แต่ข้าพเจ้าก็ไม่แคร์สื่อ มีแล้ว 1 รอย อิอิ จากคุณ : SadDog เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 19:48:46

ความคิดเห็นที่ 5 แก้ไขข้อความ คห.หนึ่ง กะ สอง อ่ะค่ะ ไม่ใช่ สอง กะ สาม นะคะ จากคุณ : SadDog เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 19:51:17

ความคิดเห็นที่ 6 เดี๋ยวนี้ไปถึงขั้นกระทรวงวัฒนธรรมจะออกคำสั่งห้ามสักสิ่งที่เกี่ยวกับศาสนาอีกต่างหาก     อ้างว่าเพราะไปสักในที่ที่ไม่สมควร ตกลงกระทรวงวัฒนธรรมนี่มันตั้งขึ้นมาเพื่อออกคำสั่งให้พวกเราทำตามใช่มั้ย รู้สึกการห้ามคนสักรับราการจะกำหนดในสมัยจอมพลแปลก      เป็นกฎสมัยเผด็จการที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยแท้       แต่จนมาสมัยนี้ก็ยังคงไม่ยอมเลิก    ละเมิดสิทธิมนุษยชนกันต่อไป แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 54 20:32:57 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 20:30:56

ความคิดเห็นที่ 7 พวกสัก   เราก็กลัว จากคุณ : Youzen เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 21:09:33

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่ามันเป็นค่านิยมของชาวตะวันตกหน่ะครับ เขามองว่าการเขียนภาพหรืออะไรลงบนร่างกายเป็นพิธีกรรมของพวกแม่มด และลามไปถึงหาว่าเป็นคนเถื่อนไปเสีย แต่บรรพบุรุษชาวไทเราก็สักร่างกายมานานแล้ว ไม่ต่างจากการย้อมผมหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ประการใด จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 21:25:55

ความคิดเห็นที่ 9 วัฒนธรรมชาวไต(รวมไปถึงสยาม)โบราณ ผู้ชายจะนิยมสักร่างกาย ใครที่ไม่มีรอยสัก(ผิวเกลี้ยง)มักจะโดนดูถูกเหยียดหยามหรือไม่ก็ถูกมองว่ายังไม่เป็นผู้ชายเต็มตัว การที่มองว่าการสักเป็นเรื่องไม่ดี น่าจะเริ่มต้นในสมัย ร.6 ที่มีการนำวัฒนธรรมวิคตอเรียนมาปรับใช้กับสังคมไทย(ที่เราเรียกกันว่า "มารยาทผู้ดี" ในปัจจุบัน) และมาเห็นเด่นชัดในช่วงยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง จากคุณ : Roh_Z เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 02:28:22

ความคิดเห็นที่ 10 การสัก  ถูกมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี  ตั้งแต่มีเรื่องนักเรียนนักเลง  ยกพวกตีกัน ลองถอดเสื้อพวกนักเรียนนักเลงพวกนั้นออกสิ  ร้อยทั้งร้อย  ตัวลายพร้อยทั้งนั้น เดี๋ยวนี้แม้แต่โรงงานอุตสาหกรรม  ยังไม่รับคนที่มีรอยสักเข้าทำงานเลยครับ   ต้องลบรอยสักออกก่อนจึงจะรับครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 13:32:15

ความคิดเห็นที่ 11 เหมือนการตีตรา นักโทษ ทาส จากคุณ : หยงกี้ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 21:25:22

ความคิดเห็นที่ 12 ในสังคมกำแพงเมือง ถือว่าคนที่โดนสัก ต้องโทษจองจำ หรือเป็นคนในสังกัดใด เพราะรอยสักเป็นตำหนิสำคัญ ที่จดจำได้ง่าย ทำซ้ำยาก คนผิวเกลี้ยง จึงเป็นเครื่องแสดงถึงความเป็น "เสรีชน" ไม่ถูกกดขี่ บ้านเมืองมีความเป็นธรรม คนจีนในไทยสมัยอยุธยา เรียกว่าพวก "ข้อขาว" ผูกปี้ ตามหลักโหวงเฮ้ง การสักถือว่า "ตีตราให้ตนเอง" เหมือนนักโทษ ถ้าเป็นรูปสายรัด ถือเป็น "ผูกตรวนให้ตนเอง" ทำให้ไม่เจริญ เพราะไม่ยอมให้อภัยตนเอง ประเภทการสัก การสักเพื่อความงาม สักคิ้ว สักตามตัว มีทุกที่ทั่วโลก แทนเครื่องแต่งกายสมัยนี้ การสักลงโทษเพื่อประจาน สักใบหน้า เป็นอักษร ลายเส้น การสักเพื่อแสดงสังกัด สักเลกที่ข้อมือ,สักหัวไหล่ ในกลุ่มทหารโรมัน,มีสัญลักษณ์เฉพาะทำให้รู้เป็นพวกเผ่าเดียวกัน การสักเพื่อแสดงเจตนาก่อการณ์ สักเต็มแผ่นหลังและไปลอบสังหาร ศัตรูที่หมายหัวเพื่อให้คนจดจำว่าใครทำ เป็นการแสดงความกล้าหาญ ท้าทายฝ่ายตรงข้าม การสักเพื่อพรางตัว สักเป็นรูปเกล็ดปลา ไว้ดำน้ำปลานึกว่าเป็นพวกเดียวกัน ไม่ระแวง ,การสักพรางตัวในพื้นที่ที่ล่าบ่อย,สักใบหน้าหญิงสาวในเผ่า เพื่อไม่ให้ถูกคนต่างเผ่าฉุดคร่า แบบเผ่ามีเหลาฟันด้วย จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:16:25

ความคิดเห็นที่ 13 บางรูป บางรอยก็สวยดีนะครับ ส่วนตัวแล้วไม่รังเกียจหรือมีอคติกับคนมีรอยสัก แต่ให้สักเองคงไม่ล่ะครับ กลัวเจ็บ เหตุผลเดียว เดี่ยวๆ เลย จากคุณ : Nagano เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:16:09