ความคิดเห็นที่ 1 ก็ตอนได้เป็นรุ่นพี่ก็อย่าทำแบบนี้อีกไงครับ แล้วมันจะค่อยๆหายไปเอง จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:14:05

ความคิดเห็นที่ 2 พี่ก็นึกว่าสมัยนี้ว๊ากสูญพันธุ์ไปแล้ว ตกลงยังมีอยู่อีกเหรอ ไม่น่าเชื่อ   รีบไปแจ้งคณะบดีเลยครับ ต้องรีบจัดการ แจ้งไปทาง สกอ. ด้วยก็ได้ครับ ช่วงนี้ก็ ignore ไปก่อนไม่ต้องไปร่วม มิตรภาพในการเรียนไม่ได้มาจากการว๊าก อยู่ที่คนแต่คนว่าจะเลือกคบใคร จากคุณ : Sand Canyon เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:15:25

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนที่คุณเป็นรุ่นพี่ก็อย่าทำอีกครับ แต่ก่อนผมอยู่ปีหนึ่ง ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรครับ โดนรับน้องหนักเหมือนกัน พอปี 2 เป็นพี่ ว๊าก พอปี 3 คิดได้ว่าที่ผ่านมาผมโครตโง่เลย มากด้วย เลยคุยกับเพื่อนว่าจะยกเลิกการว๊าก ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยครับ มีแต่เพื่อนที่สนิทเท่านั้นที่คล้อยตาม ถึงวันประชุมทุกชั้นปี เพื่อลงมติปรากฏว่า โหวตให้มีการรับน้องเหมือนเดิม มันเป็นประเพณีนั่นคือเหตุผลของพวกเขา ผมได้แต่เพียงขอแค่ให้มันน้อยลง ต้องลองศึกษาข้อดีข้อเสียของระบบ Sotus ครับ บอกเพื่อนคุณให้เข้าใจว่าอะไรที่ดีก็คงไว้ ส่วนเรื่องการ ว๊ากตัดทิ้งไปได้เลย ไม่ได้ทำให้พวกคุณรักกันมากขึ้นหรอก ข้อดีของระบบรับน้องที่ผมพอนึกออกก็มีดังนี้ครับ 1. เคารพรุ่นพี่ จะได้รู้จักสัมมาคารวะ ถึงแม้ว่าเขาจะแก่กว่าเราแค่ปีเดียว แต่เขามีโอกาสได้เข้าทำงานก่อน บางทีอาจจะช่วยเหลือกันภายหน้าก็ได้ 2. ให้หนังสือหรือสมุดโน๊ต จะได้ประหยัดเงินไม่ต้องซื้อใหม่ ถ้าคุณคิดจะยกเลิกจริงๆ ผมว่าต้องค่อยๆคุย ชี้แจง การปฎิวัติเลยอย่างที่ผมเคยทำอาจจะไม่ได้ผล จากคุณ : พันลำ (Punlum) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:15:47

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม นิสิต นักศึกษาไทย ถึงคิดว่าการรับน้องสำคัญ บอกว่ามันศักดิ์สิทธิ์ มันจะทำให้รักกัน มันจะโน่นนี่ บลาๆๆๆ ที่มหาวิทยาลัยที่เราเรียนโท ก็เห็นเด็ก ป.ตรีจัดกิจกรรมรับน้อง ตีกลองร้องเพลงกันเสียงดัง แต่...เพื่อนที่เรียนด้วยกัน ซึ่งโดยมากเป็นคนต่างชาติ เค้าก็จะถามว่า ทำไมเด็กไทย..ถึงคิดว่านี่เป็นสิ่งสำคัญในการเรียน? ประเทศที่เค้าพัฒนาแล้ว เค้าไม่ได้สนใจกันที่สิ่งนี้ เค้าไม่เห็นมีประเพณีรับน้อง ประเทศเค้าก็ก้าวไปข้างหน้าได้ และก้าวไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ดังนั้นพอเพื่อนเรามาเห็นประเพณีอย่างนี้ก็.. งงไปเลย.. แหกปากร้องเพลงเหมือนคนเมา มันแสดงถึงความเป็นปัญญาชนตรงไหน จากคุณ : ณ พิชา เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:38:24

ความคิดเห็นที่ 5 ผมเป็นว๊ากเกอร์สมัยเป็นรุ่นพี่ ยังเคยสั่งลูกรัฐมนตรีใส่กางเกงในแบบซูปเปอร์แมนในทะเลและเดินขึ้นมาเลยครับ ผมยังจำได้น่าละอายจริงๆ ผมอยากขอโทษมันเมื่อเจอมันจริงๆ จากคุณ : สนใจ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 12:02:58

ความคิดเห็นที่ 6 เพราะว่ารุ่นน้องต่อ ๆ มาอยากจะทำต่อครับ คือ ตราบใดที่รุ่นต่อ ๆ มายังไม่เห็นว่า การว้ากเป็นสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ มันก็จะมีอยู่ต่อ ๆ ไป ดังนั้น ถ้ารุ่นน้องต่อ ๆ มาเห็นว่า ควรทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ดีกว่า และยกเลิกการว้ากไป มันจะค่อย ๆ หายไปเองครับ ส่วนตัวผม ช่วงมีว้าก ผมก็ไม่เข้าครับ เพราะรู้สึกว่ามัน "ตลก" ที่จะต้องมานั่งปั้นหน้า ปั้นอารมณ์ เพราะรู้ว่ามันคือการแกล้งหลอกแสดงละครกันนี่เอง แต่พอจบแล้วผมก็เข้ากับรุ่นพี่รุ่นน้องและเพื่อนได้ปกติ ใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่มีปัญหาอะไรแต่ประการใดเลยครับ แต่หากยากจะเลี่ยง ก็ต้องทนหน่อยครับ ไม่กี่สัปดาห์ก็จบ คิดว่า มันเป็นแค่ "การแสดงละคร" อย่างหนึ่ง คิดขำ ๆ ครับ เราก็เล่นบทไปตามที่เล่น เวลาจะเศร้าก็เศร้า เวลาต้องฮึกเหิมก็ฮึกเหิม เดี๋ยวก็จบครับ ส่วนจะแจ้งที่ไหนนั้น ก็คงยากครับ เพราะมันมีขึ้นไปแล้ว จริง ๆ เรื่องพวกนี้ คณะก็คงรู้ดีครับ ขึ้นอยู่กับว่า ผู้บริหารจะเห็นอย่างไร แต่ถ้าจะเลิกแบบจริงจัง ก็คงต้องแจ้งสื่อ และระดับบิ๊ก ๆ ของกระทรวงศึกษาให้ลงมาจัดการเรื่องพวกนี้ได้แล้ว เพราะเหตุรุนแรงในการรับน้อง เกิดขึ้น ทุกปี และไม่เคยมีใครแก้ไข อย่างจริงจังเลย ..................... ขอเสริมครับ จากกระทู้แนะนำในขณะนี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10659199/K10659199.html การรับน้องเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน แต่ไม่จำเป็นต้องมีการว้ากเลยครับ เพราะมีวิธีอื่น ๆ มากมาย โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่ป่าเถื่อนแบบนั้น คือ มันตลกอย่างหนึ่งกับการว้าก เพราะมันก็เป็นเหมือนการแสดงละคร พอจบว้าก ทุกอย่างก็เป็นปกติ แล้วจะมีว้ากไปเพื่ออะไร เพราะแค่ช่วงสั้น ๆ มันไม่ได้สามารถพัฒนาพฤติกรรมอะไรได้หรอกครับ สุดท้ายทุกคนก็คิดว่ามันเป็นแค่ละคร ก็จบกันไป การทำให้รุ่นน้องเคารพรุ่นพี่ การทำให้รุ่นพี่รุ่นน้องสามัคคีกัน การทำให้รู้จักระเบียบวินัย อดทน และเข้าสังคมได้ดี สิ่งเหล่านี้ ไม่สามารถพัฒนาได้ด้วยการว้าก ไม่ต้องอาศัยการว้ากเลยครับ มันต้องใช้กระบวนการขัดเกลาทางสังคมแบบธรรมชาติ เป็นระยะเวลายาวนานต่างหาก หลายคนไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมที่มีว้าก แต่สามารถเข้ากับเพื่อนและรุ่นพี่รุ่นน้องได้ดี เคารพรุ่นพี่ มีวุฒิภาวะ มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ฯลฯ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้การว้ากเลย และหลาย ๆ มหาวิทยาลัย ก็พิสูจน์แล้วว่า กิจกรรมรับน้องที่ดี ๆ สร้างสรรค์ สร้างความสามัคคีนั้น เป็นการสร้างความสัมพันธ์ได้ดีกว่า การ "แสดงละคร" ฝืด ๆ แบบนี้ด้วยซ้ำไป การจะอ้างว่าการว้าก เป็นการฝึกแบบนั้นแบบนั้น ฟังไม่ขึ้นหรอกครับ เพราะเมื่อพอจบช่วงว้าก ทุกคนก็กลับสู่สภาพปกติ รุ่นพี่ว้ากบางคนก็ใช่ว่าจะทำตัวเป็นแบบอย่างรุ่นน้องได้ ส่วนรุ่นน้อง ก็กลับไปเป็นนิสัยแบบเดิม ใครเป็นอย่างไร ก็เป็นแบบนั้น ไม่ได้พัฒนาขึ้นจากการถูกว้ากแต่อย่างใด จบว้าก น้องทุกคนก็รู้ว่ามันเป็นแค่การแสดงละครฉากหนึ่ง ทุกอย่างก็เป็นแค่กิจกรรมสนองอารมณ์ของรุ่นพี่เท่านั้นเอง สี่ปีที่เหลือ ทุกคนก็ลืมการว้ากไป สรุปแล้ว มันเป็นเพียงกิจกรรมที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ในทางก้าวหน้าเลยแม้แต่น้อย การที่จะบอกว่า ทำให้รู้จักฝึกความกดดัน อดทนอดกลั้น ฯลฯ เป็นแค่ข้ออ้างให้ฟังดูดีเท่านั้นเอง แต่จริง ๆ แล้ว คุณสมบัติเหล่านี้ สร้างไม่ได้จากการว้ากเลยครับ การที่เรารู้จักอดทนอดกลั้น มีระเบียบวินัย เคารพรุ่นพี่ รู้จักเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ การว้าก มันส่งผลมาสักกี่เปอร์เซ็นกัน...แทบจะไม่เลย มันเกิดจากกระบวนการขัดเกลาทางสังคมของเราเองต่างหาก น่าจะใช้เวลาอันมีค่า เป็นเดือน ๆ ทำกิจกรรมดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ สร้างสรรค์กับรุ่นพี่รุ่นน้องหรือคนภายนอก จะดีกว่าการที่เอาเวลาหมดไปเป็นเดือน ๆ มาทำกิจกรรมว้ากแบบนี้ เลิกเถิดครับ ในเมื่อเราเข้าสู่มหาวิทยาลัยแล้ว น่าจะรู้ได้ว่า กิจกรรมที่สร้างเสริมความสัมพันธ์และวุฒิภาวะที่ดีนั้น มีหลากหลายวิธีที่เป็น "อารยะ" ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่เป็น "อนารยะ" แบบนี้ครับ เราเลือกกันได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่า จะเลือกหรือไม่ เท่านั้นเอง... แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 12:45:29 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 12:44:08 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 12:41:34 จากคุณ : LovingYouTooMuch เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 12:32:19

ความคิดเห็นที่ 7 แก้แค้นต่อๆ กันไป สืบทอดความรุนแรงต่อๆ กันไป จากคุณ : tormay เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 14:29:20

ความคิดเห็นที่ 8 sotus = การปลูกฝังแนวคิดแบบพวกพ้อง ซึ่งถ่วงความเจริญของชาติยิ่งนัก จากคุณ : เขียนบน i-mobile (Akatsuki7) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 15:04:04

ความคิดเห็นที่ 9 คุณไม่พอใจก็เดินออก แค่นั้น ไม่พอใจระบบพวกพ้อง พี่น้อง ก็เดินออก ถ้าคิดว่าตัวเองเดินคนเดียวในสังคมได้ หรือ "ปีกกล้าขาแข็ง" นัก คุณไม่ต้องขอข้าวเขากิน จะง้อเขาทำไม??? จากคุณ : SaintPSU เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 18:24:02

ความคิดเห็นที่ 10 #9   ประชดหรือเปล่าครับ ขอบอกว่า รุ่นผมเดินออกจากห้องเชียร์ทั้งรุ่นมาแล้วจริงๆ จากคุณ : 447 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 19:21:16

ความคิดเห็นที่ 11 บอกตรงๆว่า น่าเบื่อมากๆครับ ระบบการรับน้องเนี่ย นอกจากจะทำให้เด็กๆเข้าใหม่ต้องเหมือนโดนกลั่นแกล้ังแล้ว ...เวลาที่เด็กๆเข้าใหม่ต้องตะโกนร้องเพลงเชียร์ ซ้อมร้องเพลงเชียร์เนี่ยแหละ มันเป็นการรบกวนคนรอบข้างเป็นที่สุดครับ จากคุณ : gaobear เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:42:31

ความคิดเห็นที่ 12 น้อง จขกท. คะ สงสัยเราสถาบันเดียวกัน แต่คนละคณะ ^^ พี่เห็นไม่กี่คณะนะคะที่โซตัส หรือว๊ากกันแรงๆ อย่างของคณะพี่นี่...เรียกว่าไซโคค่ะ คือไม่ว๊ากอ่ะ เค้าจะใช้วิธีการพูดแบบใช้เสียงดังแค่ให้คนข้างหลังได้ยิน ไม่มีการตะโกน ไม่มีอะไรเลย แค่พูดไม่กี่คำ แล้วทำให้น้องเงียบได้ คือใช้วิธีการทางจิตวิทยานั่นแหละ แต่ไม่แรงจริงๆ นะ ไม่มีการพูดคำหยาบ ไม่ส่อเสียด คือใช้เหตุผลคุยอ่ะ จะมีพี่กลุ่มนี้ทำหน้าที่คุมน้องอยู่ก่อนเข้าห้องเชียร์ แล้วก็ตอนนัดหมาย ตอนเดินไปส่งน้องที่หอ แค่นั้นจริงๆ คณะพี่ค่อนข้างเคารพกันค่ะ พี่เชียร์ก็ไม่โหดนะ (พี่ก็เคยเป็นพี่เชียร์) ก็สอนน้องร้องเพลงไป ไม่ด่า ไม่ว่า บางทีเห็นน้องไม่ให้ความร่วมมือ กินแรงเพื่อน ก็เหน็บเอาบ้าง แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่าง...คนในรุ่นเค้าจะตัดสินกันเองว่าควรทำยังไง ปัญหาโลกแตกว่ะเรื่องนี้ เหอะๆๆๆๆ เหมือนวงจรอุบาถว์ยังไงก็ไม่รู้เนอะ จากคุณ : ส้มเช้งเองจ้า เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 00:44:03

ความคิดเห็นที่ 13 จุดประสงค์จริงๆของการกระทำแบบนี้จริงๆคืออยากให้ "รักกัน" ถ้าทำสำเร็จบรรลุจุดหมายมันก็จะเห็นผลจริงๆนะ ปล. พาเด็กม.1 และม.4 ไปอบรมจริยธรรม เจอพระอาจารย์ใช้ระบบแบบนี้  เพราะมีรุ่นพี่ม.5-6ไปเป็นพี่เลี้ยง สงสัยพระอาจารย์จะจบจากม.เกษตร !!! แต่ก็ซึ้งนะครับ ครูบางคนร้องไห้เลย จากคุณ : รัตนลาวัณย์ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 18:18:19

ความคิดเห็นที่ 14 ต้องถาม ทปอ. ครับ จากคุณ : Rarm41 เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 01:35:48

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนตัวเห็นว่าน่าจะยังคงมีระบบรับน้องนะคะแต่ต้องอยู่ในความสมควร การทำกิจกรรมรับน้องช่วงเย็นๆ มีทั้งโดนขู่โดนกดดัน ก็เพื่อที่จะให้เด็กใหม่เข้ามาละลายพฤติกรรม เพราะแต่ละคนมาจากต่างที่ต่างสังคม ยังคงมีความเป็นอัตตาของตัวเองอยู่ยังไม่ค่อยเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆถ้าเจอภาวะที่ต้องทำร่วมกันกดดันร่วมกัน จะได้ละลายตัวตนตัวของเองและหลอมรวมให้เข้ากับเพื่อนกับวัฒนธรรมของใหม่สถาบันใหม่ได้เร็วขึ้น บางคนมาจากร.ร.ดังบางคนมาจากตจว. ถ้าไม่มีสถานการณ์ให้ทำกิจกรรมร่วมกันการรู้จักและคบหากันก็คงจะจำกัดอยู่ในรูปแบบสังคมเดิมๆที่คุ้นชิน การว้ากคงไม่ได้คิดจะเปลี่ยนพฤติกรรมของน้องใหม่ไปเลย แต่เป็นการเริ่มต้นความเป็นหนึ่งเดียวกัน เริ่มต้นรู้จักเพื่อนใหม่ๆต่างคณะต่างสาขา ส่วนการร้องเพลงเชียร์ ร้องเพลงมหา'ลัย เราคิดว่าเป็นการเรียนรู้ค่านิยม และแนวความคิดของสถาบัน ทำให้รู้จักสถาบันเพิ่มขึ้น(อีกนิดก็ยังดี) ส่วนตัวเห็นว่าการทำกิจกรรมรับน้องน่าจะยังมีอยู่แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันอย่างใกล้ชิด ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีการออกไปทำกิจกรรมภายนอก ควรจะมีกรอบกติกากฎเกณฑ์อย่างชัดเจนว่าจะมีกิจกรรมอะไรอย่างไรบ้างมีช่วงเวลาทำกิจกรรมนานเท่าไหร่เวลาใด สำหรับตัวเองยินดีเข้าร่วมและสนุกไปกับทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นภายในมหา'ลัย แต่ก็ปฏิเสธกิจกรรมรับน้องภายนอกที่มีแนวโน้มว่าไม่มีเหตุผลอันควรที่จะต้องเข้าร่วม แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 54 18:57:37 จากคุณ : Noo YaiMai เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 18:51:14