ความคิดเห็นที่ 1 ไม่รู้เหมือนกัน  แต่เป็นอย่างนั้นบ่อยมาก ถึงจะพยายามไม่คิดก็เถอะ แล้วแต่ดวงมั้ง จากคุณ : Youzen เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:31:27

ความคิดเห็นที่ 2 เกิดจากมโนกรรม วจีกรรมค่ะ วันหลังถ้าเห็นสิ่งที่ไม่ชอบให้แค่คิดว่าเห็น อย่าปรุงแต่งต่อไป  แล้ววางเฉย จากคุณ : แม่อ๊บ (obst) เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 00:19:04

ความคิดเห็นที่ 3 จริงแฮะ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาผมคิดว่า"เขา"ทดสอบเราครับผมว่าเป็นเวรกรรมมากกว่า แนะนำว่าอย่าหนี เผชิญหน้าครับ จะได้ฝึกเรา,ใช้วิบากไปด้วย หนีไปก็ไม่พ้นหรือไม่เดี๋ยวก็เจอสิ่งสิ่งอื่นอีก จะหนีตลอดไปหรือครับ :) จากคุณ : สนใจ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 05:56:18

ความคิดเห็นที่ 4 เกลียดความสำเร็จ เกลียดความรวย เกลียดขาว สวย หมวย เอ็กซ์ จากคุณ : รอสมมติฐาน จขกท (lazarn) เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 07:26:36

ความคิดเห็นที่ 5 เพราะเราเกลียดอะไร เราก็จะคอยแต่จ้องมองแต่สิ่งที่เราเกลียด ระวังสิ่งที่เราเกลียด ทำให้เราคิดว่าเราเจอสิ่งที่เราเกลียดอยู่ตลอด เหมือนเราเลือกมองคนๆ หนึ่งว่ามีนิสัยที่เราเกลียดอยู่อย่างหนึ่ง แต่เขาอาจจะมีนิสัยที่เราชอบอยู่หลายอย่างก็ได้ แต่เพราะเรามัวแต่เลือกมองสิ่งที่เราเกลียด มันก็เลยเจออยู่เรื่อยไป ก็อาจจะต้องเปิดใจให้กว้าง มองหามุมดีๆ ของมันบ้าง ของทุกชิ้น คนทุกคน มีประโยชน์อยู่ในตัวอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเลือกมองตรงไหนของมันเท่านั้น - ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ - จากคุณ : วารีทองคำ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 09:39:35

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยกับกฎแรงดึงดูดค่ะ และนอกจากนั้น มนุษย์ถูกออกแบบมาเพื่อให้เลือกเห็น/ได้ยิน/ได้สัมผัส/ได้พบ เฉพาะสิ่งที่สนใจ หรือสิ่งที่เราคิดอยู่ในสมองตลอดเวลา ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสิ่งอื่น ๆ ในบริเวณนั้น แต่คุณจะรู้สึกได้เฉพาะสิ่งที่คุณคิดถึงเท่านั้น EX. คุณลองหลับตาสักพัก แล้วนึกถึงสีเขียวๆๆๆ จากนั้นลืมตา แล้วมองไปรอบ ๆ ตัว คุณจะสามารถมองเห็นสิ่งที่เป็นสีเขียวต่าง ๆ มากมาย ตาคุณจะเหมือนเรดาห์จับหาสีเขียว จนเกือบเมืองไม่เห็นสิ่งอื่นเลยทีเดียว You Are What You Think http://www.djpui.com จากคุณ : เจ้าจอมหยู เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 12:02:11

ความคิดเห็นที่ 7 "ทำไม เวลาเราเกลียดอะไร เรามักได้สิ่งนั้น อยู่ร่ำไป" ^ เราคือใคร  ใช้เป็นมาตรฐานทั่วไปได้ไหม หรือถามว่า  จริงหรือ?(ข้อความนี้) เราในที่นี้  ส่วนใหญ่ ก็โตๆกันทั้งนั้น แต่ความแตกต่างระหว่างบุคคลมีมากมาย โดยเฉพาะสายตาที่มองโลกออกไป  ที่เรียกว่าโลกทัศน์  มีสองแบบคร่าวๆ  คือ บวก กับลบ ข้อเท็จจริงต่อสารพัดในโลก คือ  อะไรๆมันจะมีสองด้าน  หรือพูดอีกอย่างว่า มันเป็นโลกที่ไร้ความหมาย   แต่มนุษย์ไปกำหนดความหมายให้กับมัน  โดยแยกหยาบๆว่า  ดี-เลว ชอบ-เกลียด แต่ผู้ให้ความหมายในตัวเรา  คือ  เจตจำนง   ซึ่งคือ  ภาคส่วนของปฏิบัติการทางจิต  พัฒนาเป็น ความเชื่อ ความเชื่อ   คือ   ความแน่ใจในสิ่งที่หวังไว้  เป็นความรู้สึกมั่นใจว่าสิ่งที่ยังไม่ปรากฏนั้น  จะ/เป็น จริง คนที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์   ก็จะมีจินตภาพ หรือภาพนิมิต(ของสิ่งหวัง) ทำให้มองโลกแง่บวก ไปในทิศทางที่เชื่อ ส่วนคนที่มีปมทางจิต  หรือ ความกลัว  ความเกลียด   ก็อาจถูกกลไกทางจิต   สร้างมายาภาพ  สิ่งที่เกลียด กลัว ขึ้น แล้วทำให้ "มัน" มีพลังซ่อนอยู่เบื้องหลังจิตสำนึก   ซึ่งส่งผลต่อการให้น้ำหนักการรับรู้โลก ในลักษณะผลักหนี หนีห่างจาก "มัน"  ที่เป็นปรากฏการณ์อันผ่านเข้ามาในชีวิต ทางแก้   คือ  แก้ปมทางจิตต่อสิ่งที่เกลียด กลัว   อาจสลายมันด้วย  เหตุผล  หรือ  การยอมรับความจริง ความจริง ที่ว่า  ไม่ใช่ "มัน" แต่คือ  ทัศนคติของเราที่มีต่อโลก อันมีสิ่งนั้น เป็นปมเงื่อน  มันสะท้อนอะไรในความเป็นตัวเรา? จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 15:44:13

ความคิดเห็นที่ 8 มีเสาอากาศรับสัญญาณ มันก็เลยมาไง เสานี้สร้างมาจากเจตนาเราเอง ลองสังเกตดูจะเห็นว่ามีหลายสิ่งที่เราเฉยๆก็ผ่านเข้ามาเหมือนกัน แต่มันก็ผ่านไป จากจิตวิทยา คนจะจำวันที่ขึ้นรถเมล์ไม่ทัน มากกว่าวันที่ขึ้นทัน คนจะจำวันที่ติดไฟแดงบ่อยๆ มากกว่าวันที่เฉยๆปกติ จากคุณ : @VVIEWW เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 19:27:45 A:58.64.64.11 X: TicketID:173601

ความคิดเห็นที่ 9 # คห6   ลองทำแล้ว   ทำผมขนลุกเลยครับ จากคุณ : หา-สะ-จิต-โต เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 10:26:50