ความคิดเห็นที่ 1 วิทยานิพนธ์กะอีกแค่เปรียบเทียบโรงเรียน A กับ B มันจำกัดเกินไป เขียนไปเราว่าไม่ค่อยมีสีสันมากนักนะ เผลอๆนั่นแหละคือเหตุผลที่ทำให้คุณ "เบื่อจนเขียนไม่จบ" ทำไมไม่ทำอะไรแปลกๆใหม่ๆเช่นข้อได้เปรียบเสียเปรียบในการสอนภาษาอังกฤษแบบติวเตอร์อธิบายเป็นตุเป็นตะให้นักเรียนเลือกกาข้อสอบได้ถูก (passive learning) แล้วติวเตอร์รวยเละแต่นักเรียนพูดไม่ได้เขียนก็ยิ่งเละใหญ่ กับสอนแบบเอา video clips ภาษาอังกฤษมาให้นักเรียนดูฟังแล้วพูดตามจนพูดได้คล่อง grammar ก็ได้โดยธรรมชาติ ต่อยยอดเป็นอ่านเขียนง่ายขึ้น แล้วให้นักเรียนเอาเรื่องที่เรียนมาอภิปรายกันเป็นภาษาอังกฤษ (active learning)  บวกกับวิธีการใช้ software ตัดต่อทำ digital media เพื่อสอน online หรือแจกจ่ายในรูปแบบของ DVD อะไรทำนองนี้ หรือค้นคว้าเรื่องการตัดต่อใช้งานสื่อการสอนที่ผลิตมาจากต่างประเทศ โดยเปรียบเทียบกับสื่อที่กระทรวงอนุมัติให้ใช้ว่าอย่างหลังล้าสมัยควรยกเลิกได้แล้วและหรือสืบหาข้อมูลเพื่อยืนยันว่าหนังสือเรียนที่ไม่ดีซึ่งผลิตในเมืองไทยแล้วได้รับการอนุมัติจากกระทรวงเป็นเพราะผู้ผลิตหนังสือยัดเงินใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่ เราว่าเรื่องพวกนี้น่าสนใจนะ ถ้าเป็นเรา เราเขียนแพล็บเดียวได้วิทยานิพนธ์เป็นร้อยๆหน้าเลยหละ (ไม่ว่าจะเขียนเป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้สบายๆ)...เพราะเราชอบค้นคว้าเรื่องการสอนภาษาอังกฤษ เอาไว้สอนตัวเอง แต่ไม่เอาไว้สอนใคร แล้วก็ไม่เคยเรียนครูด้วย ให้ไปเรียนครูเราก็ไม่อยากเรียนหรอก เพราะค้นคว้าเองสนุกกว่าตั้งหลายเท่า ไม่ต้องเรียนตามกรอบที่มหาลัยกำหนดไว้ เพียงแต่ว่าไม่ได้ปริญญาโทเท่านั้น แต่ไม่ได้ก็ไม่กลัวเพราะเราก็หาเงินด้วยวิธีอื่นได้ ถ้า จขกท ใจรักจริงๆทำงานจันทร์-ศุกร์ก็เขียนได้นะ ขนาดพวกเพื่อนๆเราตั้งหลายคนทำงานจันทร์-ศุกร์กลับมาบ้านยังจุดเทียนนั่งบแปลนิยายส่งสำนักพิมพ์หารายได้พิเศษได้เลย เพราะ "พวกเขาทำแล้วสนุกยังไงล่ะ ไม่ได้ทำเพราะอยากได้ปริญญาโท" เราก้อค้นคว้าด้วยตนเองเรื่องการสอนภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่องมาแล้วหลายปี "เพราะสนุกเหมือนกัน ไม่ได้ทำเพราะต้องการปริญญาโทหรือปริญญาเอกแต่อย่างใด" ^ เราก็เลยเห็นเป็นเรื่องสนุก และทำอย่างต่อเนื่อง จขกท ลองกลับไปพยายามทำให้มันเป็นเรื่องสนุกดิ แล้วปัญหามันก็จะหมดไปเอง แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 17:04:14 แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 16:01:35 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 15:57:06

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นได้ค่ะ รุ่นเราเป็นอาจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัยทั้ง รัฐและเอกชน ตอนนี้หลายคนกำลังเรียนต่อป.เอก น่าจะปรึกษากับอ.ที่ปรึกษา หรือกับเลขาฯคณะ เธอคงให้คำแนะนำดีๆได้ จากคุณ : engo (engo) เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 16:12:12

ความคิดเห็นที่ 3 "หากไม่เลือกทำวิทยานิพนธ์แล้ว จะสามารถไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยได้ไหม" ขอตอบแบบค่อนข้างคอนเฟิร์มเลยว่า ยากสสสสสสสสสสสสสสสส์ เพราะวิทยานิพนธ์มีค่าเที่ยบเท่างานวิจัยหนึ่งชิ้น หากคุณจบ ป โท มาโดยไร้งานวิจัย นั้นหมายถึงว่าคุณไม่มีความพร้อมที่จะต่อยอดไปเรี่ยนปริญญาเอก (ตามที่ ม ส่วนใหญ่คาดหวังไว้) ลองถามตัวเองดีๆว่า จะเอาปริญญาโทไปทำอะไรกันแน่ จากคุณ : ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 16:26:05 A:49.49.96.138 X: TicketID:301976

ความคิดเห็นที่ 4 เท่าที่เห็น ผู้ที่เรียนสาขานี้ส่วนใหญ่ก็จะทำวิทยานิพนธ์กันนะครับ จากคุณ : Timin2101 เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 16:41:46

ความคิดเห็นที่ 5 หัวข้อวิทยานิพนธ์ที่ให้มากว้างมากจนเกินไปครับ ลองคิดไว้คร่าวๆแบบนี้พอได้ครับ เดี๋ยวเรียนไปอาจจะมองปัญหาการวิจัยได้แคบกว่านี้  เปรียบเทียบการสอน วิธีสอน(เดี๋ยวจะได้เรียนในห้องในแบบต่างๆ)  เทคนิคการสอน สื่อการสอน งานวิจัยต้องระบุให้แคบหน่อยนะครับ เดี่ยวกำหนดตัวแปร และควบคุมตัวแปรได้ยาก ที่มาและความสำคัญของปัญหาการวิจัยต้องมีครับ ไม่ใช่เพียงแต่เราสนใจเพียงอย่างเดียว ต้องมีบทความ หรือเอกสารอ้างอิงว่าทำไม เกิดปัญหาอะไร ทำไมถึงต้องทำวิจัยเรื่องนี้ ทำแล้วได้อะไร กับใคร จะเก็บข้อมูลจากไหน จะสุ่มโรงเรียนแบบอาศัยความน่าจะเป็นหรือไม่ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลมีอะไรบ้าง มีการหาค่าความเทียงตรงและความเชื่อถือของเครื่องมือมากน้อยเพียงใด ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล สถิติที่ใช้ในการแปลผลข้อมูล  เป้นต้น เดี๋ยวลองเรียนไป เราจะรู้ว่าหัวข้อในการทำวิทยานิพนธ์มันมีหลากหลายเรื่องให้ทำครับ เช่น การสร้างสื่อการสอนเพื่อพัฒนา แก้ไขอะไรซักอย่างของเด็ก วิจัยเกี่ยวกับภาษาศาสตร์การสอน จิตวิทยาการเรียนรู้ การอบรมครูบุคลากร อื่นๆมากมายครับ เรียนวิชาไหนแล้วก็ลองเอามาเชื่อมโยงประยุกตืเป็นงานวิจัยของเราได้หมดนะครับ งานวิจัย ถือเป็นหัวใจสำคัญของเรียนระดับบัณฑิตศึกษา (ปริญญาโทและเอก) ดังนั้นจะเป็นมหาบัณฑิตทั้งที ควรมีความรู้ในสาขาวิชานั้นและสามารถเอาองค์ความรู้นั้นไปต่อยอดเป็นงานวิจัยช่วยเหลือสังคม และประเทศชาติได้ครับ ฝากให้ลองเอาคิดเล่นๆนะครับ จะทำหรือไม่ทำอยู่ที่ตัวเราเองครับ จากคุณ : นิสิตปริญญาโทการสอนอังกฤษ มศว (Frenchkid) เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 17:07:17

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าอยากเป็นอาจารย์ อยากต่อ ป.เอก ฯลฯ ก็ควรจะทำนะครับ .. จากคุณ : เด็กชายหัวหอม เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:19:42

ความคิดเห็นที่ 7 อยากเป็นอาจารย์ ต้องทำ คนเรียนปริญญาตรี เรียนไปจนจรดพรมแดนแห่งความรู้ คนเขาสร้างความรู้ไว้แค่ไหน เรียนปริญญาตรีต้องรู้ถึงนั่น คนเรียนปริญญาโท คือคนที่เรียนรู้วิธีการที่เป็นที่ยอมรับว่าน่าเชื่อถือที่สุดในการก้าวข้ามพรมแดนจากสิ่งที่เรารู้แล้วเข้าไปสู่แดนสนธยาซึ่งเรายังไม่รู้ นั่นคือการเรียนรู้และปฏิบัติตามระเบียบวิธีวิจัยจนได้ความรู้ใหม่มา คนเรียนปริญญาโทคือผู้ที่เรียนรู้วิธีการในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ เป็นคนที่อาจารย์เขารับรองว่าพร้อมแล้วที่จะเป็นมัคคุเทศก์ถือคบเพลิงไปส่องตรงที่เคยมืดมิดให้สว่างขึ้นมาด้วยปัญญา ไม่เคยทำวิจัยแล้วมันอ้างลำบาก จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:23:54

ความคิดเห็นที่ 8 ค่ะ ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ คำตอบลึกๆ ที่ฟังดูอาจจะงี่เง่าและไร้สาระ คือ อยากเรียนจบเพื่อแต่งงาน แต่ก็อีกนั่นแหละ คำตอบที่ลึกกว่านั้นคือ การนำเอาความรู้มาพัฒนาลูกศิษย์ของ ดิฉันที่ประเทศไทยนี่แหละ (สอนหนังสืออยู่) แต่ตอนที่ยังไม่ได้เรียนก็ขวนขวาย หาตำรับตำราจากประเทศอื่น (ประเทศของแฟน) มาสอนนักเรียนและหากมีเวลา ว่างก็จะนำความรู้ไปสอนเด็กนักเรียนที่ประเทศของแฟนด้วย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : แฟนฉันมาจากประเทศนั้น เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 21:28:43 A:110.49.227.228 X: TicketID:297034

ความคิดเห็นที่ 9 เวลาที่เข้าไปเรียน จะมีชั่วโมงที่ต้องพบกับอาจารย์ที่ปรึกษานะครับ (เดี๋ยวพี่เลขาภาคฯ จะนำตารางมาให้ลงชื่อจองเวลาครับ) ซึ่งสามารถสอบถามเวลานั้นได้ครับ นอกจากนี้ในช่วงเวลาที่เรียน สามารถคิด วิเคราะห์ ไปเรื่อย ๆ ได้ครับ อีกช่องทางนึง คือ การไป orientation trip ครับ เพราะอาจจะมีช่วงเวลาที่ได้พูดคุยกับรุ่นพี่ครับ ปล. รุ่น 13 ตอนแรก ๆ มีคนทำ Thesis ไม่มากนัก...แต่ล่าสุด ก็น่าจะเกิน 10 คนนะครับ จากคุณ : TEFL#13 (jiyuu) เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 15:11:47

ความคิดเห็นที่ 10 ตามที่คุณ jiyuu บอกเลยค่ะ ยิ่งเรียน Coursework เพิ่มมากขึ้น ก็จะเห็นหัวข้อที่ชัดเจนขึ้น เผลอๆถึงกับเปลี่ยนหัวข้อไปเลยก็มี เพราะการเรียนค่อนข้างเปิดกว้างให้เราไปเจอวิชาสายอื่นๆที่คาบเกี่ยวได้ด้วย เพราะการสอนไม่ไ่ด้จำกัดแค่ในวงของวิธีการสอน และการวางหลักสูตรนะคะ เดี๋ยวจะมีมาอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจิตวิทยา การเรียนรู้ภาษาที่สอง กระบวนการสอน ประวัติการสอน เรื่องหัวข้อวิทยานิพนธ์ใจเย็นๆค่อยๆคิดก็ได้ค่ะ หัวข้อที่คิดไว้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะคะ แต่ว่าถ้าจะเปรียบเทียบการสอน ถ้าเอากระบวนวิธีก็ต้องแน่ใจว่าตัวอย่างที่เลือกมาศึกษาใช้กระบวนเดียวกันหมดแน่ๆ หรือถ้าต่างกัน ก็ต้อง่ต่างกันอย่างจงใจ และอธิบายที่มาที่ไปพร้อมเหตุผลได้ สรุปคือ ใจเย็นๆ รอดูปีหนึ่งก่อนแล้วค่อยตัดสินใจค่ะ จากคุณ : สาวใหญ่วัยกระเตาะ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 01:37:05