แฮหัวตุ้น....สิงห์สิ้นลาย
|
 |
สามก๊กฉบับลิ่วล้อ
แฮหัวตุ้น....สิงห์สิ้นลาย
"เล่าเซี่ยงชุน"
ทหารเอกของ โจโฉ นั้นได้เล่ามาแล้วว่ามีมากมายก่ายกองนับแทบจะไม่ถ้วนเฉพาะที่ได้กล่าวชื่อเอาไว้ เมื่อสองสามตอนก่อน ก็กว่าสิบคนเข้าไปแล้ว คนเก่าแก่ที่น่าสนใจอีกคนหนึ่งก็คือ แฮหัวตุ้น ซึ่งเป็นพี่ชายของ แฮหัวเอี๋ยน ทั้งสองพี่น้องได้มาสมัคร เข้าเป็นทหารของโจโฉตั้งแต่เริ่มแรก ที่จะจัดตั้งกองทัพประชาชนไปรบกับตั๋งโต๊ะ แล้วก็เป็นกำลังสำคัญของโจโฉ ในการรบพุ่งปราบปรามฝ่ายที่มีความคิดไม่ตรงกัน มาตลอดระยะเวลาหลายปี จนกระทั่งโจโฉได้เป็นมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ถือรับสั่งไปปราบขบถภายในภายนอก ได้ชัยชนะหลายครั้งหลายหน
และหลังจากจัดการกับ อ้วนเสี้ยว เจ้าเมืองกิจิ๋ว ผู้เป็นใหญ่ในหัวเมืองฝ่ายเหนือ จนพ่ายแพ้อย่างยับเยินถึงแก่ความตาย แล้วก็ไล่ล่าลูกชายของอ้วนเสี้ยวอีกสามคน จนสิ้นเสี้ยนหนามไปหมดทั้งตระกูล จากนั้นก็หันมาเพ่งเล็ง เล่าปี่ คู่แค้นเก่า ซึ่งขณะนั้นตั้งตัวอยู่ที่เมืองซินเอี๋ย มีทหารอยู่เพียงหมื่นเศษ แต่ได้ตัว ขงเบ้ง วัยหนุ่มอายุเพิ่งยี่สิบหกปีเศษมาเป็นที่ปรึกษาใหม่ ยังไม่ทันได้แสดงฝีไม้ลายมือ
โจโฉก็เกณฑ์ทหารได้สิบหมื่นให้ แฮหัวตุ้น เป็นแม่ทัพใหญ่ ยกไปตีเมือง ซินเอี๋ย ที่ปรึกษาก็เตือนว่าอย่าประมาทแก่เล่าปี่ เพราะขณะนี้มีขงเบ้งเป็นที่ปรึกษา โจโฉไม่รู้จักก็ถามว่าเจ้าคนนี้คือใคร ที่ปรึกษาบอกว่าคือ จูกัดเหลียง หรือฉายาว่า ฮกหลง เป็นคนมีสติปัญญา การในอากาศและแผ่นดินก็รู้ดูชำนาญสิ้น เสมอเทพยดาเข้าดลใจ
โจโฉถามว่า ถ้าเปรียบกับตัวที่ปรึกษาเอง ใครจะมีภาษีกว่ากัน ที่ปรึกษายอมถ่อมตัวว่า
"......อันความคิดข้าพเจ้านี้ อุปมาเหมือนหนึ่งหิ่งห้อย อันสติปัญญา ขงเบ้งเป็นดังหนึ่งรัศมีจันทร์.........
แฮหัวตุ้นก็หัวเราะแล้วว่า ข้าพเจ้ายกไปครั้งนี้จะจับตัว เล่าปี่ ขงเบ้ง มาให้จงได้ ถ้าไม่ได้สมดังปากว่า ก็จงตัดศีรษะข้าพเจ้าแทนเถิด โจโฉก็กำชับว่าไปราชการสงครามคราวนี้ ได้ทีประการใดให้ส่งข่าวมาบอกทุกระยะ แฮหัวตุ้นก็รับคำแล้วยกทัพออกจากเมืองฮูโต๋ ไปตั้งอยู่ที่ตำบลพกบ๋อง
การที่แฮหัวตุ้นคุยเขื่องว่าจะเอาชนะเล่าปี่ขงเบ้ง ให้ได้นั้น ก็เพราะถือตัวว่าเป็นทหารชำนาญสงครามมามาก จนเป็นทหารเอกของโจโฉ เคยฝ่าฟันอันตรายในสนามรบมาอย่างโชกโชน
เมื่อครั้งที่โจโฉใช้ให้ยกกองทัพ ไปปราบ ลิโป้ ที่เมืองเสียวพ่าย ก็เข้าปะทะกับ โกซุ่น ทหารเอกของลิโป้ รบกันได้ห้าสิบเพลง โกซุ่นเห็นท่าจะไปไม่รอดก็ชักม้าหนีกลับเข้าค่าย แฮหัวตุ้นเห็นได้ทีก็รีบควบม้าไล่ตาม โจเสง เพื่อนของโกซุ่น จึงเอาเกาทัณฑ์ยิงสกัดถูกตาซ้ายของแฮหัวตุ้นปักคาอยู่ แฮหัวตุ้นร้องว้ากแล้วก็ชักลูกเกาทัณฑ์ออก ปรากฎว่าลูกตาติดปลายเกาทัณฑ์มาด้วย แฮหัวตุ้นเสียดายแก้วตาของตน จึงดูดกลืนกินเสียเลย
ฝ่ายโจเสงนั้นเห็นแฮหัวตุ้นถูกเกาทัณฑ์อย่างจังแล้วก็นึกว่าคงเสร็จแน่ จึงเข้าไปจะซ้ำเติม เลยถูกแฮหัวตุ้นแทงด้วยทวนตกม้าตายคาที่ ส่วนการรบครั้งนี้แม้ว่าในที่สุด แฮหัวตุ้นจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ทหารที่อยู่ในสนามรบทั้งสองฝ่าย ต่างก็สรรเสริญแฮหัวตุ้นจอมทรหด ว่าเป็นผู้มีฝีมือหาผู้เสมอมิได้
ข้างฝ่ายเล่าปี่ปรึกษากับขงเบ้งว่า จะรับมือกับผู้รุกรานอย่างไรดี ขงเบ้งบอกว่า กองทัพที่ยกมานี้ พอจะคิดอ่านเอาชัยชนะได้แต่ กวนอู เตียวหุย น้องของท่านทั้งสองคนคงจะไม่นับถือข้าพเจ้า ถ้าจะให้เป็นแม่ทัพก็ขอให้มอบกระบี่และตราอาญาสิทธิ์ให้บังคับบัญชาทหารทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด เล่าปี่ก็มอบให้ตามคำขอและสั่งสำทับว่าบรรดาทหารผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งหลาย ให้อยู่ในปกครองของขงเบ้งทั้งสิ้น ผู้ใดขัดขืนไม่เชื่อฟังคำสั่งให้ตัดศีรษะเสีย
ขงเบ้งจึงแจ้งแผนการรบให้แก่ทหารทราบว่า ตำบลทุ่งพกบ๋องนี้ มีเขาอีสันอยู่ทางขวา ป่าอันหลิมอยู่ข้างซ้าย ชัยภูมิชอบกลอยู่ ให้ จูล่ง คุมทหารยกไปเป็นกองหน้ากวนอู คุมทหารพันคนไปซุ่มอยู่ทางเขาอีสัน เตียวหุย คุมทหารพันคนไปซุ่มอยู่ในป่าอันหลิม ให้ กวนเป๋ง ลูกเลี้ยงของกวนอูกับ เล่าฮอง ลูกเลี้ยงของเล่าปี่ คุมทหารห้าร้อยคนมีคบเพลิงครบมือไปซุ่มอยู่ที่ชายทุ่งพกบ๋อง แล้วก็กำหนดหน้าที่ของทุกกอง ตามแผนที่ได้วางไว้ พร้อมทั้งกำชับว่าอย่าให้ ผู้ใดละเมิดคำสั่งนี้ จงกระทำตามถ้อยคำที่สั่งทุกประการ แล้วก็ให้เล่าปี่คุมทหารยกตามไปเป็นกองหนุนของจูล่ง
กวนอูหมั่นไส้ความใหญ่โตของขงเบ้งเต็มที จึงถามว่าท่านใช้ให้ใครต่อใครไปรบ แล้วตัวท่านเองจะอยู่ตรงไหน ขงเบ้งก็ว่าเราจะอยู่รักษาเมือง เตียวหุยปากโป้งอยู่แล้วก็ตบมือหัวเราะเยาะว่า
".....ซึ่งท่านว่ากล่าวทั้งนี้ ก็เห็นว่าท่านมีสติปัญญาจริง คิดเอาความสบายแต่ตัว อันเราทั้งปวงนี้จะออกไปสู้ความตาย ท่านจะอยู่รักษาเมือง จงแต่งโต๊ะกินเลี้ยงให้สบายใจเถิด...."
ขงเบ้งก็ไม่โกรธตอบแต่ยืนยันว่า เล่าปี่ให้กระบี่อาญาสิทธิ์อยู่กับมือเรา ใครจะลองขัดคำสั่งดูก็ได้ กวนอูเตียวหุยเกรงใจพี่ใหญ่ ก็เลยเงียบเสียงไปด้วยกัน
แฮหัวตุ้นนั้น จัดแจงยกพลมาอย่างรวดเร็ว ถึงทุ่งพกบ๋องตอนพลบค่ำ มองไปข้างหน้า เห็นผงคลีฟุ้งตลบเป็นควันอยู่ ก็ให้ทหารหยุดสงบเงียบไว้ ตนเองชักม้าขึ้นไปดู เห็นจูล่งคุมทหารกองหน้ามาแต่น้อยก็หัวเราะว่า ขงเบ้งแต่งกองทัพมาดังหนึ่งทารก หาปัญญามิได้ ประดุจไล่ฝูงเนื้อเข้ามาสู่ปากเสือ
จูล่งก็ขับม้าขึ้นมาข้างหน้าบ้าง แฮหัวตุ้นก็ด่าก่อนว่า
"....มืงนี้โฉดเขลาหาปัญญามิได้ มาอยู่เป็นทหารเล่าปี่ ดังหนึ่งผีท้องเลวเที่ยวตามกินเครื่องเซ่น....."
จูล่ง ไม่ตอบว่ากระไรชักม้าเข้าประอาวุธทันที รบกันได้เพียงห้าเพลงก็แกล้งทำเป็นถอยหนี แฮหัวตุ้นก็พาทหารไล่ติดตามไปประมาณห้าร้อยเส้น นายทหารรองก็ขับม้าตามมาท้วงว่า จูล่งคนนี้ฝีมือเข้มแข็งมาก สู้กับท่านยังไม่ทันจะเหนื่อย ก็ทำเป็นถอยเห็นท่าจะไม่ดี ขอท่านจงยับยั้งก่อนอย่าเพิ่งตามไปเดี๋ยวจะถูกอุบาย
แฮหัวตุ้นทนงว่า ถึงจะซุ่มทหารไว้สักสิบตำบลเราก็ไม่กลัว แล้วก็ตามจูล่งต่อไปอีกประมาณห้าสิบเส้น เล่าปี่ซึ่งเป็นกองหนุนของจูล่ง ก็จุดประทัดส่งสัญญาณให้กองอื่น ที่ซุ่มอยู่รอบทุ่งรู้ แล้วก็พากันถอยต่อไปอีก แฮหัวตุ้นก็ยิ่งกำเริบใหญ่ ว่าวันนี้เราจะเหยียบเมืองซินเอี๋ยให้ได้ ถ้าไม่ยังงั้นเราจะไม่ขอกลับไปให้มหาอุปราชเห็นหน้าอีกเลย
อิกิ๋ม กับ ลิเตียน ที่คุมเสบียงอาหารตามหลังแฮหัวตุ้นมานั้นมองเห็นเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล จึงให้ลิเตียนคุมกองเสบียงหยุดอยู่ก่อน อิกิ๋มรีบขับม้าขึ้นไปจนทันแฮหัวตุ้นร้องห้ามว่า เราไล่ข้าศึกมาจนมืดค่ำถึงยามเศษแล้ว หนทางก็เดินยากข้างหนึ่งเป็นภูเขา อีกข้างหนึ่งเป็นป่าแขม ถ้าข้าศึกแอบมาจุดเพลิงขึ้นเราจะเสียที ขอให้หยุดเสียก่อนดีกว่า
แฮหัวตุ้นก็ได้สติสั่งให้ทหารหยุด แต่ข้าศึกที่ซุ่มอยู่ก็จุดไฟขึ้นทั้งสี่ด้านพร้อมกัน และลมพายุก็พัดแรงขึ้นอีก เพลิงจึงลุกโชติช่วงสว่างไสวไปทั่วบริเวณ
กวนอูก็คุมทหารเข้าโอบหลัง จูล่งก็หันกลับเข้าตีกระทบเข้ามา ทหารของแฮหัวตุ้นตกใจวิ่งแตกตื่น เหยียบกันตายบ้างหนีไฟไม่ทันถูกคลอกตายไปเป็นอันมาก แฮหัวตุ้น อิกิ๋ม และ ลิเตียน ต่างก็ทิ้งทหารขับม้าฝ่าเพลิงไป ทหารรองอีกสองคนซึ่งอยู่ในกองหน้า รีบเข้ามาช่วยป้องกันรักษาเสบียง ก็ถูกเตียวหุยแทงตายไปคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งขับม้าหนีรอดไปได้ ทหารของเล่าปี่ก็ลุยเข้าฆ่าฟันทหารของแฮหัวตุ้น ตายเกลื่อนทุ่งโลหิตแดงไปทั้งป่า ศพดาดดังขอนไม้
พอรุ่งเช้า แฮหัวตุ้นจึงพาทหารที่เหลือตาย ยกกลับไปเมืองฮูโต๋ พอถึงเมืองก็มัดมือตนเองเข้าไปคำนับโจโฉแล้วสารภาพว่า
"......บัดนี้โทษข้าพเจ้าถึงสิ้นชีวิตแล้ว ด้วยข้าพเจ้ามีความประมาท มิได้รู้เท่ากลขงเบ้ง จึงเสียทหารล้มตายเป็นอันมาก เมื่อข้าพเจ้าจะไปนั้นก็ได้สัญญาว่า ถ้าไม่ได้ตัวเล่าปี่ขงเบ้งมา ก็ให้ตัดศีรษะข้าพเจ้าเสีย ซึ่งโทษข้าพเจ้าผิดนี้ตามแต่ท่านจะทำโทษ....."
โจโฉเห็นแฮหัวตุ้นสำนึกในความผิดของตน และยินยอมรับโทษแต่โดยดี ก็เกิดเมตตาจึงให้แก้มัดเสีย แล้วว่าที่ไปทำสงครามเสียทีแก่ข้าศึกมา โทษท่านนี้ก็ถึงตาย แต่ตัวท่านก็มีความชอบในสงครามครั้งก่อน ๆ มาเป็นอันมาก จึงจะยกโทษให้ครั้งหนึ่ง แล้วปลอบขวัญว่าธรรมดาชาติทหาร ทำสงครามก็ต้องมีชนะและแพ้ด้วยกันทุกคน
แฮหัวตุ้นรอดตายก็ยินดี รีบคำนับแล้วรายงานว่า อิกิ๋ม และลิเตียน ก็ตักเตือนให้สติอยู่ แต่ตนดื้อดึงไปเอง จึงเสียทีเพราะประมาท โจโฉจึงปูนบำเหน็จรางวัลให้แก่สองคนนั้น ตามสมควรแก่ความชอบ
แฮหัวตุ้น นี้ได้เป็นกำลังอันสำคัญในการศึกสงครามของ โจโฉ ต่อมาอีกหลายครั้งหลายคราว และก็รอดมาได้ทุกที จนกระทั่งแก่เฒ่าเจ็บป่วยตายไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บตามธรรมดา ภายหลังที่โจโฉได้เสียชีวิตไป ไม่นานเท่าใดนัก.
##########
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
14 มิ.ย. 54 06:33:50
|
|
|
|