|
ประวัติโดยย่อของซุนปิน นั้นมีประมาณว่า
ซุนปินเป็นลูกหลานรุ่นหลังของซุนวูนักการทหารชื่อกระฉ่อนในช่วงปลายยุคชุนชิวครับ อันตระกูลซุนนี้เดิมหาได้แซ่ซุนไม่ แม้จะมีตำนานหรือเรื่องเล่าถึงที่มาของแซ่ซุนหลากหลายแบบ แต่แบบหนึ่งที่มีคนยอมรับกันไม่น้อยก็มีอยู่ว่า
ตระกูลซุนนั้นสืบทอดมาจากสกุลเฉินครับ อันตระกูลเฉินนี้สืบเชื้อสายมาแต่จักรพรรดิซุ่น เมธีปราชญ์ในยุคโบราณ ลูกหลานคนหนึ่งของซุ่นที่มีชื่อว่า กุ้ยหมาน ได้รับใช้จักรพรรดิอู่อ๋อง ช่วยพระองค์บุกเบิกแผ่นดิน โค่นล้มโจ้วอ๋องผู้เป็นทรราชย์ เพื่อเป็นรางวัลแด่ความดีความชอบของกุ้ยหมาน อู่อ๋องจึงพระราชทานเขตเฉิน ที่เป็นพื้นที่เล็กๆในมณฑลเหอหนานให้กุ้ยหมานเป็นเขตกินเมืองสืบทอดชั่วลูกหลานครับ
ลูกหลานชั้นหลังของกุ้ยหมาน จึงเอาคำว่าเฉิน มาใช้เป็นซื่อแทนสกุลของตนต่อมาและพัฒนากลายเป็นแซ่ในที่สุด ในกาลต่อมาแคว้นเฉินเกิดกลียุคชิงอำนาจกัน ลูกหลานบางส่วนก็เลยหลบหนีไปพึ่งพิงแคว้นข้างเคียงครับ บรรพชุนของซุนวูก็หนีมาสวามิภักดิ์แคว้นฉี และการเป็นเสนาอำมาตย์ของแคว้นฉีในที่สุด
สกุลเฉินจัดเป็น 1 ใน 4 ตระกูลอำมาตย์ใหญ่ของฉีครับ (ประกอบไปด้วย เฉิน, เกา, เป่า และหลวน) เนื่องจากมีลูกหลานมาก ลูกหลานบางคนทำความดีความชอบให้เจ้าแคว้นฉี ก็ได้รับการประทานแซ่หรือตำแหน่งต่างๆให้ ซึ่งราวๆ 2-3 ชั่วคนก่อนซุนวู บรรพบุรุษของเขาก็เปลี่ยนแซ่จากเฉินมาเป็นซุน (บางตำราว่า เปลี่ยนจากเฉินเป็นเถียนก่อน และค่อยกลายเป็นซุน)
ซุนวูในยามเยาว์ติดตามบิดาและญาติผู้ใหญ่ทำศึกหลายครั้ง สร้างความชอบแก่แคว้นฉี และได้เล่าเรียนตำราพิชัยสงครามโบราณหลายเล่มของแคว้นฉีอย่างเจนจัด (เช่นตำราพิชัยยุทธ์ไท่กง ที่เจียงไท่กงแต่งเอาไว้) อีกทั้งได้ศึกษาจากเถียนหย่างจวี ยอดขุนพลนามกระเดื่องแห่งยุคอีกด้วย (เถียงหย่างจวี หรือซือหม่าหย่างจวี เป็นผู้แต่งตำราพิชัยสงครามชื่อ กลศึกของซือหม่าหย่างจวี ครับ)ต่อมาด้วยการแนะนำของหวู๋จื่อซี ซุนวูก็ได้เข้ารับใช้หวู๋อ๋องเหอหลี และช่วยพระองค์เป็นใหญ่ในแผ่นดินครับ
แต่เมื่อหวู๋อ๋องเหอหลีสวรรคต หวู๋อ๋องฟูไชขึ้นแทน ซุนวูเกลียดชังนิสัยของฟูไช และเบื่อการเมืองในแคว้นหวู๋ จึงเร้นกายออกจากสังคม และหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อราว 496 ปีก่อนคริสตกาล
ทางด้านซุนปินนั้น ปรากฎตัวขึ้นในราวๆ 360-350 ปีก่อนคริสตกาลครับ เรื่องราวในตำนานนั้น มีประมาณว่า
ซุนปินเป็นหลานของซุนวู เติบโตในแคว้นฉี เมื่อถึงวัยหนุ่มก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของ หวางสี่ ฉายาปราชญ์หุบเขาปิศาจ (กุ้ยกู้จื่อ) ครับ ซึ่งในขณะนั้นหวางสี่มีศิษย์อยู่แล้วชื่อว่า ผังเจวียน ทั้งคู่เลยกลายเป็นเพื่อนเรียนด้วยกันครับ
ต่อมาผังเจวียนก็คำนับลาหวางสี่ลงจากเขา เพื่อไปแสวงหาความสำเร็จ พอผังเจวียนไปแล้ว หวางสี่ก็เรียกซุนปินเข้าพบ และบอกว่า "ผังเจวียนยังเรียนวิชากับข้าไปเจนจบ ก็รีบร้อนลงเขาไป เหลือเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นข้าจะสอนพิชัยสงครามของปู่ของเจ้าและกลศึกต่างๆที่ข้าทราบให้เจ้าจนหมดสิ้น จงตั้งใจเรียนให้ดี" ซุนปิน จึงเรียนวิชาการศึกกับหวางสี่บนเขาต่อมาครับ
ทางด้านผังเจวียน เมื่อลงจากดอยแล้ว ก็ไปถวายตัวกับเว่ยฮุ่ยหวางเจ้าแคว้นเว่ย อันแคว้นเว่ยนี้เดิมทีเคยเป็นเขตปกครองของอำมาตย์สกุลเว่ย 1 ใน 6 อำมาตย์ใหญ่แห่งแคว้นจิ้นครับ (ประกอบด้วย เว่ย, จ้าว, หาน, ฟ่าน, จื่อ และจงสิง) ในกาลต่อมาอำมาตย์ทั้ง 6 สกุลก็แย่งชิงอำนาจกัน กำจัดกันเองจนเหลือแค่สกุล เว่ย, หาน และจ้าว ภายหลังตระกูลเว่ยและหานก็รวมหัวกันล้มเจ้าแคว้นจิ้นลง เฉือนดินแดนไปแบ่งกัน ตั้งตัวเป็นสามนตราชเทียบเท่าเจ้าแคว้นครับ
แคว้นเว่ยในยุคต้นได้ผู้นำที่ปรีชาเช่น เหวินโหวและอู่โหว ทำให้มีคนเก่งมารับใช้มากมาย แคว้นเว่ยจึงเข้มแข็งกว่าใครเขาในช่วงต้นยุคจั้นกั๋ว พอตกถึงยุคของเว่ยฮุ่ยหวาง ก็เอาอย่างแคว้นฉู่ ประกาศตัวเป็นจักรพรรดิ (หวาง) กับเขาบ้างแบบไม่อายฟ้าอายดิน และตั้งหน้าตั้งตาขยายอำนาจต่อไปในภาคกลาง ดังนั้นผังเจวียนเข้าสวามิภักดิ์แคว้นเว่ย เรียกว่าอนาคตเขาก็เรืองรองครับ เพราะพอเว่ยฮุ่ยหวางได้ฟังนโยบายและแผนการรบของผังเจวียน ก็ตั้งเขาเป็นขุนพลและมอบอำนาจทหารให้ทันที ซึ่งผังเจวียนก็ช่วยแคว้นเว่ยทำศึกกับฉู่และฉิน เอาชัยมาได้
ต่อมาเว่ยฮุ่ยหวางก็อยากให้ผังเจวียนแนะนำเพื่อนฝูงมารับใช้พระองค์บ้าง ทางด้านผังเจวียนก็ทูลว่าพอดีมีศิษย์ร่วมสำนักชื่อว่าซุนปิน เก่งกาจแตกฉานในด้านกลยุทธ์ ถ้าได้เขามารับใช้แคว้นเว่ยจะครองแผ่นดินได้แน่ ว่าแล้วเว่ยฮุ่ยหวางก็เลยส่งคนไปเชิญซุนปินลงเขามาครับ
ทางด้านซุนปิน พอทราบว่าได้รับการแนะนำจากเพื่อนให้ไปรับใช้เว่ยอ๋อง ประกอบกับตนเรียนวิชาจากหวางสี่ได้เจนจัดแล้ว เลยไปคำนับขอลาอาจารย์ลงเขาบ้าง ทางด้านหวางสี่ก็เตือนซุนปินว่า ลงเขาไปให้ระวังให้ดี ผังเจวียนนั้นมีใจแคบริษยา จะทำอันตรายเจ้าได้
ซุนปินพอไปเข้าเฝ้าเว่ยฮุ่ยอ๋อง ก็เจรจาพาทีเป็นต่อยหอย ทำให้เว่ยฮุ่ยอ๋องเลื่อมใสเขามากครับ และแต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษาพร้อมทั้งประทานรางวัลมากมาย ซึ่งนั่นทำให้ผังเจวียนเริ่มอิจฉาซุนปินว่า จะมาแย่งความดีความชอบของตนเสียแล้ว
ดังนั้น ผังเจวียนเลยวางแผนใส่ร้ายซุนปินครับ โดยหาว่าเขาเป็นสายของแคว้นฉี (เพราะซุนปินมีญาติอยู่ในแคว้นฉีเยอะ แถมสกุลเถียนที่เป็นฉีอ๋องรุ่นปัจจุบัน นับๆกันไปก็มาจากรากเดียวกับสกุลซุน คือเคยมีบรรพชนแซ่เฉินเหมือนกัน) ในตอนนั้นแคว้นฉีถือว่าเป็นคู่แข่งอิทธิพลสำคัญของเว่ยครับ ทำให้เว่ยฮุ่ยอ๋องระแวงซุนปินมาก และไม่ค่อยเรียกใช้เขาอีก ต่อมาผังเจวียนก็จับซุนปินไปขังไว้ จัดการตัดกระดูกหัวเข่าของซุนปินทิ้งเพื่อให้เขาเดินไม่ได้ และทิ้งเอาไว้ในคอกม้าครับ งานนี้ซุนปินเลยแค้นผังเจวียนสุดๆ เพราะเพื่อนรักหักเหลื่อมโหดกันแล้ว แต่ตอนนี้ซุนปินยังไม่มีอำนาจอะไร เลยต้องทนเป็นนักโทษของผังเจวียนไปก่อนรอคอยโอกาส....เวลาผ่านไปหลายเดือน ซุนปินก็วางแผนให้ผังเจวียนตายใจ โดยการแสร้งทำว่าเสียสติครับ ขนาดเอาอาจมตัวเองมาเล่นหรือหยิบใส่ปากได้เฉยเลย ทำให้ผังเจวียนและผู้คุมนักโทษเห็นว่า ซุนปินคงจะบ้าจริงๆ ก็เลยไม่ค่อยสนใจเขาเหมือนช่วงแรกๆอีก
วันหนึ่งมีคณะทูตจากแคว้นฉีมาเฝ้าเว่ยฮุ่ยอ๋อง ซุนปินก็ติดสินบนผู้คุมให้ช่วยปล่อยปละละเลยเขาสักครู่ และซุนปินก็แอบคลานไปพบกับทูตแคว้นฉี ระบายความในใจและขอให้ทูตแคว้นฉีพาหนีออกไปโดยซ่อนตัวในเครื่องบรรณาการตอบแทน ที่เว่ยอ๋องส่งไปถวายฉีอ๋องครับ
พอซุนปินไปถึงแคว้นฉี ก็ได้เข้าพบเถียนจี้ แม่ทัพคนหนึ่งของแคว้นฉี จากการพูดคุยทั้งคู่ถูกใจกันมาก เลยคบหาเป็นเพื่อนสนิทกัน และซุนปินก็อาศัยกินอยู่ในจวนของเถียนจี้นั้นแล วันหนึ่ง เถียนจี้พาซุนปินไปชมการพนันแข่งม้าครับ แต่ม้าของเถียนจี้แพ้บ่อยๆ และเสียเงินพนันทุกที ซุนปินสังเกตไม่นานก็มองออกว่า ม้าแข่งมี 3 เกรดคือ ม้าชั้นดี, ม้าชั้นกลาง และม้าชั้นเลว เลยเสนอให้เถียนจี้วางพนันม้าแบบ แข่ง 3 รอบ ชนะ 2 ใน 3 ถือว่าได้เงินไป และให้เถียนจี้เอาม้าชั้นเลวไปแข่งกับม้าชั้นดีของฝ่ายตรงข้าม, เอาม้าระดับกลางไปชนกับม้าชั้นเลว และม้าชั้นดีชนกับม้าชั้นกลาง ทำให้เถียนจี้เอาชนะการพนันได้เงินกลับไปมากมาย ยิ่งเพิ่มความเลื่อมใสของเถียนจี้ที่มีต่อซุนปินเป็นเท่าทวี
354 ปีก่อนคริสตกาล กองทัพเว่ยก็บุกแคว้นจ้าวครับ เพื่อตอบโต้ที่แคว้นจ้าวส่งทูตไปแคว้นฉู่ แถมยังรุกรานแคว้นจงซานของเว่ยอีก (อันที่จริง เว่ย-หาน-จ้าว 3 แคว้นนี้เป็นพันธมิตรกับมายาวนาน เพราะต่างแตกมาจากแคว้นจิ้นเหมือนกัน ช่วงแรกๆของยุคจั้นกั๋วก็ช่วยกันรบกับศัตรูอย่าง ฉู่และฉินประจำ แต่พอตอนหลังแคว้นเว่ยเข้มแข็งกว่าใครเขา ก็ชักจะไม่เห็นเพื่อนบ้านในสายตา ทำให้หานและจ้าวเริ่มตีจากเว่ยไปสร้างสัมพันธ์กับแคว้นอื่นแทนครับ)
เว่ยฮุ่ยอ๋องตั้งผังเจวียนเป็นแม่ทัพไปตีแคว้นจ้าวและ กองทัพของผังเจวียนบุกได้เหมือนผ่าไม้ไผ่ครับ ไม่กี่เพลาก็บุกล้อมหานตาน เมืองหลวงของแคว้นจ้าวได้ ทำให้แคว้นจ้าวต้องส่งทูตไปขอความช่วยเหลือจากฉีและฉู่
ทางด้านฉีเวยอ๋อง นั้น อยากจะแผ่ขยายอำนาจมานานครับ คราวนี้เป็นโอกาสดีที่จะสร้างบุญคุณกับแคว้นจ้าว เลยระดมเหล่าขุนศึกมาปรึกษากันว่า ใครจะนำทัพไปช่วยแคว้นจ้าวดี ทำให้เถียนจี้ได้โอกาสเสนอให้ซุนปินนำทัพครับ แต่ซุนปินก็ทูลปฏิเสธฉีอ๋องไป เพราะตนเดินเหินไม่สะดวก แถมเป็นนักโทษจากแคว้นเว่ย เกรงว่าทหารจะไม่ศรัทธา เลยขอให้เถียนจี้เป็นแม่ทัพและตนเป็นที่ปรึกษาร่วมไปดีกว่า
กองทัพฉีก็ยกออกไปในปี 354 ก่อนคริสตาลครับ แต่ซุนปินเสนอให้เถียนจี้บุกเข้าแคว้นเว่ยดีกว่า เพราะหากยกขึ้นเหนือข้ามแม่น้ำไปตีแคว้นจ้าว ก็ต้องปะทะกับกองทัพของผังเจวียนตรงๆ สู้ยกเข้าตีแคว้นเว่ย บีบเข้าล้อมต้าเหลียง ก็จะทำให้ผังเจวียนต้องถอยทัพลงใต้มาเอง ซึ่งก็เป็นดังคาดครับ พอกองทัพฉีข้ามแนวป้องกันของเว่ยมาได้ เว่ยฮุ่ยอ๋องก็ต้องส่งราชโองการไปเรียกผังเจวียนถอนทัพมารักษาประตูบ้านแทน และกองทัพของผังเจวียนก็โดนกองทัพฉีลอบโจมตีที่กุ้ยหลิง เสียหายยับเยินไปไม่น้อยครับ
ปี 344 ก่อนคริสตกาล เว่ยฮุ่ยอ๋องจัดการประชุมเจ้าแคว้นขึ้น เพื่อดูทิศทางลมของเหล่าแคว้นพันธมิตรครับ (การจัดงานประชุมเหล่าเจ้าแคว้นนี่เหมือนเป็นประเพณีโบราณ ที่จัดขึ้นเพื่อให้เจ้าแคว้นต่างๆมาร่วมกันถวายความภักดีต่อจักรพรรดิโจวครับ และก็จะมีเจ้าแคว้นที่เข้มแข็งที่สุด ได้กรีดเลือนดื่มเหล้าสาบานตนว่าจะภักดีต่อจักรพรรดิโจว คนทีได้กรีดเลือดสาบานคนแรก ก็เสมือนเป็นประมุขหรือประธานแห่งเหล่าแคว้นทั้งปวง เป็นการประกาศอำนาจเหนือชาวบ้านโดยเอาจักรพรรดิโจวที่ไร้อำนาจมาอ้างได้) คราวนี้มีพวกแคว้นเล็กๆใหญ่ๆส่งคนมาร่วมมากมาย ทั้งแคว้นจงซาน, แคว้นเจิ้ง, แคว้นซ่ง, แคว้นฉิน, แคว้นจ้าว, แคว้นเหวย ขาดแต่เจ้าแคว้นหานที่ไม่ยอมมาร่วมครับ นั่นเท่ากับว่า แคว้นหานประกาศตัวเป็นศัตรูกับเว่ยแล้ว ดังนั้นในปีที่ 342 ก่อนคริสตกาล กองทัพเว่ยนำโดยผังเจวียนก็บุกแคว้นหานทันที
งานนี้แคว้นหานก็เลยขอความช่วยเหลือไปยังแคว้นฉีและจ้าวที่เป็นพันธมิตรครับ ซึ่งแคว้นฉีก็ออกโรงเหมือนเดิม โดยส่งเถียนจี้และซุนปินไปช่วยแคว้นหาน และซุนปินก็เล่นแผนคล้ายๆเดิมคือ บุกตีต้าเหลียง เพื่อดึงกองทัพของผังเจวียนที่ล้อมแคว้นหานขึ้นเหนือมาครับ ทางด้านผังเจวียนก็คาดว่าซุนปินจะเล่นแผนนี้เหมือนกัน ก็เตรียมการรับมือไว้ พอกองทัพฉีข้ามแนวป้องกันของเว่ยมา กองทัพของผังเจวียนก็รีบถอนขึ้นเหนือมาเตรียมปะทะทันทีครับ
แต่ซุนปินวางแผนอีกชั้น โดยทำการถอยทัพหนีทัพเว่ยที่บุกตามตีมา และจัดการให้ทหารลดจำนวนเตาไฟที่ใช้หุงหาอาหารลง เพื่อหลอกกองทัพเว่ยว่า ทหารฉีมีไพร่พลน้อยลงเรื่อยๆจากการหนีทัพ นั่นยิ่งทำให้ผังเจวียนระดมพลตามตีอย่างรีบร้อนมากขึ้น จนถูกซุนปินล่อเข้าไปที่ดอยหม่าหลิง และล้อมสังหารผังเจวียนทำลายทัพเว่ยพินาศลงครับ
จากการพ่ายแพ้ที่ดอยหม่าหมิงของเว่ยนี้เอง ทำให้เว่ยฮุ่ยอ๋องต้องปิดฉากความยิ่งใหญ่ของแคว้นเว่ย และการเป็นประธานของเหล่าเจ้าแคว้นลง ในอีกหลายปีต่อมา เมื่อฉีเวยอ๋องจัดงานประชุมเจ้าแคว้นบ้าง เว่ยฮุ่ยอ๋องก็ต้องยอมส่งคนไปร่วม กรีดเลือดสาบานตามแคว้นฉีครับ และผลจากตกต่ำของเว่ยนี่ก็เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์จีนไปอีกนับร้อยปี เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ฉินแผ่ขยายอำนาจมาทางตะวันออกได้สะดวกมากขึ้น จนพิชิตแผ่นดินได้ในที่สุด
ทางด้านซุนปิน ภายหลังจากศึกนี้ เขาก็หลบลี้หนีหายไปจากประวัติศาสตร์ ทิ้งเอาไว้แต่เพียงตำราพิชัยสงครามซุนปินครับ
แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 54 11:07:14
จากคุณ |
:
digimontamer
|
เขียนเมื่อ |
:
17 มิ.ย. 54 11:02:55
|
|
|
|
|